“เด็กนี่ ผมขอได้ไหม” เคนตะเอ่ยปากขอตรง ๆ หลังจากรู้เรื่องราวทั้งหมด
“ไม่ได้!!” ร่างสูงใหญ่ตะคอกกลับทันควัน
“อ้าว ทำไมล่ะ ต่อหลังพี่ก็ได้ ผมไม่ถือ” น้องคนกลางยังยียวนไม่ล้มเลิกความคิดง่าย ๆ
“สำส่อน!!” ทำให้คูเปอร์ที่เดินเข้ามาได้ยินพอดิบพอดีต่อว่าเคนตะออกไป
“ไอ้คูเปอร์ ไอ้น้องเวร ไม่ด่ากูสักวันจะตายไหม”
“พี่ก็เลิกมั่วสักที”
“เรื่องของกู มีของก็ต้องใช้งานสิวะ ไม่เหมือนมึงตายด้านจนนกเขาไม่ขันแล้วมั้ง”
“มันใช่เรื่องที่ต้องมาพูดในห้องกูไหม”
“พี่ก็ยกเด็กนั่นให้ผมสิ อ่ะ ๆ ผมประมูลเองก็ได้” เขายกมือขึ้นปัด ๆ เพื่อให้จบ ๆ ทั้งที่ความเป็นจริงก็เป็นเงินในครอบครัวนั่นแหละ
“...” คริสเตียนมองด้วยแววตาเข้ม หย่อนตัวนั่งบนโซฟาพร้อมไขว่ห้างด้วยท่าทีสบาย
“ลงบัญชีผมได้เลย สิ้นเดือนค่อยหัก” เคนตะบอกต่อเพราะรู้สึกชอบร่างบางบนเวทีเอามาก ๆ แต่จริง ๆ แล้วเขาก็ชอบไปทั่วขอแค่เป็นผู้หญิง
“ที่พูดไม่เข้าใจ” คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน มองเคนตะอย่างคาดโทษ
“ก็ผมอยากได้ ที่จริงยัยเด็กนั่นต้องเป็นของผมอยู่แล้ว วันนั้นไม่น่าตอบตกลงเปลี่ยนรถเลยว่ะ” เคนตะหย่อนตัวนั่งลงตามพี่ชาย นึกเสียดายโอกาสที่จะได้เป็นเป้าหมายให้เด็กสาวล่อลวง
“ไอ้เคน”
“หืม!?”
“เดี๋ยวมึงเปลี่ยนรถกับกู”
“ไม่เอา ผมไม่ชอบนั่งรถคนอื่น”
“กูไม่ได้ขอความคิดเห็น แต่กูสั่ง”
“เผด็จการ!!” เคนตะส่ายหน้าเมื่อโดนพี่ชายออกคำสั่งบังคับ
“ทำตามที่กูบอก” ก่อนที่คริสเตียนจะเอ่ยต่ออีกครั้ง
“ทำไม!?” ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นพี่ชายจะมายุ่มย่ามกับของใช้ส่วนตัวของเขา วันนี้จู่ ๆ ก็มาแปลกต้องมีอะไรที่มากกว่านั้นแน่
“ไม่ต้องถาม อยากไปปลดปล่อยใช่ไหม...” เพราะรู้จุดอ่อนของเคนตะเขาจึงพูดเรื่องนี้ออกมาเพื่อไม่ให้ถามเซ้าซี้ให้มากความ
“...คืนนี้ไม่ต้องกลับมาทำงาน กูอนุญาต” พร้อมเสนอทันที
“จริงนะ แค่เปลี่ยนรถพี่ใจดีขนาดนี้เลยเหรอวะ สุดยอดว่ะพี่” เคนตะยกหัวแม่มือให้คริสเตียนยิ้มดีใจเหมือนเด็กได้ของเล่น ลืมไปเลยว่าตัวเองกำลังสงสัยอะไรในตัวพี่ชาย
“...” ร่างสูงใหญ่ไม่ได้ใส่ใจจะตอบกลับนั่งหน้านิ่งจมอยู่กับความคิดในหัว
ระหว่างนั้นบอดีการ์ดของตระกูลซามูเอลหิ้วร่างบางมานั่งตรงหน้าสามพี่น้อง ใบหน้าหวานฉายความเรียบนิ่งหลบสายตาที่กำลังจับจ้องหันหนีไปทางอื่น เธอรู้สึกเกลียดชังสายตาพวกนั้นที่มองมาโดยเฉพาะคนกลางที่มั่วแต่จ้องมองเนินอกที่โผล่ให้เห็นผ่านซีทรู ส่วนคนน้องมองแบบไม่ใส่ใจ และเกลียดที่สุดคือสายตาของพี่คนโตที่ฉายแววตาเยาะเย้ยอย่างผู้ชนะ
