แพรวพิชชาตื่นมาอีกทีก็ราวๆ บ่ายโมงกว่า ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อยเมื่อแสงไฟมันส่องเข้ากระทบนัยน์ตาจังๆ ร่างบางค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นนั่งอย่างเกียจคร้าน ยกมือขึ้นบิดขี้เกียจ ไม่ทันสังเกตว่าภายในห้องทำงานไม่ได้มีเพียงเธอและราฟาเอลสองคนเท่านั้น
“อื้อ! เมื่อยจัง” เสียงใสๆ บ่นงึมงำกับตัวเอง ตาก็ยังไม่ยอมลืมขึ้นมา ยังคงหลับพริ้มอยู่เช่นเดิม
ราฟาเอลมองเลยคู่สนทนามามองน้องสาวที่นั่งหาวให้หวอดๆ ผมยุ่งๆ มันดูน่ารักปนเซ็กซี่เล็กๆ มองแล้วเพลินตาเป็นบ้า แต่ที่ทำให้ขัดใจก็คือแม่คุณทูนหัวของเขาไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยว่ากำลังถูกจับจ้องอยู่ ถ้าไปนอนในที่ที่ไม่มีเขาอยู่ไม่รู้จะเป็นยังไงไม่อยากจะคิดเลยให้ตาย
“น้องแพรว” ราฟาเอลเรียกคนที่กำลังนั่งบิดตัวด้วยเสียงนิ่งๆ เพราะไม่อยากจะให้ใครได้เห็นมุมน่ารักๆ เวลาตื่นนอนของน้องสาวสุดที่รัก แพรวพิชชาหันไปมองตามเสียงเรียกแล้วยิ้มแหยๆ แขนที่ชูขึ้นสูงรีบยกลงในทันที เมื่อเห็นสายตาของผู้สูงวัยที่กำลังนั่งคุยธุระกับราฟาเอลมองเธอยิ้มๆ
“ขอโทษค่ะ” แพรวพิชชายิ้มแหย รีบยกมือขึ้นไหว้ขอโทษแขกของพี่ชาย ก่อนจะจัดท่านั่งของตัวเองให้เรียบร้อยขึ้น กิริยาที่แสดงออกไปเมื่อกี้ไม่รู้ว่าจะน่าเกลียดแค่ไหน
“ไม่เป็นไรครับ ทำตัวตามสบายเลยครับคุณหนู ผมคุยธุระกับคุณราล์ฟจะเสร็จแล้ว” ชายสูงวัยยิ้มอย่างใจดี แล้วหันกลับไปคุยกับราฟาเอลต่อ
“เอาตามที่เราคุยกันไว้นะครับ วันนี้ขอบคุณมากที่คุณพิชัยปลีกเวลามาคุยกับผม” ราฟาเอลลุกขึ้นยืนจับมืออวบอูมตรงหน้า อย่างรู้สึกขอบคุณจากใจ
“ยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ ผมจะจัดการตามที่คุณต้องการ ผมกลับก่อนนะครับ ไว้ค่อยนัดเจอกันอีกหากมีเรื่องที่ต้องแก้ไข” นายพิชัยยิ้มให้กับหญิงสาวหนึ่งเดียวภายในห้องทำงานใหญ่ พยักหน้าให้แพรวพิชชาที่ยกมือขึ้นไหว้ลาอย่างนอบน้อม ก่อนจะเดินออกไป
“ขอโทษนะคะที่ไม่ทันได้สังเกตว่าพี่ราล์ฟมีแขก” แพรวพิชชาก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด เมื่ออยู่กันตามลำพังกับราฟาเอล
“จะขอโทษทำไม พี่ไม่ได้คิดจะว่าอะไรสักหน่อย ตื่นแล้วก็ไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น พี่จะพาไปทานข้าว นี่ก็เลยมื้อกลางวันมามากแล้ว ถ้าไม่ทานเดี๋ยวจะปวดท้องเอา” ราฟาเอลดึงข้อมือเล็กให้ลุกขึ้นยืน แล้วดันหลังบางให้หันไปในทิศที่ตั้งของห้องน้ำ
