“พี่ราล์ฟขา ค่อยๆ พูดกันก็ได้ค่ะ อย่าใช้ความรุนแรงกับพี่ไอด้าสิคะ เธอเจ็บแล้วนะคะนั่น ยังไงเธอก็เป็นผู้หญิงนะคะ ปล่อยเธอเถอะ” แพรวพิชชาเห็นแล้วอดที่จะสงสารไม่ได้ เลยช่วยพูดให้พี่ชายเธออารมณ์เย็นลง
“พี่จะเห็นแก่คำพูดของน้องแพรว แต่ไม่ได้หมายความว่าพี่เห็นใจอารดาหรอกนะ” ราฟาเอลปล่อยมือออก เพียงคำพูดเห็นใจผู้อื่นของน้องน้อย เขาก็ยอมทำตามแต่โดยดี เพราะไม่อยากให้คิดมาก อารดารีบจับคางของตัวเองเอาไว้ทันทีเมื่อได้รับอิสระจากอุ้งมือใหญ่ที่แข็งราวกับคีมเหล็ก
“แค่ก แค่ก” อารดาไอจนหน้าแดงเมื่อราฟาเอลปล่อย
“กลับไปได้แล้วอารดาที่นี่ไม่ต้อนรับเธอ อย่าทำให้ความอดทนของฉันต่ำลงไปมากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นเธอจะไม่เดือดร้อนคนเดียว ฉันจะทำให้พ่อของเธอเดือดร้อนไปด้วย หากเวลานั้นมาถึงสาวสังคมอย่างเธอคงไม่มีที่ยืนให้คนชื่นชม หรือเยินยออีกต่อไป คิดดูดีๆ ว่าอย่างสบายต่อไปหรืออยากลองลิ้มรสความลำบากบ้าง ชีวิตจะได้มีสีสันมากกว่าเดิม” เสียงเข้มเอ่ยเรียบนิ่งแต่หนักแน่น ไม่มีความจำเป็นที่เขาจะต้องมานั่งรักษาภาพพจน์ให้ตัวเองดูดีกับผู้หญิงทุกคน โดยเฉพาะกับคนที่พูดไม่รู้เรื่องอย่างอารดา ไม่ใช่จะข่มขู่ให้หวาดกลัว แต่เขาจะทำอย่างที่ลั่นวาจาจริงๆหากยังไม่หยุดตอแย
“คุณห้ามทำอย่างที่พูดนะราล์ฟ ฉันอยู่ไม่ได้หากไม่มีเงินให้ใช้ ต่อไปฉันจะไม่มายุ่งกับคุณอีก ฉันไม่อยากเอาอนาคตมาเสี่ยงกับคนอย่างคุณอีกแล้วราฟาเอล ขอให้แก่ตายไปกับทรัพย์สมบัติของตัวเองเถอะ ไอ้ผู้ชายเฮงซวย! พ่อฉันไม่น่าหลวมตัวมาทำธุรกิจกับซาตานอย่างคุณเลย” อารดาพูดเสียงกร้าว แม้จะหวาดหวั่นไม่น้อยไม่พูดออกไปอย่างนั้น แต่ก็ยังเชิดหน้าขึ้นอย่างอวดดีก่อนจะกระแทกเท้าเดินออกไปโดยไม่หันกลับมามองอีก
“อย่ามานึกเสียดายเธอทีหลังนะคะพี่ราล์ฟ เพราะดูท่าแล้วงานนี้พี่ไอด้าคงไม่มาตามตื๊อพี่อีกแล้วแน่ๆ” แพรวพิชชาเย้ายิ้มๆ หลังจากสาวสวยพี่มาชอบพอพี่ชายจากไป
“ไม่มาตอแยอีกแล้วก็ดีน่ะสิ ตลอดหลายปีมานี้พี่ใจดีกับอารดามากจนเกินไป ถึงเวลาที่จะต้องกำจัดตัวน่ารำคาญออกไปให้พ้นๆจากชีวิตสักที และต่อไปนี้ก็หวังว่าจะไม่ต้องมาทนเห็นความน่ารำคาญของอารดาอีก” ราฟาเอลพูดอย่างสบายๆ
“รู้ตัวไหมว่าเมื่อกี้พี่ราล์ฟโหดขนาดไหน” แพรวพิชชาพึมพำ ลุกขึ้นยืนบนโซฟา ยกแขนขึ้นคล้องลำคอหนา โน้มใบหน้าเข้าไปหาหน้าเรียบนิ่งติดจะเย็นชาอย่างพิจารณา
