“คุณปราณต์ปล่อยนะคะ” นัสรินร้องบอกออกไป พร้อมกับหอบหายใจอย่างเหนื่อยๆ เพราะต้องออกแรงสู้กับเขาสองยกติดๆ กัน
แทนที่จะปล่อย แต่ปราณต์กลับกวาดสายตามองเธอช้าๆ ตั้งแต่ริมฝีปากที่กำลังสั่นน้อยๆ กระทั่งไปหยุดมองอยู่ตรงหน้าอกอวบอิ่มที่สะท้อนขึ้นลงๆ จากแรงหายใจของเธอ เขาจ้องอยู่ตรงนั้นนานจนเธออับอายไปหมด
“ไม่ปล่อย นี่มันแค่เริ่มต้น”
“นัสขอร้องค่ะ นัสไม่ต้องการ”
“ไม่ต้องการเหรอ” ปราณต์เงยหน้าขึ้นจากการมองหน้าอกอวบคู่นั้น แล้วแนบใบหน้าลงมาจนปากเกือบชิดกัน จึงกลายเป็นว่าเขากระซิบอยู่ใกล้เรียวปากนุ่มแค่เส้นด้ายกั้น กลิ่นแอลกอฮอล์โชยคลุ้งมากับลมหายใจของเขา ทว่านัสรินกลับไม่นึกรังเกียจเลยแม้แต่นิด ตรงกันข้ามกลิ่นนั้นกลับแล่นเข้าไปกระตุ้นเร้าให้หัวใจของเธอเต้นแรง ราวกับกำลังจะทะลุออกมานอกอก
“ไม่ต้องการค่ะ” เธอปฏิเสธและเบือนหน้าหนีสายตาของเขา แค่ถูกกอดถูกจูบเธอยังสั่นไปหมด แต่ตอนนี้เธอกำลังถูกปราณต์นอนทับ สัดส่วนแทบจะทุกสัดส่วนแนบชิดกัน มีเพียงอาภรณ์ขวางกั้น แถมตอนนี้สายตาของเขาที่มองเธออย่างโกรธกรุ่นในตอนแรก ก็เปลี่ยนเป็นมองอย่างลุ่มลึกทว่าเจือไว้ด้วยไฟปรารถนาบางอย่าง คงเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ในเลือดเขานั่นเอง อารมณ์เขาถึงได้เปลี่ยนอย่างรวดเร็วขนาดนี้
“แต่ผมว่าคุณต้องการ”
ปราณต์ใช้มือข้างที่ว่างจับปลายคางมนบังคับให้หันหน้ามาตรงๆ เขาค่อยๆ โน้มหน้าลงมา ทำเอาเธอแทบจะลืมหายใจไปชั่วขณะ จนในที่สุดปากหยักได้รูปก็แนบประกบจูบไปบนเรียวปากของเธอ และฉกลิ้นเข้าไปกระหวัดพันลิ้นนุ่มของเธออย่างดูดดื่ม ทำเอานัสรินตัวสั่นสะท้านไปหมด
“อย่าค่ะ...คุณปราณต์...อย่า...นัสขอร้อง...”
