รถยนต์ของมิสเตอร์คลาร์กแล่นฝ่าความมืดมิดของค่ำคืนในลอนดอน ทิ้งห่างขบวนรถไฟที่กำลังมุ่งหน้าสู่ความมืดมิดและสถานีตำรวจที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย เบ็นและเอดิสันต่างอยู่ในสภาพที่บาดเจ็บหนัก เลือดไหลซึมจากบาดแผลของทั้งคู่ไม่หยุด ส่วนเมรี่ เฟรเดอริค และเลดี้อลิซาเบธก็มีรอยถลอกและบาดแผลเล็กน้อยเต็มตัว
"เราจะไปไหนกันครับ?" อเล็กซานเดอร์ถาม "คลินิกใต้ดินของหมอเจเน็ต" มิสเตอร์คลาร์กตอบ "เป็นที่เดียวที่พวกเจ้าจะปลอดภัยจากท่านบารอนเวย์แลนด์" ใบหน้าของมิสเตอร์คลาร์กดูเหนื่อยล้า แต่แววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น "ข้าเป็นคนทรยศต่อพวกเจ้ามาตลอด แต่ตอนนี้...ข้าอยากจะไถ่บาปในสิ่งที่ข้าทำลงไป" เมรี่มองไปที่มิสเตอร์คลาร์กด้วยความเข้าใจ เธอรู้ว่าเขาถูกหลอกใช้ และตอนนี้เขาก็กำลังจะกลับตัวกลับใจ ไม่นานนัก พวกเขาก็มาถึงช่องทางลับใต้สะพานที่เบ็นเคยพาพวกเขาไป คลินิกใต้ดินของหมอเจเน็ตยังคงเงียบสงบและปลอดภัย "เบ็น! เอดิสัน!" หมอเจเน็ตร้องด้วยความตกใจเมื่อเห็นสภาพของทั้งสองคน "เกิดอะไรขึ้น!" เธอรีบพาพวกเขาไปที่ห้องผ่าตัดทันที "ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะได้รับบาดเจ็บกันทุกคนเลยนะ" เธอเหลือบมองไปที่มิสเตอร์คลาร์ก "และดูเหมือนว่าจะมีเพื่อนใหม่มาเพิ่มด้วย" "ฉันขอโทษค่ะที่ทำให้พวกคุณต้องวุ่นวาย" เมรี่กล่าวด้วยความรู้สึกผิด "ไม่เป็นไรหรอกจ้ะหนู" หมอเจเน็ตตอบ "พวกหนูกำลังทำสิ่งที่ดี และฉันก็ยินดีที่จะช่วย" หมอเจเน็ตใช้เวลาหลายชั่วโมงในการผ่าตัดเอาหัวกระสุนออกจากแขนของเบ็น และรักษาอาการบาดเจ็บที่ขาของเอดิสัน เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น ทั้งสองคนก็ถูกย้ายไปพักฟื้นในห้องพักที่จัดเตรียมไว้ให้ คดีใหม่ที่เข้ามาท้าทาย เมรี่และทีมพักฟื้นอยู่ที่คลินิกใต้ดินเป็นเวลาหลายวัน เพื่อรอให้ร่างกายของทุกคนฟื้นตัว เอดิสันยังคงต้องพักผ่อนบนเตียง ส่วนเบ็นก็กำลังฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว "รู้สึกดีขึ้นไหมครับคุณเอดิสัน?" เมรี่ถามด้วยความเป็นห่วง "ดีขึ้นมากครับมิสแบล็ควู้ด" เอดิสันตอบ "ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยชีวิตผมไว้" ในขณะที่ทุกคนกำลังพักฟื้นอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีชายคนหนึ่งวิ่งเข้ามาในคลินิกด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก "หมอเจเน็ต! ผมต้องการความช่วยเหลือครับ!" ชายคนนั้นกล่าว "น้องสาวของผมหายตัวไปครับ!" ทุกคนในห้องหันไปมองชายคนนั้นด้วยความสงสัย "ใจเย็นๆ นะคะคุณจอห์น" หมอเจเน็ตกล่าว "เกิดอะไรขึ้นกันแน่?" จอห์นมองไปที่เมรี่และทีม "ผมขอโทษที่ต้องรบกวนในยามนี้ แต่...