“อย่าคิดว่าที่ฉันประมูลเธอเองเพราะฉันสงสาร...” คริสเตียนเอ่ยไม่ทันจบก็โดนเคนตะเอ่ยแทรก
“โอ้วพี่ ไม่มีใครเขาคิดหรอก เขารู้สันดานพี่กันหมด”
“...” ร่างสูงใหญ่เหลียวมองน้องชายด้วยหางตาเป็นคำเตือน
“ขนาดสาวสวยคนนี้ยังรู้เลย ถ้าพี่ชายฉันไม่มาขัดซะก่อนความจริงเธอกับฉันอาจจะหลอกล่อกันบนเตียงแล้วก็ได้”
“เงียบเหอะ ถ้าไม่มีอะไรจะพูด” คูเปอร์หย่อนตัวลงนั่งพร้อมเอ่ยปากบอกเคนตะอย่างรำคาญ
“เออ ๆ แล้วพี่คริสจะเอาไงต่อ”
“ฉันจะให้โอกาสเธอก่อนตาย ใครเป็นคนส่งเธอมา” คริสเตียนถามด้วยความหนักแน่น หยิบยื่นโอกาสสุดท้ายแก่ร่างบาง
“...” เงียบ ทุกอย่างเงียบอย่างที่คริสเตียนเดาไม่มีผิด
“ฉันมีให้เธอเลือกสองทาง”
“...” รวงข้าวไม่คิดจะฟัง
“ทางแรก ใครเป็นคนส่งมาขโมยสร้อยซิปยูเอสบีถ้าเธอยอมบอกดี ๆ เธอจะได้ตายสมใจ” ก่อนจะเน้นย้ำเพราะรู้ว่าเป็นสิ่งที่รวงข้าวขอเขาตลอดเวลา
“...” นอกจากจะไม่ตอบแล้วรวงข้าวยังนั่งนิ่งเหมือนไม่ฟังที่เขาพูด
“ทางที่สอง ฉันจะเป็นคนหาคำตอบเองส่วนเธอได้ตายสมใจอยาก...แต่ตายอย่างทรมาน!!” คราวนี้คริสเตียนไม่ได้ขู่แต่คิดจะทำตามที่พูดจริง ๆ
“ทางแรกเชื่อฉัน” เคนตะบอกร่างบางตรงหน้าทันที เพราะไม่มีใครยอมโง่เลือกทางที่สองหรอก ถึงบทสรุปจะตายเหมือนกัน แต่การตายอย่างไม่ทรมานมันดีที่สุด
“ท่าทางน่าจะปากเเข็งเอาการ” คูเปอร์นั่งนิ่งดูท่าทีอยู่นานจึงเอ่ยขึ้น
“หลังจากนี้ ฉันถือว่าเธอเป็นคนกำหนดชะตากรรมเองนะ”
“ผมขอเป็นคนทรมานเองได้ไหม” เคนตะยังไม่คิดจะล้มเลิกแผนเผด็จศึกร่างบาง อย่างน้อยก็อยากพาเธอขึ้นสวรรค์ซะก่อน
“มึงไม่ต้องเสือก!!”
“โธ่พี่ แบ่ง ๆ กันเราเป็นพี่น้องกันนะเว้ย”
“เอายัยนี่ไปขังห้องใต้ดิน!!” คริสเตียนไม่รอคำตอบจากร่างบางอีกต่อไป ตะคอกบอกลูกน้องให้ทำตามคำสั่งทันที
“ฟังที่พูดไหมเนี่ย”
“ฉันว่าเธอบอกพี่ชายฉันดีกว่า” คูเปอร์ไม่ได้อยากเห็นผู้หญิงตรงหน้าทรมานเพราะคงจะบอบซ้ำน่าดูถ้าตกอยู่ในกำมือคริสเตียน สงสารก็แต่โชคชะตาที่พาเธอมาเป็นเหยื่อ
“...” รวงข้าวไม่คิดจะตอบเพราะเธอเองก็รู้กฎของแก๊งดีว่าถ้าตกอยู่ในสถานการณ์บีบบังคับห้ามเปิดเผยตัวตนให้ศัตรูทราบ ถึงแม้จะเกลียดเเค้นพ่อเลี้ยงธนินมากขนาดไหนแต่เขาก็มีพระคุณเลี้ยงดูเธอและแม่
“เอาไปขัง!!” ร่างสูงเอ่ยเสียงเข้มสั่งอีกครั้ง
“เดี๋ยว!!”
