เมื่อผู้หญิงคนหนึ่งถูกขายให้กับพ่อเลี้ยงผู้เย็นชา...เธอจะหนีจากพันธะสัญญาซื้อขาย(รัก) นี้ได้อย่างไร?
Lihat lebih banyakบทที่ 1
ชะตากรรม
เสียงลมหนาวปะทะใบหน้าบอบบางของหญิงสาววัยสิบเก้าปีที่บัดนี้ยืนนิ่งงันในชุดเดรสสีซีดแต่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ติดเนื้อผ้า ดวงตากลมโตแฝงด้วยความเศร้าอย่างไม่อาจซ่อนเธอจ้องมองรั้วไม้สีเข้มราวกับขบคิด ใบหน้ารูปไข่ขาวผ่องแม้ไม่ผ่านเครื่องสำอางใดๆ เส้นผมยาวสลวยน้ำตาลทองถูกมัดรวบไว้หลวมๆ ด้วยหนังยางเส้นเดียว ผิวเนียนขาวละเอียดอมชมพูราวกับคุณหนูของบ้าน ดูช่างบอบบางน่าทะนุถนอมจนไม่น่าเชื่อว่าเธอจะมายืนอยู่ตรงนี้ได้
“ที่นี่ที่ไหนคะพ่อ ทำไมไม่ใช่บ้านยาย...” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงสับสน ดวงตากลมใสยังเป็นประกาย
ด้วยความไว้วางใจที่เธอมีต่อผู้ชายที่เธอเรียกว่า ‘พ่อ’
“ก็บ้านคนที่จะรับเลี้ยงหนูต่อจากพ่อไงคะ” เขายิ้มแห้งให้ลูกสาว “พ่อหมดปัญญาจะดูแลหนูแล้ว หนูเอง
ก็โตแล้ว ควรมีชีวิตที่ดีกว่าพ่อที่มีแต่หนี้คนนี้”
อัญชันยืนนิ่ง หัวใจร่วงตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม เธอเข้าใจทันที...ไม่ใช่แค่ “ถูกส่งตัวมาอยู่ด้วย” แต่เธอถูก
“ขาย” โดยพ่อบังเกิดเกล้าของเธอเอง
ประตูไม้บานใหญ่ถูกเปิดออกช้าๆ เผยร่างสูงโปร่งสง่า เสื้อเชิ้ตพับแขนกางเกงได้รูป ผิวเข้มแบบชายเมืองเหนือที่เคยลงแรงทำงานจริงในไร่ ดวงตาคมเฉียบจนไม่มีผู้ใดกล้าสบตา เผยประกายความเย็นชา เย็นเสียยิ่งกว่าสายลมบนยอดดอยสูง จมูกและปากถูกผ้าโพกปิดไว้ราวกับเพิ่งผ่านการลงไร่มาหมาดๆ เขามองหญิงสาวด้วยสายตานิ่งเฉียบ ดุดันแต่แฝงความลึกลับ
“อัญชันใช่มั้ย!” เสียงเขาทุ้มต่ำแต่ดังกังวาน อัญชันเผลอกลืนน้ำลายลงคอด้วยความกลัว
หญิงสาวไม่กล้าสบตาเขาตรงๆ ได้เพียงแต่พงักหน้าช้าๆ แล้วหันไปหาพ่อ
“พ่อ...อย่าทิ้งหนูเลย” เสียงเธออ้อนวอน น้ำตาค่อยๆ หยดลงช้าๆ
แต่คำตอบที่ได้คือเสียงปิดประตูรถกระบะที่ปิดดัง ปัง! พร้อมเสียงเครื่องยนต์ที่สตาร์ทขึ้นทันที เขาขับรถจากไป ทิ้งเธอไว้ตรงนั้น...กับชายแปลกหน้าที่ชื่อ “พ่อเลี้ยงศิวัช กิจจาโรจน์”
อัญชันทรุดตัวลงนั่งกับพื้น เธอร้องไห้จนตาบูดบวมและแดงช้ำ เสียงทุ้มของเขาดึงสติของเธอให้กลับมาอยู่กับปัจจุบันตรงหน้า
“เข้าไปข้างใน ก่อนฟ้าจะมืด”
อัญชันหันมองเขา...ชายร่างสูงในเสื้อเชิ้ตพับแขน ดวงตาคมเรียบเย็น ใบหน้าไม่มีแม้เงาเมตตา มองเธอนิ่งๆ สีหน้าบอกความรู้สึกไม่ถูกแต่ก็ทำให้อัญชันรู้สึกกลัวขึ้นมา เธอจึงลุกขึ้นยืนปัดกระโปรงที่เปื้อนฝุ่น
“คุณคือ...พ่อเลี้ยงศิวัช เจ้าของไร่ชาเทียนฟู่หยางใช่มั้ยคะ...” เธอถามเสียงเบาแต่มั่นคง
“รู้จักฉันเหรอ เด็กกระเปี๊ยกอย่างเธอน่ะ!”