น้องสาวของผม มิสซิงเกอร์ หายตัวไปแล้วครับ!" เมรี่จำชื่อนั้นได้ทันที! มิสซิงเกอร์คือหญิงสาวผู้หนึ่งที่เคยช่วยพวกเขาถอดรหัสปริศนาในหอสมุด! "เธอหายตัวไปตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?" เมรี่ถาม "เมื่อคืนนี้ครับ" จอห์นตอบ "เธอโทรมาหาผมและบอกว่าเธอได้ค้นพบสิ่งบางอย่างที่น่าตกใจเกี่ยวกับ 'สมาคมโบราณคดีลอนดอน' และหลังจากนั้นไม่นาน...เธอก็หายตัวไป!" เลดี้อลิซาเบธเบิกตากว้าง "สมาคมโบราณคดีลอนดอนอย่างนั้นหรือคะ?" "ใช่ครับ" จอห์นตอบ "เธอได้รับจดหมายลึกลับที่เขียนด้วยภาษาโบราณ เธอพยายามที่จะแปลมัน และเธอก็หายตัวไปหลังจากนั้นไม่นาน!" อเล็กซานเดอร์มองไปที่เมรี่ "นี่อาจจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญนะเมรี่" เฟรเดอริคพยักหน้าเห็นด้วย "ดูเหมือนว่า 'เงาแห่งลอนดอน' จะรู้ว่ามิสซิงเกอร์ได้ค้นพบอะไรบางอย่างที่สำคัญ" มิสเตอร์คลาร์กที่นั่งเงียบอยู่ด้านหลัง ได้ยินเรื่องราวทั้งหมด เขาก็พูดขึ้นมาว่า "สมาคมโบราณคดีลอนดอน...เป็นสมาคมที่อยู่ภายใต้อำนาจของท่านบารอนเวย์แลนด์ครับ" "นั่นไงครับ!" เอดิสันกล่าว "พวกเขากำลังตามล่าทุกคนที่รู้ความลับของพวกเขา!" เมรี่มองไปที่ทุกคน "เราต้องช่วยมิสซิงเกอร์ค่ะ! เธอช่วยเราไว้ เราก็ต้องช่วยเธอ!" เบาะแสที่ซ่อนอยู่ในคำโบราณ พวกเขาตัดสินใจที่จะเริ่มสืบสวนคดีการหายตัวไปของมิสซิงเกอร์ทันที แม้ว่าร่างกายจะยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ก็ตาม "เราต้องไปที่บ้านพักของมิสซิงเกอร์ก่อนครับ" อเล็กซานเดอร์กล่าว "บางทีอาจมีเบาะแสที่เธอทิ้งไว้" จอห์นพาพวกเขาไปที่บ้านพักของมิสซิงเกอร์ เป็นบ้านหลังเล็กๆ ที่อบอุ่นและเต็มไปด้วยหนังสือ "เธอเป็นคนรักการอ่านและรักประวัติศาสตร์มากครับ" จอห์นกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย เมรี่และทีมเดินสำรวจไปทั่วบ้าน ห้องทำงานของมิสซิงเกอร์เต็มไปด้วยหนังสือและเอกสารต่างๆ มีกระดาษแผ่นหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะทำงานของเธอ มันเป็นกระดาษที่เขียนด้วยภาษาโบราณที่เมรี่ไม่เคยเห็นมาก่อน "นี่คือจดหมายที่เธอได้รับมาใช่ไหมคะ?" เมรี่ถาม "ใช่ครับ" จอห์นตอบ "ผมไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอะไร" เมรี่มองไปที่ตัวอักษรโบราณนั้นอย่างตั้งใจ เธอรู้สึกว่ามันคุ้นเคยอย่างประหลาด ราวกับว่าเธอเคยเห็นมันมาก่อน "มันคือ ภาษาของนักเล่นแร่แปรธาตุ ครับ" เอดิสันกล่าวขึ้น "เป็นภาษาที่ใช้ในการสื่อสารในสมัยโบราณ" "คุณอ่านมันได้หรือคะ?" เมรี่ถามด้วยความประหลาดใจ "ผมเคยศึกษามาบ้างครับ" เอดิสันตอบ "แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะแปลมัน" อเล็กซานเดอร์และเฟรเดอริคช่วยกันค้นหาเบาะแสอื่นๆ ในบ้าน และในที่สุด อเล็กซานเดอร์ก็พบกับสมุดบันทึกเล่มหนึ่งของมิสซิงเกอร์ที่ถูกซ่อนไว้ใต้เตียง "นี่ไงครับ!" อเล็กซานเดอร์กล่าว "สมุดบันทึกของเธอ!" สมุดบันทึกนั้นเต็มไปด้วยข้อความที่เขียนด้วยลายมือของมิสซิงเกอร์ เธอได้บันทึกสิ่งที่เธอค้นพบเกี่ยวกับ 'สมาคมโบราณคดีลอนดอน' และ 'เงาแห่งลอนดอน' "เธอเขียนว่าเธอได้ค้นพบ 'กุญแจสู่มรดก' ที่ถูกซ่อนไว้ในสถานที่แห่งหนึ่งในลอนดอน" เฟรเดอริคอ่านออกเสียง "สถานที่แห่งนั้นถูกปกป้องด้วยรหัสลับและสิ่งลี้ลับบางอย่าง" "มันคืออะไรกันแน่คะ?" เลดี้อลิซาเบธถาม "ผมไม่แน่ใจครับ" เฟรเดอริคตอบ "แต่เธอบอกว่ามันเกี่ยวข้องกับ 'นาฬิกาแห่งกาลเวลา' " เมรี่เบิกตากว้างเมื่อได้ยินคำว่า 'นาฬิกาแห่งกาลเวลา' เธอนึกถึงหอนาฬิกาบิ๊กเบน และแผนผังอุโมงค์ใต้ดินที่ได้มา "มันต้องเกี่ยวข้องกับบิ๊กเบนแน่ๆ ค่ะ!" เมรี่กล่าว "เราต้องไปที่นั่น!" กับดักที่รออยู่ พวกเขาออกเดินทางไปยังหอนาฬิกาบิ๊กเบนทันที แม้ว่าอาการบาดเจ็บจะยังไม่หายดีก็ตาม พวกเขาขับรถไปตามถนนที่เงียบสงัดของลอนดอน โดยมีจอห์น ผู้เป็นพี่ชายของมิสซิงเกอร์ร่วมเดินทางไปด้วย "คุณแน่ใจนะครับว่านี่ไม่ใช่กับดักอีก?" จอห์นถามด้วยความเป็นกังวล "เราต้องเสี่ยงครับ" เมรี่ตอบ "เราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว" เมื่อมาถึงหอนาฬิกาบิ๊กเบน พวกเขาก็พบว่าบริเวณนั้นเงียบสงัดเกินไป ไม่มีผู้คนพลุกพล่านเหมือนปกติ "มันเงียบเกินไปครับ" เอดิสันกล่าว "ผมรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากล" แต่พวกเขาก็เดินเข้าไปในหอนาฬิกาอย่างระมัดระวัง พวกเขาปีนบันไดขึ้นไปอย่างช้าๆ ผ่านห้องต่างๆ ที่เต็มไปด้วยกลไกและเฟืองขนาดใหญ่ที่กำลังทำงานอยู่ "ดูนั่นสิครับ!" อเล็กซานเดอร์ชี้ไปที่กำแพง กำแพงนั้นมีรอยร้าวเล็กๆ ที่มีแสงสว่างส่องลอดเข้ามาจากด้านใน "ทางลับครับ!" เฟรเดอริคกล่าว พวกเขาเดินเข้าไปในรอยร้าว และพบกับทางเดินแคบๆ ที่นำไปสู่ห้องลับห้องหนึ่ง ภายในห้องนั้นเต็มไปด้วยนาฬิกาโบราณขนาดต่างๆ และมีนาฬิกาเรือนหนึ่งที่ใหญ่ที่สุดตั้งอยู่ตรงกลางห้อง "นี่แหละครับ 'นาฬิกาแห่งกาลเวลา'!" เมรี่กล่าว แต่แล้ว จู่ๆ ประตูก็ปิดลง และมีเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจากด้านหลัง "น่าประทับใจจริงๆ ที่พวกเจ้ามาถึงที่นี่ได้" เสียงนั้นกล่าว "แต่พวกเจ้าก็มาช้าเกินไปแล้ว!" ท่านบารอนเวย์แลนด์ปรากฏตัวขึ้นจากเงามืด ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มที่น่าขนลุก และมือของเขาก็กุมบาดแผลที่ถูกมีดสั้นแทงไว้ "คุณรอดมาได้อย่างไร!" เมรี่อุทานด้วยความตกใจ "ข้ามีพลังมากกว่าที่เจ้าคิดนัก!" ท่านบารอนเวย์แลนด์กล่าว "และข้าก็ได้ 'กุญแจสู่มรดก' มาแล้ว!" เขาชูจดหมายที่เขียนด้วยภาษาโบราณขึ้นมา "ข้าจะใช้มันเพื่อปลดล็อกพลังของ 'นาฬิกาแห่งกาลเวลา' และควบคุมเวลาทั้งลอนดอน!" เมรี่มองไปที่ท่านบารอนเวย์แลนด์ด้วยความตกตะลึง เธอรู้ว่าหากเขาทำสำเร็จ ทุกสิ่งทุกอย่างในลอนดอนก็จะตกไปอยู่ภายใต้อำนาจของเขา!