บทที่ 2
นางบำเรอ
เสียงของอิงธารพุ่งเข้ามาห้อง ร่างของเธอกับหมอศิวาปรากฏที่ประตู ศิวัชชะงักเหมือนตื่นจากภวังค์ เขาผละออกจากอัญชันทันที สบตากับอิงธารเพียงแวบเดียวที่มีความแข็งกร้าวและขัดใจเจืออยู่ในนั้น ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
หมอศิวาเผลอยิ้มออกมาและกระแอมเบาๆ ก่อนจะเดินเข้ามาพร้อมกระเป๋ายา เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ขยับเข้าตรวจชีพจรและอุณหภูมิของอัญชันอย่างคล่องแคล่ว
“ร่างกายอ่อนแรง มีไข้ต่ำ น่าจะเพราะตากฝนนานไป...” เขาขยับหูฟังเข้าที่หลังจากตรวจเสร็จ
“ให้นอนพักเยอะๆ ฉันกินยาที่จัดไว้ให้แล้ว อาการจะดีขึ้นเอง” ศิวายื่นยาให้ไว้และแนะนำการทานยากับอัญชัน ศิวัชยืนพิงฝาผนัง มือกำแน่นข้างลำตัว สีหน้านิ่งทื่อและเงียบ ไม่พูด ไม่ถาม ไม่อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
ศิวาเหลือบมองศิวัชที่ยืนนิ่งอยู่ก่อนจะพยักหน้าส่งสัญญาณบางอย่าง
“พ่อเลี้ยง ออกมาคุยข้างนอกหน่อยครับ ผมมีเรื่องจะปรึกษา...” ศิวัชพยักหน้ารับทราบก่อนจะเดินตามหมอออกจากห้องไป โดยไม่หันกลับไปมอง...แต่เขารู้ว่าอัญชันยังคงมองตามแผ่นหลังของเขาอยู่เงียบๆ
ในขณะที่อิงธารตอนนี้...ยังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ใจเต้นแรง ตัวชา กับภาพที่เห็นเมื่อครู่มนตอนที่เปิดประตูยังตามหลอกหลอนเธออยู่
ศิวาเดินนำมาถึงหน้าระเบียงไม้ที่เปียกฝน ลมเย็นจากสายฝนพัดมาเป็นระยะๆ ศิวัชยืนพิงเสา กอดอกนิ่ง ดวงตาจ้องไปยังผืนดอยเบื้องหน้าอย่างเงียบงัน หมอศิวาเปิดกระเป๋ายา หยิบขวดยาในมือกลับเข้าที่เรียบร้อยก็เงยหน้าขึ้นมองพี่ชายของเขา
“นายเปลี่ยนไปนะ...ไม่เคยเห็นนายอุ้มผู้หญิงขึ้นห้องและยอมดูแลผู้หญิงคนไหนด้วยตัวเองแบบนี้”
“ใครบอกแกว่าฉันอุ้มยัยเด็กนั่นขึ้นมา...”
