@ประเทศญี่ปุ่น
เครื่องบินเจ็ทส่วนตัวบินลัดฟ้า ข้ามน้ำ ข้ามเขาในเวลาอันรวดเร็วก็มาถึงลานจอดบนดาดฟ้าของคฤหาสน์ตระกูลซามูเอลตั้งอยู่ในประเทศญี่ปุ่น
“ลากตัวลงมา!!” คริสเตียนไม่ชายตากลับไปมองร่างบางที่ตอนนี้สลบไสลเพราะฤทธิ์ยาของตัวเอง เขายืนเท้าสะเอวเพื่อเตรียมลงชั้นล่าง
“เฮ้ย!! ตื่น” อดัมเขย่าร่างบางให้รู้สึกตัว
“...”
“ตื่นสิวะ!!” มือหนาเอื้อมไปเขย่าแรง ๆ อีกครั้ง
“อื้อ!...” ก่อนที่รวงข้าวจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมามองรอบ ๆ
“...ปล่อยนะไอ้พวกเลว!! ปล่อยฉัน!!” เมื่อปรับร่างกายเข้าโหมดปกติได้เธอจึงโวยวายไม่ยอมลงจากเครื่องบินดิ้นต่อสู้สุดชีวิต
“ลงมาดี ๆ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว” อะเดลที่ยืนดูอยู่พักใหญ่สั่งเสียงเข้ม เพราะเขาไม่อยากทำร้ายผู้หญิง
ฟึบ!
“ไม่ไปไง ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้” มือบางสะบัดแขนให้เป็นอิสระในเวลาต่อมา ก่อนจะลุกขึ้นยืนพร้อมที่จะปะทะกับชายฉกรรจ์ร่างกายกำยำตรงหน้า
“ลากยัยนั่นลงมาสักที!!” คริสเตียนยืนฟังบทสนทนาตั้งแต่เริ่ม เริ่มจะหงุดหงิดใจที่ต้องรอนาน
“ไม่ลง ไม่ต้องมาจับ”
“ลงมาดี ๆ อย่าให้ต้องใช้กำลัง” สุดท้ายร่างสูงทนไม่ไหวเดินขึ้นไปบนเครื่องบินเจ็ทเพื่อลากเจ้าตัวปัญหาลงมาเอง
หมับ!
“ปล่อย!” น้ำเสียงนิ่ง ๆ สั่งร่างสูง
กึก! ทว่าคริสเตียนกลับบีบด้วยความแรงจนข้อมือแทบจะหักเป็นสองท่อน นับแต่นี้จะไม่มีความอ่อนโยนให้เห็นอีก
“ถ้าคิดว่าทำแบบนี้ แล้วฉันจะทนไม่ไหวฆ่าเธอทิ้ง บอกไว้เลยว่าคิดผิด”
“...” ร่างบางนิ่งไปทันที ผู้ชายคนนี้ฉลาดเกินกว่าที่คิดไว้
“เดินลงมาดี ๆ” เขาสั่งเสียงเข้มแต่พอหันกลับไปมองรวงข้าวยังคงนิ่งเฉย ทำให้คริสเตียนเอื้อมมือไปกระชากแขนเล็กให้เดินตามลงมา
“นี่!! ฉันเดินเองได้” ร่างบางพยายามแกะมือหนาออก
“เงียบ!!”
“...” คำสั่งของคริสเตียนทำเอารวงข้าวเเข็งเป็นท่อนไม้ยอมเดินตามดี ๆ แค่คิดถึงนาทีต่อจากนี้ก็รู้สึกมืดมนอย่างบอกไม่ถูก
ตึก!
ตึก!
อดัมเปิดประตูห้องแต่งตัวเพื่อเปิดทางสะดวกให้เจ้านายหนุ่มที่กำลังฉุดกระชากหญิงสาวร่างอรชร
พรึ่บ!
