ลึกเข้าไปด้านใน ภายใต้อาคารสูงทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสซึ่งมีส่วนปลายสอบเข้าคล้ายมาสตาบาร์หรือพีรามิดยุคแรกเริ่ม อันมีสถานะเป็นโรงแรมหรูระดับห้าดาวที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเอเธนส์
ประตูลิฟต์พนักงานกำลังเปิดกว้างให้หญิงสาวร่างเล็กในเครื่องแบบแม่บ้านของโรงแรม ค่อยๆ ผลักรถเข็นอุปกรณ์ทำความสะอาดเข้าไปด้านในห้องพักอย่างทุลักทุเล
แม้จะอยู่ในชุดผ้าฝ้ายสีฟ้าเรียบๆ แต่นั่นก็ไม่อาจปกปิดเค้าความงามอย่างชาวเอเชียของเธอได้ ทั้งเรือนผมเหยียดตรงดำขลับ ดวงตาเป็นประกายที่เต็มไปด้วยแววแห่งความกระตือรือร้น จมูกเล็กๆ โด่งรั้น และริมฝีปากเชิดพองาม บ่งบอกถึงความถือดีไม่ยอมคน
สามปีก่อน รมิตาได้จากบ้านเกิดเมืองนอนมาพร้อมกับมารดา ซึ่งตัดสินใจจดทะเบียนสมรสกับพ่อหม้ายชาวกรีกด้วยความหวังที่จะมีชีวิตสุขสบายขึ้น ไม่ต่างจากผู้หญิงชาวไทยอีกหลายคนที่ได้แต่งงานกับผู้ชายชาวตะวันตก
แต่ท้ายที่สุดทุกอย่างก็ไม่เป็นดังฝัน เมื่อพบว่าสามีใหม่ของผู้เป็นแม่เป็นเพียงชายชราที่ยังชีพอยู่ด้วยเงินบำนาญในบ้านซอมซ่อซึ่งเต็มไปด้วยลูกหลานและญาติพี่น้อง
นอกจากรมิตาจะไม่ได้รับการส่งเสียเล่าเรียนอย่างที่เคยได้คำมั่นสัญญาแล้ว เธอและมารดายังต้องช่วยบรรดาญาติๆ ของสามีใหม่ทำงานทุกประเภทโดยมีสิ่งตอบแทนเป็นเพียงห้องใต้บันไดสำหรับซุกหัวนอนและอาหารสามมื้อเพื่อกินกันตาย
ด้วยภูมิอากาศของกรุงเอเธนส์ที่มีค่อนข้างเย็นและชื้นแตกต่างจากประเทศไทย สุขภาพของมารดาก็เริ่มแย่ลงเรื่อยๆ ทั้งต้องคอยทำงานหนักและอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แออัดสกปรก ไม่นานเธอก็ล้มป่วยและเสียชีวิตไปในระยะเวลาแค่ปีเศษๆ
แม้จะถูกญาติของบิดาใหม่พากันค่อนขอดและขับไล่ไสส่งไม่เว้นแต่ละวัน แต่รมิตาก็ไม่มีทางเลือกอื่น จำเป็นต้องอดทนทำงานหนักตามคำสั่งของทุกคนแลกกับความอยู่รอดในแต่ละวัน
จนกระทั่งคืนหนึ่ง เมื่อบุตรชายของพ่อเลี้ยงบุกเข้าหา พยายามปลุกปล้ำข่มขืนเธอ โชคยังดีที่คนในบ้านบังเอิญตื่นขึ้นมาพบเสียก่อน แต่โชคร้ายก็ตรงที่เธอกลับเป็นฝ่ายถูกประณามหาว่ายั่วยวนให้ท่า หญิงสาวจึงจำต้องระเห็จออกมาจากบ้านหลังนั้น และหาทางดิ้นรนสู้ชีวิตในเมืองหลวงต่อไป