“อะไรของมึงอีก” คริสเตียนเหลียวมองเคนตะอย่างไม่เข้าใจ
“ขอดูหน้าชัด ๆ หน่อย” ว่าแล้วก็ลุกขึ้นยืนสาวเท้าเข้าหารวงข้าว
หมับ!
“ไม่น่าเลยคนสวย ไม่น่ามาหลอกพี่ชายฉันเลย อดทนหน่อยนะเผื่อจะรอดตาย” มือหนาเอื้อมไปประคองคางมนเพื่อมองหน้าชัด ๆ ทว่ารวงข้าวกลับสะบัดหน้าหนีด้วยท่าทีรังเกียจ
“แม่ง! ฤทธิ์เยอะใช้ได้” เคนตะสบถคำหยาบ ส่ายหน้ากับความอวดดีของเหยื่อพี่ชาย ความอวดดีนี่แหละคือหนทางสู่ความหายนะของจริง
เมื่อบอดีการ์ดตระกูลซามูเอลลากรวงข้าวออกไป สามพี่น้องนั่งหันหน้าเข้าหากันทันที
“พวกไหน!?” คูเปอร์เอ่ยถามเป็นคนแรก
“ยังไม่รู้” เขาส่ายหน้าตอบ ตั้งแต่รู้ว่ารวงข้าวคิดจะทำอะไรเขาก็ให้ลูกน้องตามสืบตลอดมา
“รู้ประวัติอะไรของเธอบ้างล่ะ” เคนตะถามต่อ
“รู้แค่บ้านอยู่ทางใต้ของประเทศไทย”
“ไปขัดแข้งขัดขาใครแถวนั้นบ้างวะ”
“ไม่มี”
“ไม่มีหรือไม่รู้!?” คูเปอร์วิเคราะห์อย่างสงสัย
“ที่ไทยมีไม่กี่คนที่ทำธุรกิจเหมือนกับเรา แต่ที่มีก็อยู่ใต้คำสั่งเราหมด” เพราะไม่เคยมีใครกล้าขัดคำสั่งเลยไม่รู้ว่าพวกนั้นคิดจะทำอะไรบ้าง
“งั้นแสดงว่าพวกมันคิดจะหักหลัง” เคนตะเสนอต่อ
“บางทีเด็กนั่นไม่ได้อยู่ใต้จริง ๆ ประวัติอาจจะปลอม เพราะดูเธอพร้อมจะยอมตายตลอดเวลา”
“...” คำพูดของคูเปอร์ทำให้คริสเตียนนั่งพินิจตาม
“งั้นผมขอตัวก่อนนะ” ก่อนที่คูเปอร์จะลุกขึ้นหันไปบอกพี่คนโตหลังจากเสนอความคิดตัวเองเสร็จ
“อืม” คริสเตียนพยักหน้าทันที
“ผมด้วย กลับก่อน” ว่าแล้วเคนตะก็เดินตามคูเปอร์ เป่าปากออกไปอย่างสบายใจ ไม่มีเรื่องต้องคิดให้ปวดหัวเหมือนกับพี่ชาย ถึงจะอดได้ทรมานเหยื่อก็ตาม
@อีกด้าน
ครืดด! ครืดด!
“โธ่เว้ย!!” ไดรฟ์ยกโทรศัพท์มือถือหมายจะเขวี้ยงออกไปไกล ๆ ด้วยความโมโห
หมับ!