“ฉันไม่เด็กแล้วนะ ฉันอายุ 19 แล้ว”
“หึ หึ ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม...” เขาปรายตามอง เสียงเล็ดลอดฟันมาราวกลับถูกใจแต่ใบหน้ากลับนิ่งสนิท
“พ่อเลี้ยง...พาฉันกลับไปหาพ่อเถอะนะ ฉันจะเอาเงินทุกบาทมาคืนคุณเอง ฉันไหว้ล่ะ!” เธอยกมือขึ้นไหว้ขอเขา สีหน้าอ้อนวอนอย่างสุดซึ้ง ศิวัชส่ายหน้าปฏิเสธพลางรวบมือเรียวเล็กนั้นไว้ด้วยมือเดียว
“ฉันซื้อเธอมาจากพ่อเธอ รู้มั้ยว่ากี่ล้าน!”
คำว่า “ซื้อ” กระแทกหน้าขาวเนียนของอัญชันอย่างจังราวกับตีแสกหน้า เขากระชากมือเธอเข้าหาตัวจนหญิงสาวเสียหลักล้มลง เข่าทั้งสองข้างกระแทกกับพื้นดินจนเลือดซิบ
“โอ๊ยยย!”
“ราคาที่พ่อบังเกิดเกล้าของเธอเรียกมามากพอซื้อชีวิตใหม่ให้เขาได้เลย”
“พ่อฉันไม่ได้ขายฉัน!!” อัญชันเงยหน้ามองชายหนุ่ม ดวงตากลมส่งระริกเอือล้นไปด้วยน้ำตา
ศิวัชหัวเราะในลำคอ เบา และเย้ยหยัน พลางสลัดมือบางออกจากการจับกุม
“เด็กอย่างเธอคงไม่รู้ว่า เงินก้อนนั้นมากพอแลกเหล้า แลกบุหรี่ และหนี้ก้อนใหญ่ให้เขาได้แค่ แลกกับการเอาชีวิตเธอมาไว้ที่นี่” อัญชันเม้มริมฝีปากแน่น ดวงตาแดงก่ำ แต่ไม่ใช่เพราะน้ำตา...เพราะความเจ็บ อายและถูกหักหลัง
“คุณไม่มีสิทธิ์พูดถึงพ่อฉันแบบนั้นนะ!”
พ่อเลี้ยงศิวัชก้าวเข้ามาใกล้เธออีกครั้ง สายตาเย็นเฉียบจ้องเธอแน่นิ่ง
“แล้วเธอจะให้ฉันพูดว่ายังไง? ว่าเขาเป็นคนดี รักเธอมากจนยอมทิ้งเธอไว้ที่นี่กับคนแปลกหน้า? โลกนี้ไม่ได้แสนหวานเหมือนที่เธอคิดหรอกนะ ยัยหนู!”
“คุณไม่รู้จักเขา” เธอสะอื้นเบาๆ “เขาอาจจะผิด อาจจะโลภ แต่เขายังเป็นพ่อฉัน!”