“จับยัยนี่แต่งตัวแต่งหน้าใหม่” คริสเตียนผลักร่างบางให้นั่งบนเก้าอี้ด้วยความแรง
“อ้ะ!!” ความจุกจากแรงกระแทกเล่นเอารวงข้าวส่ายหน้าข่มความเจ็บ ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินเข้ามาหาพร้อมเชือกเส้นยาว
“...” ทุกคนในที่นี่ต่างยืนนิ่งดูเจ้านายตัวเองกำลังมัดแขนเล็กรั้งกับเก้าอี้เพื่อไม่ให้เธอพยศได้อีก
“ใครกันคะ!?” ผู้จัดการหญิงฝ่ายดูแลเด็ก ๆ ในงานประมูลเอ่ยถาม
“...” ความเงียบของคริสเตียนและลูกน้องฝาแฝดทำให้ผู้จัดการสาวไม่กล้าเอ่ยถามต่อ
“แต่งตัวให้ยัยนี่ คืนนี้เปลี่ยนตัวสินค้าประมูล” คริสเตียนบอกนิ่ง ๆ
หมับ!
“หน้าสวย หุ่นดี ผิวเนียนแบบนี้ เรียกแขกในงานได้ไม่ยาก” เธอเอ่ยยิ้ม ๆ สำรวจสินค้าว่าผ่านมาตรฐานของทางร้านรึเปล่า ว่าแล้วก็เอื้อมมือไปเปิดเสื้อเพื่อเช็กด้านใน
“โอ้ว..เสียดายรอยเต็มหน้าอกแบบนี้ สินค้ามีตำหนิ พวกเสี่ย ๆ คงไม่ชอบแน่”
“ของสด ๆ ใครจะไม่ชอบ” คริสเตียนนั่งมองรวงข้าวไม่วางตา ท่าทางนิ่ง ๆ ยิ่งทำให้คนมองรู้สึกสนใจความคิดของเธอตอนนี้
“แต่รอยพวกนี้ เชื่อถือได้ยังไงว่าสด” ผู้จัดการสาวถามต่อ
“อย่าพูดมาก บอกว่าสดก็สดสิวะ!!” ดวงตาคมเหลือบมองลูกน้องสาวเพียงหางตาอย่างไม่สบอารมณ์ คิดว่าคนอย่างเขาจะโง่ให้คนอื่นหลอกง่าย ๆ เหรอ ไม่มีวัน!! ความจริงเขาแปลกใจตั้งแต่จูบแรกแล้ว ทว่าคิดไม่ถึงว่านางนกต่อสมัยนี้จะมีแบบสาวบริสุทธิ์ด้วย
“ค่ะนาย แล้ว...”
“ไม่ต้องถาม แค่ไปหาอะไรมากลบรอยพวกนั้นให้หมดก็พอ...”
“...คืนนี้ฉันต้องการราคาที่สูงที่สุด!!” ว่าแล้วก็ลุกออกจากห้องนี้เพื่อไปแต่งตัวเข้าในงานคืนนี้
ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ
แอ๊ดดด~
“นาย! นายคะ”
ผู้จัดการสาววิ่งหน้าตั้งเข้ามาอย่างร้อนใจเพราะตอนนี้ใกล้ถึงเวลาขึ้นโชว์ตัวแล้ว ทว่าทุกอย่างไม่ได้ราบรื่นเลยสักนิด
“มีอะไร” ร่างสูงใหญ่แต่งตัวตามที่ลูกน้องจัดเตรียมเอาไว้ให้
“เธอไม่ยอมแต่งตัวค่ะ”
“อยู่กันกี่คน ก็จับมัดสิวะ”
“ฤทธิ์เธอเยอะมากเลยค่ะ ไม่มีใครสู้เธอได้ ตอนนี้จับขังไว้ในห้องแล้ว” ผู้จัดการรีบรายงานต่อทันที
“...”