“ไม่รับสายเหรอวะ” กระทิงเข้ามาแย่งโทรศัพท์มือถือไว้ทันก่อนจะถามออกไป ทั้ง ๆ ที่รู้คำตอบอยู่แล้ว แค่อยากพูดให้เพื่อนใจเย็นลง
“อืม”
“ไอ้ข้าวจะโดนจับได้รึเปล่าวะ” จู่ ๆ กระทิงก็บ่นกับตัวเองอย่างแผ่วเบา
“อย่าปากหมาไอ้กระทิง” ทำให้ไดรฟ์ที่อารมณ์ไม่คงที่เหวี่ยงขึ้นมา
“กูไม่ได้จะปากหมา ไอ้ข้าวก็เหมือนน้องกูคนนึงเหมือนกัน แต่นี่ติดต่อไม่ได้เลยตั้งแต่มันบอกจะลงมือ” กระทิงเดินไปมากังวลกับสถานการณ์ตอนนี้ไม่น้อย
“...” ไดรฟ์เงียบรู้สึกใจคอไม่ดี เป็นห่วงก็แต่รวงข้าวป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง
“เป็นไง ติดต่อรวงข้าวได้ยัง” พ่อเลี้ยงธนินเดินเข้ามาถามเพราะรู้เรื่องจากลูกน้องที่มารายงาน
“ไม่ได้” ไดรฟ์ตอบเสียงแข็ง
“แล้วมึงโมโหอะไรฮะ!!”
“พ่อเลี้ยงก็รู้ว่าพวกนั้นอันตรายแค่ไหน พ่อเลี้ยงยังจะส่งข้าวไปทำงานคนเดียวอีก” ไดรฟ์ไม่ทนอีกต่อไป ระเบิดอารมณ์ทั้งหมดออกมา
“ไอ้ไดรฟ์!!” กระทิงเข้ามาสะกิดเตือนสติเพื่อน
“ขอโทษครับ” เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองพลั้งปากจึงเอ่ยขอโทษผู้เป็นนาย
“พวกมึงไปหายัยรวงข้าวที่กรุงเทพฯ ได้ความยังไงค่อยกลับมารายงานกู”
“แล้วถ้าข้าวโดนจับไปจริง ๆ ล่ะครับ” กระทิงถามทันที
“ไอ้กระทิง!!” คำพูดที่ไม่เข้าหู ทำให้ไดรฟ์กระแทกไหล่ใส่เพื่อนรัก
“กูถามไว้ก่อนไง เราจะได้หาทางอื่นไว้เผื่อ ๆ”
“ถ้ามันโง่ให้โดนจับได้ ก็แล้วแต่เวรแต่กรรมมัน!!” เอ่ยจบพ่อเลี้ยงธนินเดินออกจากห้องไป ไม่รู้เลยว่าคำพูดของเขามีใครบางคนแค้นใจยืนกำหมัดแน่น
@ห้องใต้ดิน
ตุบ!
“โอ๊ะ!!” ร่างบางถูกชายฉกรรจ์โยนเข้าไปในห้องสี่เหลี่ยม ภายในเป็นเหมือนกับห้องนอนคนรับใช้ทั่วไป แค่ไม่มีช่องทางออกอื่นนอกจากประตูทางเดียว
“หาคำตอบให้ได้ว่าใครเป็นคนส่งเธอมา พรุ่งนี้นายจะมาเอาคำตอบด้วยตัวเอง”
ปึง!!
