ปึก! ปึก! ปึก! ปึก!
สองมือเรียวถูกมัดรวบตรึงเข้ากับหัวเตียง ดวงตาถูกปิดสนิทด้วยผ้าสีดำ ร่างกายทุกส่วนช่างว่องไวต่อการสัมผัส ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายโดยเฉพาะใจกลางความสาว แม้จะพยายามดิ้นรนและต่อต้านให้หลุดพ้น แต่เรี่ยวแรงของเธอก็ยังสู้อีกฝ่ายไม่ได้อยู่ดี ค่ำคืนนี้เป็นนรกอีกคืนสำหรับเธอ นานกว่าหนึ่งสัปดาห์แล้วที่เธอต้องทนอยู่กับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส เธอทุกข์ทรมานราวกับตายทั้งเป็น ไอ้ปีศาจนรก~ เธอเรียกขานมันอย่างนั้น แม้จะไม่เคยเห็นหน้ามันเลยก็ตาม ถึงขนาดควบคุมเธอได้ มันก็ต้องโหดเหี้ยมและเลือดเย็นยิ่งกว่าเธอ “ฮึฮึ” เกลียด! เธอเกลียดเสียงหัวเราะเย้ยหยันนั่นที่สุด “ร่างกายทนทานต่อแรงกระแทกขนาดนี้ เหมาะสมที่จะมาเป็นที่อยู่อาศัยชั่วคราวให้ลูกของฉัน ถึงมันจะโสโครกไปหน่อยก็เถอะ” ปึก! ปึก! ปึก! ปึก! ทำไมเธอถึงได้ตกอยู่ในสภาพนี้น่ะเหรอ? เพราะหนึ่งในเหยื่อของเธอคือพ่อของเขา เขากล่าวหาเธออย่างนั้นตั้งแต่วันแรกที่ถูกจับตัวมา จะให้ปฏิเสธอย่างไรเล่า เพราะเธอคือมือปืนที่ปลิดชีวิตผู้คนมาแล้วนับร้อย แม้จะมีเหตุผลว่าคนที่เธอสังหารทุกคนอยู่ไปก็รกโลก สุดท้ายมันก็ผิดอยู่ดี ชีวิตต้องแลกด้วยชีวิต เธอทำให้เขาต้องสูญเสียพ่อ เธอก็ต้องกำเนิดลูกมาทดแทน นี่คือสิ่งที่เขายัดเยียดให้เธอชดใช้ก่อนตาย เขาได้ลูกตามที่ต้องการเมื่อไหร่ เขาจะส่งเธอให้ไปเกิดใหม่ทันที “เรติกา อ๊าส์!” น่ารังเกียจ! น่าขยะแขยงที่สุดเลย “ใครอนุญาตให้แกครางชื่อฉัน ไอ้ชั่ว!” เธอพยายามประคองเสียงตัวเองไม่ให้สั่น ความรุนแรงที่เขายัดเยียดไม่สามารถเรียกเสียงร้องไห้ครวญครางจากคนที่ตกเป็นจำเลยอย่างเธอได้ แม้แต่น้ำตาแค่หยดเดียวเขาก็ไม่สามารถรีดมันออกมาจากดวงตาคู่ร้ายกาจ แต่ถึงอย่างนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอเองก็เจ็บปวดทรมานแทบขาดใจ เหมือนร่างกายแตกสลายกลายเป็นเสี่ยง “ฮึฮึ” มันส่งเสียงหัวเราะเย้ยหยันเธออีกแล้ว โคตรเกลียดและขยะแขยงมันเลย! “ถ้าเธอยอมครวญครางออกมาบ้าง ฉันอาจเมตตาเธอก็ได้นะ” ไม่จริงหรอก! คำพูดเหล่านั้นมันโกหกทั้งเพ ถ้าเธอส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดทรมาน มันคงจะสะใจเสียมากกว่า “ฝันไปเถอะ! เพราะสารรูปของแกมันน่าขยะแขยงไง แกถึงต้องปิดตาฉันไว้ ไม่ต้องอาย ฉันไม่กลัวผีหน้าพิการอย่างแกหรอก” “ปากดีนักนะ!” มือหนาบีบปลายคางมนอย่างแรง