เสียงหวานเอ่ยอย่างสั่นระริก เมื่อปราณต์ละปากไปที่พวงแก้ม รสชาติพิษจุมพิตเมื่อครู่นี้ยังกรุ่นอยู่แท้ๆ เธอจำได้ดีว่ามันทำให้เธอหมดเรี่ยวแรงไปมากแค่ไหน หากเขาทำเช่นนั้นอีกเธอต้องขาดใจตายแน่ๆ
“อย่าห้ามผม ผมมีสิทธิ์”
ปราณต์เงยหน้าขึ้นสบตาพร้อมกับประกาศสิทธิ์ของตัวเอง ก่อนจะก้มลงใหม่ ซุกใบหน้าจูบไซ้ไปตามซอกคอขาวละมุน มือข้างหนึ่งยังตรึงข้อมือเธอไว้ ทว่ามืออีกข้างกลับขยี้ขยำไปบนทรวงอกอย่างเมามัน เธอพยายามขอร้องวิงวอนให้เขาหยุด ทว่าเสียงนั้นกระท่อนกระแท่นและเบาลงๆ พร้อมกับที่สติซึ่งจะครองตัวไม่ให้หลุดเข้าไปในห้วงของความวาบหวามนั้นแทบจะไม่เหลือหรอ
นัสรินจำไม่ได้ว่าชุดนอนหลุดจากร่างไปตอนไหน แต่ที่จำได้ชัดก็คือความรู้สึกอันอุ่นซ่านวาบหวามตอนที่ปากและลิ้นสากหนาแตะต้องขบเม้มลงบนทรวงสาวอวบหยุ่น เธอรู้สึกเหมือนเลือดในกายไหลเวียนและเร่าร้อนขึ้นอย่างรวดเร็ว ร่างระทดระทวย ไร้ซึ่งความคิดที่จะขัดขืนใดๆ อีกต่อไป
เขาละมือข้างที่ตรึงข้อมือเธอออก แล้วขยับลงไปช่วยกันอีกข้าง เล่นงานอย่างหนักหน่วง เธอยกมือที่เป็นอิสระขึ้นมาวางบนไหล่หนา ตั้งใจว่าจะผลักให้ออกห่าง แต่กลับกลายเป็นกอดและกดเขาลงหานวลเนื้อนุ่มนิ่มของตนโดยไม่รู้ตัว
เสียงที่หลุดจากปากเธอหลังจากนั้น มันไม่ใช่เสียงห้าม หากกลับกลายเป็นเสียงหอบหายใจกระเส่าที่ราวกับเหน็ดเหนื่อย ทว่านัสรินรู้ดีว่านั่นไม่ใช่ มันเกิดจากความร้อนรุ่มวาบหวามจนเธอไม่อาจเปล่งเสียงอย่างอื่นได้ต่างหาก ถ้าจะมีเสียงอย่างอื่นที่ไม่ใช่เสียงหอบหายใจนั้น ก็คือเสียงหวีดร้องด้วยความเจ็บแน่นอึดอัดในตอนที่ปราณต์ล่วงล้ำเข้ามาในกายเธอเป็นครั้งแรก แต่มันก็เงียบไปแทบจะทันที เพราะปากถูกปราณต์ประกบจูบ ขณะที่ร่างกายส่วนอื่นๆ ของเขายังคงเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง
และหลังจากนั้นเมื่อปราณต์ปล่อยให้ปากอิ่มเต็มเป็นอิสระ เสียงที่หลุดออกมาก็กลับกลายเป็นเสียงครวญครางอันสุดเร่าร้อน จนนัสรินแทบไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นเสียงของตัวเอง
คลื่นแห่งความสุขสมระลอกแรกผ่านไป และปราณต์ก็ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นั้น เขายังเดินหน้าอย่างต่อเนื่องเหมือนกับเหนื่อยไม่เป็น ร่างใหญ่เคลื่อนไหวอยู่เหนือร่างของเธอด้วยความ ‘อึดทน’ อย่างที่เขาว่า มันเป็นการเสียสาวครั้งแรกแต่ไม่ใช่ครั้งเดียว นัสรินจำไม่ได้ว่าตัวเองได้รับรู้รสชาติความสุขสมอันท่วมท้นและหลากหลายนั้นกี่ครั้ง แต่ละครั้งล้วนรู้สึกเหมือนจะขาดใจ แต่ร่างกายกลับรับได้และโลดทะยานตามเขาไปทุกครั้งแม้จะบอบช้ำสุดๆ ก็ตาม