“นายไม่เคยบังคับใครประมูลนี่คะ ปกติก็ต้องเต็มใจเท่านั้น” เธอขมวดคิ้วอย่างสงสัย
ตึกตึก...คริสเตียนไม่ได้ฟังอะไรต่อสาวเท้าไปห้องแต่งตัวของรวงข้าว
แอ๊ดดด~
ฟิ้ว~
ทันทีที่เปิดประตูเข้ามาท่อนเหล็กขนาดกลางฟาดเข้าหาร่างสูงอย่างไว ทว่าคริสเตียนที่รู้ทันหลบหนีได้ทันเวลา ก่อนจะกระชากท่อนเหล็กจากมือรวงข้าวโยนทิ้งไป
“อยู่ดี ๆ ไม่ชอบ ชอบเจ็บตัวใช่ไหม” มือหนาบีบคอของหญิงสาวไว้แน่นลากเหวี่ยงไปกระแทกกับผนังห้อง แล้วสาวเท้าเดินเข้าไปดึงรวงข้าวขึ้นมาใหม่
“...” เธอนิ่งไม่เถียงอะไรแถมยังไม่แสดงอาการเจ็บออกมาให้เห็น
“แต่งตัวซะ”
“...”
“กูบอกให้แต่งตัว!!” เขาตะเบ็งเสียงใส่
“...” เงียบ ทุกอย่างเงียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ได้! มานี่!!”
เมื่อเห็นว่าเธอไม่คิดจะทำตาม คริสเตียนจึงจับร่างบางถอดชุดด้วยตัวเอง
“นี่! ปล่อย! ฉันทำเอง” มือบางปัดปกป้องไม่ให้เขาสามารถรุ่มร่ามได้
“ไม่ต้อง เสียเวลา” ร่างสูงไม่ยอมอีกต่อไปจัดการถอดชุดของรวงข้าวจนเปลือยเปล่าต่อหน้าต่อตาอีกครั้ง มือบางเลื่อนขึ้นมาปิดบังจุดสงวนของตัวเองเบี่ยงหน้าหนีด้วยความน่าอาย ก่อนที่มือหนาจะเอื้อมไปหยิบชุดที่แขวนไว้มาถือพร้อมจะจับรวงข้าวยัดใส่ชุด
“หยุด!!” เธอดันไม่ให้เขาเข้าใกล้
“จะปิดทำไม คิดว่าไม่เคยเห็นเหรอ...”
“...ขนาดของเธอฉันยังเคยเสียบมาแล้วเลย”
“ทุเรศ!! ไอ้ป่าเถื่อน” รวงข้าวเขม็งตาด้วยความไม่พอใจ
“หึ” ร่างสูงแสยะยิ้มกับคำด่าทอของรวงข้าว ก่อนที่เธอจะแย่งชิงชุดในมือคริสเตียนไปสวมใส่เอง เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยและสามารถปราบพยศได้สำเร็จเขาจึงเรียกลูกน้องให้เข้ามาทำหน้าที่ต่อ
รวงข้าวในชุดสายเดี่ยวซีทรูสีดำลายลูกไม้บางเบาจนเห็นทะลุชุดชั้นใน พร้อมกับผมที่มัดรวบขึ้นไปเพื่อให้โชว์สัดส่วนอย่างเต็มที่ ใบหน้าหวานแต่งแต้มให้พอใส ๆ เพราะเธอเด่นจนสามารถที่จะเรียกแขกได้แล้วไม่จำเป็นต้องพึ่งเครื่องสำอางเหมือนกับสาวประมูลคนอื่น ๆ
ร่างบางถูกมัดมือมัดเท้ากับเก้าอี้กลางเวที แสงไฟสปอร์ตไลต์ส่องสว่างไปหาเธอ ทำให้ความขาวสวยสะอาดจนตาเฒ่าตาแก่ในงานนั่งลูบปากสูดความหื่นกามตัวเอง เวลาที่จับจ้องไปยังร่างบางบนเวที ยิ่งพิธีกรประกาศว่าเป็นของสดใหม่ไม่เคยผ่านมือชาย ยิ่งทำให้ทุกคนพร้อมประเคนเสนอราคาอย่างต่อเนื่อง และวันนี้ก็มาในธีมสาวน้อยบริสุทธิ์ผู้โดนบังคับเรียกคะแนนจากด้านล่างเวทีได้อย่างเต็มเหนี่ยว
ทว่า
ความเป็นจริงเธอเป็นเหยื่อในการทรมานเพราะทำงานพลาดต่างหาก ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเธอและผู้ชายด้านหน้าเวทีที่แต่งชุดสูทดูดีมีภูมิฐาน แต่ความเป็นจริงโหดเหี้ยมอำมหิตที่สุด
สองแสน!!