“หน้าพี่มีอะไรติดอย่างงั้นเหรอ ถึงจ้องไม่วางตาเลย” ราฟาเอลยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองอย่างสงสัย
“มีความน่ากลัวติดอยู่ค่ะ” แพรวพิชชาแกล้งกระซิบเสียงเบาราวกับกลัวว่าใครจะได้ยิน ราฟาเอลส่ายหน้าให้กับความช่างแกล้งของคนตรงหน้า
“ถึงพี่จะร้ายหรือดูไม่ได้ในสายตาของใครๆ แต่คนเดียวที่พี่ไม่เคยอยากจะทำร้ายมีแต่เรานะน้องแพรว รู้ใช่ไหม” ราฟาเอลพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“แพรวรู้ค่ะ รู้ว่าพี่ราล์ฟรักและหวังดีกับแพรวเสมอมา ตั้งแต่วันที่เราได้อยู่ด้วยกันวันแรกจนถึงตอนนี้ แพรวเองก็รักพี่ราล์ฟ รักมากที่สุดในโลกเลยค่ะ” แพรวพิชชายิ้มจนตาเป็นรูปสระอิ กระชับท่อนแขนเล็กกับคอหนา คนถูกบอกรักอมยิ้มอย่างสุขใจ รวบเอวคอดกิ่วให้แนบชิดกับลำตัวมากขึ้น
“พี่ก็รักน้องแพรวมากที่สุดเหมือนกัน” รักมากจนไม่อยากจะให้ใครหน้าไหนมายุ่ง แค่คิดว่าจะโดนแย่งความรักและอ้อมแขนเล็กๆ ที่คอยกอดเขาแบบนี้ไป ก็แทบจะทนไม่ได้แล้ว
“อื้อ พี่ราล์ฟกอดแพรวแน่นเกินไปแล้วนะคะ” มือบางทุบไหล่หนา เมื่อแรงกอดรัดมันแน่นมากจนเกินไป
“ขอโทษที เวลากอดน้องแพรวแล้วพี่ชอบลืมตัวทุกที” ราฟาเอลคลายอ้อมแขนออก
“เป็นอะไรคะ ทำหน้าเครียดอีกแล้ว หรือว่าพี่ราล์ฟกำลังคิดหาวิธีกำจัดผู้หญิงคนอื่นอีก” แพรวพิชชาพูดติดตลก
“พี่แค่คิดอะไรนิดหน่อย ไม่ได้จะกำจัดใครสักหน่อย พูดไปเรื่อยเลยเรา น้องแพรวดูหนังต่อเถอะ พี่จะไปทำงานต่อแล้ว”ราฟาเอลจับมือนุ่มออก แล้วจูบลงที่กลางฝ่ามือบาง
“ก็ได้ค่ะ” แพรวพิชชาไม่เซ้าซี้ต่อ หอมแก้มสากฟอดใหญ่ ก่อนจะปล่อยให้ราฟาเอลกลับไปทำงานต่ออย่างที่เขาต้องการ
ราฟาเอลกลับมานั่งจมกับความคิดของตัวเอง เห็นทีงานนี้เขาต้องรีบทำอะไรสักอย่างแล้ว กลัวว่าหากทำอะไรชักช้าจนเกินไปจะโดนใครไม่รู้มาชิงตัดหน้าเอาน้องน้อยของเขาไปจากอ้อมอก หากเป็นอย่างนั้นเขาคงต้องบ้าตายแน่ อุตส่าห์เฝ้าทะนุถนอมมาตั้งนมนาน เพื่อรอวันที่แพรวพิชชาพร้อมที่จะเป็นของเขาทั้งตัวและหัวใจด้วยความสมัครใจ
ภายใต้ใบหน้าเคร่งเครียดที่แสนจะคุ้นชิน มันไม่สามารถทำให้รู้ได้ว่าเขากำลังคิดเรื่องอะไรอยู่ ถ้าหากว่าไม่เล่าจะไม่มีใครรู้ความนึกคิดของพี่ชายเธอได้เลย แพรวพิชชามองหนังที่กำลังฉายอยู่บนหน้าจอทีวีไม่ค่อยจะรู้เรื่องสักเท่าไหร่ เพราะคอยแต่จะลอบมองคนที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานอยู่บ่อยๆ