ประตูห้องถูกปิดลงหลังจากสิ้นเสียงเอ่ยสั่ง ใบหน้าหวานเริ่มจะฉายความหวาดกลัวเมื่ออยู่คนเดียว เธอไม่มีทางรอดจากที่นี่แน่และเธอไม่มีทางทรยศผู้มีพระคุณเหมือนกัน อย่างน้อย ๆ เขาก็เป็นสามีของแม่
อาฟเตอร์ปาร์ตี้ หลังจากรวงข้าวตอบรับการแต่งงาน คริสเตียนก็เร่งงานภายในหนึ่งอาทิตย์เพื่อให้รวงข้าวสวมใส่ชุดเจ้าสาวได้สวยที่สุด ก่อนที่เจ้าตัวน้อยในท้องจะแสดงฤทธิ์เดชเผยให้ทุกคนได้เห็น“ไม่รู้จะมีอาฟเตอร์ปาร์ตี้ทำไม” คริสเตียนบ่นออกมาเพราะเขาอยากเข้าหอเต็มทีแล้ว“คุณเคนตะรีเฟสมาครับ ผมไม่กล้าขัดเลยจัดตารางงานตามนี้” อดัมรายงานทันที“แล้วไหนคนที่อยากอยู่งานปาร์ตี้ที่สุด หายหัวไปไหนแล้ว” สายตาคมกวาดสายตามองหาน้องชายสุดแสบ ที่ปล่อยให้แขกในงานสนุกกันเอง ทั้ง ๆ ที่เป็นแขกของเคนตะทั้งนั้น“ผมเห็นขึ้นลิฟต์ไปสักพักใหญ่แล้วครับ” อะเดลเอ่ยตามที่เห็น“คัพเค้กไปตามพี่เคน บอกให้ลงมาในงานได้แล้ว” คางูยะนั่งฟังบทสนทนาของหลายชายคนโตก่อนจะบอกหลานสาวเพียงคนเดียวที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย“ทำไมต้องเป็นเค้กด้วยล่ะคะ” ทำเอาคัพเค้กถึงกับหน้าบึ้งตึง ย่นจมูกส่ายหน้าไม่ยอมลุกจากเก้าอี้ง่าย ๆ“ไปเถอะเค้ก ในงานก็มีแต่เพื่อนไอ้เคน บอกให้มันมารับแขกหน่อย” เจ้าบ่าวป้ายแดงรีบเอ่ยอีกเสียง เหลือบมองเจ้าสาวเป็นระยะ ยิ่งชุดที่รวงข้าวสวมใส่เผยให้เห็นร่องอกขาวเนียน จนเขาแทบจะอดใจไม่ไหวอยู่แล้ว“ลูกน้องพี่คริสก็มี ทำไมไม่ใช้บ
รวงข้าวทอดสายตามองตามนิ่ง ๆ เมื่อคริสเตียนเดินออกไปจากจุดนั้น“ตามผัวไปสิวะ ยืนเซ่ออยู่ทำไม” วิมลดันแผนหลังลูกสาวเพื่อกระตุ้นเตือน“...” ทว่ารวงข้างยังคงยืนเฉยเมย ลังเลว่าทุกอย่างคือความจริงใช่ไหม ไม่มีฉากบังหน้าอะไรตบตาเธออีก“อ้าวอีนี่ เอาใจผัวอะเป็นไหม คงไม่อยากให้ลูกในท้องไม่มีพ่อหรอกนะ” หญิงวัยกลางคนถึงกับเกาศีรษะ เบื่อหน่ายนิสัยเย็นชาเต็มที“...”“ไปสิวะ!!” ก่อนที่วิมลจะดันให้รวงข้าวยอมก้าวเท้าตามออกไปตึก!ตึก!“ปู่” คริสเตียนเอ่ยเรียกคางูยะไว้ ก่อนที่มาเฟียเฒ่าจะขึ้นเครื่องบินเจ็ทกลับไปซะก่อน “จะตามฉันออกมาทำไม ไม่ไปดูแลลูกเมียแกล่ะ” คางูยะไม่คิดจะหันกลับไปมอง ไม่ได้โกรธเคืองอะไรทั้งสิ้น แค่ไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งที่ตัวเองสะสางไม่เสร็จ“ผมเข้าใจทุกอย่างที่ปู่ทำแล้ว ต่อไปผมจะเป็นคนสืบเรื่องนี้ จะไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่าอีก”กึก!“ต่อไปแกอย่าลืมนะ ว่าจุดอ่อนของแกคือลูกและเมีย” คางูยะหันมาบอกด้วยสีหน้าสลด“ครับ ผมจะรีบจัดการให้เร็วที่สุด ก่อนรวงข้าวจะคลอด” เขาให้สัญญาและทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามที่พูด“...” มาเฟียเฒ่าพยักหน้า แล้วหมุนตัวกลับไปขึ้นเครื่องบินตามเดิมคริสเตียนยื