ความรู้ความสามารถของเธอมีเพียงอย่างเดียวคือแรงกาย และภาษากรีกที่เรียนรู้อย่างงูๆ ปลาๆ จากครอบครัวของพ่อเลี้ยง วุฒิการศึกษาระดับมัธยมจากประเทศไทยก็ใช้ประโยชน์อะไรในกรีซไม่ได้เลย ประกอบกับรัฐบาลกรีซกำลังประสบกับปัญหาแรงงานเถื่อนจำนวนมากที่หลั่งไหลมาจากโรมาเนีย เซอร์เบีย และโปแลนด์ อาชีพดีๆ สำหรับคนไทยเช่นเธอจึงแทบจะเหมือนความฝัน มีเพียงอาชีพแม่บ้านเท่านั้นที่เธอพอจะทำได้
จากความช่วยเหลือของเพื่อนบ้านชาวกรีกที่เห็นใจเธอ รมิตาจึงได้เข้าทำงานเป็นแม่บ้านในโรงแรมเล็กๆ แห่งหนึ่ง จากนั้นหญิงสาวก็ใช้ประสบการณ์การทำงานและเส้นสายในแวดวงอาชีพแม่บ้าน ผลักดันตัวเองจนสามารถเข้าทำงานในโรงแรมชื่อดังระดับประเทศได้ในที่สุด
รมิตาเป็นคนละเอียดลออและขยันหมั่นเพียร หลังจากผ่านการทดลองงานใน เอเธนส์ เลดรา มาร์ริออตต์ แห่งนี้เพียงครึ่งปี เธอก็ได้รับหน้าที่ให้คอยรับผิดชอบห้องสวีตทั้งหกห้องบนชั้นแปด โดยมีแม่บ้านชาวจีนอีกคนหนึ่งเป็นผู้ร่วมงาน
…
บ่ายวันนี้ รมิตาได้รับโทรศัพท์แจ้งจากฟรอนต์ของโรงแรมว่า ลูกค้า V.I.P.ที่เพิ่งเข้าพักเมื่อคืนนี้สั่งให้แม่บ้านเข้าไปทำความสะอาดโดยด่วน
ตัวเลขดิจิตัลเหนือประตูลิฟต์ค่อยๆ นับเพิ่มตามจำนวนชั้น กระทั่งหยุดลงเมื่อถึงชั้นบนสุด เสียงสัญญาณจึงดังขึ้นพร้อมๆ กับประตูขนาดใหญ่ที่เปิดออก หญิงสาวตั้งหน้าตั้งตาดันรถเข็นอุปกรณ์การทำงานออกจากลิฟต์อย่างยากเย็น
รถเข็นคันใหญ่ผ่านประตูเข้าออกของพนักงานจนมาถึงหน้าห้อง เพรซิเดนเชียล สวีต มือน้อยๆ เคาะประตูหนักๆ พร้อมทั้งแจ้งขออนุญาตเพื่อเข้าไปทำความสะดาดตามปกติ คะเนว่าลูกค้าคนสำคัญของโรงแรมยังอยู่ในห้อง เนื่องจากเขาเป็นผู้ระบุให้เธอขึ้นมาทำความสะอาดโดยตรงเมื่อสักครู่นี้เอง
“คุณเดมิทริอุสคะ แม่บ้านของโรงแรมขออนุญาตเข้าไปทำความสะอาดค่ะ” หญิงสาวเว้นจังหวะ รอให้แขกที่เข้าพักในห้องเป็นผู้เอ่ยปากอนุญาต แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ เธอจึงเคาะประตูและร้องบอกอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ ทว่าภายในห้องก็ยังเงียบสนิทเช่นเดิม เข้าใจว่าเขาคงจะรีบออกไปทำธุระข้างนอก หญิงสาวจึงใช้คีย์การ์ดสำรองเปิดประตู ก่อนจะดันรถเข็นเข้าไปเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย ทำความสะอาด และเติมสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องที่อาจพร่องไป