ความรู้สึกเสียดายตอนนั้นไม่มีแม้แต่นิด เพราะอย่างน้อยเธอก็ได้มอบสิ่งหวงแหนนี้ให้กับผู้ชายที่ตัวเองรัก แม้เขาจะไม่เคยรักหรือแม้จะมองเธอด้วยท่าทีอ่อนโยนเลยก็ตาม
ทุกสิ่งทุกอย่างจบสิ้นลงในตอนเกือบรุ่งสาง ปราณต์ลุกขึ้นแต่งตัวเช่นเดียวกับเธอ จากนั้นต่างคนต่างขึ้นห้องนอนของตัวเองไปเงียบๆ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้อะไรเปลี่ยนแปลงไป ถ้าจะมีก็มีเพียงร่างกายของเธอเท่านั้นที่ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ เธอก็ไม่ใช่สาวพรหมจารีอีกต่อไป เธอกับปราณต์ไปหย่ากันในตอนบ่าย และหลังจากที่เขากับเธอจรดปากกาลงบนกระดาษที่เรียกว่า ‘ใบหย่า’ เธอก็ตกอยู่ในสถานะการเป็นแม่หม้ายอย่างสมบูรณ์ทั้งทางพฤตินัยและนิตินัยทันที
บทที่ 89เสียงกริ่งหน้าบ้านที่ดังขึ้นอย่างถี่รัว ทำให้ร่างสูงใหญ่ที่กำลังนอนกอดตระกองภรรยาสาวอยู่ในอ้อมแขนอย่างมีความสุขต้องยันกายลุกขึ้น พลางมุ่นคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ ใครมากดกริ่งแบบนี้” นัสรินถามสามีอย่างพลอยตกใจไปด้วย เพราะตั้งแต่อยู่บ้านหลังนี้มาไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อน “เดี๋ยวผมไปดูก่อน นัสรออยู่นี่นะ” ปราณต์เดินออกไปชะเง้อดูที่ระเบียง แสงที่สาดสะท้อนมาจากไฟหน้าบ้าน ทำให้เขาเห็นได้ชัดว่าคนกดเป็นใคร หนำซ้ำคนกดยังส่งเสียงร้องเรียกเขาราวกับกำลังมีเรื่องร้อนใจสุดๆ อีกต่างหาก“พี่ปราณต์! พี่ปราณต์!”ร่างสูงกลับเข้าห้อง แล้วบอกภรรยาที่นั่งรออยู่บนเตียง เพื่อให้เธอคลายความกังวลว่าคนที่กำลังกดกริ่งหน้าบ้านและส่งเสียงเรียกเขาอยู่นั้นเป็นใคร“ตะวันน่ะ”บอกเสร็จปราณต์ก็ออกจากห้อง โดยมีนัสรินก้าวตามลงไป ทั้งสองเดินออกไปยังหน้าบ้านด้วยกัน และปราณต์ก็กดกุญแจรีโมตเปิดประตูรั้วให้รังสิมันต์“มีอะไรตะวัน”“พี่ปราณต์ต้องช่วยผมนะ เด็กคนนั้นโดนแก้วบาดมือ เลือดไหลเยอะมาก ตอนนี้เด็กนั่นอยู่ในรถผม” รังสิมันต์ไม่ได้เอ่ยชื่อของจันทริกาออ
บทที่ 88แสงไฟสีเหลืองอมส้มที่ส่องสว่างทั่วอาณาบริเวณของบ้านเดี่ยวสองชั้นหลังใหญ่ ยิ่งทำให้บ้านซึ่งถูกออกแบบและปลูกสร้างอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดูโดดเด่นสวยสะดุดตามากยิ่งขึ้นในยามค่ำคืนเช่นนี้ หากแต่ภายใต้ความสว่างไสวและสวยงามที่ห้อมล้อมบ้านหลังใหญ่ในยามนี้ คนเป็นเจ้าของกลับกำลังอยู่ในห้วงของอารมณ์ซึ่งสวนทางกับบรรยากาศอันแสนสวยงามของบ้านโดยสิ้นเชิง เพราะถูกครอบงำด้วยความโมโหต่อ ‘เด็กในปกครอง’ ที่หายตัวไปตั้งแต่ตอนบ่าย และป่านนี้แล้วก็ยังไม่กลับมาร่างสูงลุกขึ้นเดินไปมาสลับกับมาทรุดตัวลงนั่งบนโซฟา ซึ่งความหนานุ่มสมราคาของมันกลับไม่ได้ทำให้ความเดือดพล่านในอารมณ์ของรังสิมันต์ลดลงเลยแม้แต่นิด