“เอ่อ...อิงธารน่ะ แต่ฉันถามเขาเองนะเหมือนเขาตกใจละหลุดพูดออกมา” ศิวัชไม่ตอบ เขานิ่งและยังคงจ้องออกไปไกลในความมืดนั้น
“นายรู้ใช่มั้ย ว่าพ่อเด็กนั่นพาเธอมาขายกับฉันจริงๆ ไม่ได้แค่ล้อเล่น” คราวนี้ศิวัชขบกรามแน่นเล็กน้อย ก่อนพูดเสียงต่ำ
“รู้...ฉันรู้ตั้งแต่เขาขึ้นมาที่เชียงรายแล้ว”
“ถ้าฉันไม่พาพ่อเด็กคนนั้นมาเจอนาย เด็กคนนี้คงโดนขายออกนอกชายแดน...” ศิวัชพยักหน้าตอบรับ
“ปกติฉันไม่ค่อยอยากยุ่งเรื่องพวกนี้ แต่กับยัยเด็กนี่เหมือนจะมีอะไรบางอย่างเกี่ยวข้องกับไร่นี่ ฉันขอสืบหาความจริงก่อน”
“นายคิดงั้นเหรอศิวัช แล้วไอ้ภาพเมื่อกี้ในห้องที่ฉันเห็น อยู่ในแผนด้วยมะ ฮ่าๆ” ศิวาหัวเราะร่าอย่างสะใจ ศิวัชปัดมือเป็นเชิงไม่มีอะไรจะพูดต่อ พลางเดินไปนั่งที่เก้าอี้โยกริมระเบียง
“พ่อเคยพูดถึงผู้หญิงคนหนึ่ง เธอช่วยพ่อไว้ตอนที่ท่านป่วย ผู้หญิงคนนั้นมีลูกสาว...ก่อนเสียพ่อให้ตามหาลูกของผู้หญิงคนนั้น เธอมีชื่อในพินัยกรรมของพ่อและเงื่อนไขรับพินัยกรรมของฉันด้วย” ศิวาเดินมานั่งลงใกล้ๆ เขานิ่งขรึมไปพักหนึ่ง เสียงฝนเหมือนกลบความรู้สึกบางอย่างที่พุ่งมาอย่างช้าๆ
“หมายความว่าไง ที่ว่าเงื่อนไขรับพินัยกรรมของนาย” ศิวัชหลบตานิ่ง
“ฉันต้องแต่งงานกับลูกผู้หญิงคนนั้นถึงรับมรดกได้...”
“ฮะ...พ่อเป็นบ้าอะไรวะเนี่ย?” ศิวาโวยวายขึ้นมาลั่น ในขณะที่พี่ชายยังคงนิ่งสนิท
“แกเลิกโวยวายก่อน...พ่อมีเหตุผล”
“เหตุผลบ้าอะไร...นี่มันการแต่งงานนะ ทั้งชีวิตของคนๆ หนึ่ง พ่อคิดอะไรวะเนี่ย...”
“มันเป็นคำขอของผู้หญิงคนนั้นเพราะ...เขาคือคนที่บริจาคหัวใจให้พ่อมีชีวิตอยู่ต่อเมื่อ 10 ปีก่อน” ศิวานิ่งลงทันที ใบหน้าของเขาซีดผาดอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เขาหันมองหน้าพี่ชายตัวเองคล้ายวิญญาณหลุดออกจากร่าง ก่อนจะเอามือคุมขมับตัวเองไว้แน่น
“นายเลยกำลังคิดว่า อัญชันอาจจะเป็นลูกของผู้หญิงคนนั้นเหรอ”
“ฉันกำลังตามสืบอยู่ ยัยเด็กนั่นชื่อไม่เหมือนลูกของผู้หญิงคนนั้น แต่ระหว่างนี้จะปลอดภัยกว่าถ้าเธออยู่ที่นี่” ศิวาเม้มริมฝีปากแน่นแบบขบคิด
“แล้วถ้าเด็กนั่นไม่ใช่ล่ะ...นายจะทำยังไง”
“ฉันจะไม่จดทะเบียนหรืออะไรทั้งสิ้นจนกว่าจะรู้ว่าใครคือลูกของผู้หญิงคนนั้น...”