สามแสน!!
สี่แสน!!
“โอ้!! ราคาพุ่งแบบนี้ งานหน้าคนต้องแห่มาเยอะกว่าเดิมแน่ ถ้าพี่มีเด็ด ๆ อีก เอามาให้ผมเลือกก่อนนะ”
“ระวังติดโรคตายซะก่อน!!” เสียงกระแนะกระแหนจากน้องชายคนเล็กดังออกมา นั่งฟังพี่คนกลางเอ่ยพร่ำเป็นเวลานาน
“มึงอย่าเสือกไอ้คูเปอร์!!...”
“...จะไม่พูดไรหน่อยเหรอวะพี่คริส มั่วแต่จ้องเด็กนั่นหรืออยากกินเอง”
“...” คริสเตียนไม่ตอบ มองสินค้าบนเวทีไม่ต่างอะไรกับแขกในงาน
“สี่แสนครั้งที่หนึ่ง...สี่แสนครั้งที่สอง...ไม่มีใครจะสู้แล้วใช่ไหมครับ..งั้นผมจะนับให้คุณยู่จินแล้วนะครับ...”
“...สี่แสนครั้งที่...”
“หนึ่งล้าน!!”
“เฮ้ย!! พี่คริส” เคนตะตวัดสายตามามองต้นเสียงอย่างเหลือเชื่อว่าจะได้ยินประโยคนี้จากปากพี่ชาย
“อะไรวะ อั๊วไม่ยอมนะเว้ย ลื้อเป็นเจ้าของงานจะมาลงแข่งทำไม” ชายวัยชราลุกขึ้นยืนโวยวายเมื่อโดนขัดขา รู้สึกหัวเสียไม่น้อยเพราะเขากำลังจะได้มาครอบครองอยู่แท้ ๆ
“ใช่ ๆ ฉันก็ไม่ยอม” ตามด้วยพวกเสี่ย ๆ ที่รอโอกาสหวังจะซื้อต่อหลังจบงาน
“เฮ้ย บนเวทีนับของฮั๊วต่อเลย” ยู่จินวัยเจ็ดสิบปีเอ่ยสั่งพิธีกรบนเวที
“ถ้าไม่อยากแก่ตายก็หุบปากซะ!!” คริสเตียนลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะประกาศเสียงนิ่งราวน้ำแข็ง หางตามองรวงข้าวเพียงแวบเดียวแล้วกลับมาไล่ตาคมมองแขกในงาน ทุกคนรีบก้มหัวนั่งลงที่เดิมไม่กล้าโวยวายต่ออีกเพราะกลัวธุรกิจที่ทำอยู่จะพังพินาศ
“คิดไรของพี่ เงินเยอะขนาดนั้นเอามาซื้อผู้หญิงแค่คนเดียวเนี่ยนะ” เคนตะเองก็ไม่เห็นด้วย เป็นเจ้าของงานแท้ ๆ แต่กลับหักหน้าลูกค้าตัวเอง แล้วงานหน้าใครจะเข้าร่วมอีก
“...” ร่างสูงใหญ่ไม่คิดจะตอบอะไรน้องชาย ในหัวมีแต่ความคิดที่จะเอาคืนร่างบางให้สาสม
“ถ้ารู้ว่าอยากได้จะเอาลงมาประมูลทำไม” เพราะถ้าหากสินค้าขึ้นโชว์บนเวทีแล้ว ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนใจไม่ประมูลต่อได้ วิธีเดียวที่จะได้ก็คือชนะการประมูลเท่านั้นและงานนี้พี่ชายของเขาก็ชนะไปเต็ม ๆ เพราะไม่มีใครบ้าบิ่นซื้อผู้หญิงในราคาสามสิบสองล้านหรอก
“วิธีนี้มันทรมานน้อยเกินไป” ในที่สุดเขาก็หันไปบอกน้องชายเสียงนิ่ง
“หืม!?” เคนตะไม่เข้าใจสิ่งที่คริสเตียนเอ่ยออกมา
“กูจะทำให้ยัยนั่นทรมานจนจำชื่อกูขึ้นใจ!!”