รมิตาผลักรถเข็นผ่านตู้เก็บรองเท้าเข้าไปถึงใจกลางห้องชุดขนาดใหญ่ ซึ่งมีลักษณะไม่ต่างอะไรจากบ้านเดี่ยวชั้นเดียวที่มีความหรูหราสักแห่ง ไม่ว่าจะเข้ามาในห้องสวีตแห่งนี้สักกี่ครั้ง เธอก็ยังรู้สึกว่ามันเป็นบ้านในฝันของเธออยู่เสมอ เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้หญิงสาวชาวไทยมีความสุขกับการได้เก็บกวาดและรักษาความสะอาดให้สวยงามและน่าอยู่ตลอดเวลา
ขณะที่เธอยกเครื่องดูดฝุ่นระบบน้ำออกมาจัดการกับร่องรอยสกปรกบนพื้นพรมนั้น หญิงสาวไม่รู้ตัวเลยว่าทุกอิริยาบถของเธอกำลังตกเป็นเป้าสายตาของดวงคมเข้มที่จ้องมองมาจากส่วนของห้องนั่งเล่นมุมซ้ายมือ เมื่อหันกลับไปพบกับร่างของแขก V.I.P.หนุ่มที่นั่งกอดอกไขว่ห้าง สายตาจับจ้องมาที่เธออย่างเงียบเชียบ รมิตาจึงอดที่จะสะดุ้งตกใจไม่ได้
“เอ่อ... ขอประทานโทษค่ะคุณเดมิทริอุส... เมื่อสักครู่ดิฉันเคาะประตูแล้ว”
“ฉันได้ยินแล้ว” เขาพูดอย่างเย็นชา ดวงตามองกวาดร่างน้อยๆ ในชุดแม่บ้านตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะเอ่ยถาม “เธอชื่อรมิตาใช่ไหม”
“เอ่อ... ใช่ค่ะ คุณมีอะไรให้ดิฉันรับใช้เป็นพิเศษหรือเปล่าคะ”
หญิงสาวงุนงง มันก็ไม่แปลกหากเขาจะรู้ชื่อเธอจากพนักงานที่ฟรอนต์ แต่เขาจะสอบถามชื่อของแม่บ้านไปเพื่ออะไรกัน
“ฉันได้ข่าวว่าแม่บ้านที่นี่มีชื่อเสียงในด้านการบริการลูกค้าแบบสองต่อสอง ฉันก็เลยอยากจะลองใช้บริการเธอดูบ้างเท่านั้น” ชายหนุ่มแค่นเสียงด้วยสีหน้าเหยียดหยาม
“ดิฉันต้องขออภัย... แต่คุณ เอ่อ... คุณคงมีการเข้าใจอะไรผิดแล้วล่ะค่ะ”
รมิตาเหลือบมองเขาอย่างไม่พอใจ แต่ด้วยอาชีพบริการจึงไม่สามารถพูดจาเสียมารยาทกับเขาได้ โดยเฉพาะกับแขกระดับเพรซิเดนเชียลอย่างนี้
ข้อมูลของผู้เข้าพักระบุว่าเขาเป็นถึงประธานบริษัทขนส่งขนาดใหญ่ของกรีซ ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมเขาจึงต้องมาพักที่โรงแรมของเธอทั้งๆ ที่ฐานะของคนอย่างเขาย่อมสมควรจะมีบ้านพักหรูหราสักหลังอยู่ในเอเธนส์
อเล็กซานเดอร์ เดมิทริอุส ลุกขึ้นจากโซฟาหนังช้าๆ เรือนร่างสูงใหญ่บึกบึนที่แตกต่างจากชาวกรีกทั่วไปที่เคยพบเห็นทำให้รมิตาต้องเผลอหันไปมองอย่างลืมตัว แล้วเธอก็ต้องตะลึงจนตาค้างเมื่อเห็นใบหน้าที่หล่อเหลางามสง่าไม่ต่างอะไรกับวีรบุรุษกรีกในตำนานเทพปกีรณัม