“โอ๊ย ฉันจะบ้าตาย ไม่เข้าใจเงื่อนไขบ้าบอพวกนี้ของมนุษย์เลยว่ะ ให้ตายเหอะ...” หมอศิวาสบถ
เสียงฝนโปรยลงเบาๆ เริ่มแปรเป็นหยาดละอองหนาแน่น หมอศิวาหันหน้ามองไปยังสายหมอกเบื้องล่างขณะที่ศิวะยังคงนั่งนิ่ง แววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความซับซ้อนของคนที่ไม่ถนัดแสดงความรู้สึก...แต่กำลังยอมรับว่าหัวใจกำลังสั่นไหว
แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรต่อ...เสียงฝีเท้าเบาๆ บนไม้กระดานดังขึ้นจากทางเดินด้านหลัง ศิวัชชะงักทันที ดวงตาคมหันไปตามสัญชาตญาณและ ทันใดนั้นเอง...เสียงเร่งเร้าก็ดังขึ้น
“พ่อเลี้ยง! หมอคะ!” อิงธารรีบสาวเท้าขึ้นมาบนระเบียง สีหน้าร้อนรนดวงตาฉายแววกังวลจริงจัง
“อัญชัน...ไข้ขึ้นสูงมากค่ะ ตัวร้อนจัดจนซึมไปหมดแล้ว!” สีหน้าศิวัชเปลี่ยนไปทันที ความเงียบเย็นที่เคยคุมร่างเขากลับถูกแทนด้วยความตื่นตระหนกที่ไม่ค่อยได้เห็นจากผู้ชายคนนี้
“ขึ้นสูงแค่ไหน?” หมอศิวาถามทันทีพลางหยิบกระเป๋ายาอีกใบ
“ฉันวัดได้เกือบ 40 แล้วค่ะ! ปลุกยังไงก็ไม่ค่อยตอบสนอง” ศิวัชไม่พูดอะไรต่อก้าวเท้าฉับๆ เดินนำทั้งสองคนกลับเข้าไปในบ้านโดยไม่หันหลังกลับมามอง ลมหายใจของเขาหนักขึ้นทุกย่างก้าว
ภายในห้อง...
อัญชันนอนนิ่ง ใบหน้าแดงจัดจากพิษไข้ ริมฝีปากซีดและแห้งเล็กน้อย เธอครางเบาๆ อย่างไม่รู้ตัว มือปัดอากาศราวกับฝันร้าย ศิวัชหยุดยืนข้างเตียง มองร่างนั้นด้วยสายตาที่แตกต่างไปจากทุกครั้ง
“อัญชัน...” เขาเอ่ยชื่อเธอครั้งแรกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาอย่างไม่ตั้งใจ หมอศิวาเข้ามาจัดการทันที วางกระเป๋า เปิดอุปกรณ์ และตรวจอาการอย่างรวดเร็วอย่างคลองมือ
“ต้องรีบลดไข้เดี๋ยวนี้ ก่อนร่างกายจะช็อก” อิงธารยืนนิ่งอยู่ปลายเตียง ใบหน้าเธอซีดเผือด เมื่อมองศิวัชที่ตอนนี้ยอมแม้แต่จะเช็ดหน้าอัญชันด้วยมือเปล่า มือหนานั้นอ่อนโยนอย่างเหลือเชื่อ ในแบบที่เขาไม่เคยทำกับใครเลย แม้แต่กับเธอ และเพียงเท่านั้น...หัวใจของอิงธารก็เหมือนถูกบีบแน่นไปทั้งดวง
“อิงธาร! อิงธาร!” เสียงศิวัชปลุกเธอให้ได้สติ
“คะ....”
“ไปเอาน้ำกับผ้ามาเช็ดตัวอัญชัน...” ศิวัชสั่งเสียงดุพลางหันไปเช็ดหน้าอัญชันต่อ อิงธารมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาเจ็บปวดก่อนจะหันหลังเพื่อเดินลงไปเอาป้ากับน้ำมาเช็ดตัวให้อัญชัน