ก่อนจะเลื่อนมือลงไปบีบคอของคนใต้ร่างจนเธอแทบจะขาดอากาศหายใจ เฮือก! หากว่าความตายยังไม่รีบมาเยือนให้เรติกาตอนนี้ สองมือหนาคลายออกยอมปล่อยเธอให้เป็นอิสระ คนเกือบได้ลาโลกรีบกอบโกยอากาศเข้าปอดทันทีพร้อมกับไอออกมาแห้ง ๆ ผลับ! ผลับ! ผลับ! ส่วนกลางของร่างกายถูกทารุณอย่างป่าเถื่อน จนได้ยินเสียงของเนื้อกระทบเนื้อดังก้อง เหมือนว่าช่องทางรักมันฉีกขาดเพราะได้กลิ่นคาวเลือดลอยคละคลุ้ง ความเป็นสาวกระตุกเกร็งถี่ ๆ และเกิดความรู้สึกแปลก ๆ กับร่างกายเหมือนทุกครา “อ๊าส์” เสียงคำรามดังกระเส่าเล็ดลอดออกมาจากลำคอนั้น เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าคนบนร่างกำลังจะได้รับการปลดปล่อย มือหนาจับยึดสะโพกงอนงามเอาไว้มั่น แปรเปลี่ยนจากกระแทกกระทั้นเข้าออกอย่างถี่รัวมาเป็นเข้าสุดออกสุดเน้น ๆ สองสามที “อ๊าสสสสสสส์” เสียงคำรามลั่นดังขึ้นมาในห้วงนาทีสุดท้ายพร้อมกับปล่อยน้ำรักทุกหยาดหยดฉีดพวยพุ่งเข้าไปในร่างกายของเธอ ปึก! “อื้อ!” อีกครั้งที่เรติกาถูกคนบนร่างอัดกระแทกความใหญ่เข้ามาในช่องทางคับแน่นอย่างไร้ความปรานี ก้อนเนื้อที่อกข้างซ้ายเต้นแรงอย่างหนักหน่วงจนแทบหลุดจากอก นิ้วเท้าเล็กบิดเกร็งจนสั่นไปทั้งตัว “ฮึ” เขาแค่นเสียงหัวเราะออกมาจากลำคออย่างเย้ยหยัน แม้เธอจะไม่ได้ร้องไห้ครวญครางให้เขาได้ยิน แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะไม่รับรู้ว่าเธอเองก็เจ็บปวดทรมานเหมือนจะตายอยู่รอมร่อ ใบหน้าที่ทั้งเหยเกและบิดเบี้ยวของเธอ มันบ่งบอกชัดเจนว่าเธอกำลังอดทนต่อสู้กับการถูกทารุณอย่างหนัก “ฉันได้เห็นน้ำตาของเธอเมื่อไหร่ เธอก็จะได้เห็นหน้าของฉันเหมือนกัน” ครั้งแล้วครั้งเล่าที่แรงกระแทกกระทั้นอันโหดร้ายและทารุณสร้างความเจ็บปวดทรมานให้เรติกาอย่างแสนสาหัส และไม่มีท่าทีจะจบลงโดยง่าย เพราะเขาต้องการสร้างบาดแผล สร้างความเจ็บปวดบนเรือนร่างของเธอให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้ปัง! ปัง! ปัง!ดวงตาคมปลาบมองส่องลำกล้องปืนกึ่งออโตเมติกหลากหลายขนาด กระสุนลูกแล้วลูกเล่าถูกลั่นไกผ่านนิ้วชี้ของผู้ยิงที่ฝึกฝนมาอย่างชำนาญและช่ำชอง กลิ่นควันของดินปืนลอยละล่องคล้ายหมอกควันจากฟืนไฟ กระสุนทุกนัดฝังทะลุจุดสำคัญของเป้ายิงนับไม่ถ้วน“ได้ตัวมันมาแล้วครับนาย” เสียงลูกน้องคนหนึ่งเดินมารายงานกับเจ้านายหนุ่มที่กำลังยิงปืนเป็นงานอดิเรก เขาหันไปมองคนของตนเพียงนิด สีหน้าไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ ออกมา“มันคงขี้เกียจหายใจแล้ว ถึงได้กล้าทำแบบนี้”ดวงตาคมมองไปยังจุดตายของเป้ายิงก่อนจะลั่นไกอีกครั้งปัง!!!