โครงหน้าที่มีเหลี่ยมมุมรับกับโหนกแก้มยกสูงแบบชาวยุโรป ประดับไว้ด้วยดวงตาสีเฮเซลที่คมกริบคู่หนึ่ง คิ้วคมเข้มและขนตางอนยาวส่งให้ดวงตาดุดันคู่นั้นมีเสน่ห์ชวนมอง สันจมูกโด่งน่ามอง ยาวขึ้นไปจนจรดกับหน้าผาก ริมฝีปากสีแดงธรรมชาติกับผมสีมะกอก ขับให้ผิวหน้าเนียนละเอียดดูสว่างเจิดจ้ากว่าผิวสีแทนของคนท้องถิ่นโดยทั่วไป
หญิงสาวถูกความหล่อเหลาสะกดให้ยืนนิ่งอยู่หลายวินาที กระทั่งรู้สึกตัวจึงรีบหลบสายตาด้วยความอับอาย ตั้งหน้าตั้งตาดูดฝุ่นละอองบนพื้นพรมต่อไป
มหาเศรษฐีหนุ่มค่อยๆ ก้าวออกมาจากมุมนั่งเล่น เดินเข้ามาประชิดด้านหลังเธออย่างช้าๆ กว่าหญิงสาวจะรู้สึกตัว ลมหายใจอุ่นๆ ที่เป่ารดข้างหูพร้อมกับสัมผัสลูบไล้บนเนินสะโพกก็สร้างความตกใจจนเธอต้องรีบผวาหลบ มือน้อยๆ ปล่อยท่อดูดฝุ่นตกลงไปกับพื้นโดยไม่ตั้งใจ
“คะ...คุณจะทำอะไรน่ะ” รมิตาหันขวับไปเผชิญหน้ากับเขาตามสัญชาตญาณ ทั้งที่ร่างบางๆ กำลังสั่นสะท้านด้วยความหวาดหวั่น
“ฉันก็กำลังสำรวจสินค้าอยู่น่ะสิ”
“สินค้า... สินค้าอะไรกัน” หัวใจเธอเต้นระทึก ถามด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าว ไม่มั่นใจว่าตัวเองกำลังอายหรือกำลังโกรธกันแน่
“เธอขายอะไรบ้างล่ะ” อเล็กซานเดอร์ยกมุมปากข้างหนึ่งยิ้มเยาะ “ฉันก็แค่ตั้งใจจะสำรวจสิ่งที่เธอขายเท่านั้น”
“คุณเดมิทริอุสคะ กะ...กรุณาให้เกียรติฉันด้วยค่ะ” สองขาพาร่างที่สั่นสะท้านก้าวถอยหลังอย่างไม่ไว้วางใจ
“ให้เกียรติ... ให้เกียรติเธอน่ะเหรอ ฮ่ะๆ แม่บ้านอย่างเธอมีเกียรติอะไรมากมายขนาดนั้น”
ที่ด้านในสุดของโบสถ์กรีกออร์โธดอกซ์ประจำตระกูล แดเมียน ดูนิซี ยืนรอเจ้าสาวในชุดสูทสีดำ ด้านหลังมีอเล็กซานเดอร์และชายหนุ่มในตระกูลเดมิทริอุสอีกสามสี่คน ยืนเข้าแถวอยู่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวทันทีที่ประตูด้านหน้าโบสถ์เปิดออกพร้อมกับการปรากฏตัวของเจ้าสาว เสียงพูดคุยภายในโถงที่นั่งก็เงียบสนิท บรรดาญาติพี่น้องของทั้งสองฝ่ายที่นั่งแยกกันอยู่ทั้งฝั่งซ้ายและขวาของห้องต่างพร้อมใจหันไปมองร่างของเจ้าสาวผู้งดงามเป็นสายตาเดียวเสียงดนตรีจากออร์แกนบรรเลงขึ้น คลลรีสจึงค่อยๆ จูงหลานสาวก้าวเดินตามเส้นทางที่ลาดด้วยพรมแดงจากประตูเข้าไปสู่สถานที่ประกอบพิธีด้านในสุด โดยมีรมิตาเดินถือช่อดอกไม้ นำเหล่าเพื่อนเจ้าสาวนับสิบคนในชุดกระโปรงสุ่มสีฟ้าตามหลังมาช้าๆ เป็นขบวนสวยงามน่าชมดวงตาสีเทาของแดเมียนเพ่งมองมาที่ร่างสูงสง่า ภายใต้ผ้าคลุมศีรษะโปร่งบาง คาซานดราก็จับจ้องสายตาของเขานิ่ง สายตาคู่นั้นเป็นคู่เดียวกันกับที่คอยถ่ายทอดความรักและความห่วงหาอาทรณ์มาตลอดเวลานับสิบปีโดยที่เธอไม่เคยรับรู้เมื่อคิดถึงเรื่องราวที่ผกผันจนท้ายที่สุดกลับลงเอยด้วยดีแล้ว หญิงสาวก็ต้องนึกขอบคุณอีวานเจลีนผู้มีส่วนทำให้เธออยู่ในสภาพนั้น จนได้
ในห้องนอนของคาซานดรา มาเรีย เดมิทริอุส ชั้นบนสุดของคฤหาสน์เดมิทริอุสแห่งมาซิโดเนีย เช้าวันนี้เนืองแน่นไปด้วยหญิงสาวต่างวัยกัน จำนวนหลายสิบคน ที่ต่างก็มารวมอยู่เพื่อช่วยเหลือ และดูแลการแต่งตัวให้เธอในวันแห่งความสุขครั้งนี้คาซานดรายืนอยู่หน้ากระจกเงากรอบไม้แกะสลักลวดลายสีทองบานใหญ่ เฝ้ามองเงาร่างของตัวเองในชุดผ้าลูกไม้สีขาวอันหรูหรา ตัวกระโปรงตัดเย็บเป็นสุ่มหนาซ้อนกันนับสิบชั้น ภายนอกประดับด้วยลูกปัดมุก ที่ร้อยระโยงระยางไม่ต่างจากชุดของเจ้าหญิงในนิยายมันเป็นชุดแต่งงานชุดเดียวกันกับที่มารดาของเธอเคยสวมใส่ในวันที่ก้าวเข้ามาสู่ตระกูลเดมิทริอุส และเธอก็ภูมิใจที่ได้สวมใส่มันอีกครั้งในวันที่ก้าวออกจากคฤหาสน์หลังนี้ไปสู่ตระกูลของผู้ที่เป็นสามีผ้าคลุมผมถูกสวมลงบนเรือนผมสีมะกอกที่ถูกเกล้าเป็นทรงสูง ก่อนจะตลบส่วนที่คลุมใบหน้าขึ้น เปิดให้เห็นใบหน้าที่งดงามหมดจด ข้างกายมีร่างอวบท้วมของหญิงวัยสูงวัยและร่างอุ้ยอ้ายของหญิงสาวชาวไทยยืนยิ้มแย้มอยู่เจ้าสาวผู้สวยสมบูรณ์แบบ ก้มลงจูบแก้มคลอรีสและรมิตาด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุขอย่างที่ใครก็ไม่เคยเห็นมาก่อน“เอาล่ะ ทีนี้หลานของป้าก็พร้อมที่จะเป็นเจ้
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ อีวานเจลีน!!” ชายหนุ่มตะโกนห้าม เสียงของเขาทำให้หญิงสาวทั้งคู่ชะงัก หันมองตามทิศที่มาของเสียง“อเล็กซ์... ไม่นะ!!” คนหนึ่งกรีดเสียงร้องโหยหวน ภาพที่เขาเห็นตำตาอย่างนี้ อีวานเจลีนไม่มีทางจะหาคำอธิบายหรือคำใดๆ มาแก้ตัวอย่างแน่นอน“คุณอเล็กซ์... ช่วยฉันด้วยค่ะ ช่วยลูกของฉันด้วย!!” สองมือโอบอุ้มหน้าท้องเอาไว้ ในเวลานี้เธอไม่ห่วงชีวิตตัวเองเลย ความห่วงใยทั้งหมดมีเพื่อสิ่งล้ำค้าในร่างกายเธอเท่านั้น“ไม่ต้องกลัวนะ รมิตา!! ลูกของผม... ผมจะต้องช่วยคุณและลูกให้ได้” เขาตะโกนตอบอย่างร้อนรน พลางวิ่งตรงไปยังราวบันไดเหล็กของชั้นล่างที่ตั้งตรงเป็นทางขึ้นไปสู่ระเบียงชั้นสอง“คุณอย่าขึ้นมานะ”เพียงมืออเล็กซานเดอร์จับถูกราวเหล็กเท่านั้น เท้ายังไม่ทันยกขึ้นไปเหยียบขั้นบันไดเลยแท้ๆ เสียงตวาดห้ามของอีวานเจลีนก็ทำให้เขาต้องหยุดชะงักอยู่แค่นั้น“คิดจะช่วยมันเหรอ!! อย่าหวังเลยอเล็กซ์ ในเมื่อฉันไม่ได้ อีหน้าไหนก็ไม่มีทางได้คุณทั้งนั้น!!” อีวานเจลีนคล้ายสุนัขจนตรอก แผดเสียงใส่เขาทั้งน้ำตา“อย่านะ อีวานเจลีน!!” ชายหนุ่มตะโกนลั่น ใบหน้าที่ดูดุดันในยามนี้กลับกลายเป็นเหี้ยมเกรียมไม่แพ้ใบหน้าของหญิง
อเล็กซานเดอร์และแดเมียนรีบรุดเดินทางไปยังไนต์คลับที่วาเนสซาทำงานอยู่ ทว่าสภาพการจราจรในชั่วโมงเร่งด่วนทำให้กว่าที่ทั้งคู่จะไปถึง ก็สี่โมงเกือบครึ่งแล้ว สอบถามจนได้ความว่าก่อนหน้านี้สักครึ่งชั่วโมง มีผู้หญิงลักษณะเดียวกันกับอีวานเจลีนมาถามหาที่อยู่ของวาเลอรีน หรือวาเนสซาเช่นกันฟังแล้วชายหนุ่มก็แทบจะล้มทั้งยืน เนื้อตัวเย็นเฉียบ ในขณะที่ฝ่ามือและใบหน้ากลับมีเหงื่อซึมออกมาโดยไม่รู้ตัว ยังหวังให้มีปาฏิหาริย์สักอย่างบันดาลให้หญิงคนรักของเขารอดพ้นจากเงื้อมมือของคุณหนูแห่งตระกูลเฮเลนิคัสเขารีบซักไซ้ ถามหาที่ตั้งของอพาร์ตเมนต์ จนรู้ว่าอยู่ห่างออกไปเพียงสิบช่วงตึก หากจะฝ่าถนนหนทางที่คับคั่งไปด้วยรถราในเวลานี้ คงไม่ทันการณ์ ชายหนุ่มจึงออกวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ตรงไปยังเส้นทางที่ได้รับการชี้นำ โดยไม่สนใจเลขาฯ หนุ่มที่อยู่ด้านหลังว่าจะตามเขามาด้วยหรือเปล่า ขอเพียงให้เขาไปถึงอพาร์ตเมนต์แห่งนั้นเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็พอมหาเศรษฐีหนุ่มวิ่งไปได้ครึ่งทางก็สะดุดสายตาเข้ากับผู้หญิงเอเชียในชุดรัดรูปสีสันฉูดฉาดซึ่งเขากำลังวิ่งผ่านไป ผมสีแดงเพลิงของเธอดึงดูดสายตาให้หยุดชะงัก และหันไปจ้องมองอย่างไม่ตั้งใจ