ศิวัชยกคิ้วอย่างดูแคลน ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าบ้านโดยไม่ลืมที่จะโยนเอกสารบางอย่างให้หญิงสาว
อัญชันรีบหยิบขึ้นมาดู เอกสารตรงหน้าเหมือนฟ้าผ่าลงบนตัวเธอ อัญชันกำหมัดแน่น ความเจ็บแล่นขึ้นมาจุกที่อกจนหายใจแทบไม่ออก
“ดูเอาเองแล้วกัน! ต่อจากนี้เธอต้องอยู่ที่นี่ ในฐานะคนของฉัน อย่าคิดหนี เพราะไม่มีที่ให้กลับไปแล้ว”
ศิวัชปรายตามองเธอนิ่ง และเดินเข้าบ้านทิ้งเธอไว้กับเอกสารตรงหน้า เอกสารสัญญาซื้อขาย “อัญรินทร์ แสนภักดี” ให้แก่พ่อเลี้ยง “ศิวัช กิจจาโรจน์” ด้วยราคา 10 ล้านบาท
หญิงสาวปล่อยโฮออกมาในที่สุด เสียงฟ้าร้องดังระงมแข่งกับเสียงร้องไห้ของเธอ ฝนเม็ดใหญ่ๆ ค่อยๆ โปรยปรายลงมาช้าๆ เธอแหงนมองท้องฟ้าให้เม็ดฝนหล่นลงมาเต็มใบหน้า เสียงร่ำไห้ที่ปลดปล่อยความอัดอั้นทั้งหมด ร่างบางร้องไห้ราวกับเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่เพิ่งรู้ว่าโลกนี้ไม่มีที่ให้เธอยืน
“ทำไมพ่อถึงทิ้งหนู ฮึก...ทำไม!” ฝนยังคงตก เสียงฟ้าคำรามเป็นฉากหลังของหัวใจที่แตกสลาย ไม่มีใครรู้...ไม่มีใครเห็น หรือบางทีอาจมีใครบางคนกำลังยืนมองอยู่ที่หน้าต่างชั้นบน แอบมองร่างเล็กที่กอดเข่าร้องไห้กลางสายฝนอย่างไม่ไหวติง
เสียงฝนตกยังคงกระหน่ำลงมาไม่หยุด ร่างบางในเสื้อเชิ้ตเปียกน้ำ บ่าแบกเป้สะพายหลังเปียกโชกจากการเดินสำรวจตรวจตราในไร่และเก็บสายพันธุ์ชามาทดลองเพิ่ม เธอกำลังจะก้าวเท้าขึ้นเรือนด้วยความเหนื่อยล้า แต่พลันสายตาก็สะดุดกับร่างเล็กๆ ที่ลานกลางบ้าน
ร่างเล็กๆ ร่างหนึ่งนั่งกอดเข่านิ่งกลางสายฝนแทบจะกลืนไปกับเงาฝนและโคลนดิน เธอเบิกตาเล็กน้อยก่อนจะรีบเดินลงบันได น้ำสาดกระเซ็นทุกย่างก้าว
“ใครน่ะ?”
เสียงอิงธารแทรกขึ้นมากลางสายฝน เธอทรุดตัวลงตรงหน้าอย่างรวดเร็ว เด็กสาวคนนั้นเงยหน้าขึ้นช้าๆ
ดวงตาแดงก่ำเปื้อนน้ำฝนและน้ำตา ไม่ต้องถาม...อิงธารพอจะเดาออก
“ทำไมไม่เข้าไปในบ้านคะ ทำไมตากฝนจนเปียกขนาดนี้” เธอพูดขณะคลุมเสื้อกันฝนของตัวเองให้อีกฝ่าย มือบางแตะใบหน้าเย็นเฉียบของอัญชันเบาๆ
แต่ในใจของอิงธาร...สั่นไหว
เธอรู้ดีว่าเด็กสาวคนนี้ไม่ใช่คนรับใช้ ไม่ใช่แขกธรรมดา... แต่เป็นคนที่ “พ่อเลี้ยงศิวัชยอมรับเข้ามาอยู่ในบ้าน” ด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครกล้าถาม อิงธารเคยคิดว่าไม่มีใครจะยืนเคียงข้างศิวัชได้นานเท่าเธอ เธอคือคนที่รู้ว่าเขาไม่ชอบทานเผ็ด คนที่เคียงข้างเขาตอนแม่เขาป่วย คนที่คิดว่า...รออีกหน่อยเขาจะหันกลับมามองเธอบ้าง