สองสัปดาห์ผ่านไปนับตั้งแต่การล่มสลายของ 'กาลเวลา' องค์กรลับที่เคยบงการโลกเบื้องหลังฉาก เมรี่และทีมกลับมาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอีกครั้งในลอนดอน แม้จะมีชื่อเสียงในฐานะวีรบุรุษผู้กอบกู้ แต่พวกเขาก็เลือกที่จะเก็บตัวและใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้ หมอเจเน็ตยังคงดูแลคลินิกใต้ดินของเธอ มิสเตอร์คลาร์กได้กลับไปใช้ชีวิตในฐานะผู้จัดการสำนักพิมพ์ที่ซื่อสัตย์ ส่วนนักสืบโธมัสก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งและเป็นที่ยอมรับมากขึ้นในวงการตำรวจเช้าวันหนึ่งที่สดใส เมรี่กับเฟรเดอริคตัดสินใจออกมาเดินเล่นที่ตลาดนัดคอเวนต์การ์เดน ซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนพลุกพล่าน เสียงดนตรีจากนักแสดงข้างถนนดังคลอเคลียกับเสียงหัวเราะของผู้คนที่เดินจับจ่ายซื้อของ บรรยากาศดูผ่อนคลายและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา"นี่แหละชีวิตที่แท้จริง!" เฟรเดอริคกล่าวพร้อมกับสูดหายใจลึกๆ "ไม่ต้องมีเรื่องวุ่นวาย ไม่ต้องมีองค์กรลับมาตามล่า"เมรี่ยิ้ม เธอเห็นด้วยกับพี่ชายอย่างเต็มที่ แต่ในใจลึกๆ เธอก็ยังรู้สึกถึงความว่างเปล่าบางอย่าง...ราวกับว่าชีวิตที่ไร้ความตื่นเต้นมันไม่ใช่สิ่งที่เธอโหยหาอีกต่อไปขณะที่พวกเขากำลังเลือกซื้อดอกไม้อยู่ จู่ๆ ก็มีเสียงระเ
เสียงสัญญาณเตือนภัยดังลั่นไปทั่วศูนย์บัญชาการลับขององค์กร 'กาลเวลา' แสงไฟสีแดงกะพริบไปมา สร้างบรรยากาศที่ตึงเครียดและอันตรายยิ่งกว่าเดิม เมรี่และทีมต้องเผชิญหน้ากับท่านลอร์ดวิลเลียมส์และเหล่า 'ยมทูต' ที่พุ่งเข้ามาจากทุกทิศทาง"พวกแกไม่มีทางทำลาย 'แกนกลาง' ของข้าได้หรอก!" ท่านลอร์ดวิลเลียมส์คำราม "ข้าได้เตรียมการทุกอย่างไว้แล้ว!"เขากดปุ่มบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในข้อมือของเขา และทันใดนั้นเอง กำแพงเหล็กขนาดใหญ่ก็เลื่อนลงมาปิดกั้นทางเข้าออกทุกทาง ทำให้พวกเขาติดอยู่ในห้องควบคุมแห่งนี้"ไม่นะ!" เฟรเดอริคอุทาน "เราติดกับแล้ว!""ไม่ต้องห่วงครับ!" มิสเตอร์คลาร์กกล่าว "ผมรู้ทางออกครับ!"เขาชี้ไปที่ช่องระบายอากาศขนาดเล็กที่อยู่บนเพดาน "เราต้องเข้าไปในนั้น!"แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้ทำอะไร ท่านลอร์ดวิลเลียมส์ก็พุ่งเข้ามาโจมตีพวกเขาอย่างรวดเร็ว เขามีพละกำลังและความว่องไวที่เหนือกว่ามนุษย์ทั่วไปราวกับว่าเขามีพลังงานบางอย่างที่มองไม่เห็นคอยเสริม"แกจะต้องเป็นคนแรกที่ตาย!" ท่านลอร์ดวิลเลียมส์คำรามใส่เมรี่เมรี่หลบการโจมตีของเขาได้อย่างหวุดหวิด เธอใช้มีดสั้นป้องกันตัวเองจากคมมีดของท่านลอร์ดวิลเลียมส์ที่พุ่งเ