ห้องทำงานตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งเพราะแพรวพิชชาดูหนังจบแล้ว และตอนนี้ก็กำลังนอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร โซฟาตัวหรูยวบลงเมื่อราฟาเอลทิ้งตัวลงนั่ง สายตาคมเข้มทอดมองใบหน้าจิ้มลิ้มนิ่ง ไล่สายตามายังริมฝีปากเป็นกระจับสวยสีชมพูสด มันเหมือนมีแรงดึงดูให้เขาโน้มใบหน้าลงไป จนกระทั่งปากของเขาแตะที่เรียวปากบาง
“พี่ขอชื่นใจหน่อยนะ”
ราฟาเอลพึมพำชิดกลีบปากนุ่ม แล้วค่อยๆ ละเลียดอย่างเชื่องช้า ไม่ได้ส่งลิ้นเข้าไปสำรวจความหวานฉ่ำในโพรงปากเล็ก พอเห็นว่าร่างเล็กขยุกขยิกเลยจำใจละริมฝีปากออก ใช้มือเกลี่ยที่หน้าผากเนี่ยนที่มีผมหน้าม้าบางๆ ปกคลุมอยู่ แล้วจรดจมูกโด่งลงไปหอม จัดท่าทางการนอนให้สบายขึ้นแล้วคลี่ผ้าห่มผืนหนาที่เดินไปเอาจากห้องนอน ที่อยู่ภายในห้องทำงานออกมาให้น้องน้อยได้คลุมกายแก้หนาวจากแอร์เย็นจัด
พอราฟาเอลเดินจากไป คนที่เขาคิดว่าหลับก็ลืมตาขึ้นมา นิ้วเรียวสวยแตะที่ริมฝีปากของตัวเอง จริงๆเธอรู้สึกตัวตั้งแต่เขานั่งลงแล้ว แต่ที่ไม่ยอมลืมตาขึ้นมา เพราะต้องการจะแกล้งให้ตกใจเล่น ไม่คิดว่าเขาจะจูบเธอแบบนี้ ตอนนี้หัวสมองน้อยๆ ของเธอครุ่นคิดอย่างหนัก และไม่มีความกล้าพอที่จะถามออกไปตรงๆ เพราะเหตุการณ์นี้ทำให้ใจเธอเต้นจนแทบจะทะลุออกมานอกอก
แพรวพิชชานอนหน้านิ่วคิ้วขมวดพลิกตัวไปมาบนที่นอน โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกจับจ้องอยู่ ราฟาเอลยิ้มในหน้าเมื่อคาดเดาได้ว่าน้องสาวนอกไส้คงจะรู้ว่าเขาได้ทำอะไรลงไป
ตกดึกหลังจากส่งลูกๆ เข้านอนแล้วก็เป็นเวลาของพ่อแม่ สองร่างเปลือยเปล่ากำลังแลกจูบ ลูบไล้ร่างกายของกันและกันอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น “หลายวันแล้วที่ไม่ได้กินน้องแพรว คืนนี้พี่ขอทั้งคืนเลยได้ไหมคะ” “หลายวันที่ไหนกันคะ แค่วันเดียวเท่านั้นเอง” เรียวขางามแยกออกจากกันเพื่อให้สามีได้ซุกหน้าลงมาหาได้ถนัด “ทั้งคืนไม่ดีมั้งคะ แพรวกลัวลูกตื่นแล้วไม่เจอเรา” “ลูกไม่ตื่นหรอกค่ะ เล่นกันจนเพลียขนาดนั้น” “พี่ราล์ฟก็รู้ว่าลูก…อื้อ อย่าเป่าลมหายใจใส่แพรวแบบนี้สิคะ แพรวเสียว