แต่วันนี้...เขาพา “เธอ” เข้ามา
“เข้าข้างในก่อน เดี๋ยวจะไม่สบายเอา...” เธอพึมพำขณะประคองอัญชันลุกขึ้น รู้สึกถึงความบอบบางและอ่อนแรงของร่างนั้น
เสียงฝีเท้าหนักแน่นดังขึ้นบนระเบียงไม้ อิงธารหันขวับไปตามเสียง หัวใจเต้นแรงเมื่อร่างสูงในเสื้อเชิ้ตสีเข้มเดินออกมาจากบ้าน ดวงตาเข้มของพ่อเลี้ยงศิวัช กวาดมองแค่ครั้งเดียว...ก่อนจะชะงักกับภาพตรงหน้า
อัญชัน ตัวเปียกปอนทั้งร่าง หน้าซีดเผือกเหมือนคนไร้สติ ตัวสั่นเทาด้วยความเย็นของน้ำฝน เธอยืนพิงแขนอิงธารอย่างหมดเรี่ยวแรง สายตาของศิวัชกระตุกวูบ ก่อนจะขยับริมฝีปากออกมาด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
“ไปตามไอ้หมอมา บอกว่าด่วนที่สุด” อิงธารอ้าปากจะพูดบางอย่างแต่เขาไม่รอคำถาม ก้าวเท้ายาวๆ เข้ามาหาอัญชันทันที ดวงตานิ่งสนิทแต่มีบางอย่างที่แปรเปลี่ยนอยู่ข้างใน
“เดี๋ยวค่ะ พ่อเลี้ยง” อิงธารเอ่ยเสียงเบาอย่างลังเล แต่เขาไม่หยุด เพียงเสี้ยววินาที มือแข็งแรงของเขาก็
สอดเข้ารับร่างบอบบางนั้นไว้ในอ้อมแขนแข็งแรง เขาอุ้มเธอขึ้นมาอย่างง่ายดายราวกับว่าเธอไม่หนักไปกว่ากล่องชาในไร่ของเขา
อัญชันพยายามลืมตาขึ้นเมื่อรู้สึกว่าตัวลอย เธอเห็นเพียงเงาลางๆ ของใบหน้าคมคายหล่อเหลาที่ขมวดคิ้วนิ่งเงียบและได้ยินเพียงเสียงลมหายใจที่เร่งเร้าของเขา
“ใครอนุญาตให้เธอตากฝนอยู่ตรงนี้ หืม...” เสียงเขาต่ำมาก...ต่ำพอจะได้ยินแค่เธอคนเดียว
ศิวัชเปิดประตูห้องนอนใหญ่ด้วยเท้า ก่อนจะวางร่างบอบบางนั้นลงบนเตียงหนานุ่ม น้ำเสียงของเขายังเย็นชาเหมือนเดิม แต่ปลายนิ้วกลับค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อตัวนอกของเธออย่างระวัง อัญชันพยายามยกมือปัด ปากซีดสั่นเบา ๆ
“อย่าค่ะ...ฉันทำเองได้...”
“เธอไม่มีแรงจะนั่งด้วยซ้ำ อย่าดื้อน่ะ!” เธอเบี่ยงหน้าหนี สะบัดมือที่พยายามดันเขาออก แม้แรงที่มีจะน้อยนิดเหลือเกิน
“ฮึก…อย่าทำแบบนี้ค่ะ ฉันไม่ใช่ของคุณ”
"เดี๋ยวก็เป็น หึ..." คำพูดของเขาทำให้เธอหยุดชะงักเพียงครู่หนึ่ง แววตาของศิวัชนิ่งงันแต่กลับแฝงไปด้วยความร้ายลึกๆ เขาเงยหน้าขึ้นมองดวงตาแดงช้ำคู่นั้น ดวงตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บลึกที่เหลือเพียงศักดิ์ศรีเท่านั้นเธอจึงยังพยายามรักษามันไว้ แม้จะรู้ว่าอยู่ในจุดที่ต่ำที่สุดในชีวิตแล้ว
เขาไม่ได้พูดอะไร...