ฟึบ! เอ่ยจบร่างสูงก็หมุนตัวเดินออกจากห้องโถงไปทันที ท่ามกลางความมึนงงของแขกในงานพร้อมเสียงซุบซิบนินทาตลอดสาย
“เธอเป็นใคร” คูเปอร์เอ่ยถามลูกน้องพี่ชายเพราะคิดว่าเธอไม่ใช่หญิงสาวที่เอามาประมูลธรรมดาเหมือนครั้งก่อน ๆ แน่
“มีคนส่งมาล้วงความลับเรื่องคู่ค้าของเราครับ” อดัมรายงานคูเปอร์น้องชายเจ้านาย
“ล้วงความลับ!? คิดยังไงล้วงจากพี่คริสวะ โง่ฉิบหาย”
เคนตะส่ายหน้านึกไม่ถึงว่าจะมีคนตกเป็นเหยื่อ
“ไม่ใช่นาย แต่เธอต้องการหลอกคุณเคนตะ” อดัมบอกต่อ
“อย่างนี้ก็ผิดคนน่ะสิ” ทำให้คูเปอร์เอ่ยออกมาแล้วหันไปมองร่างบางที่ตอนนี้กำลังโดนการ์ดหิ้วตัวลงจากเวที
“หลอกกู!?” เคนตะชี้นิ้วหาตัวเอง
“ครับ”
“ใครเป็นคนส่งมา” คูเปอร์ถามต่อทันที
“ยังไม่ทราบครับ นายกำลังสืบ”
“หึ งานนี้สนุกแน่” เมื่อคิดบางอย่างได้เคนตะจึงรีบลุกเดินตามพี่ชายออกไป รู้สึกดีใจอย่างกับอ้อยกำลังเข้าปากช้าง
อาฟเตอร์ปาร์ตี้ หลังจากรวงข้าวตอบรับการแต่งงาน คริสเตียนก็เร่งงานภายในหนึ่งอาทิตย์เพื่อให้รวงข้าวสวมใส่ชุดเจ้าสาวได้สวยที่สุด ก่อนที่เจ้าตัวน้อยในท้องจะแสดงฤทธิ์เดชเผยให้ทุกคนได้เห็น“ไม่รู้จะมีอาฟเตอร์ปาร์ตี้ทำไม” คริสเตียนบ่นออกมาเพราะเขาอยากเข้าหอเต็มทีแล้ว“คุณเคนตะรีเฟสมาครับ ผมไม่กล้าขัดเลยจัดตารางงานตามนี้” อดัมรายงานทันที“แล้วไหนคนที่อยากอยู่งานปาร์ตี้ที่สุด หายหัวไปไหนแล้ว” สายตาคมกวาดสายตามองหาน้องชายสุดแสบ ที่ปล่อยให้แขกในงานสนุกกันเอง ทั้ง ๆ ที่เป็นแขกของเคนตะทั้งนั้น“ผมเห็นขึ้นลิฟต์ไปสักพักใหญ่แล้วครับ” อะเดลเอ่ยตามที่เห็น“คัพเค้กไปตามพี่เคน บอกให้ลงมาในงานได้แล้ว” คางูยะนั่งฟังบทสนทนาของหลายชายคนโตก่อนจะบอกหลานสาวเพียงคนเดียวที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย“ทำไมต้องเป็นเค้กด้วยล่ะคะ” ทำเอาคัพเค้กถึงกับหน้าบึ้งตึง ย่นจมูกส่ายหน้าไม่ยอมลุกจากเก้าอี้ง่าย ๆ“ไปเถอะเค้ก ในงานก็มีแต่เพื่อนไอ้เคน บอกให้มันมารับแขกหน่อย” เจ้าบ่าวป้ายแดงรีบเอ่ยอีกเสียง เหลือบมองเจ้าสาวเป็นระยะ ยิ่งชุดที่รวงข้าวสวมใส่เผยให้เห็นร่องอกขาวเนียน จนเขาแทบจะอดใจไม่ไหวอยู่แล้ว“ลูกน้องพี่คริสก็มี ทำไมไม่ใช้บ