มือใหญ่สมสัดส่วนกับรูปร่างเอื้อมไปหยิบขวดวิสกี้ราคาแพงระยับมาเทลงบนแก้ว ก่อนจะกระดกน้ำสีอำพันนั้นลงไปในลำคอพรวดเดียวหมด จากนั้นก็กระแทกแก้วลงกับโต๊ะเพื่อระบายอารมณ์ โดยมี ‘เมสซี่’ แมวพันธุ์แร็กดอลล์ตัวโปรดนั่งอยู่บนโซฟาข้างๆ บ่อยครั้งที่ตาสีฟ้าของมันเหลือบมองเจ้านายตัวเอง และลุกขึ้นมาคลอเคลีย ตามประสาแมวขี้เล่น แต่พอรู้ว่าเจ้านายกำลังอารมณ์ไม่ดี มันก็กลับไปนั่งที่ของมันแล้วหมอบลงเงียบๆ อย่างไม่กล้าก
บทที่ 87“นั่งด้วยกันมั้ย” ปราณต์เอ่ยชวน“ไม่ดีกว่าครับ ไม่อยากเป็นก้างขวางคอคนที่กำลังอยู่ข้าวใหม่ปลามัน” รังสิมันต์ปฏิเสธก่อนจะหันไปทางกวินภพเพื่อหาพวก “จริงมั้ยวะอิสร์”“แกมันก็ชอบหาเรื่องกวนตีนชาวบ้านไปทั่ว” กวินภพไม่ได้เออออแต่พูดขัดคอขึ้นมาซะงั้น“เฮ้ย...แกเป็นนักธุรกิจพันล้านนะเว้ยอิสร์ พูดคำหยาบกวนตงกวนตีนแบบนี้ได้ไง เสียภาพพจน์นักธุรกิจหนุ่มหล่อมาดเนี๊ยบหมด”“แกมันบ้าว่ะตะวัน” หนุ่มกรุงเทพฯ ส่ายหน้ายิ้มๆ กับความเจ้าคารมและช่างกวนอารมณ์ชาวบ้านของรังสิมันต์“พี่ก็ว่างั้นละอิสร์”“เฮ้อ...ตอนแรกว่าจะไม่อยู่เป็นก้างขวางคอ เปลี่ยนใจดีกว่านั่งกับพี่ปราณต์เลยแล้วกัน” รังสิมันต์แกล้งกวนอารมณ์พี่ชายต่อ ด้วยการจะขยับเข้าไปนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่ แต่ยังไม่ทันได้นั่งนัสรินซึ่งไปเข้าห้องน้ำก็กลับมาเสียก่อน ทำให้ทั้งสองหนุ่มต้องหันไปทักทายกับหญิงสาวตามมารยาท“สวัสดีครับพี่สะใภ้” รังสิมันต์ทักทายขึ้นก่อนอย่างขี้เล่น ทำให้คนถูกทักเหวอแกมอายนิดๆ เพราะไม่ค่อยคุ้นกับคำเรียกแบบนั้นสักเท่าไหร่“สวัสดีค่ะ” เสียงหวานเอ่ยทักทายพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ เพราะประเมินว่าทั้งสองน่าจะอายุมากกว่าตน“ตะวั
บทที่ 86“แน่นอนสิที่รัก ถ้าไม่รู้ใจคุณแล้วผมจะเป็นผัวคุณได้ยังไง ว่าไงจะบอกหรือเปล่าว่าหมายถึงใคร”“นัสหมายถึงหมอเมย์ค่ะ” ในที่สุดนัสรินก็ยอมรับว่าเธอต้องการจะถามเขาว่าเคยพาเมธาวีมาที่นี่หรือไม่“ถ้าบอกว่าเคยล่ะ”“ก็ไม่แปลกใจค่ะ” ปากว่าไม่แปลกใจ หน้าก็ยังดูยิ้ม แต่แววตาและน้ำเสียงนั้นแปร่งไปจนฟังได้ชัด“คราวนี้จะยอมรับได้หรือยังหือว่าคุณหึงผมกับเมย์” คุณหมอผู้ลองใจเมียเริ่มต้อนให้เธอยอมรับความจริงกับเขาเสียที“ยอมรับก็ได้”“ทำไมถึงจำเพาะเจาะจงว่าเป็นเมย์”“ไม่รู้สิคะ อาจเป็นเพราะว่านัสเคยเห็นกับตาว่าคุณกับหมอเมย์สนิทสนมกันแค่ไหนมั้ง”“ผมไม่ได้คิดอะไรกับเมย์เกินกว่าน้องสาว สาบานได้เลย แต่ผมก็ดีใจนะที่รู้ว่าทำให้คุณหึง”“วันที่นัสไปตรวจที่คลินิกว่าท้องหรือเปล่า นัสเจอหมอเมย์ด้วยค่ะ เธอบอกว่าเธอเลิกกับคุณปราณต์แล้ว”“หือ...เลิกกัน?” ปราณต์เลิกคิ้วเข้มขึ้น “ฟังอะไรผิดหรือเปล่านัส”“เธอบอกแบบนั้นจริงๆ นะคะ แต่มาบอกทีหลังว่าเลิกหวังในตัวคุณแล้ว เพราะคุณรักคนอื่นอยู่” นัสรินเล่าให้ฟังตามความจริง พลางคิดถึงเหตุการณ์และสีหน้าของเมธาวีในวันนั้นอย่างจำได้แม่น“ขนาดเมย์ยังรู้ว่าผมรักใคร แล้วทำไม