รถยนต์ของมิสเตอร์คลาร์กแล่นฉวัดเฉวียนไปตามถนนในลอนดอนอย่างรวดเร็ว โดยมีรถของหัวหน้าใหญ่แห่ง 'ยมทูต' เป็นเป้าหมาย พวกเขาขับผ่านผู้คนและรถยนต์คันอื่นๆ อย่างไม่ลดละ การไล่ล่าดำเนินไปอย่างดุเดือดท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายของมหานคร"เราต้องไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดครับ!" มิสเตอร์คลาร์กกล่าว "ก่อนที่พวกเขาจะไปถึงสำนักงานใหญ่ของพวกเขาได้!""สำนักงานใหญ่อยู่ที่ไหนคะ?" เมรี่ถามด้วยความสงสัย"มันอยู่ในใจกลางเมืองครับ" เอดิสันตอบ "เป็นที่ที่เราไม่คาดคิดว่าจะเจอเลย"ในที่สุด รถของ 'ยมทูต' ก็แล่นเข้าไปในอาคารสูงระฟ้าแห่งหนึ่งที่ดูเรียบง่าย แต่กลับมีระบบรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนาอย่างน่าตกใจ"นั่นไงครับ!" อเล็กซานเดอร์กล่าว "พวกเขาเข้าไปในนั้นแล้ว!""เราจะเข้าไปได้อย่างไรครับ?" เฟรเดอริคถาม "ระบบรักษาความปลอดภัยที่นั่นเข้มงวดมาก""เราไม่ต้องเข้าไปครับ" มิสเตอร์คลาร์กยิ้ม "เราจะใช้ทางลับ"เขาพาพวกเขาไปยังทางเข้าอุโมงค์ใต้ดินแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากอาคารนั้น มันเป็นทางเข้าที่ถูกปกปิดไว้อย่างมิดชิด จนแทบไม่มีใครสังเกตเห็น"อุโมงค์นี้จะนำเราไปสู่ทางเข
สองสัปดาห์หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายที่ลอนดอน ชีวิตของเมรี่และทีมก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง พวกเขาไม่ได้เป็นแค่นักสืบธรรมดาอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นวีรบุรุษผู้เปิดโปงองค์กรลับที่สั่นสะเทือนสังคมอังกฤษทั้งประเทศ ข่าวของพวกเขาถูกตีพิมพ์ลงบนหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ และชื่อของตระกูลแบล็ควู้ดก็กลับมาเป็นที่รู้จักอีกครั้งในฐานะนักสืบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคนี้เช้าวันหนึ่ง จดหมายฉบับหนึ่งจากราชสำนักได้ส่งมาถึงพวกเขา มันเป็นจดหมายเชิญให้พวกเขาไปรับรางวัลเกียรติยศที่พระราชวังบักกิงแฮม ในฐานะผู้ที่มีส่วนช่วยในการคลี่คลายคดีสำคัญของประเทศ"นี่มันเหลือเชื่อจริงๆ!" เฟรเดอริคกล่าวด้วยความตื่นเต้น "เราจะได้ไปพระราชวังบักกิงแฮม!""เราไม่ได้ไปเที่ยวครับพี่เฟรเดอริค" อเล็กซานเดอร์กล่าว "เราไปในฐานะผู้ได้รับเชิญให้ไปรับรางวัล"เมรี่มองไปที่จดหมายเชิญ เธอรู้สึกดีใจและภูมิใจในสิ่งที่พวกเขาทำลงไป แต่ในใจลึกๆ เธอก็ยังรู้สึกถึงความกังวลบางอย่างที่ไม่อาจทราบสาเหตุ"ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อมนะครับ" เอดิสันกล่าว "เราจะไปพระราชวังกันวันนี้"พวกเขาแต่งกายในชุดสูทและชุดราตรีที่ดูสง่างาม และนั่งรถม้าคันหรูที่ราชสำนักส่