หยุดแกล้งสักที” แพรวพิชชาหนีบขาจึงเท่ากับหนีบใบหน้าสามีไปด้วย คนถูกหนีบชอบใจ ขยี้ปาก จมูกรังแกร่างบางจนสะโพกลอยเด่น “ลูกสองแล้วอะไรก็เอาเมียพี่ไม่ลง ยังน่ากิน และทำใจผัวสั่นทุกครั้ง” “ทำเลยได้ไหมคะ แพรวกลัวลูกตื่นจัง” “ไม่ตื่นหรอกค่ะ” “พ่อจ๋า แม่จ๋าอยู่ไหน ฮือๆ” “พี่ราล์ฟ เสียงเอลลี่นี่คะ!” แพรวพิชชาหน้าตื่น ดันไหล่สามี “เอลลี่ของพ่อ ทำไมหนูทำกับพ่อแบบนี้คะลูก” โอดครวญกลางวงล้อมระหว่างขาเมีย “รีบลุกสิคะพี่ราล์ฟ อย่ามัวแต่ซบแพรว เดี๋ยวแอรอนก็ร้องอีกคนหรอกค่ะ” ฟาดไหล่สามีพลางมองหาชุดนอนที่อยู่ไกลออกไปจากโซฟา ตอนบอกให้รีบล
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ลูกสาวคนโตซึ่งเป็นโซ่ทองคล้องใจของราฟาเอล และแพรวพิชชามีอายุได้สามขวบแล้ว ความสวยที่ฉายแววมาตั้งแต่เล็กๆ นับวันยิ่งโดดเด่นจึงทำให้คุณพ่อหวงลูกสาวมากกว่าเดิม ส่วนลูกชายคนที่สองก็โตตามพี่สาวมาติดๆ รูปหล่อ น่ารักไม่แพ้พี่สาว ลูกหัวปีท้ายปีทำเอาคนเป็นพ่อแม่หัวหมุนไม่น้อย แต่เมื่อเทียบกับความสุขนั้นย่อมมีมากกว่า เป็นความวุ่นวายที่มีแต่รอยยิ้ม “แม่จ๋าเอลลี่อยากกินเยลลี่ค่ะ” สาวน้อยทำตาปริบๆ ออดอ้อนคุณแม่ท่าทางน่ารักน่าชัง “แต่เอลลี่เพิ่งจะทานขนมไปนะคะคนดี หนูหิวอีกแล้วเหรอคะ” แพรวพิชชาก้มมองลูกสาวที่กำลังยืนซบแก้มกอดขาเธอก่อนจะอุ้มขึ้นมาหอมแก้มยุ้ยๆ ด้วยความรักสุดหัวใจ เอลลี่น้อยของเธอชอบทานขนมเป็นชีวิตจิตใจ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะตามใจทุกครั้งที่เจ้าตัวร้องขอ ที่บอกว่าหิวน่ะบางครั้งก็ไม่ได้หิวจริงๆ แต่อยากทานมากกว่า “หิวค่ะ เอลลี่หิว” แพรวพิชชาอมยิ้ม เขี่ยจมูกน้อยๆ ด้วยจมูกของเธอ “หิวแบบไหนคะ ข้าวหรือขนม” “ขนมค่ะ” ตอบชัดถ้อยชัดคำแล้วใช้จมูกเล็กๆ หอมแก้มเอาใจคุณแม่ “เรานี่น้า” “แม่ค้าบ อุ้มแอรอนด้วย” “ครับลูก” แพรวพิชชาย่อตัวลงอุ้มลูกชาย มือน้อยๆ เกี่ยวคอคุณ
“เฮ้ย! แกเป็นใครวะมานอนกอดฉันแบบนี้ได้ไง ออกไปเดี๋ยวนี้นะเว้ย!” ตอเรสโวยวายเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วเจอชายแปลกหน้ากำลังยุ่มย่ามกับตนเอง “เสียงดังหาป้าแกเหรอ เดี๋ยวหลานก็ตื่นเพราะความขี้โวยวายของแกหรอก” ไรอันลุกขึ้นนั่งทั้งที่ตายังไม่ลืม ท่าทางสะลึมสะลือ ผมยุ่งไม่เป็นทรง “ช่วยแหกตาขึ้นมาดูก่อนได้ไหมวะไรอัน จะเสียตัวให้ไอ้ห่านี่อยู่แล้วแม่งเอ๊ย!” ตอเรสหน้าบึ้งจัด