รวงข้าวทอดสายตามองตามนิ่ง ๆ เมื่อคริสเตียนเดินออกไปจากจุดนั้น“ตามผัวไปสิวะ ยืนเซ่ออยู่ทำไม” วิมลดันแผนหลังลูกสาวเพื่อกระตุ้นเตือน“...” ทว่ารวงข้างยังคงยืนเฉยเมย ลังเลว่าทุกอย่างคือความจริงใช่ไหม ไม่มีฉากบังหน้าอะไรตบตาเธออีก“อ้าวอีนี่ เอาใจผัวอะเป็นไหม คงไม่อยากให้ลูกในท้องไม่มีพ่อหรอกนะ” หญิงวัยกลางคนถึงกับเกาศีรษะ เบื่อหน่ายนิสัยเย็นชาเต็มที“...”“ไปสิวะ!!” ก่อนที่วิมลจะดันให้รวงข้าวยอมก้าวเท้าตามออกไปตึก!ตึก!“ปู่” คริสเตียนเอ่ยเรียกคางูยะไว้ ก่อนที่มาเฟียเฒ่าจะขึ้นเครื่องบินเจ็ทกลับไปซะก่อน “จะตามฉันออกมาทำไม ไม่ไปดูแลลูกเมียแกล่ะ” คางูยะไม่คิดจะหันกลับไปมอง ไม่ได้โกรธเคืองอะไรทั้งสิ้น แค่ไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งที่ตัวเองสะสางไม่เสร็จ“ผมเข้าใจทุกอย่างที่ปู่ทำแล้ว ต่อไปผมจะเป็นคนสืบเรื่องนี้ จะไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่าอีก”กึก!“ต่อไปแกอย่าลืมนะ ว่าจุดอ่อนของแกคือลูกและเมีย” คางูยะหันมาบอกด้วยสีหน้าสลด“ครับ ผมจะรีบจัดการให้เร็วที่สุด ก่อนรวงข้าวจะคลอด” เขาให้สัญญาและทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามที่พูด“...” มาเฟียเฒ่าพยักหน้า แล้วหมุนตัวกลับไปขึ้นเครื่องบินตามเดิมคริสเตียนยื
แม่!!” รวงข้าวมองหญิงวัยกลางคนที่เดินเข้ามาหยุดตรงหน้า พร้อมทั้งชายชราที่ยืนถือไม้เท้าแววตาดุดันพึ่บ! คริสเตียนปล่อยโอบกอดจากร่างบางแล้วหมุนตัวหันไปมองแขกใหม่ทันที“ปู่!!” ก่อนที่เขาจะเอ่ยอย่างตกใจ ไม่คิดว่าคางูยะจะตามมาได้เร็วขนาดนี้ และที่สำคัญกลับพาแม่รวงข้าวมาด้วย งานนี้คงไม่ง่ายอย่างที่คิดไว้“กลับบ้านกับฉัน...คริสเตียน!!” คางูยะกระแทกไม้เท้ากับพื้น น้ำเสียงเอ่ยสั่งเรียบ ๆ แต่ถึงเเม้จะนิ่งเรียบแต่แฝงด้วยอำนาจบางอย่าง“ไม่ครับ ผมจะกลับก็ต่อเมื่อปู่อนุญาตให้เราสองคนได้สร้างครอบครัวด้วยกัน” ร่างสูงไม่เพียงแต่เอ่ยแต่ยื่นมือลงไปจับมือบางไว้แน่น เขาพร้อมที่จะเผชิญทุกอย่างจริง ๆ และไม่คิดจะยอมเเพ้ง่าย ๆ“หึ ดีนี่ทำให้หลานที่เชื่อฟังฉันมาตลอดสามารถออกนอกลู่นอกทางได้ สมใจเธอแล้วสินะ” มาเฟียเฒ่าแสยะยิ้มมองใบหน้าหญิงสาวข้างๆหลานชาย“...” ทุกคนต่างเงียบเกรงกลัวอำนาจในกำมือคางูยะที่สามารถสั่งทำลายล้างทุกสิ่งที่ขวางหน้า“เธอเคยรับปากกับฉันว่ายังไงฮะ!!” ก่อนที่คางูยะจะยื่นไม้เท้าเชยคางรวงข้าวให้เชิดขึ้นต่อหน้าต่อตาทุกคน“หยุดขู่เมียผมสักที เมื่อไหร่ปู่จะปล่อยให้พวกผมมีชีวิตที่เลือกเองบ้าง” คริ
แววตาคมเหลือบมองเด็กชายตัวเล็กผิวขาวที่กำลังนั่งเล่นรอเวลาทานอาหารเช้า คริสเตียนสาวเท้าเข้าไปหย่อนตัวนั่งข้าง ๆ จนทำให้ดวงตาใสบริสุทธิ์จับจ้องคริสเตียนตาแป๋ว“เมื่อไหร่คุณลุงจะกลับ” คิมหันต์วางของเล่นในมือ ขยับตัวออกเล็กน้อย เพราะรวงข้าวเตือนไม่ให้ยุ่งเกี่ยว“เลิกเรียกลุงได้แล้ว” คริสเตียนไม่พอใจนัก แต่ก็เก็บกลั้นเอาไว้“ก็คุณลุงแก่แล้วนี่ครับ”“เฮ้ย! เคยโดนหนังยางดีดปากไหมวะ” แต่แล้วคำพูดที่เอ่ยออกมา ทำเอาคริสเตียนตะคอกกลับไปเสียงเข้ม“น่ากลัว..ว่าแล้วทำไมแม่ข้าวถึงไม่รัก” คิมหันต์ฉีกยิ้มเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังหน้าบึ้ง“รู้ได้ไงว่าแม่นายไม่รักฉัน อ้อ อีกอย่างต่อไปฉันต้องเป็นพ่อนาย ควรเปลี่ยนคำเรียกซะใหม่” เพราะหลังจากง้อรวงข้าวสำเร็จคงต้องรับคิมหันต์ไปเป็นลูกอย่างถูกกฎหมาย“ผมไม่อยากมีพ่อ แค่แม่ข้าวคนเดียวก็พอแล้ว” คิมหันต์ส่ายไปส่ายมาพร้อมทั้งกอดอกตัวเอง“ไม่ได้!! ถ้างั้นฉันจะไม่ให้นายเป็นลูกเมียฉันอีก” ถึงแม้จะมีน้องชายที่กวนประสาทถึงสองคน แต่ความอดทนเขาเริ่มจะหมดเต็มทีเมื่อต้องมานั่งต่อล้อต่อเถียงกับคิมหันต์“ขู่ผมเหรอ ผมไม่กลัวหรอก” คิมหันต์ยักคิ้วไม่ได้หวาดกลัวสักนิด“...” ทำเอาร่
“อะไรของคุณเนี่ย” รวงข้าวเงยหน้าถามด้วยความสงสัย จู่ ๆ คริสเตียนก็ลากเธอมาหลังต้นไม้“ไล่มันกลับไปเดี๋ยวนี้” ก่อนที่ร่างสูงจะเอ่ยเสียงเข้ม แววตาบ่งบอกชัดเจนว่าหมายถึงใคร“คุณก็เห็นว่าพี่ไดรฟ์ไม่กลับ”“งั้นพี่จัดการเอง” ว่าแล้วก็ปล่อยมือรวงข้าวเพื่อเดินกลับไปที่น้ำตกที่มีอดัมอะเดลค่อยเป็นเกราะคุ้มกันไม่ให้ไดรฟ์เข้าใกล้รวงข้าวได้“หยุดเลย