“งั้นรอสักครู่นะคะท่านประธานใหญ่ แพรวขอเวลาสิบนาที” แพรวพิชชาพูดอย่างกระตือรือร้น รีบสาวเท้ายาวๆ ไปทางห้องน้ำอย่างรวดเร็ว เพราะตอนนี้กระเพาะน้อยๆ ของเธอก็เริ่มส่งเสียงร้องประท้วงออกมาบ้างแล้ว
ราฟาเอลพาน้องสาวคนสวยมาร้านอาหารไทยบรรยากาศสบายๆ ที่อยู่ติดกับริมแม่น้ำเจ้าพระยา ดวงตากลมโตเป็นประกายสดใสมองออกไปนอกร้านอย่างพึงพอใจ โดยมีสายตาคมดุคอยจับจ้องอยู่ที่ใบหน้านวลเนียนตลอดเวลา แพรวพิชชาทำเป็นไม่สนใจทั้งที่ในใจของเธอรู้สึกแปลกๆ แถมเหตุการณ์ที่ถูกขโมยจูบไปในช่วงที่ราฟาเอลคิดว่าเธอหลับก็รบกวนจิตใจเธอย่างหนัก พยายามจะไม่คิดมันแต่ก็ทำไม่ได้ อยากจะถามออกไปใจจะขาดแต่ความกล้าก็มีไม่มากพอ
“ทำไมทำหน้ายุ่งขนาดนั้นคนสวย มีอะไรจะถามพี่รึเปล่าน้องแพรว” ราฟาเอลถามคนหน้ายุ่ง ทั้งที่ในใจเขารู้ดีว่าคนตรงหน้ากำลังคิดอะไรอยู่
แพรวพิชชามองหน้าหล่อเหลาของพี่ชายอย่างครุ่นคิด ปากบางขบเม้มเข้าหากันแน่น ความคิดในหัวตีกันให้ยุ่งว่าจะถามในสิ่งที่สงสัยออกไปดีหรือไม่ แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากอะไรออกมา อาหารที่สั่งไปก็ถูกนำมาเสิร์ฟจนเต็มโต๊ะ
“ทานข้าวก่อนแล้วค่อยตอบคำถามของพี่ทีหลัง” ราฟาเอลเห็นท่าทางอึดอัดของแพรวพิชชาก็ให้เวลาคิด ไม่ได้เร่งรีบจะเอาคำตอบในตอนนี้
“ค่ะ” แพรวพิชชารีบพยักหน้าตกลง หยุดความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองเอาไว้ก่อน เพราะตอนนี้สายตาจดจ่ออยู่ที่อาหารน่าตาน่าทานที่เธอและราฟาเอลช่วยกันสั่งแทน
“ทานเยอะๆ นะ” ราฟาเอลตักเนื้อปลาชิ้นโตมาวางบนข้าวสวยร้อนๆ ในจานของแพรวพิชชา
“ขอบคุณค่ะ พี่ราล์ฟก็ต้องทานเยอะๆ เหมือนกันนะคะ” แพรวพิชชาก็ไม่น้อยหน้าตักกุ้งแม่น้ำเผาตัวโตที่แกะเปลือกออกแล้ววางในจานราฟาเอลเป็นการตอบแทน
ราฟาเอลกับแพรวพิชชานั่งทานอาหารกันเรื่อยๆ ไม่ได้เร่งรีบอะไร จนกระทั่งอิ่มแพรวพิชชาก็นึกออกว่าก่อนหน้านั้นคุยอะไรค้างเอาไว้
“อิ่มแล้วเราไปกันเถอะ พี่ไม่ชอบนั่งแช่ในร้านอาหารนานๆ” ราฟาเอลไม่รอช้ารีบเรียกพนักงานคิดเงินทันที
“พี่ราล์ฟไม่ทานของหวานก่อนเหรอคะ” แพรวพิชชาท้วงเพราะอยากจะทานของหวานต่อ
“ไว้ค่อยทาน ตอนนี้ออกจากร้านกันได้แล้ว” ราฟาเอลตัดบทลุกขึ้นเดินมาดึงข้อมือบางให้ลุกจากเก้าอี้ ไม่สนใบหน้างอของคนที่อยากจะทานของหวาน
“พี่ราล์ฟจะรีบไปไหนคะ เดินช้าๆ ก็ได้ขาแพรวสั้นกว่าพี่ราล์ฟตั้งเยอะ” แพรวพิชชาบ่นกระปอดกระแปด ราฟาเอลได้ยินดังนั้นจึงลดการก้าวขาให้สั้นลง เพื่อให้น้องสาวได้เดินตามทัน