พลางผลักชายแปลกหน้าที่ส่งยิ้มให้ไปทางไรอันแล้วตัวเองรีบกระโดดหนี “หลับสบายไหมครับสุดหล่อ” เจคอปถามชายหนุ่มที่ตนซบไหล่อยู่เสียงนุ่ม “เฮ้ย! ไอ้หมอนี่มันเป็นใครวะตอเรส ท่าทางมันเหมือนชอบเพศเดียวกันเลยว่ะ” ไรอันหน้าตาตื่น ผลักหน้าขาวๆ ถอยหลังกรูดทันทีที่มีสติ เขาเกือบจะเสียจูบให้มันไปแล้ว “ไม่เหมือนหรอกมันใช่เลยไอ้เพื่อนโง่เอ๊ย! ส่วนแก เป็นใครวะ เข้ามาในบ้านเพื่อนฉันได้ยังไงฮะ ไม่ต้องยิ้มให้ฉัน ขนลุกไปหมดแล้วกู” ตอเรสรัวภาษาอังกฤษ “นี่พวกแกเสร็จเพื่อนน้องแพรวไปแล้วเหรอวะตอเรส ไรอัน” “คุณตอเรสกับคุณไรอันไม่นะครับ” โรมตามเจ้านายเข้ามาทำตาโต “เมื่อคืนพวกผมก็เกือบโดนเหมือนกันครับ แต่ดีที่รอดมาได้” แบรทเสริมพลางค้อนเจ้านาย “พี่ไรอันก
“เอลลี่จ๋าวันนี้หนูต้องอยู่บ้านกับพ่อสองคนนะครับ คุณแม่เขาจะทิ้งเราพ่อลูกไว้ที่บ้านแล้วตัวเองก็ออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆ หนูอย่างอแงกับพ่อมากนะครับ” ราฟาเอลพูดกับลูกน้อยตัวหอมฟุ้งระหว่างรอเมียบรรจงแต้มเครื่องสำอางบนใบหน้าขาวผ่อง ก่อนหน้านี้เขานอนเล่นกับลูกบนเตียงแต่อยู่ดีๆ หนูน้อยก็แผดเสียงร้องไห้จ้าแบบไร้สาเหตุ พออุ้มพามาหาแม่ก็อารมณ์ดี ไม่รู้ว่าหลังจากนี้ถ้าแม่ไม่อยู่ให้เห็นหน้าจะร้องไห้อีกหรือเปล่า “แม่ไม่ได้ทิ้งหนูจ้ะ คุณพ่อพูดเกินความจริงไปมาก” แพรวพิชชาหันกลับมามองสองพ่อลูกที่นั่งเฝ้าเธอแต่งหน้า พลางค้อนสามีไปหนึ่งที ดูเอาเถอะท่านประธานที่น่ารักของเธอ เมื่อคืนก็นึกว่าจะคุยกันรู้เรื่องแล้ว แต่พอถึงเวลาที่เธอจะไปดันงอแงแข่งกับลูก ขอตีสักทีจะได้ไหม หน้างอใส่เธอตั้งแต่ตื่นนอนจนตอนนี้ “แอ้ๆ” เห็นคุณแม่คนสวยหันมาคุยด้วยเอลลี่น้อยก็ตอบโต้อย่างอารมณ์ดี ดวงตากลมโตจ้องกลับ ส่งเสียงอ้อแอ้ แกว่งแขน แกว่งกำปั้น เจื้อยแจ้วต เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากพ่อและแม่ ยามคุณพ่อเอาไรเคราถูตรงฝ่าเท้าน้อยๆ ก็หัวเราะ เป็นภาพที่น่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกินในสายตาแพรวพิชชา ก่อนรอยยิ้มจะมาสะดุดตรงประโยคคุณพ่อของลูก “ล