เพียงแค่ถอนหายใจเบาๆ แล้วหันหลังให้ก่อนพูดเรียบๆ
“ก็ได้! งั้นเธอเปลี่ยนเอง ฉันจะรอหมอข้างนอก” ศิวัชลุกขึ้นช้าๆ วางผ้าขนหนูและเสื้อผ้าไว้ข้างหมอนโดยไม่หันมามองอีก มือหนึ่งกำแน่นโดยไม่รู้ตัวก่อนหมุนตัวเดินไปที่ประตู แต่ก่อนจะเปิดออก เสียงแผ่วแหบแห้งจากเตียงก็แว่วขึ้น
“ขอบคุณ...แต่ฉันจะไม่ฝืนใจเป็นของใครทั้งนั้น”
"เธอต้องฝืนแน่...ถ้าฉันต้องการ!" เธอชะงักอีกครั้ง ในขณะที่เขาเผยรอยยิ้มไว้ที่มุมปากและปรายตามามองเธอด้วยสายตาที่ไม่น่าไว้วางใจ
"ฉันจะไม่ฝืนทำในสิ่งที่ฉันดูไร้ค่า" เขาเดินเข้าไปที่ข้างเตียงก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งกระชากรั้งผ้าห่มที่ห่มตัวหญิงสาวออกและรั้งร่างบางเข้ามาไว้ในอ้อมแขนก่อนจะกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น ใบหน้าทั้งคู่ใกล้กันจนแทบเป็นลมหายใจเดียวกัน อัญชันตอนนี้สั่นด้วยพิษไข้และความกลัว เธอพยายามผลักเขาออกแต่ก็ไร้ผล เธอสู้แรงรัดของวงแขนนั้นไม่ได้เลย
"คนทุกคนมีหน้าที่อัญชัน...และเธอควรรู้ว่าหน้าที่เธอคืออะไร!"
“พ่อเลี้ยง! ปล่อยฉันค่ะ!” เสียงแผ่วหายใจหอบเบาๆ พยายามปัดป้องตัวออกจากเขา แต่ศิวัชก็ยิ่งรัดร่างนั้นแน่นยิ่งขึ้นอีก
“ทำตัวให้คุ้มราคาหน่อย อย่าให้ฉันต้องใช้ไม้แข็ง!” ศิวัชใช้มืออีกข้างลูบไล้ใบหน้าขาวเนียนของหญิงสาว เรียวนิ้วสัมผัสบางเบาแต่อบอุ่น อัญชันมองลึกเข้าไปในดวงตาคมเข้มที่แสนเย็นชานั้นกลับไม่ลดทอนความหล่อเหลาของใบหน้าขาวนวลเนียนนั้นได้เลย คิ้มเข้มรับกับจมูกโด่งเป็นสันชัดและโดดเด่น โครงกรามชัดได้รูป ริมฝีปากบางที่ไม่เคยเอื้อนเอ่ยคำหวาน ไรผมดำขลับถูกตัดสั้นไม่เคยจัดทรงแต่กลับดูดีทุกมุมมอง
อัญชันเผลอกลืนน้ำลายไม่รู้ตัว สิ่งที่ทำให้หัวใจเธอเต้นแรงในขณะนี้ไม่ใช่ความหล่อเหลาในตัวศิวัชเพียงอย่างเดียว แต่กลับเป็นแววตาที่เย็นเยียบที่แฝงความอบอุ่นบางอย่างไว้อย่างแนบเนียนแต่ก็น่าค้นหามากเช่นกัน
“ปล่อยอัญชันค่ะพ่อเลี้ยง! อัญชันยังเด็ก...” เธอหลบตาเขาพลางรั้งผ้าห่มเข้ามาห่มตัวไว้ ศิวัชเผยยิ้มอย่างวางท่า มือของเขาลูบไล้ที่ริมฝีปากอมชมพูอวบอิ่มของเธออย่างแผ่วเบา ดวงตานิ่งแต่กลับแฝงความถูกใจในตัวหญิงสาวไว้ไม่มิด
“ฉันไม่รับปากนะ...ว่าจะไม่ทำอะไรเด็กอย่างเธอ” เขากระซิบเสียงพร่า คำพูดนั้นสะท้อนอยู่ในอกของทั้งสองคน ศวัชยื่นหน้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ใกล้จนปลายจมูกแทบจะแตะกับปลายจมูกของเธอ มือของเขายังคงเคลียเคล้าที่แก้มขาวแตะไล่ลงมาจนถึงริมฝีปาก
เขากำลังจะจูบเธอ...ประตูถูกผลักออกพร้อมเสียงเรียก
“พ่อเลี้ยง! หมอศิวามาถึงละค่ะ!”