ภายในห้องเงียบสนิท มีเพียงเสียงฝนที่ยังโปรยลงนอกหน้าต่าง อัญชันนอนนิ่งอยู่ใต้ผ้าห่ม ร่างเล็ก ๆ ของเธอสะท้านเพียงเล็กน้อยหลังหมอศิวาฉีดยาลดไข้ สักพักร่างนั้นก็เริ่มผ่อนคลาย ดวงตาหลับพริ้มด้วยฤทธิ์ยา
หมอศิวาลุกขึ้นจากข้างเตียง เก็บเข็มฉีดยาลงกล่อง และหันมาบอกเสียงเบา
“ไข้จะเริ่มลดในอีกชั่วโมง...คืนนี้อย่าให้เธออยู่คนเดียว”
“ฉันอยู่เอง” ศิวัชตอบทันที ดวงตาไม่ละจากใบหน้าของเด็กสาวบนเตียง
อิงธารที่ยืนอยู่ตรงปลายเตียง เม้มปากแน่น
สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปช้า ๆ เหมือนพยายามสะกดความรู้สึกที่ไหลทะลักขึ้นมาในอก
หมอศิวาพยักหน้าเบา ๆ ก่อนขอตัวกลับ ทิ้งไว้เพียงเงาความเงียบของคนสองคนในห้อง
เวลาผ่านไปเพียงครู่เดียว อิงธารก็เอ่ยเสียงเย็น
“พ่อเลี้ยงจะให้เธออยู่ที่นี่...ไปถึงเมื่อไหร่คะ?” ศิวัชไม่ตอบทันที เขาเพียงนั่งลงข้างเตียง ดวงตายังคงจับ
จ้องอัญชัน ท่าทางของเขาเหมือนชายที่กำลังปกป้องบางสิ่ง…ด้วยทั้งสติและหัวใจ
“แล้วพ่อเลี้ยงจะให้เธออยู่ในบ้านหลังนี้ในฐานะอะไร?” เสียงของอิงธารดังขึ้นอีกครั้ง แฝงแววกร้าวซ่อนอยู่ในความเรียบเฉย
“ถ้าแค่ชั่วคราว ฉันจะไม่ว่าอะไร...แต่ถ้าคิดจะให้มากกว่านั้น—” ศิวัชเงยหน้าขึ้น ดวงตาคมนั้นทิ่มแทงกลับเข้าไปในหัวใจของอิงธารทันที
“เธอจะเป็นเมียบำเรอของฉัน...เป็นแม่เลี้ยงของไร่ชาเทียนฟู่หยาง...ชัดเจนพอมั้ย” เพียงเท่านั้น...ทั้งห้องก็เหมือนจะหยุดหายใจ
"พ่อเลี้ยง..." อิงธารเบิกตากว้าง น้ำตารื้อ ในแววตานั้นมีทั้งความตกใจ เสียใจ และไม่อยากเชื่อ
“พ่อเลี้ยงพูดอะไรออกมารู้ตัวไหมคะ?” ศิวัชลุกขึ้นเต็มความสูง
ดวงตาของเขานิ่ง แต่แฝงพายุในใจอย่างไม่ปิดบังอีกต่อไป
“ฉันรู้ดีว่าฉันพูดอะไร และหมายถึงอะไร...เธอต้องตื่นได้แล้วอิงธาร!! ฉันไม่เคยบอกเธอว่า ฉันรักเธอ”
เสียงฝีเท้าหนักของเขาดังก้องเมื่อเดินออกจากห้อง ทิ้งให้อิงธารยืนนิ่ง ราวกับถูกฟ้าผ่าลงกลางใจ
แววตาของเธอ...แปรเปลี่ยนเป็นร้าวลึกและนั่นคือรอยปริที่ไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป
"เพราะเธออัญชัน...ถ้าไม่มีเธอ พ่อเลี้ยงต้องเลือกฉัน" อิงธารจ้องเขม่นร่างที่หลับสนิท น้ำตาไหลออกมาเป็นสาย เธอปาดน้ำตาแล้ววิ่งออกนอกบ้านไป