“พี่ก็จะพากลับบ้านไง จะได้ไปคุยเรื่องที่น้องแพรวคิดมากอยู่ในตอนนี้” ราฟาเอลพูดหน้านิ่ง กระชับมือที่จับอยู่ที่ข้อมือบางแน่น
“ไม่ต้องรีบหรอกค่ะแพรวไม่ได้คิดมากอะไรสักหน่อย แค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยตามประสาเท่านั้นแหละค่ะ” แพรวพิชชาปดคำโต
“งั้นเหรอ” ราฟาเอลพูดเสียงเรียบ สีหน้าไม่ได้บ่งบอกอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น ดันไหล่บางให้เข้าไปนั่งในรถ แล้วปิดประตูจากนั้นก็เดินอ้อมเพื่อไปนั่งประจำตำแหน่งคนขับ
แพรวพิชชานั่งเงียบไปตลอดทาง ราฟาเอลเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเช่นเดียวกัน ต่างคนต่างตกอยู่ในความคิดของตัวเองจนกระทั่งถึงบ้าน
“พี่ราล์ฟไม่เข้าบ้านเหรอคะ” แพรวพิชชาถามเมื่อราฟาเอลยังไม่ดับเครื่องยนต์ เหมือนกับว่ากำลังจะออกไปไหนต่อ
“พี่จะกลับเข้าไปทำงานต่อ เย็นนี้น้องแพรวไม่ต้องรอทานข้าวพร้อมพี่นะ เพราะพี่อาจจะกลับดึก” ราฟาเอลพูดโดยที่ไม่มองหน้าของแพรวพิชชา
“พี่ราล์ฟโกรธอะไรแพรวรึเปล่าคะ ทำไมถึงต้องเย็นชากับแพรวด้วย ก่อนหน้านี้ยังดีๆ อยู่เลย” แพรวพิชชาตัดพ้อ ไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ดีๆ พี่ชายถึงทำท่าทางเฉยชากับเธออย่างนี้โดยที่ไม่ทราบสาเหตุ
“พี่ไม่ได้โกรธอะไรน้องแพรวครับสบายใจได้” ราฟาเอลมองเสี้ยวหน้างอง้ำอย่างอ่อนใจ
“ถ้าไม่ได้โกรธพี่ราล์ฟก็ต้องอยู่กับแพรว ไม่ใช่จะกลับเข้าไปในบริษัทอีก อย่ามาหาเรื่องหลบหน้าแพรวนะคะ มีอะไรไม่พอใจอะไรก็คุยกันตรงๆ สิคะ” แพรวพิชชาเกาะแขนแกร่งเอาไว้แน่น ซบหน้าลงบนต้นแขนหนาอย่างอ้อนๆ เธอไม่ชอบให้ราฟาเอลทำท่าทางห่างเหินและเย็นชากับเธอ เพราะชีวิตนี้เธอเหลือเพียงแค่พี่ราล์ฟคนนี้คนเดียวเท่านั้นที่เป็นครอบครัวของเธอ
“งั้นก็ปล่อย แล้วลงไปคุยกันดีๆ” ราฟาเอลกดจมูกลงบนกลุ่มผมสีน้ำตาลอย่างมันเขี้ยว
แพรวพิชชาเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลา ก่อนจะปล่อยแขนแกร่งให้เป็นอิสระ แล้วรีบเปิดประตูรถลงไปยืนรอราฟาเอลที่ด้านนอกด้วยความรวดเร็ว