ตอนพิเศษผ้าริ้วสีขาวครีมหรูหราพลิ้วไหวไปตามแรงลมพัด เสียงขบวนขันหมากดังก้องถนนทางเข้าไร่เทียนฟู่หยาง อัญชันยืนแอบมองขบวนขันหมากด้วยใจที่สั่นระริก ทั้งตื่นเต้น ทั้งกลัวจะทำตัวไม่ถูกในงานวันสำคัญ เธอเดินไปเดินมาจนข้าวฟ่าง รินทร์ลดาถึงกับหลุดหัวเราะออกมา“อัญชัน...หยุดเดินได้แล้ว เดี๋ยวก็ลูกหลุดพอดี”“คุณรินทร์...ฉันตื่นเต้นน่ะค่ะ”“จ๊ะๆๆๆ ตื่นเต้นน่ะถูกแล้ว แต่งงานนี่เนอะ”หญิงสาวหยุดยืนมองเงาตัวเองในกระจก ผมที่เคยยาวสลายถูกเก้ามวยขึ้นสูงประดับด้วยปิ่นทองและเครื่องครอบผม ใบหน้าถูกแต่งเติมสีสันด้วยเครื่องสำอางจนงามเหมือนนางในวรรณคดี ชุดไทยโบราณสไบเฉียงสีแดงคลิบทองพริ้วไหวไปตามลม เรือนร่างของเธอถูกประดับด้วยเครื่องประดับทองประโคมแน่นทั้งตัว จนมองไปที่ท้องที่ตอนนี้บวมใหญ่คล้ายคนใกล้คลอดแล้ว“โอ๊ย...อัญชันท้องใหญ่มากเลยอ่าข้าวฟ่าง คุณรินทร์”“ก็วัชเล่นจัดงานช้า อัญชันปาเข้าไป 7 เดือนกว่าละงานเพิ่งจะเสร็จนี่นา”“แต่ก็ยังสวยมากๆ เลยค่ะอัญชัน อย่าคิดมากนะคะ” หญิงสาวทำหน้าเศร้า ก่อนจะหันควับกลับไปยังเสียงขบวนขั้นหมากที่ร้องดังอยู่หน้าบ้านอัญชันยืนหลบมองเจ้าบ่าวที่ใส่ชุดขาวใหญ่โจงกระเบนแดงขลิบ
บทที่ 25มาง้อเมียเสียงนกร้องดังแว่วมาจากนอกระเบียงห้องพักผู้ป่วย เสียงแดดยามเช้าเล็ดลอดผ่านผ้าม่านเข้ามายังด้านใน อัญชันค่อยๆ ขยับตัวลืมตาตื่นมือสองข้างเธอกุมมือของใครไม่รู้อยู่แน่น เธอตกใจนิดๆ แต่ก็มองตามยังเจ้าของมือนั้น ที่ฟุบหน้านอนอยู่พอเห็นไรผมที่ปกหน้าอยู่ก็จ้องมองใบหน้านั้นนิ่งๆ“ฉันคิดถึงพ่อเลี้ยงศิวัชมากจนมองเห็นพ่อเลี้ยงชานนท์เป็นเขาเลยเหรอเนี่ย” เธอพูดเบาๆ จนเจ้าของมือเริ่มลืมตาตื่น เขาเงยหน้ามองเธอด้วยสายตางัวเงียพลางลูกขึ้นใช้มือข้างหนึ่งขยี้หูตาราวกับเด็กน้อย“ตื่นแล้วเหรอที่รัก...ฮ้าว” อัญชันพงักหน้านิ่ง“ภาพหลอนเหรอ ทำไมอัญชันเห็นหน้าคุณเป็นพ่อเลี้ยงศิวัช” ศิวัชหันซ้ายหันขวาพลางหันกลับมามองหน้าอัญชันด้วยความสงสัย“พูดอะไรน่ะที่รัก ไหนชานนท์”“คุณชานนท์อย่าเรียกอัญชันว่าที่รักสิคะ อัญชันมีแค่พ่อเลี้ยงศิวัชคนเดียวที่เป็นที่รัก” ชายหนุ่มอมยิ้มเขินๆ พลางเอื้อมมือลูบหัวหญิงสาว แต่เอก็เลือกจะปัดมือออกราวกับหวงตัว“เอาหัวมานี่ค่ะที่รัก”“คุณชานนท์เรียกอัญชันดีๆ ค่ะ แล้วอย่ามาแตะตัวอัญชันแบบนี้ อัญชันไม่ชอบค่ะ” ศิวัชไม่พูดพร่ำต่อ เขานั่งลงบนเตียงข้างๆ เธอพลางดึงเธอเข้ามากอด
