พิธีเป็นไปอย่างเรียบง่าย มีเพียงคนของสองครอบครัวที่มาร่วมงาน เมื่อการสวมแหวนหมั้นผ่านพ้นไปด้วยดี ช่างภาพที่แม่เลี้ยงลักษิกาว่าจ้างเอาไว้ก็ถ่ายรูปรวมสองครอบครัวกับภาพคู่ของว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวเป็นที่ระลึก ยังถ่ายไม่ทันเสร็จดีจู่ๆ นัสรินก็ทรุดฮวบและพับลงไป เพราะถูกอาการหน้ามืดเล่นงานจนหมดสติ
“ว้าย! ตายแล้วยัยนัส”
ประโยคนั้นแม่ของนัสรินเป็นคนอุทานขึ้น ปรัชญ์ซึ่งยืนอยู่ใกล้ที่สุดเป็นคนย่อตัวลงไปช้อนอุ้มเอาร่างของคู่หมั้นสาวไปนอนยังโซฟา และปราณต์ขยับเข้าไปทรุดตัวนั่งลงใกล้ๆ เพื่อตรวจดูอาการเบื้องต้น
คุณหมอหนุ่มจับชีพจร พร้อมกับหันไปสั่งพนักงานโรงแรมให้นำกระเป๋าปฐมพยาบาลมาให้ เขาบอกกับทุกคนว่าไม่ต้องตกใจเพราะนัสรินเพียงแค่เป็นลม
ปราณต์ใช้เวลาปฐมพยาบาลคู่หมั้นของน้องชายได้ไม่นานนัสรินก็ค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาท่ามกลางความโล่งอกของทุกคน
“หนูนัสเป็นยังไงบ้าง” แม่เลี้ยงลักษิกาเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
“ค่อยยังชั่วแล้วค่ะคุณป้า”
“ป้าเป้ออะไรกัน ต่อไปต้องเรียกแม่ว่าแม่เหมือนตาปรัชญ์แล้วนะหนูนัส ว่าแต่เป็นลมแบบนี้บ่อยๆ เหรอลูก”
“เปล่าค่ะ นัสเพิ่งเป็นครั้งแรก”
“สงสัยจะตื่นเต้นจนกินไม่ได้นอนไม่หลับค่ะแม่เลี้ยง เมื่อวานยัยนัสทานข้าวยังกะแมวดม แถมเมื่อคืนก็นอนดึกและตื่นแต่เช้าอีก” คุณนิภาบอกถึงสาเหตุการเป็นลมครั้งนี้ของลูกสาวให้กับแม่เลี้ยงลักษิกาฟัง
“ก็คงเป็นธรรมดาของผู้หญิงเราค่ะ จะหมั้นจะแต่งก็ตื่นเต้นทั้งนั้น แต่วันแต่งตื่นเต้นกว่านี้อีกนะหนูนัส ถือซะว่าวันนี้เป็นการซ้อมก็แล้วกันนะ” พูดกับคนเป็นแม่เสร็จแม่เลี้ยงลักษิกาก็หันมาบอกว่าที่ลูกสะใภ้ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ค่ะคุณแม่” นัสรินเรียกแม่เลี้ยงลักษิกาตามที่แม่เลี้ยงอยากให้เรียกอย่างเด็กว่าง่าย นั่นยิ่งทำให้แม่เลี้ยงเอ็นดูหญิงสาวมากกว่าเดิม
“น่ารักจริง งั้นเราก็ควรพาหนูนัสไปทานอาหารนะคะ” แม่เลี้ยงลักษิกาชวนพลตรีชยุตกับคุณนิภา จากนั้นก็เดินนำทุกคนไปโต๊ะอาหารในห้องอาหารที่ทางโรงแรมจัดเตรียมไว้ให้
สองครอบครัวทานข้าวร่วมกันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย แต่ยังไม่ทันจะทานข้าวอิ่มดี ปราณต์ก็ถูกตามตัวด่วนจากโรงพยาบาล เพราะมีอุบัติเหตุใหญ่เกิดขึ้นทำให้หมอเวรรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นคนเดียวไม่ทัน