ตกดึกหลังจากส่งลูกๆ เข้านอนแล้วก็เป็นเวลาของพ่อแม่ สองร่างเปลือยเปล่ากำลังแลกจูบ ลูบไล้ร่างกายของกันและกันอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น “หลายวันแล้วที่ไม่ได้กินน้องแพรว คืนนี้พี่ขอทั้งคืนเลยได้ไหมคะ” “หลายวันที่ไหนกันคะ แค่วันเดียวเท่านั้นเอง” เรียวขางามแยกออกจากกันเพื่อให้สามีได้ซุกหน้าลงมาหาได้ถนัด “ทั้งคืนไม่ดีมั้งคะ แพรวกลัวลูกตื่นแล้วไม่เจอเรา” “ลูกไม่ตื่นหรอกค่ะ เล่นกันจนเพลียขนาดนั้น” “พี่ราล์ฟก็รู้ว่าลูก…อื้อ อย่าเป่าลมหายใจใส่แพรวแบบนี้สิคะ แพรวเสียว หยุดแกล้งสักที” แพรวพิชชาหนีบขาจึงเท่ากับหนีบใบหน้าสามีไปด้วย คนถูกหนีบชอบใจ ขยี้ปาก จมูกรังแกร่างบางจนสะโพกลอยเด่น “ลูกสองแล้วอะไรก็เอาเมียพี่ไม่ลง ยังน่ากิน และทำใจผัวสั่นทุกครั้ง” “ทำเลยได้ไหมคะ แพรวกลัวลูกตื่นจัง” “ไม่ตื่นหรอกค่ะ” “พ่อจ๋า แม่จ๋าอยู่ไหน ฮือๆ” “พี่ราล์ฟ เสียงเอลลี่นี่คะ!” แพรวพิชชาหน้าตื่น ดันไหล่สามี “เอลลี่ของพ่อ ทำไมหนูทำกับพ่อแบบนี้คะลูก” โอดครวญกลางวงล้อมระหว่างขาเมีย “รีบลุกสิคะพี่ราล์ฟ อย่ามัวแต่ซบแพรว เดี๋ยวแอรอนก็ร้องอีกคนหรอกค่ะ” ฟาดไหล่สามีพลางมองหาชุดนอนที่อยู่ไกลออกไปจากโซฟา ตอนบอกให้รีบล
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ลูกสาวคนโตซึ่งเป็นโซ่ทองคล้องใจของราฟาเอล และแพรวพิชชามีอายุได้สามขวบแล้ว ความสวยที่ฉายแววมาตั้งแต่เล็กๆ นับวันยิ่งโดดเด่นจึงทำให้คุณพ่อหวงลูกสาวมากกว่าเดิม ส่วนลูกชายคนที่สองก็โตตามพี่สาวมาติดๆ รูปหล่อ น่ารักไม่แพ้พี่สาว ลูกหัวปีท้ายปีทำเอาคนเป็นพ่อแม่หัวหมุนไม่น้อย แต่เมื่อเทียบกับความสุขนั้นย่อมมีมากกว่า เป็นความวุ่นวายที่มีแต่รอยยิ้ม “แม่จ๋าเอลลี่อยากกินเยลลี่ค่ะ” สาวน้อยทำตาปริบๆ ออดอ้อนคุณแม่ท่าทางน่ารักน่าชัง “แต่เอลลี่เพิ่งจะทานขนมไปนะคะคนดี หนูหิวอีกแล้วเหรอคะ” แพรวพิชชาก้มมองลูกสาวที่กำลังยืนซบแก้มกอดขาเธอก่อนจะอุ้มขึ้นมาหอมแก้มยุ้ยๆ ด้วยความรักสุดหัวใจ เอลลี่น้อยของเธอชอบทานขนมเป็นชีวิตจิตใจ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะตามใจทุกครั้งที่เจ้าตัวร้องขอ ที่บอกว่าหิวน่ะบางครั้งก็ไม่ได้หิวจริงๆ แต่อยากทานมากกว่า “หิวค่ะ เอลลี่หิว” แพรวพิชชาอมยิ้ม เขี่ยจมูกน้อยๆ ด้วยจมูกของเธอ “หิวแบบไหนคะ ข้าวหรือขนม” “ขนมค่ะ” ตอบชัดถ้อยชัดคำแล้วใช้จมูกเล็กๆ หอมแก้มเอาใจคุณแม่ “เรานี่น้า” “แม่ค้าบ อุ้มแอรอนด้วย” “ครับลูก” แพรวพิชชาย่อตัวลงอุ้มลูกชาย มือน้อยๆ เกี่ยวคอคุณ