บทที่ 24จับผิดรถแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านหลังใหญ่สุดหรูหรา ศิวัชและศิวาเดินเข้าไปในบ้านอย่างคุ้นเคย รินทร์ลดาอยู่ในชุดเดรสผ้าเบาสีขาว เธอแต่งตัวเรียบๆ แต่ดูหรูหรา ดวงตาทั้งสองข้างจับจ้องกับการจัดแต่งสปาเก็ตตี้ลงจาน รู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อตอนที่ชายหนุ่มทั้งสองนั่งลงที่โซฟาใกล้ๆ“มาถึงกันแล้วเหรอ...ไวน์รึแชมเปญดี” เจ้าของบ้านรีบออกมาต้อนรับทันที“ฉันไวน์ ส่วนวัช?” ศิวากระทุ้งสีข้างชายหนุ่มเบาๆ เรียกสติ“ฉันก็ไวน์เหมือนกัน”“เลือกได้ดี...” รินทร์ลดายิ้มหวานพลางหันกลับไปรินไวน์ลงในแก้ว ก่อนจะเดินมาเสิร์ฟให้ทั้งสองหนุ่มด้วยท่าทีร่าเริง“ไม่คิดว่าจะมากัน ฉันเลยเซทเมนูง่ายๆ ไว้ให้ พอดีคุณพ่อไปอังกฤษ...แม่บ้านก็เลยขอลากลับบ้าน ฉันอยู่คนเดียวน่ะ” เธอยกไวน์ขึ้นดื่มเบาๆ“ไม่เป็นไรหรอก พวกเรามากันกะทันหันเอง...พอดีวัชกลับจากฮ่องกงมาแล้วไม่ได้ติดต่อเธอเลย”“อ้อ...ไปฮ่องกงมาเหรอ อากาศเป็นไงบ้างที่นั่น” เธอถามไถ่ด้วยแววตาสนใจ“ก็อากาศดีอยู่นะ แดดแรงดี”“แรงตรงไหน ฝนตกตลอด...” รินทร์ลดารีบหยุดพูดเมื่อนึกขึ้นได้“ฝนตกตลอดเหรอ...เธอรู้ได้ยังไงรินทร์”“เอ่อ...คือวีคก่อนฉันเพิ่งไปมาน่ะ เจอแต่ฝนตลอดทริปเลย ฮ่
บทที่ 23บ่วงรัก“ไม่นะ! ไม่! อย่าไปค่ะพ่อเลี้ยง!” อัญชันสะดุ้งตื่นด้วยเสียงลมหายใจที่หอบถี่ เหงื่อผุดขึ้นเป็นเม็ดเล็กคล้ายกับคนที่เพิ่งออกกำลังกายมาหมาดๆ เธอหันมองรอบเตียงนอนขาวสะอาดตาทุกอย่างในห้องว่างเปล่า เงียบเหงาเหมือนกับหัวใจของเธอในตอนนี้อึ๊ก..อึ๊กหญิงสาวรีบเอามือปิดปากลุกจากเตียงและพุ่งตรงไปที่ห้องน้ำในตัวห้อง ก่อนจะอาเจียนลงชักโครกอย่างหนัก เธอทรุดลงนั่งหายใจหอบตัวโยน หลายวันแล้วที่เธอคลื่นไส้อาเจียนตลอดเพียงได้กลิ่นอะไรเล็กน้อย เธอก็ต้องวิ่งเข้าหาห้องน้ำที่อยู่ใกล้ที่สุดในทันที“จะครบเดือนแล้วสินะ” ร่างบางพึมพำกับตัวเอง เธอกดชักโครกและหยุดยืนมองเงาตัวเองในกระจกพลางล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นขึ้นผ่านมาจะครบเดือนแล้วนับตั้งแต่วันที่อัญชันเลือกจะออกจากไร่ชาเทียนฟู่หยาง พ่อเลี้ยงศิวัชไม่เคยตามตัวเธอกลับไปและไม่เคยร้องขอให้เธออยู่ เขาหายเงียบไปหลังจากที่เธอพบกับความจริงที่ว่าความสัมพันธ์ที่เธอเชื่อใจกลับเป็นเพียงแค่ผลประโยชน์ของพินัยกรรมในครอบครัวเขาเท่านั้นอาหารเช้าถูกจัดวางไว้ที่ห้องรับรองแขก พ่อเลี้ยงชานนท์กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่เงียบๆ สายตาของเขาหันมองเธอที่เดินลงมาจาก