ร่างที่โถมเข้ามาหาทำให้ขั้วไฟฟ้าเฉียดใบหูอดีตสาวใช้ไปแค่เสี้ยวมิลลิเมตร เสียงลั่นเปรี๊ยะ ทำเอารมิตาขนลุกซู่ มือไม้อ่อนจนเกือบปล่อยแขนของฝ่ายตรงกันข้าม“แกอย่าหลบสิ อีคนชั้นต่ำ อี... แกนะแก... ทั้งที่ฉันวางแผนกำจัดไอ้โจนาธานไปได้แล้วแท้ๆ เหลืออีกไม่เท่าไหร่ก็จะได้แต่งงานกับอเล็กซ์อยู่แล้ว แต่แกเป็นใครมาจากไหน กล้าดียังไงมาแย่งผู้ชายของฉัน”“คุณ... ที่คุณโจนาธานไม่ได้แต่งงานกับคุณคาซานดรา... เป็นเพราะคุณจริงๆ”ใบหน้าของหญิงสาวในเวลานี้หวาดกลัวคนตรงหน้าเสียยิ่งกว่าคราวที่พบกับอเล็กซานเดอร์ ร่างบอบบางถูกเรี่ยวแรงที่มากกว่า ผลักให้ก้าวถอยหลังไปอย่างช้าๆ“หึ! ใช่... ฉันนี่แหละที่หลอกให้มันหนีงานแต่งงาน แล้วก็ฉันนี่แหละที่ผลักนังคาซานดราตกบันไดจนเป็นง่อย”“คุณ... คุณทำอย่างนั้นเพื่ออะไรกัน...” หญิงสาวตกตะลึงมากขึ้นไปอีก ไม่คิดว่าแม้แต่อุบัติเหตุของคาซานดราก็เป็นฝีมือของเธอ ในใจเกิดความกรุ่นโกรธขึ้นมากะทันหัน“ก็เพื่อให้อเล็กซ์โกรธแค้นมันมากที่สุดยังไงล่ะ อีโง่!! มันจะได้ไม่ต้องอยู่เป็นมารผจญฉัน... เหมือนอย่างที่แกกำลังเป็นอยู่ ปล่อยมือฉันนะ!!”อีวานเจลีนดิ้นรน แต่ก็ได้แค่ผลักร่างของรมิตาให้ก
บนชั้นสามของอาคารกลางเก่ากลางใหม่ถูกแบ่งเป็นอพาร์ตเมนต์ย่อยๆ จำนวนสี่ห้อง หนึ่งในนั้นเป็นที่อยู่ของวาเนสซา หรือวาเลอรีน อดีตแม่บ้านชาวจีนผู้หันมายึดอาชีพโฮสเตสของไนต์คลับเล็กๆ แห่งหนึ่งใจกลางกรุงเอเธนส์ประตูอพาร์ตเมนต์ถูกเปิดออกพร้อมเรียวขาในรองเท้าส้นสูงสีสันบาดตา ที่ก้าวออกมายืนบิดสะโพกไปมาอย่างเย้ายวน มือเรียวงามยกขึ้นดึงรอยยับยู่บนชุดที่กระชับกับส่วนสัดให้เข้าที่ แล้วจึงขยับกระเป๋าถือรูปทรงทันสมัยให้คล้องอยู่ในตำแหน่งถนัด หันกลับไปหาผู้ที่มายืนส่งอยู่ใกล้ๆ“เธอแน่ใจนะว่าจะไม่ออกไปเดินเล่นกับฉันก่อน...” หญิงสาวชาวจีนถาม “กว่าฉันจะไปทำงานก็อีกตั้งสองชั่วโมง ไปหาอะไรกินกันก่อนเถอะน่า...” พูดพลางยกแขนข้างที่สวมนาฬิการาคาแพงที่ได้เป็นของกำนัลจากแขกประจำขึ้นตรวจเช็กเวลา บอกว่าตอนนี้เหลืออีกสิบนาทีจะห้าโมงเย็น“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ... ในครัวเธอก็มีของกินเหลืออยู่นี่ ฉันอุ่นเสียหน่อยก็ไม่มีปัญหาแล้ว ทิ้งไว้เสียดายเปล่าๆ” รมิตาตอบยิ้มๆ“ฉันรู้ว่าเธอกินง่ายอยู่ง่ายจ้ะ แต่รู้จักใช้ชีวิตบ้างก็ดีนะ ฉันอุตส่าห์จะพาไปรู้จักผู้คน เปิดหูเปิดตาบ้างก็ไม่ยอมไป” วาเนสซาบ่นกระปอดกระแปด คิดจะหาทางหว่านล้อม