หลังจากปราณต์ไปแล้ว ธรินดาก็เหมือนไม่มีเพื่อนคุยไปโดยปริยาย เพราะแม่เลี้ยงลักษิกาคุยกับพ่อแม่ของนัสริน ส่วนปรัชญ์กับนัสรินก็คุยกันตามประสาคู่หมั้น ธรินดาจึงรวบช้อนและกระซิบขอตัวกับแม่ใหญ่เพื่อไปเดินเล่นที่สระน้ำของโรงแรม
แม้วันนี้จะเป็นวันหยุดแต่ก็เป็นช่วงโลว์ซีซัน แขกจึงเข้าพักในโรงแรมค่อนข้างน้อย และในตอนที่ธรินดาออกไปเดินเล่น ก็ไม่มีแขกมาใช้บริการสระว่ายน้ำของโรงแรมเลย จึงกลายเป็นว่าตอนนี้เธออยู่ท่ามกลางบรรยากาศอันแสนสงบและเย็นสบายของสถานที่แห่งนั้นคนเดียว
ร่างบางเดินเอื่อยๆ ไปตามขอบสระ และไปหยุดยืนกอดอกทอดสายตามองความใสแจ๋วของน้ำ หวังให้สายน้ำดูดดึงเอาความร้อนรุ่มบางอย่างที่คุกรุ่นอยู่ข้างในให้จางออกไปจากหัวใจดวงน้อยของตน
“อย่าบอกนะว่าเธอกำลังจะคิดสั้น”
เสียงที่ดังขึ้นทำให้ธรินดาสะดุ้งน้อยๆ พร้อมกับมองไปยังต้นเสียง เมื่อเห็นว่าเป็นใคร ปากอิ่มก็อุทานชื่อเขาออกมาอย่างเป็นอัตโนมัติ
“คุณปรัชญ์!” ธรินดาเตรียมจะเดินหนี เมื่อร่างสูงเดินมาหยุดอยู่ใกล้แค่เอื้อม ใช่...เขากับเธออยู่ใกล้แค่เอื้อมกันตลอดมา และเขาก็คือคนที่ทำให้เธอต้องหนีอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน
“เดี๋ยวก่อน จะไปไหน”
ต้นแขนกลมกลึงถูกมือแกร่งคว้าหมับเอาไว้ และดึงเธอให้หันมาเผชิญหน้ากันทันทีที่ธรินดาเดินผ่านหน้าเขาไปในลักษณะของคนที่กำลังหนีหน้า
“ปล่อยเล็กนะคะคุณปรัชญ์!” เสียงหวานร้องอุทธรณ์ และพยายามจะบิดแขนตัวเองออกจากพันธนาการของมือแกร่งทั้งๆ ที่รู้ดีอยู่แล้วว่าปรัชญ์ไม่มีทางปล่อยง่ายๆ
“ไม่ปล่อย จนกว่าเธอจะตอบคำถามฉัน”
“คำถามอะไร?”
“ก็ที่ฉันถามว่าเมื่อกี้เธอคิดจะฆ่าตัวตายหรือเปล่า”
“ทำไมเล็กจะต้องทำอะไรโง่ๆ แบบนั้นด้วยคะ” ธรินดาย้อนถามคนที่กำลังหาเรื่องรังแกตัวเอง
“ก็เธอเสียใจที่ฉันหมั้นไงล่ะ แถมเมื่อกี้ฉันยังอุ้มคู่หมั้นของฉันต่อหน้าเธออีก”
“ทำไมเล็กจะต้องเสียใจ”
“ก็ลองถามใจตัวเองดูสิว่าทำไม”
“เล็กไม่เสียใจแม้แต่นิดเดียวค่ะ พอใจหรือยังคะ ถ้าพอใจแล้วก็ปล่อยเล็กเสียที เล็กจะไปหาแม่ใหญ่”
“เธอรู้ดีธรินดาว่าเธอเสียใจแค่ไหน ใจเย็นๆ ไม่ต้องเสียใจไปหรอก ฉันแค่หมั้นยังไม่ได้แต่งซะหน่อย”
“คุณปรัชญ์จะหมั้นจะแต่งมันก็ไม่เกี่ยวกับเล็กค่ะ เล็กไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น” ธรินดาบอกเขาเสียงขุ่น พร้อมกับตวัดตามองคนพูดเพื่อยืนยันว่าเธอเองไม่ได้รู้สึกอะไรอย่างที่เขากล่าวหา
“งั้นก็พิสูจน์สิว่าเธอไม่ได้รู้สึกอะไรอย่างที่ปากว่า” ไม่ใช่แค่ปากแต่คิ้วเข้มยังเลิกขึ้นพร้อมกับใช้ตาคมจ้องมองหน้าหวานๆ นั้นอย่างท้าทาย