บทที่ 22ด้ายแดงที่ขาดศิวัชพาอัญชันเดินเข้าไปยังในวัดโดยลอดผ่านซุ้มหน้าประตูและพาเธอไปไหว้ยังจุดต่างๆ เพื่อขอพร คนภายในวัดหนาแน่นศิวัชจึงจับมืออัญชันไว้ตลอด เขาพาเธอเดินลัดเลาะหลบผู้คนจนมาหยุดอยู่ที่องค์เทพหยุคโหลวหรือเยวี่ยเหล่า เทพเจ้าแห่งความรัก ทั้งคู่รับด้ายแดงมาไว้ในมือก่อนจะทำพิธีโดยใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางทั้งสองข้างหนีบด้ายแดงไว้ นิ้วนางกับนิ้วโป้งงอลงและเชื่อมทั้งสองมือโดยการสอดนิ้วก้อยเข้าที่ช่องระหว่างนิ้วกลางกับนิ้วโป้งของมือซ้าย จากก็เริ่มอธิษฐานขอพร อัญชันและศิวัชอธิษฐานขอพรอย่างเงียบๆ แต่เต็มไปด้วยความชัดเจน ก่อนที่ทั้งคู่จะนำด้ายแดงไปผูกไว้“ขอให้เนื้อคู่ของอัญชันคือ พ่อเลี้ยงศิวัช” ศิวัชอมยิ้มพลางพาอัญชันเดินไปยังจุดไหว้ภายในวัดต่อ เมื่อเดิมมาถึงจุดไหว้อีกจุด ศิวัชก็เอื้อมมือหยิบกำไลด้ายแดงที่สั่งทำพิเศษขึ้นมาพลางสวมให้หญิงสาวด้วยรอยยิ้มอบอุ่น“ชอบมั้ย...ฉันตั้งใจสั่งทำมาให้”“ชอบมากๆ และสวยมากๆ ขอบคุณนะคะที่รัก” อัญชันถลาเข้ากอดศิวัชไว้แน่น ในระหว่างนั้นเองที่อัญชันเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินอยู่ในไกลนัก ลักษณะของเธอดูคุ้นราวกับคนที่อัญชันเคยพบเห็นมาก่อน“คุณรินทร์...” ศิว
บทที่ 21คลั่งรักศิวัชพาอัญชันกลับมายังที่พัก อัญชันรีบวิ่งไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะอยากเล่นสระน้ำส่วนตัวในห้อง เพียงครู่เดียวเธอก็เดินออกมาพร้อมชุดบิกินี่สีชมพูและเดินตรงไปที่สระน้ำอย่างไม่สนใจชายหนุ่มที่มองตามตาไม่กระพริบ อัญชันหย่อนตัวลงในสระว่ายน้ำอุ่นๆ น้ำในสระถูกเซ็ทอุณหภูมิไว้แบบน้ำอุ่น อัญชันมัวแต่สนุกกับน้ำในสะจนไม่รู้ตัวว่ามีอีกร่างกำลังเดินเข้ามาใกล้จากข้างหลัง“อุ้ย! ที่รักตกใจหมด” อัญชันหันกลับไปมองร่างสูงที่บัดนี้สวมเพียงกางเกงว่ายน้ำตัวเดียว อกกว้างสวมกอดเธอไว้แน่นพลางจุมพิตลงตรงหว่างคิ้วของหญิงสาว“ขวัญเอ้ย...ขวัญมา”“ที่รักเล่นน้ำสิคะ...” อัญชันใช้มือบางควักน้ำสาดกระเซ็นใส่ร่างสูงด้วยรอยยิ้ม“อยากเล่นอย่างอื่นมากกว่า...” พูดจบมือหนาก็รั้งร่างบางเข้ามาแนบกับอกกว้าง สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นที่รดรินกันอยู่ อัญชันแตะฝ่ามือลงที่แก้มของชายหนุ่มอย่างแผ่วเบาพลางเขย่งตัวในน้ำ เพื่อจุมพิตเบาๆ ที่ปากแดงระเรื่อของศิวัช“อัญชันรักพ่อเลี้ยงจังค่ะ”“ฉันรักเธอมากกว่า...” ศิวัชเลื้อยมือหนาลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างหญิงสาว เธอมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก พลางกระซิบข้างหูเบาๆ“ช่วงนี้เรา
Komen