ท้องฟ้าเหนือลอนดอนเป็นสีเทาหม่น แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องผ่านก้อนเมฆหนาทึบ บรรยากาศเงียบสงัดราวกับกำลังรอคอยบทสรุปของเรื่องราวที่ยืดเยื้อมานาน เมรี่และทีมยืนเผชิญหน้ากับท่านลอร์ดเอียน เกรย์ ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและอำมหิต"คิดว่าการจับกุมผู้การฟิลลิปส์จะหยุดย้าข้าได้งั้นหรือ!" ท่านลอร์ดเอียนกล่าว "ข้าคือ 'ท่านลอร์ดผู้สูงศักดิ์' ที่แท้จริง และพวกเจ้าทุกคนจะกลายเป็นเถ้าธุลีอยู่ตรงนี้!"เขาไม่ได้มาคนเดียว ชายฉกรรจ์ในชุดดำหลายคนปรากฏตัวขึ้นจากเงามืด รายล้อมพวกเขาไว้จากทุกทิศทาง"พวกแกมีกันแค่หกคน" ท่านลอร์ดเอียนเยาะเย้ย "จะสู้กับคนจำนวนมากอย่างพวกเราได้อย่างไร!""เราสู้เพื่อความถูกต้อง!" เมรี่ตะโกน "ความจริงจะเปิดเผยทุกอย่าง!""ความจริงอย่างนั้นหรือ!" ท่านลอร์ดเอียนหัวเราะ "ข้าคือความจริง! ข้าคือผู้กำหนดชะตากรรมของลอนดอน!"การต่อสู้ครั้งสุดท้ายเริ่มต้นขึ้นแล้ว!เบ็นกับเอดิสันที่อาการบาดเจ็บยังไม่หายดี พยายามเข้าจัดการกับลูกสมุนของท่านลอร์ดเอียนอย่างสุดกำลัง เฟรเดอริคกับอเล็กซานเดอร์ต่อสู้อย่างดุเดือดเพื่อปกป้องเลดี้อลิซาเบธ เมรี่คว้ามีดสั้นที่มิสเตอร์คลาร์กเก็บไว้ให้เ
รถยนต์ของมิสเตอร์คลาร์กจอดนิ่งอยู่ท่ามกลางความมืดมิดของยามค่ำคืน ผู้การฟิลลิปส์ยืนจ้องมองพวกเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความแค้น ใบหน้าของเขาดูเย็นชาและน่ากลัวยิ่งกว่าปีศาจเสียอีก"ส่งสมุดบันทึกนั่นมาให้ข้า!" ผู้การฟิลลิปส์คำราม "แล้วข้าจะไว้ชีวิตพวกแกทุกคน!""ไม่มีทางหรอก!" อเล็กซานเดอร์ตอบ เขาคว้าปืนพกที่เก็บซ่อนไว้ในรถขึ้นมาเล็งไปที่ผู้การฟิลลิปส์"คิดว่าปืนกระบอกเดียวจะทำอะไรข้าได้งั้นหรือ!" ผู้การฟิลลิปส์ยิ้มเยาะ "ข้ามีกำลังคนมากกว่าที่พวกแกคิดนัก!"ทันใดนั้นเอง ก็มีรถยนต์คันหนึ่งแล่นมาจอดข้างๆ ผู้การฟิลลิปส์ แล้วชายร่างใหญ่ในชุดสูทสีดำหลายคนก็ลงมาจากรถ"นี่ไง! พวกเขาทั้งหมดก็อยู่ที่นี่แล้ว!" หนึ่งในนั้นตะโกนสถานการณ์ดูเลวร้ายลงเรื่อยๆ เมรี่รู้ว่าพวกเขาตกอยู่ในวงล้อมแล้ว"เราต้องสู้ครับ!" เอดิสันกล่าว เขาพยายามพยุงตัวเองให้ยืนได้ด้วยขาที่บาดเจ็บ"เราจะสู้ด้วยกัน!" เลดี้อลิซาเบธกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยวการต่อสู้เกิดขึ้นอย่างดุเดือด!เฟรเดอริคและเบ็นพุ่งเข้าใส่ลูกสมุนของ 'เงาแห่งลอนดอน' อย่างรวดเร็ว พวกเขาต่อสู้กันอย่างไม่ลดละ ส่วนอเล็กซานเดอร์ก็ยิงปืนใส่คนร้ายอย่างแม่นยำเมรี่และเอดิสัน