พรึ่บ!เด็กสาวที่นุ่งน้อยห่มน้อยวิ่งกระเสือกกระสนมาโดยไม่ได้มองทาง ทำให้ชนเข้ากับปรินทร์ที่กำลังมุ่งหน้าเดินเข้าคาสิโนอย่างจัง“อ๊ะส์ ชะ...ช่วยด้วยค่ะ” เด็กสาวร้องขอความช่วยเหลือด้วยความเหนื่อยหอบจากการวิ่งหนีอย่างสุดชีวิตมาเฟียหนุ่มก้มมองเธอเพียงนิด ก่อนจะยกมือขึ้นข้างหนึ่งเป็นสัญญาณให้ลูกน้องที่คุมเชิงเขาอยู่หยุดการกระทำ ลูกน้องคนหนึ่งกำลังจะเดินมากระชากร่างของเด็กสาวออกจากตัวของเขา ก่อนจะเหลือบไปเห็นชา
ณ คฤหาสน์หลังใหญ่ของแดเนียล“ดีแลนด์อยู่ไหน?” ทันทีที่เข้ามาในตัวบ้านหลังใหญ่ ปกรณ์ก็เอ่ยถามหาเด็กสาวจากคนใช้คนหนึ่งที่เพิ่งเดินผ่านหน้า“คุณหนูไปนั่งทำการบ้านอยู่ที่บ้านสวนหลังเล็กค่ะ” ป้าพิมพ์เป็นคนตอบคำถามนั้น ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปอย่างรู้หน้าที่ปกรณ์ถอนหายใจพรืดใหญ่พลางส่ายหน้าน้อย ๆ วันนี้พ่อกับแม่ของดีแลนด์ไม่อยู่บ้าน เขาเลยต้องมาดูแลยายเด็กเอาแต่ใจอย่างเธอ ผนวกกับเป็นการไถ่โทษที่เขาไม่ได้มางานวันเกิดอายุครบสิบแปดปีของเธอเมื่อสองเดือนก่อน หลานสาวตัวแสบโกรธเขาเป็นฟืนเป็นไฟจนพาลให้เขามีปัญหากับผู้เป็นแม่ เรติการักและตามใจหลานสาวตัวน้อยเป็นที่สุด ชายหนุ่มจึงต้องมาง้อเธอในวันนี้ตามคำสั่งของเรติกาปกรณ์ถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดการเดินไปยังบ้านสวนหลังเล็ก ชายหนุ่มก็เคยมาวิ่งเล่นที่นี่กับคามินเมื่อยังเป็นเด็กอยู่บ่อย ๆณ
ชีวิตหลังแต่งงาน เรื่องราวและสีสันของครอบครัวซึ่งมีแต่ความวุ่นวาย โดยมีปีแสงเป็นพ่อ และเรติกาเป็นแม่มีลูกด้วยกันสองคนเป็นลูกชายทั้งคู่ปกรณ์คือพี่ชายคนโต และปรินทร์คือน้องชายคนเล็ก อายุห่างกันสามปีปีแสง สูติแพทย์หนุ่มที่มีเมียซึ่งทำตัวเหมือนลูกสาวคนโตของบ้าน แทนที่จะช่วยกันดูแลอบรมสั่งสอนลูกชายทั้งสอง ตัวเขาดันต้องอบรมสั่งสอนเมียตัวแสบก่อน เพราะหาเรื่องให้ปวดหัวอยู่ทุกวัน“เอาอีกแล้วเมียกู” ปีแสงพูดขึ้น เมื่อได้เห็นคลิปเคลื่อนไหวผ่านโทรศัพท์มือถือที่คนของเขาเพิ่งส่งมาให้เมื่อก่อนเที่ยงของวันนี้ ชายหนุ่มระบายความรู้สึกเอือมระอาให้เพื่อนทั้งสองอย่างหมอเวชและหมอนนท์ฟังในช่วงพักเที่ยง“สร้างเรื่องสร้างราวคนเดียวยังไม่พอ ยังจะพาลูกกูไปมีเรื่องด้วยอีก แล้วทีนี้ยังไง เมียกูเป็นหัวโจก”เรติกา หัวหน้าองค์กรรห