คุณเองก็ควรจะกลับนะ ก่อนที่ปู่คุณจะตามมา” รวงข้าวรีบหยิบยกเรื่องนี้มาขู่ เพราะเชื่อว่าไม่นานคางูยะต้องทำอะไรสักอย่างแน่“รวงข้าว พี่ไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะ อายุก็เลขสามแล้วสร้างครอบครัวได้สบาย ๆ” ทำให้ร่างสูงหันมาเผชิญหน้ากับรวงข้าวอีกครั้ง แล้วเอ่ยน้ำเสียงจริงจัง“แต่ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่เหมาะกับคุณ” เธอก้มหน้าไม่สบตา ยังจำคำพูดคริสเตียนได้ทุกคำ“เอาอะไรมาวัดว่าไม่เหมาะ อย่าคิดแทนพี่”“อย่ามาพูดดีหน่อยเลย ฉันไม่มีวันหลงกลคุณอีกหรอก” ก่อนที่รวงข้าวจะเบี่ยงหน้าไม่อยากคุยกับคนเจ้าเล่ห์ต่อ“ข้าว...ฟังพี่อธิบายก่อน” คริสเตียนจึงตั้งใจจะอธิบายทุกอย่าง ถึงแม้สถานที่จะไม่อำนวยก็ตาม แต่ดีว่าเข้าใจผิดอยู่แบบนี้ไปเรื่อย ๆ“ข้าวไปกับพี่” ไดรฟ์เข้ามาเอื้อมมือดึงรวงข้าวอ
เช้าวันต่อมาตึกตึก...รวงข้าวเดินวนไปวนมารอบเตียงตั้งแต่หัวรุ่ง ครุ่นคิดหาทางเอาตัวรอดจากร่างสูงนอกห้อง“เราจะให้เขารู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด” เธอลูบหน้าท้องตัวเองที่มีอีกหนึ่งชีวิต“แต่เราจะหนีเขายังไง แล้วไหนจะเรื่องแม่อีกล่ะ” ถ้าหากคางูยะรู้เรื่องที่คริสเตียนมาตามเธอที่นี่ แม่ของเธอจะเป็นอันตรายไหมคิดได้อย่างนั้นรวงข้าวจึงชะโงกหน้าผ่านทางหน้าต่างเพื่อหาทางแก้ปัญหา ก่อนจะเห็นบอดีการ์ดยืนอยู่รอบบ้าน“ขนมาเยอะขนาดนี้ ไม่รอดอีกแน่” เธอส่ายหน้าเหนื่อยล้ากับสิ่งที่เผชิญ ทำไมความสุขที่เกิดขึ้นในชีวิตเธอมันสั้นนิดเดียว เมื่อไหร่เธอจะมีความสุขกับเขาบ้าง“แม่ข้าว...ทำอะไร” คิมหันต์ลุกขึ้น ใช้นิ้วมือขยี้ดวงตามองรวงข้าวที่กำลังยืนดูบางอย่างนอกหน้าต่าง“เอ่อ..ตื่นแล้วเหรอคิม” ทำให้รวงข้าวหันกลับมาตามเสียง“ครับ”“...” เธอยิ้มจาง ๆ เมื่อใกล้เวลาต้องออกไปเจอร่างสูงในเวลาที่ไม่อยากเห็นหน้าแบบนี้“ว่าไงครับ แม่ข้าวไปทำอะไรที่หน้าต่าง” แต่แล้วคิมหันต์กลับถามสิ่งที่ยังไม่ได้คำตอบต่อ“เปล่า นอนต่ออีกไหม” รวงข้าวจึงเดินไปใกล้ ๆ พร้อมเอื้อมมือลูบศีรษะเด็กชายที่กำลังจ้องเธอตาแป๋ว“ไม่ล่ะครับ คิมออกไปด้า