“ก็ได้ค่ะ เล็กจะพิสูจน์ให้คุณปรัชญ์ดู”
“พิสูจน์ยังไง”
“แบบนี้ไงคะ”
แบบนี้ที่ว่าก็คือการยกมือเล็กขึ้นผลักอกเขาเต็มแรง ทำให้ร่างสูงที่ยืนหันหลังให้สระน้ำเสียหลักหงายลงไปในนั้น แต่เขาไม่ได้หล่นลงไปแค่คนเดียว ปรัชญ์ยังคว้าเอามือเล็กของเธอไปด้วย จึงกลายเป็นว่าธรินดาตกน้ำไปพร้อมเขา
บทที่ 98“ฉันไม่อยากดื่มนมอย่างอื่น ฉันเก็บปากของฉันไว้ดื่มนมอร่อยๆ จากเต้าของเธอก็พอแล้ว ว่าแล้วก็หิว เล็กจ๋า...ให้ฉันกินนะ” แววตาของคนที่ประท้วงอยู่เมื่อครู่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นวิบวับและเปล่งประกายความปรารถนาที่มีต่อเธอออกมาอย่างเปิดเผย “ไม่เอาค่ะคุณปรัชญ์” ธรินดาปฏิเสธเสียงเบา เพราะกลัวลูกสาวจะตื่นมาเห็น “แต่ฉันจะ ‘เอา’ นะเล็กจ๋า ตามใจผัวนะครับหนูเล็กคนดี” “โธ่...คุณปรัชญ์” “ไม่โธ่จ้ะที่รัก...ฉันหิว อยากดื่มนม” ปรัชญ์กระซิบบอกความต้องการของตัวเอง พร้อมกับที่ธรินดารับรู้ถึงความตื่นตัวของเขาที่ตอนนี้บดเบียดเธออยู่ไม่ห่าง “ถ้าอย่างนั้นเล็กไปดับไฟก่อนนะคะ” ธรินดาบอกอย่างอายๆ แต่คำตอบนั้นบ่งบอกชัดว่าเธอยอมตามใจเขาแล้ว ปรัชญ์จึงยอมปล่อยให้ร่างเล็กลุกจากตักไปปิดไฟ ส่วนตัวเองขยับขึ้นไปนอนรออยู่บนเตียง ห้องทั้งห้องมืดสนิทเมื่อธรินดายื่นมือไปกดสวิตช์ไฟให้ดับลง เธออาศัยความเคยชินเดินกลับมายังเตียง และค่อยๆ เอนกายลงนอนเคียงข้างสามี ปรัชญ์รีบขยับเข้ามาแนบชิดพร้อมกับกระซิบเรียกเสียงพร่า ท
บทที่ 97“ป๋าก็คิดถึงนิล คิดถึงแม่เล็กของนิลใจแทบขาด” ปรัชญ์ตอบลูกสาวและถือโอกาสอ้อนไปถึงแม่ของลูกด้วย เพราะเขารู้ดีว่าตอนนี้โทรศัพท์น่าจะเปิดลำโพงอยู่ “งั้นก็รีบกลับบ้านสิคะป๋า หมีพูกับแม่เล็กก็รอป๋าเหมือนกันค่ะ” ปรัชญ์ยิ้มออกมาอีกคราเมื่อลูกบอกว่าธรินดาเองก็รอเขาอยู่ ใบหน้าอันหวานซึ้งนั้นลอยเข้ามาในห้วงความคิด ทำให้เขาจำต้องพับหน้าจอแล็ปท็อปลงพร้อมกับปิดแฟ้มเอกสารที่กางอยู่หลายอันบนโต๊ะ“โอเคครับคนดีของป๋า ป๋าจะกลับเดี๋ยวนี้ละ” “งั้นนิลจะรอจนกว่าป๋าจะมานะคะ นิลถึงจะนอน” “ครับ อีกยี่สิบนาทีเจอกันนะครับ” “ค่ะป๋า เย้ๆ” หลังจากวางสายจากลูกสาว ปรัชญ์ก็ไม่รอช้า รีบขับรถตรงดิ่งกลับบ้านอย่างปราศจากความลังเลใดๆ ทันที งานเอาไว้ก่อนตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือลูก เมีย แม่ และหมีพู ซึ่งกำลังรอเขาอยู่ที่บ้านทันทีที่ร่างสูงเดินเข้าบ้าน หมีพูกับเด็กหญิงตัวน้อยที่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูก็วิ่งมาหาพร้อมกับเรียกผู้เป็นพ่อด้วยความดีใจ โดยมีหมีพูวิ่งตามมาไม่ห่างพร้อมกับกระดิกหางไปมาอย่างดีใจเช่นกัน