สามปีต่อมา...“ไม่!! ไม่นะเฮีย หนูไม่ตรวจ” เรติกาวิ่งลงมาจากชั้นสองของบ้านโดยมีปีแสงวิ่งตามเธอมาติด ๆ แม้ว่าทั้งคู่แต่งงานอยู่กินกันมาสามปีแล้วก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงนักหรอก นอกจากเมียที่ทำตัวเหมือนลูก แม่ที่ทำตัวเหมือนพี่สาวอย่างเรติกาปีแสงแทบกุมขมับทุกวัน ราวกับเขาคือคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่ต้องเลี้ยงลูกสองคน“มานี่! จะหนีไปไหน” ปีแสงตะโกนเรียกเมียตัวแสบที่วิ่งหนีเขาเร็วอย่างกะลิงลม“ป้าช่วยฉันด้วย แฮก ๆ” เรติกาวิ่งมาหลบหลังป้าทิพย์ เธอหายใจเข้าออกอย่างเหนื่อยหอบ“หลบไป!” ปีแสงที่วิ่งตามมาตะโกนบอกคนใช้ที่เดินเกะกะขวางทางเขาอย่างรำคาญ ก่อนจะยื่นมือข้างหนึ่งพร้อมเอ่ยทวงเมียตัวแสบกับแม่บ้านคนสนิทอย่างป้าทิพย์ “ส่งตัวเมียฉันมา”“ไม่...” เมื่อรู้ชะตากรรมเรติกาจึงเปลี่ยนทิศทางในการหาคนช่วย “กรณ์คับ ช่วยหม่ามี๊ด้วย...หม่ามี๊โดนปะป๊าแกล้ง”“กรณ์คับ ส่งตัวหม่ามี๊มาให้ปะป๊า”ปกรณ์ เด็กชายวัยสามขวบซึ่งกำลังตักข้าวกินด้วยตัวเอง ได้มองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด เขามองผู้เป็นพ่อก
“คะ...คุณลุง มะ...มาได้ไงคะ” เรติกาพูดอ้ำอึ้งก่อนจะลุกขึ้นไปสวมกอดภาคินด้วยความคิดถึง“ทำอะไรผิดหรือเปล่า ถึงได้อ้อนลุงขนาดนี้”
ณ โรงพยาบาลเอกชน“หมอปีย์คะ มีญาติมาขอพบค่ะ”“ใคร?”“ชื่อเรติกาค่ะ” แพทย์หนุ่มขมวดคิ้วสงสัยว่าเรติกาจะมาหาทำไม เวลานี้ก็เป็นช่วงพักเที่ยงพอดี คงไม่ได้เอาข้าวมาให้หรอกนะไม่อย่างนั้นล่ะท้องเสียแน่“ให้เข้ามาได้” เรติกาเข้ามานั่งภายในห้องตรวจเมื่อได้รับอนุญาต ปีแสงเหลือบมองเธอเพียงนิดอย่างรู้สึกประหลาดใจ แต่ก็แอบโล่งอกที่ไม่มีกล่องอาหารติดมือของเธอมาด้วย“หนูมีอะไรหรือเปล่า”พรึ่บ!ปลายมีดพกขนาดเล็กพุ่งมาที่เขาอย่างเร็วและแรง แต่โชคดีที่เขาไหวตัวทัน“หนูทำอะไรเนี่ย!”“หนูจะฆ่าเฮียให้ตาย หนูจะไปมีผัวใหม่”“หนูเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น” เรติกายังคงแสดงสีหน้าเง้างอดใส่แพทย์หนุ่มอย่างไม่ปิดบัง ปีแสงเอื้อมมือไปดึงคนตัวเล็กให้มานั่งบนตักพร้อมดึงของมีคมในมือของเธอออก“เฮียทิ้งให้หนูอยู่บ้านคนเดียว” มือหนาดันศีรษะทุยเล็กแนบอก แต่ก็ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูดทุกวันเขามาทำงานปกติ ส่วนเธออยู่บ้านเลี้ยงลูกกับป้าทิพย์ก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร มาวั