ตอนพิเศษผ้าริ้วสีขาวครีมหรูหราพลิ้วไหวไปตามแรงลมพัด เสียงขบวนขันหมากดังก้องถนนทางเข้าไร่เทียนฟู่หยาง อัญชันยืนแอบมองขบวนขันหมากด้วยใจที่สั่นระริก ทั้งตื่นเต้น ทั้งกลัวจะทำตัวไม่ถูกในงานวันสำคัญ เธอเดินไปเดินมาจนข้าวฟ่าง รินทร์ลดาถึงกับหลุดหัวเราะออกมา“อัญชัน...หยุดเดินได้แล้ว เดี๋ยวก็ลูกหลุดพอดี”“คุณรินทร์...ฉันตื่นเต้นน่ะค่ะ”“จ๊ะๆๆๆ ตื่นเต้นน่ะถูกแล้ว แต่งงานนี่เนอะ”หญิงสาวหยุดยืนมองเงาตัวเองในกระจก ผมที่เคยยาวสลายถูกเก้ามวยขึ้นสูงประดับด้วยปิ่นทองและเครื่องครอบผม ใบหน้าถูกแต่งเติมสีสันด้วยเครื่องสำอางจนงามเหมือนนางในวรรณคดี ชุดไทยโบราณสไบเฉียงสีแดงคลิบทองพริ้วไหวไปตามลม เรือนร่างของเธอถูกประดับด้วยเครื่องประดับทองประโคมแน่นทั้งตัว จนมองไปที่ท้องที่ตอนนี้บวมใหญ่คล้ายคนใกล้คลอดแล้ว“โอ๊ย...อัญชันท้องใหญ่มากเลยอ่าข้าวฟ่าง คุณรินทร์”“ก็วัชเล่นจัดงานช้า อัญชันปาเข้าไป 7 เดือนกว่าละงานเพิ่งจะเสร็จนี่นา”“แต่ก็ยังสวยมากๆ เลยค่ะอัญชัน อย่าคิดมากนะคะ” หญิงสาวทำหน้าเศร้า ก่อนจะหันควับกลับไปยังเสียงขบวนขั้นหมากที่ร้องดังอยู่หน้าบ้านอัญชันยืนหลบมองเจ้าบ่าวที่ใส่ชุดขาวใหญ่โจงกระเบนแดงขลิบ
บทที่ 25มาง้อเมียเสียงนกร้องดังแว่วมาจากนอกระเบียงห้องพักผู้ป่วย เสียงแดดยามเช้าเล็ดลอดผ่านผ้าม่านเข้ามายังด้านใน อัญชันค่อยๆ ขยับตัวลืมตาตื่นมือสองข้างเธอกุมมือของใครไม่รู้อยู่แน่น เธอตกใจนิดๆ แต่ก็มองตามยังเจ้าของมือนั้น ที่ฟุบหน้านอนอยู่พอเห็นไรผมที่ปกหน้าอยู่ก็จ้องมองใบหน้านั้นนิ่งๆ“ฉันคิดถึงพ่อเลี้ยงศิวัชมากจนมองเห็นพ่อเลี้ยงชานนท์เป็นเขาเลยเหรอเนี่ย” เธอพูดเบาๆ จนเจ้าของมือเริ่มลืมตาตื่น เขาเงยหน้ามองเธอด้วยสายตางัวเงียพลางลูกขึ้นใช้มือข้างหนึ่งขยี้หูตาราวกับเด็กน้อย“ตื่นแล้วเหรอที่รัก...ฮ้าว” อัญชันพงักหน้านิ่ง“ภาพหลอนเหรอ ทำไมอัญชันเห็นหน้าคุณเป็นพ่อเลี้ยงศิวัช” ศิวัชหันซ้ายหันขวาพลางหันกลับมามองหน้าอัญชันด้วยความสงสัย“พูดอะไรน่ะที่รัก ไหนชานนท์”“คุณชานนท์อย่าเรียกอัญชันว่าที่รักสิคะ อัญชันมีแค่พ่อเลี้ยงศิวัชคนเดียวที่เป็นที่รัก” ชายหนุ่มอมยิ้มเขินๆ พลางเอื้อมมือลูบหัวหญิงสาว แต่เอก็เลือกจะปัดมือออกราวกับหวงตัว“เอาหัวมานี่ค่ะที่รัก”“คุณชานนท์เรียกอัญชันดีๆ ค่ะ แล้วอย่ามาแตะตัวอัญชันแบบนี้ อัญชันไม่ชอบค่ะ” ศิวัชไม่พูดพร่ำต่อ เขานั่งลงบนเตียงข้างๆ เธอพลางดึงเธอเข้ามากอด