บทที่ 96นัสรินเดินเข้าบ้านด้วยอาการของคนที่มีเรื่องครุ่นคิดอยู่ในใจ ทำให้ไม่เห็นว่าพ่อกับแม่นั่งรออยู่ที่โซฟาในห้องโถงชั้นล่าง พลตรีชยุตกับคุณนิภาหันไปมองหน้ากันครู่หนึ่ง จากนั้นคุณนิภาก็เป็นฝ่ายส่งเสียงทักลูกสาว“ไงยัยนัส ไปบ้านพี่ปรัชญ์มาโอเคหรือเปล่าลูก”“อ้าว...คุณพ่อคุณแม่ อยู่นี่เองเหรอคะ” นัสรินเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าบิดามารดาของตนนั่งอยู่ตรงนั้น เธอมัวแต่คิดเรื่องที่ปรัชญ์เพิ่งคุยด้วย ทำให้ประสาทการรับรู้ต่างๆ รวนไปเสียหมด“เป็นอะไรไปลูก ทำไมดูหน้าเครียดๆ แบบนั้น ทะเลาะกับตาปรัชญ์มาเหรอ”“เปล่าค่ะคุณแม่ นัสแค่มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยน่ะค่ะ” นัสรินตอบมารดาเสียงนุ่ม ก่อนจะขยับไปนั่งลงข้างๆ“มีอะไรเล่าให้พ่อกับแม่ฟังได้หรือเปล่า” พลตรีชยุตพูดขึ้นอย่างเป็นห่วงลูกสาวคนเดียว เพราะปกตินัสรินไม่ค่อยมีท่าทีเหม่อลอยให้เห็นบ่อยนักนัสรินมองหน้าบุพการีทั้งสองอย่างชั่งใจ ก่อนจะตัดสินใจขอคำปรึกษาเพราะเรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับเธอคนเดียว มันเกี่ยวข้องกับบิดามารดาของเธอด้วย“เมื่อกี้นี้พี่ปรัชญ์เพิ่งจะบอกว่าพี่ปรัชญ์มีคนรักอยู่แล้ว และอยากให้นัสแต่งงานกับคุณปราณต์แทนค่ะ”“ว่าไงนะลูก!” คุณนิภาอุทา
บทที่ 95“แต่คุณปราณต์ไม่ได้ชอบนัสนะคะ อีกอย่างคุณปราณต์อาจจะมีคนรักอยู่แล้วเหมือนที่พี่ปรัชญ์มี” น่าแปลกที่คราวนี้เธอกลับแคร์ความรู้สึกของปราณต์ขึ้นมาเสียมากมาย เดือดเนื้อร้อนใจไปหมดกับความจริงที่ว่าเขาอาจมีคนรักอยู่แล้วก็ได้ ทั้งๆ ที่ตอนถูกพ่อแม่บังคับให้หมั้นกับปรัชญ์เธอกลับไม่ตระหนักเลยว่าปรัชญ์อาจจะมีคนรักอยู่แล้ว คิดแต่ว่าหากปรัชญ์ยอมหมั้นเธอก็ยอมหมั้นตามที่ผู้ใหญ่ต้องการเท่านั้นก็พอ“พี่ปราณต์ยังไม่มีใครหรอก ถ้านัสอยากแต่งกับพี่ปราณต์พี่จัดการให้ได้” “แต่ถ้าทำแบบนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับมัดมือชกคุณปราณต์เลยนะคะพี่ปรัชญ์” “ก็เหมือนกับที่แม่บังคับพี่ให้แต่งงานกับนัสนั่นละ แม่ก็คิดแค่ว่าพี่ยังไม่มีใครเป็นตัวเป็นตน ที่พี่พูดอย่างนี้นัสอย่าคิดว่าตัวเองไม่มีค่าหรือถูกโยนให้คนนั้นทีคนนี้ทีนะ แต่พี่ไม่อยากทรยศหัวใจตัวเองและไม่อยากให้ธรินดาต้องเจ็บปวดกับเรื่องนี้” “นัสเข้าใจค่ะและขอบคุณที่พี่ปรัชญ์บอกนัสตรงๆ แต่นัสขอถามอะไรตรงๆ บ้างได้มั้ยคะ” นัสรินยังหนักอึ้งในเรื่องที่ปรัชญ์เสนอมา แต่เธอก็ยังอยากจะรู้ความจริงจากใจเขาให้หมดเปลือกเสียก่อน“ได้ส
บทที่ 94 สี่เดือนก่อน... รถซีดานแบรนด์ยุโรปราคาสองล้านกว่าๆ แล่นออกจากอาณาเขตของบ้านหลังใหญ่ หลังจากที่ปรัชญ์บอกว่าจะพาคู่หมั้นสาวไปส่ง นัสรินหันไปมองเสี้ยวหน้าของคนขับที่เมื่อครู่นี้ยังพูดจากวนประสาทแม่ของเขาอย่างมีสีสันอยู่เลย ทว่าบัดนี้เขาอยู่ในอิริยาบถที่เงียบขรึมราวกับเป็นคนละคน แม้จะไม่ถึงกับทำให้อึดอัด แต่คนคุยไม่เก่งแบบเธอก็ไม่กล้าชวนคุย นี่เป็นครั้งที่สองที่เขากับเธอได้พบกัน หลังจากหมั้นเสร็จปรัชญ์ก็ไม่เคยติดต่อหรือมาเยี่ยมเยือนในฐานะคู่หมั้นเลยสักครั้ง นัสรินรู้ดีว่าปรัชญ์เองก็คงจะถูกบังคับให้หมั้นเช่นเดียวกับเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่แปลกใจหากเขาจะไม่ใส่ใจหรือทำตัวไม่เหมือนกับคู่หมั้นคู่อื่นๆ “นัสรีบกลับบ้านหรือเปล่า” ปรัชญ์หันมาถามเป็นประโยคแรกหลังจากที่รถแล่นออกมาพ้นอาณาเขตบ้านได้พักใหญ่ “เปล่าค่ะ นัสว่างทั้งวันค่ะพี่ปรัชญ์” “งั้นแวะดื่มกาแฟกับพี่ก่อนนะ ข้างหน้ามีร้านบรรยากาศดี กาแฟก็อร่อย” ปรัชญ์ชวนด้วยท่าทีเป็นกันเองทำให้นัสรินรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น “ได้ค่ะ” หญิงสาวรับคำและยิ้มบางๆ
บทที่ 93“เปิดดูสิ เปิดตอนนี้เลยนะเล็ก” ปรัชญ์เชียร์ทั้งปาก ทั้งสายตา ทั้งสีหน้าที่เหมือนอยากจะให้เธอได้เห็นเหลือเกินว่าของที่อยู่ในกล่องคืออะไร ซึ่งตอนแรกธรินดากะว่าจะเก็บไว้เปิดพรุ่งนี้เช้า แต่เมื่อสามีคะยั้นคะยอเช่นนั้น เธอจึงต้องค่อยๆ แกะโบที่ผูกอย่างสวยงามนั้นออก ก่อนจะเปิดฝากล่องเป็นลำดับสุดท้าย และแล้วสิ่งที่อยู่ในกล่องนั้นก็ทำให้แก้มนวลแดงซ่าน เธอหยิบมันขึ้นมาดูสลับกับมองคนให้อย่างเขินอายสุดกำลัง“นี่มันอะไรกันคะคุณปรัชญ์”“ก็ชุดนอนไง มีหลายชุดด้วย ผ้าดีๆ ทั้งนั้นเลยนะ” ปรัชญ์ตอบอย่างรื่นรมย์“แล้วทำไมมันโป๊แบบนี้ล่ะคะ” ธรินดาถามเพราะถึงแม้ว่าชุดนอนแต่ละชุดที่อยู่ในกล่องนั้นมันสวยและผ้านิ่มมากก็จริง แต่มันกลับเซ็กซี่สุดๆ ทุกตัวล้วนแต่คอเว้าลึกอย่างไม่ต้องสงสัยว่าเวลาใส่จะต้องโชว์เนินอกแน่ๆ แถมยังสั้นเต่อจนเกือบถึงโคนขา บางชุดก็เป็นแบบสองชิ้น ชิ้นบนเป็นเสื้อสายเดี่ยวในลักษณะอวดโชว์เนินเนื้อ ชิ้นล่างเป็นแค่กางเกงชิ้นน้อย เหมือนกับออกแบบมาเพื่อขยี้ใจชายโดยเฉพาะ แล้วเธอจะกล้าใส่ได้อย่างไร“โป๊ที่ไหน เขาเรียกว่าเซ็กซี่ต่างหาก ฉันอยากเห็นเมียเซ็กซี่บ้างไม่ได้เหรอ”“ถ้าชอบผู้หญิงเซ็ก