บทที่ 85ปราณต์เป็นฝ่ายขยับมาถือกระเป๋าสะพายของภรรยาที่วางอยู่บนโต๊ะ พร้อมกับโอบเอวเล็กที่ตอนนี้ขยายขึ้นเล็กน้อย ทำให้นัสรินซึ่งยังงงอยู่เล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าคนทั้งสองจะรู้จักกันต้องขยับตาม แต่ก็ไม่ลืมที่จะร่ำลาหมอพัทธระตามมารยาทอันดี “ขอบคุณคุณหมอมากนะคะ เดี๋ยววันหลังนัสจะเตรียมสัญญามาให้เซ็น วันนี้นัสขอตัวก่อน” “ครับคุณนัสริน แล้วพบกันครับ” หญิงสาวยกมือขึ้นไหว้ จากนั้นก็ก้าวตามสามีออกไปขึ้นรถ ปราณต์เดินเงียบๆ แต่ยิ้มในหน้า ซึ่งจากประสบการณ์ที่อยู่ด้วยกันมาพักหนึ่ง ทำให้นัสรินพอจะรู้ว่าเวลาที่ปราณต์เป็นแบบนี้นั่นคือเขากำลังอยู่ในภาวะอารมณ์ดีแบบสุดๆ “ยิ้มอะไรนักหนาคะ พอใจมากหรือไง” นัสรินถามคนที่ซ่อนยิ้มในหน้าอย่างอดไม่ได้ จากสายตาและวาจาที่ฟังดูนุ่มละมุนผิดปกติของหมอพัทธระเมื่อครู่นี้ เธอก็พอจะรู้ว่าเขาคิดยังไงกับสามีของตน “ก็พอใจสิ” “แล้วเป็นไงคะ หมอพัทธระหล่ออย่างที่นัสบอกหรือเปล่า” “หล่อ...แต่ที่ฟังดูน้ำเสียงของนัสเหมือนกำลังหึงผมอยู่นะ อย่าหึงเลยน่า ผมชอบผู้หญิง” คราวน
บทที่ 84วันนี้เป็นวันครบรอบสามเดือนที่บริษัทส่งตัวนัสรินมาทำงานที่เชียงใหม่พอดี ซึ่งตามกำหนดเดิมเธอจะต้องกลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ และมีตัวแทนจากบริษัทคนใหม่มาทำงานแทนเธอ แต่จนป่านนี้ทางบริษัทก็ยังไม่ส่งใครมา แถมเธอยังต้องทำงานที่นี่ต่อ ซึ่งคราวนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่ทำชั่วคราวแล้ว หากแต่ต้องประจำอยู่ที่นี่อย่างถาวรนัสรินยังจำวันที่ตัวเองโทร.ไปแจ้งข่าวกับกิตติ ว่าเธอประสงค์จะลาออกจากงาน ตอนนั้นหัวหน้าของเธอดูเป็นเดือดเป็นร้อนมาก เพราะยังหาคนที่ทำงานเก่งอย่างเธอมาแทนยังไม่ได้ แต่เมื่อรู้ว่านัสรินจะลาออกไปแต่งงาน และอยู่ที่เชียงใหม่กับสามี กิตติก็ขอร้องให้เธอทำงานให้ต่อ โดยเสนอจะเพิ่มเงินเดือนให้ สุดท้ายนัสรินก็จำต้องรับปาก โดยไม่ต้องเพิ่มเงินเดือนให้เธอ ความจริงเธอไม่ได้อยากลาออกเลยสักนิด แต่ที่ต้องบอกหัวหน้าไปเช่นนั้น ก็เพราะปราณต์ขอร้องแกมบังคับ และเมื่อเขาได้รู้ว่าเธอตัดสินใจจะทำงานต่อ หมอหน้าหล่อก็งอนไปหลายวันเหมือนกันนัสรินออกมาจากออฟฟิศก่อนเวลาเลิกเงิน เพราะมีนัดกับลูกค้าซึ่งเป็นหมอของโรงพยาบาลเอกชน เรียวปากอิ่มคลี่ยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะเอ่ยปากขอตัวกับหมอหนุ่มที่ตัวเองกำลังคุยงานด้วยอย