แม่!!” รวงข้าวมองหญิงวัยกลางคนที่เดินเข้ามาหยุดตรงหน้า พร้อมทั้งชายชราที่ยืนถือไม้เท้าแววตาดุดันพึ่บ! คริสเตียนปล่อยโอบกอดจากร่างบางแล้วหมุนตัวหันไปมองแขกใหม่ทันที“ปู่!!” ก่อนที่เขาจะเอ่ยอย่างตกใจ ไม่คิดว่าคางูยะจะตามมาได้เร็วขนาดนี้ และที่สำคัญกลับพาแม่รวงข้าวมาด้วย งานนี้คงไม่ง่ายอย่างที่คิดไว้“กลับบ้านกับฉัน...คริสเตียน!!” คางูยะกระแทกไม้เท้ากับพื้น น้ำเสียงเอ่ยสั่งเรียบ ๆ แต่ถึงเเม้จะนิ่งเรียบแต่แฝงด้วยอำนาจบางอย่าง“ไม่ครับ ผมจะกลับก็ต่อเมื่อปู่อนุญาตให้เราสองคนได้สร้างครอบครัวด้วยกัน” ร่างสูงไม่เพียงแต่เอ่ยแต่ยื่นมือลงไปจับมือบางไว้แน่น เขาพร้อมที่จะเผชิญทุกอย่างจริง ๆ และไม่คิดจะยอมเเพ้ง่าย ๆ“หึ ดีนี่ทำให้หลานที่เชื่อฟังฉันมาตลอดสามารถออกนอกลู่นอกทางได้ สมใจเธอแล้วสินะ” มาเฟียเฒ่าแสยะยิ้มมองใบหน้าหญิงสาวข้างๆหลานชาย“...” ทุกคนต่างเงียบเกรงกลัวอำนาจในกำมือคางูยะที่สามารถสั่งทำลายล้างทุกสิ่งที่ขวางหน้า“เธอเคยรับปากกับฉันว่ายังไงฮะ!!” ก่อนที่คางูยะจะยื่นไม้เท้าเชยคางรวงข้าวให้เชิดขึ้นต่อหน้าต่อตาทุกคน“หยุดขู่เมียผมสักที เมื่อไหร่ปู่จะปล่อยให้พวกผมมีชีวิตที่เลือกเองบ้าง” คริ
แววตาคมเหลือบมองเด็กชายตัวเล็กผิวขาวที่กำลังนั่งเล่นรอเวลาทานอาหารเช้า คริสเตียนสาวเท้าเข้าไปหย่อนตัวนั่งข้าง ๆ จนทำให้ดวงตาใสบริสุทธิ์จับจ้องคริสเตียนตาแป๋ว“เมื่อไหร่คุณลุงจะกลับ” คิมหันต์วางของเล่นในมือ ขยับตัวออกเล็กน้อย เพราะรวงข้าวเตือนไม่ให้ยุ่งเกี่ยว“เลิกเรียกลุงได้แล้ว” คริสเตียนไม่พอใจนัก แต่ก็เก็บกลั้นเอาไว้“ก็คุณลุงแก่แล้วนี่ครับ”“เฮ้ย! เคยโดนหนังยางดีดปากไหมวะ” แต่แล้วคำพูดที่เอ่ยออกมา ทำเอาคริสเตียนตะคอกกลับไปเสียงเข้ม“น่ากลัว..ว่าแล้วทำไมแม่ข้าวถึงไม่รัก” คิมหันต์ฉีกยิ้มเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังหน้าบึ้ง“รู้ได้ไงว่าแม่นายไม่รักฉัน อ้อ อีกอย่างต่อไปฉันต้องเป็นพ่อนาย ควรเปลี่ยนคำเรียกซะใหม่” เพราะหลังจากง้อรวงข้าวสำเร็จคงต้องรับคิมหันต์ไปเป็นลูกอย่างถูกกฎหมาย“ผมไม่อยากมีพ่อ แค่แม่ข้าวคนเดียวก็พอแล้ว” คิมหันต์ส่ายไปส่ายมาพร้อมทั้งกอดอกตัวเอง“ไม่ได้!! ถ้างั้นฉันจะไม่ให้นายเป็นลูกเมียฉันอีก” ถึงแม้จะมีน้องชายที่กวนประสาทถึงสองคน แต่ความอดทนเขาเริ่มจะหมดเต็มทีเมื่อต้องมานั่งต่อล้อต่อเถียงกับคิมหันต์“ขู่ผมเหรอ ผมไม่กลัวหรอก” คิมหันต์ยักคิ้วไม่ได้หวาดกลัวสักนิด“...” ทำเอาร่