บทที่ 24จับผิดรถแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านหลังใหญ่สุดหรูหรา ศิวัชและศิวาเดินเข้าไปในบ้านอย่างคุ้นเคย รินทร์ลดาอยู่ในชุดเดรสผ้าเบาสีขาว เธอแต่งตัวเรียบๆ แต่ดูหรูหรา ดวงตาทั้งสองข้างจับจ้องกับการจัดแต่งสปาเก็ตตี้ลงจาน รู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อตอนที่ชายหนุ่มทั้งสองนั่งลงที่โซฟาใกล้ๆ“มาถึงกันแล้วเหรอ...ไวน์รึแชมเปญดี” เจ้าของบ้านรีบออกมาต้อนรับทันที“ฉันไวน์ ส่วนวัช?” ศิวากระทุ้งสีข้างชายหนุ่มเบาๆ เรียกสติ“ฉันก็ไวน์เหมือนกัน”“เลือกได้ดี...” รินทร์ลดายิ้มหวานพลางหันกลับไปรินไวน์ลงในแก้ว ก่อนจะเดินมาเสิร์ฟให้ทั้งสองหนุ่มด้วยท่าทีร่าเริง“ไม่คิดว่าจะมากัน ฉันเลยเซทเมนูง่ายๆ ไว้ให้ พอดีคุณพ่อไปอังกฤษ...แม่บ้านก็เลยขอลากลับบ้าน ฉันอยู่คนเดียวน่ะ” เธอยกไวน์ขึ้นดื่มเบาๆ“ไม่เป็นไรหรอก พวกเรามากันกะทันหันเอง...พอดีวัชกลับจากฮ่องกงมาแล้วไม่ได้ติดต่อเธอเลย”“อ้อ...ไปฮ่องกงมาเหรอ อากาศเป็นไงบ้างที่นั่น” เธอถามไถ่ด้วยแววตาสนใจ“ก็อากาศดีอยู่นะ แดดแรงดี”“แรงตรงไหน ฝนตกตลอด...” รินทร์ลดารีบหยุดพูดเมื่อนึกขึ้นได้“ฝนตกตลอดเหรอ...เธอรู้ได้ยังไงรินทร์”“เอ่อ...คือวีคก่อนฉันเพิ่งไปมาน่ะ เจอแต่ฝนตลอดทริปเลย ฮ่
บทที่ 23บ่วงรัก“ไม่นะ! ไม่! อย่าไปค่ะพ่อเลี้ยง!” อัญชันสะดุ้งตื่นด้วยเสียงลมหายใจที่หอบถี่ เหงื่อผุดขึ้นเป็นเม็ดเล็กคล้ายกับคนที่เพิ่งออกกำลังกายมาหมาดๆ เธอหันมองรอบเตียงนอนขาวสะอาดตาทุกอย่างในห้องว่างเปล่า เงียบเหงาเหมือนกับหัวใจของเธอในตอนนี้อึ๊ก..อึ๊กหญิงสาวรีบเอามือปิดปากลุกจากเตียงและพุ่งตรงไปที่ห้องน้ำในตัวห้อง ก่อนจะอาเจียนลงชักโครกอย่างหนัก เธอทรุดลงนั่งหายใจหอบตัวโยน หลายวันแล้วที่เธอคลื่นไส้อาเจียนตลอดเพียงได้กลิ่นอะไรเล็กน้อย เธอก็ต้องวิ่งเข้าหาห้องน้ำที่อยู่ใกล้ที่สุดในทันที“จะครบเดือนแล้วสินะ” ร่างบางพึมพำกับตัวเอง เธอกดชักโครกและหยุดยืนมองเงาตัวเองในกระจกพลางล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นขึ้นผ่านมาจะครบเดือนแล้วนับตั้งแต่วันที่อัญชันเลือกจะออกจากไร่ชาเทียนฟู่หยาง พ่อเลี้ยงศิวัชไม่เคยตามตัวเธอกลับไปและไม่เคยร้องขอให้เธออยู่ เขาหายเงียบไปหลังจากที่เธอพบกับความจริงที่ว่าความสัมพันธ์ที่เธอเชื่อใจกลับเป็นเพียงแค่ผลประโยชน์ของพินัยกรรมในครอบครัวเขาเท่านั้นอาหารเช้าถูกจัดวางไว้ที่ห้องรับรองแขก พ่อเลี้ยงชานนท์กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่เงียบๆ สายตาของเขาหันมองเธอที่เดินลงมาจาก