“แน่ใจนะคะว่าแค่อยากอาบน้ำให้เมีย” ดวงตาคู่งามมองสามี เธอรู้ทันเขาหรอก ถ้าไม่ติดว่าลูกกำลังกินนมอยู่ล่ะก็พี่จะจับน้องแพรวแก้ผ้าเดี๋ยวนี้เลย กระซิบชิดเรียวปากหวาน คว้าหมับเข้าที่เต้าอวบใหญ่ข้างที่เอลลี่ไม่ได้ดูดพลางบี้หัวนมแข็งคัดจนน้ำนมพุ่งออกมาจนเปรอะมือ ดวงตาเร่าร้อนมองสบตาเมียสาวแล้วเลียกิน “อร่อย” การกระทำดังกล่าวไม่ได้ทำให้คนเป็นเมียอายแต่อย่างใด “แย่งลูกกินทุกวันเลยนะคะคุณพ่อ”“แบ่งกันกินไงครับ ใช่ไหมลูก เราแบ่งกันได้ใช่ไหมคะ” ยิ้มพลางจูบแก้มลูกสาวด้วยความเอ็นดู “เอลลี่รักพ่อเลยไม่หวงพ่อ” “กินนมเมียเหมือนลูกต้องเชื่อฟังเมียด้วยนะคะ” แพรวพิชชายกมือขึ้นลูบแก้มสากของสามีเล่น “ทุกวันนี้พี่ก็เชื่อฟังเมียทุกเรื่องอยู่แล้ว” เสียงทุ้มกระซิบชิดเรียวปากบาง “เชื่อฟังอยู่คนเดียว” แกล้งงับแล้วดูดดึงกลีบปากล่าง จากนั้นค่อยๆ แทรกลิ้นเข้าไปกลืนกินความหวาน นานกว่าจะผละออกจากกัน “พรุ่งนี้แพรวขอพาเจคออกไปเที่ยวนะคะ” ไม่เชิงขออนุญาต เรียกว่าแจ้งให้ทราบ “แค่ในกรุงเทพนี่แหละค่ะ ไม่ได้จะไปไหนไกล เพราะรู้อยู่แล้วว่าสามีต้องไม่อนุญาต” แพรวพิชชาอมยิ้มประโยคสุดท้าย หลับตาพริ้มพิงอกกว้างของร่างสูงที่
ราฟาเอลอุ้มลูกสาวเดินพลางชวนคุยไปด้วย ตอนนี้อาจจะยังไม่เข้าใจแต่เขาเชื่อว่าลูกจะซึมซับได้ เขาสื่อสารกับเอลลี่ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ เพราะต้องการให้แข็งแรงทั้งสองภาษา หลังจากทานอาหารเย็นด้วยกันทุกคนก็มารวมตัวกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่น มีโรมกับแบรทตามมาสมทบด้วย บทสนทนาส่วนใหญ่เวลานี้จึงผูกไว้ที่เจคอป และสองคู่หูดูโอ้ แบรท โรมที่จ้อไม่หยุดตั้งแต่มาถึง ด้านราฟาเอลกับแพรวพิชชาก็ให้ความสนใจลูกสาวมากกว่าจะร่วมวงคุย มีบ้างที่จะกล่าวเสริมสักสองประโยค “คุณแบรทกับคุณโรมดูสนิทกันมากเลยนะครับ ไม่ทราบว่าทั้งสองคนมีคนรู้ใจกันหรือยังครับ” เจคอปถามพลางจิ้มผลไม้ที่สาวใช้เพิ่งยกมาเสิร์ฟเข้าปาก โรมโบกมือ “ผมสองคนยังโสดสนิทครับคุณเจค ไม่มีเวลาไปจีบสาวที่ไหนหรอกครับ” “โสดแบบไม่ธรรมดาด้วยนะครับ โส๊ดโสด สาวๆ นี่ไม่แลพวกเราเลยล่ะครับ แล้วคุณเจคล่ะครับ แต่ผมว่าหน้าตาหล่อๆ เรียกสาวแบบนี้คงไม่โสดเหมือนพวกพวกผมหรอกใช่ไหมครับ” แบรทยิ้มขณะที่เจคขยิบตาท่าทางขี้เล่น “พี่ว่าไอ้สองตัวนี้ไม่ใครก็ใครที่จะโดนงาบ” ราฟาเอลกระซิบข้างหูเมียเสียงเบา “คงไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ พี่ราล์ฟน่ะพูดอะไรก็ไม่รู้” เท่าที่ได้ยินก็คุย