“เฮ้ย! แกเป็นใครวะมานอนกอดฉันแบบนี้ได้ไง ออกไปเดี๋ยวนี้นะเว้ย!” ตอเรสโวยวายเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วเจอชายแปลกหน้ากำลังยุ่มย่ามกับตนเอง “เสียงดังหาป้าแกเหรอ เดี๋ยวหลานก็ตื่นเพราะความขี้โวยวายของแกหรอก” ไรอันลุกขึ้นนั่งทั้งที่ตายังไม่ลืม ท่าทางสะลึมสะลือ ผมยุ่งไม่เป็นทรง “ช่วยแหกตาขึ้นมาดูก่อนได้ไหมวะไรอัน จะเสียตัวให้ไอ้ห่านี่อยู่แล้วแม่งเอ๊ย!” ตอเรสหน้าบึ้งจัด พลางผลักชายแปลกหน้าที่ส่งยิ้มให้ไปทางไรอันแล้วตัวเองรีบกระโดดหนี “หลับสบายไหมครับสุดหล่อ” เจคอปถามชายหนุ่มที่ตนซบไหล่อยู่เสียงนุ่ม “เฮ้ย! ไอ้หมอนี่มันเป็นใครวะตอเรส ท่าทางมันเหมือนชอบเพศเดียวกันเลยว่ะ” ไรอันหน้าตาตื่น ผลักหน้าขาวๆ ถอยหลังกรูดทันทีที่มีสติ เขาเกือบจะเสียจูบให้มันไปแล้ว “ไม่เหมือนหรอกมันใช่เลยไอ้เพื่อนโง่เอ๊ย! ส่วนแก เป็นใครวะ เข้ามาในบ้านเพื่อนฉันได้ยังไงฮะ ไม่ต้องยิ้มให้ฉัน ขนลุกไปหมดแล้วกู” ตอเรสรัวภาษาอังกฤษ “นี่พวกแกเสร็จเพื่อนน้องแพรวไปแล้วเหรอวะตอเรส ไรอัน” “คุณตอเรสกับคุณไรอันไม่นะครับ” โรมตามเจ้านายเข้ามาทำตาโต “เมื่อคืนพวกผมก็เกือบโดนเหมือนกันครับ แต่ดีที่รอดมาได้” แบรทเสริมพลางค้อนเจ้านาย “พี่ไรอันก
“เอลลี่จ๋าวันนี้หนูต้องอยู่บ้านกับพ่อสองคนนะครับ คุณแม่เขาจะทิ้งเราพ่อลูกไว้ที่บ้านแล้วตัวเองก็ออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆ หนูอย่างอแงกับพ่อมากนะครับ” ราฟาเอลพูดกับลูกน้อยตัวหอมฟุ้งระหว่างรอเมียบรรจงแต้มเครื่องสำอางบนใบหน้าขาวผ่อง ก่อนหน้านี้เขานอนเล่นกับลูกบนเตียงแต่อยู่ดีๆ หนูน้อยก็แผดเสียงร้องไห้จ้าแบบไร้สาเหตุ พออุ้มพามาหาแม่ก็อารมณ์ดี ไม่รู้ว่าหลังจากนี้ถ้าแม่ไม่อยู่ให้เห็นหน้าจะร้องไห้อีกหรือเปล่า “แม่ไม่ได้ทิ้งหนูจ้ะ คุณพ่อพูดเกินความจริงไปมาก” แพรวพิชชาหันกลับมามองสองพ่อลูกที่นั่งเฝ้าเธอแต่งหน้า พลางค้อนสามีไปหนึ่งที ดูเอาเถอะท่านประธานที่น่ารักของเธอ เมื่อคืนก็นึกว่าจะคุยกันรู้เรื่องแล้ว แต่พอถึงเวลาที่เธอจะไปดันงอแงแข่งกับลูก ขอตีสักทีจะได้ไหม หน้างอใส่เธอตั้งแต่ตื่นนอนจนตอนนี้ “แอ้ๆ” เห็นคุณแม่คนสวยหันมาคุยด้วยเอลลี่น้อยก็ตอบโต้อย่างอารมณ์ดี ดวงตากลมโตจ้องกลับ ส่งเสียงอ้อแอ้ แกว่งแขน แกว่งกำปั้น เจื้อยแจ้วต เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากพ่อและแม่ ยามคุณพ่อเอาไรเคราถูตรงฝ่าเท้าน้อยๆ ก็หัวเราะ เป็นภาพที่น่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกินในสายตาแพรวพิชชา ก่อนรอยยิ้มจะมาสะดุดตรงประโยคคุณพ่อของลูก “ล
“แน่ใจนะคะว่าแค่อยากอาบน้ำให้เมีย” ดวงตาคู่งามมองสามี เธอรู้ทันเขาหรอก ถ้าไม่ติดว่าลูกกำลังกินนมอยู่ล่ะก็พี่จะจับน้องแพรวแก้ผ้าเดี๋ยวนี้เลย กระซิบชิดเรียวปากหวาน คว้าหมับเข้าที่เต้าอวบใหญ่ข้างที่เอลลี่ไม่ได้ดูดพลางบี้หัวนมแข็งคัดจนน้ำนมพุ่งออกมาจนเปรอะมือ ดวงตาเร่าร้อนมองสบตาเมียสาวแล้วเลียกิน “อร่อย” การกระทำดังกล่าวไม่ได้ทำให้คนเป็นเมียอายแต่อย่างใด “แย่งลูกกินทุกวันเลยนะคะคุณพ่อ”“แบ่งกันกินไงครับ ใช่ไหมลูก เราแบ่งกันได้ใช่ไหมคะ” ยิ้มพลางจูบแก้มลูกสาวด้วยความเอ็นดู “เอลลี่รักพ่อเลยไม่หวงพ่อ” “กินนมเมียเหมือนลูกต้องเชื่อฟังเมียด้วยนะคะ” แพรวพิชชายกมือขึ้นลูบแก้มสากของสามีเล่น “ทุกวันนี้พี่ก็เชื่อฟังเมียทุกเรื่องอยู่แล้ว” เสียงทุ้มกระซิบชิดเรียวปากบาง “เชื่อฟังอยู่คนเดียว” แกล้งงับแล้วดูดดึงกลีบปากล่าง จากนั้นค่อยๆ แทรกลิ้นเข้าไปกลืนกินความหวาน นานกว่าจะผละออกจากกัน “พรุ่งนี้แพรวขอพาเจคออกไปเที่ยวนะคะ” ไม่เชิงขออนุญาต เรียกว่าแจ้งให้ทราบ “แค่ในกรุงเทพนี่แหละค่ะ ไม่ได้จะไปไหนไกล เพราะรู้อยู่แล้วว่าสามีต้องไม่อนุญาต” แพรวพิชชาอมยิ้มประโยคสุดท้าย หลับตาพริ้มพิงอกกว้างของร่างสูงที่
ราฟาเอลอุ้มลูกสาวเดินพลางชวนคุยไปด้วย ตอนนี้อาจจะยังไม่เข้าใจแต่เขาเชื่อว่าลูกจะซึมซับได้ เขาสื่อสารกับเอลลี่ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ เพราะต้องการให้แข็งแรงทั้งสองภาษา หลังจากทานอาหารเย็นด้วยกันทุกคนก็มารวมตัวกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่น มีโรมกับแบรทตามมาสมทบด้วย บทสนทนาส่วนใหญ่เวลานี้จึงผูกไว้ที่เจคอป และสองคู่หูดูโอ้ แบรท โรมที่จ้อไม่หยุดตั้งแต่มาถึง ด้านราฟาเอลกับแพรวพิชชาก็ให้ความสนใจลูกสาวมากกว่าจะร่วมวงคุย มีบ้างที่จะกล่าวเสริมสักสองประโยค “คุณแบรทกับคุณโรมดูสนิทกันมากเลยนะครับ ไม่ทราบว่าทั้งสองคนมีคนรู้ใจกันหรือยังครับ” เจคอปถามพลางจิ้มผลไม้ที่สาวใช้เพิ่งยกมาเสิร์ฟเข้าปาก โรมโบกมือ “ผมสองคนยังโสดสนิทครับคุณเจค ไม่มีเวลาไปจีบสาวที่ไหนหรอกครับ” “โสดแบบไม่ธรรมดาด้วยนะครับ โส๊ดโสด สาวๆ นี่ไม่แลพวกเราเลยล่ะครับ แล้วคุณเจคล่ะครับ แต่ผมว่าหน้าตาหล่อๆ เรียกสาวแบบนี้คงไม่โสดเหมือนพวกพวกผมหรอกใช่ไหมครับ” แบรทยิ้มขณะที่เจคขยิบตาท่าทางขี้เล่น “พี่ว่าไอ้สองตัวนี้ไม่ใครก็ใครที่จะโดนงาบ” ราฟาเอลกระซิบข้างหูเมียเสียงเบา “คงไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ พี่ราล์ฟน่ะพูดอะไรก็ไม่รู้” เท่าที่ได้ยินก็คุย