บทที่ 22ด้ายแดงที่ขาดศิวัชพาอัญชันเดินเข้าไปยังในวัดโดยลอดผ่านซุ้มหน้าประตูและพาเธอไปไหว้ยังจุดต่างๆ เพื่อขอพร คนภายในวัดหนาแน่นศิวัชจึงจับมืออัญชันไว้ตลอด เขาพาเธอเดินลัดเลาะหลบผู้คนจนมาหยุดอยู่ที่องค์เทพหยุคโหลวหรือเยวี่ยเหล่า เทพเจ้าแห่งความรัก ทั้งคู่รับด้ายแดงมาไว้ในมือก่อนจะทำพิธีโดยใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางทั้งสองข้างหนีบด้ายแดงไว้ นิ้วนางกับนิ้วโป้งงอลงและเชื่อมทั้งสองมือโดยการสอดนิ้วก้อยเข้าที่ช่องระหว่างนิ้วกลางกับนิ้วโป้งของมือซ้าย จากก็เริ่มอธิษฐานขอพร อัญชันและศิวัชอธิษฐานขอพรอย่างเงียบๆ แต่เต็มไปด้วยความชัดเจน ก่อนที่ทั้งคู่จะนำด้ายแดงไปผูกไว้“ขอให้เนื้อคู่ของอัญชันคือ พ่อเลี้ยงศิวัช” ศิวัชอมยิ้มพลางพาอัญชันเดินไปยังจุดไหว้ภายในวัดต่อ เมื่อเดิมมาถึงจุดไหว้อีกจุด ศิวัชก็เอื้อมมือหยิบกำไลด้ายแดงที่สั่งทำพิเศษขึ้นมาพลางสวมให้หญิงสาวด้วยรอยยิ้มอบอุ่น“ชอบมั้ย...ฉันตั้งใจสั่งทำมาให้”“ชอบมากๆ และสวยมากๆ ขอบคุณนะคะที่รัก” อัญชันถลาเข้ากอดศิวัชไว้แน่น ในระหว่างนั้นเองที่อัญชันเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินอยู่ในไกลนัก ลักษณะของเธอดูคุ้นราวกับคนที่อัญชันเคยพบเห็นมาก่อน“คุณรินทร์...” ศิว
บทที่ 21คลั่งรักศิวัชพาอัญชันกลับมายังที่พัก อัญชันรีบวิ่งไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะอยากเล่นสระน้ำส่วนตัวในห้อง เพียงครู่เดียวเธอก็เดินออกมาพร้อมชุดบิกินี่สีชมพูและเดินตรงไปที่สระน้ำอย่างไม่สนใจชายหนุ่มที่มองตามตาไม่กระพริบ อัญชันหย่อนตัวลงในสระว่ายน้ำอุ่นๆ น้ำในสระถูกเซ็ทอุณหภูมิไว้แบบน้ำอุ่น อัญชันมัวแต่สนุกกับน้ำในสะจนไม่รู้ตัวว่ามีอีกร่างกำลังเดินเข้ามาใกล้จากข้างหลัง“อุ้ย! ที่รักตกใจหมด” อัญชันหันกลับไปมองร่างสูงที่บัดนี้สวมเพียงกางเกงว่ายน้ำตัวเดียว อกกว้างสวมกอดเธอไว้แน่นพลางจุมพิตลงตรงหว่างคิ้วของหญิงสาว“ขวัญเอ้ย...ขวัญมา”“ที่รักเล่นน้ำสิคะ...” อัญชันใช้มือบางควักน้ำสาดกระเซ็นใส่ร่างสูงด้วยรอยยิ้ม“อยากเล่นอย่างอื่นมากกว่า...” พูดจบมือหนาก็รั้งร่างบางเข้ามาแนบกับอกกว้าง สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นที่รดรินกันอยู่ อัญชันแตะฝ่ามือลงที่แก้มของชายหนุ่มอย่างแผ่วเบาพลางเขย่งตัวในน้ำ เพื่อจุมพิตเบาๆ ที่ปากแดงระเรื่อของศิวัช“อัญชันรักพ่อเลี้ยงจังค่ะ”“ฉันรักเธอมากกว่า...” ศิวัชเลื้อยมือหนาลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างหญิงสาว เธอมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก พลางกระซิบข้างหูเบาๆ“ช่วงนี้เรา