“อะไรของคุณเนี่ย” รวงข้าวเงยหน้าถามด้วยความสงสัย จู่ ๆ คริสเตียนก็ลากเธอมาหลังต้นไม้“ไล่มันกลับไปเดี๋ยวนี้” ก่อนที่ร่างสูงจะเอ่ยเสียงเข้ม แววตาบ่งบอกชัดเจนว่าหมายถึงใคร“คุณก็เห็นว่าพี่ไดรฟ์ไม่กลับ”“งั้นพี่จัดการเอง” ว่าแล้วก็ปล่อยมือรวงข้าวเพื่อเดินกลับไปที่น้ำตกที่มีอดัมอะเดลค่อยเป็นเกราะคุ้มกันไม่ให้ไดรฟ์เข้าใกล้รวงข้าวได้“หยุดเลย คุณเองก็ควรจะกลับนะ ก่อนที่ปู่คุณจะตามมา” รวงข้าวรีบหยิบยกเรื่องนี้มาขู่ เพราะเชื่อว่าไม่นานคางูยะต้องทำอะไรสักอย่างแน่“รวงข้าว พี่ไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะ อายุก็เลขสามแล้วสร้างครอบครัวได้สบาย ๆ” ทำให้ร่างสูงหันมาเผชิญหน้ากับรวงข้าวอีกครั้ง แล้วเอ่ยน้ำเสียงจริงจัง“แต่ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่เหมาะกับคุณ” เธอก้มหน้าไม่สบตา ยังจำคำพูดคริสเตียนได้ทุกคำ“เอาอะไรมาวัดว่าไม่เหมาะ อย่าคิดแทนพี่”“อย่ามาพูดดีหน่อยเลย ฉันไม่มีวันหลงกลคุณอีกหรอก” ก่อนที่รวงข้าวจะเบี่ยงหน้าไม่อยากคุยกับคนเจ้าเล่ห์ต่อ“ข้าว...ฟังพี่อธิบายก่อน” คริสเตียนจึงตั้งใจจะอธิบายทุกอย่าง ถึงแม้สถานที่จะไม่อำนวยก็ตาม แต่ดีว่าเข้าใจผิดอยู่แบบนี้ไปเรื่อย ๆ“ข้าวไปกับพี่” ไดรฟ์เข้ามาเอื้อมมือดึงรวงข้าวอ
เช้าวันต่อมาตึกตึก...รวงข้าวเดินวนไปวนมารอบเตียงตั้งแต่หัวรุ่ง ครุ่นคิดหาทางเอาตัวรอดจากร่างสูงนอกห้อง“เราจะให้เขารู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด” เธอลูบหน้าท้องตัวเองที่มีอีกหนึ่งชีวิต“แต่เราจะหนีเขายังไง แล้วไหนจะเรื่องแม่อีกล่ะ” ถ้าหากคางูยะรู้เรื่องที่คริสเตียนมาตามเธอที่นี่ แม่ของเธอจะเป็นอันตรายไหมคิดได้อย่างนั้นรวงข้าวจึงชะโงกหน้าผ่านทางหน้าต่างเพื่อหาทางแก้ปัญหา ก่อนจะเห็นบอดีการ์ดยืนอยู่รอบบ้าน“ขนมาเยอะขนาดนี้ ไม่รอดอีกแน่” เธอส่ายหน้าเหนื่อยล้ากับสิ่งที่เผชิญ ทำไมความสุขที่เกิดขึ้นในชีวิตเธอมันสั้นนิดเดียว เมื่อไหร่เธอจะมีความสุขกับเขาบ้าง“แม่ข้าว...ทำอะไร” คิมหันต์ลุกขึ้น ใช้นิ้วมือขยี้ดวงตามองรวงข้าวที่กำลังยืนดูบางอย่างนอกหน้าต่าง“เอ่อ..ตื่นแล้วเหรอคิม” ทำให้รวงข้าวหันกลับมาตามเสียง“ครับ”“...” เธอยิ้มจาง ๆ เมื่อใกล้เวลาต้องออกไปเจอร่างสูงในเวลาที่ไม่อยากเห็นหน้าแบบนี้“ว่าไงครับ แม่ข้าวไปทำอะไรที่หน้าต่าง” แต่แล้วคิมหันต์กลับถามสิ่งที่ยังไม่ได้คำตอบต่อ“เปล่า นอนต่ออีกไหม” รวงข้าวจึงเดินไปใกล้ ๆ พร้อมเอื้อมมือลูบศีรษะเด็กชายที่กำลังจ้องเธอตาแป๋ว“ไม่ล่ะครับ คิมออกไปด้า