กฤติกาแวะส่งก้องเกียรติและน้องสาวคนใหม่ที่บ้าน ส่วนเธอขับรถเลยไปที่ห้างสรรพสินค้าใกล้บ้านที่นัดกับอัศราไว้ ส่วนหนึ่งตั้งใจว่าคุยเสร็จจะหาซื้อของใช้ให้เด็กน้อยคนใหม่ด้วย
“สวัสดีค่ะคุณอัศรา”
“ลูกไก่ลาออกทำไมครับ ทำงานกับผมไม่สบายใจหรือว่ามีปัญหาอะไรคุยกันได้นะ แล้วบ้านทำไมต้องย้าย” เขาถามรัวเร็ว
“เมื่อวานไก่เข้าไปที่ออฟฟิศตอนหกโมงเย็นค่ะ” เธอพูดแค่นั้นอัศราเข้าใจได้ทันทีว่าเธอคงเห็นสมิติมาหาเขา เผลอๆ คงได้ยินหมดแล้ว
ชายหนุ่มถอนใจไม่มีประโยชน์จะแถอีก
“งั้นผมขอพูดตรงๆ เลยนะ เฮียหมิงเขาหวังดีกับคุณทุกเรื่องเลยถึงวิธีของเขาจะดูเหมือนซ้ำเติมคุณก็เถอะ”
อัศราเข้าใจเรื่องที่สมิติอยากให้กฤติกาแข็งแกร่งพอ แต่เขาไม่เข้าใจเช่นกันว่ามันมีวิธีอื่นที่ทำให้เธอก้าวไปสู่คำว่าหญิงเก่งโดยไม่ต้องเจ็บปวดเรื่องส่วนตัว คนที่ใจมันช้ำรักจะเอาสติที่ไหนมาพัฒนาตัวเอง
กฤติกากระพริบตาถี่ๆ “คนทุกคนอยากได้ดีทั้งนั้นค่ะ” เธอพูดขึ้น เพราะถ้าไม่ใช่เธอคงไม่ยอมเสียอะไรหลายอย่างเพื่อให้ได้เรียนจบ
“แต่เป้าหมายในชีวิตของแต่ละคนคงต่างกัน ไก่ไม่ใช่คนที่ดีพอสำหรับเขาหรอกค่ะ” ต่อให้ตายแล้วเกิดใหม่เธอก็คงไม่ดีพอสำหรับเขา สู้อยู่กับคนที่พอดีกับเธอไม่ดีกว่าหรือหญิงสาวถามตัวเอง
“เอาเป็นว่าเรื่องที่คุณช่วยไก่ตามที่คุณสมิติขอ ไก่เข้าใจและไม่โกรธคุณค่ะแต่เราเลิกกันแล้ว ไก่ไม่อยากให้เขามีอิทธิพลอะไรกับการใช้ชีวิตอีกนั่นคือเหตุผลที่ต้องลาออกและย้ายบ้าน” เธออธิบาย
อัศราพยักหน้าเข้าใจ กฤติกาก็ไม่ใช่คนเข้าใจอะไรยากเขาเองไม่รู้ว่าทำไมสมิติต้องทำเรื่องง่ายให้ยากแบบที่ไม่ควรเป็น สงสัยพลังงานมันเหลือมั้ง..
“งั้นอีกเรื่องผมพูดเลยนะไก่ เอางี้ดีกว่าตอนนี้ผมไม่ใช่เจ้านายไก่เรียกผมว่าพี่ก็ได้” สรรพนาม ฉันๆ คุณๆ เขาไม่คุ้นเลย ไหนๆ ก็เป็นญาติดองกันแล้วควรจะเรียกกันให้สนิทสนม
“ได้ค่ะพี่ฮาน” กฤติกาไม่ใช่คนเรื่องมาก ไม่เหลือบ่ากว่าแรงเธอก็ทำให้ได้
“เรื่องบ้านที่ไก่บอกขาย พี่ขอซื้อได้ไหม ไหนๆ ไก่ก็รู้แล้วว่าไก่ได้มันมาในราคาถูกลง 50% แต่พี่จะขอซื้อในราคาจริงไก่ได้กำไรแน่ๆ”
เธอทำหน้าไม่เข้าใจ จนอัศราต้องโบกมือห้ามความคิดเธอ
“อันนี้พี่อยากซื้อเอง ไม่ได้ทำตามที่เฮียหมิงบอก” หรือถ้าจะพูดให้ถูก สมิติยังไม่รู้ด้วยซ้ำเรื่องที่กฤติกาลาออกและประกาศขายบ้าน
“คะ” เธอทำเสียงสูงเป็นเชิงถาม
“พี่จะซื้อให้น้องเชอรี่กับแม่” เขาพูดอย่างระมัดระวัง เรื่องที่ช่วยเฮียหมิงนับว่ายังเบาถ้าเทียบกับเรื่องต่อไปที่จะสารภาพ แต่ถ้าไม่พูดตอนนี้ก็ไม่รู้จะได้พูดตอนไหน
เขาเริ่มสารภาพเรื่องทั้งหมดตั้งแต่ตอนที่พบเกศราในร้านเหล้า จนถึงตอนที่ขอออฟเธอจากเจ้าของร้าน เรื่อยมาจนถึงวันก่อนที่เขาไปลำปางเพื่อเค้นเอาความจริงที่ว่า เพื่อยืนยันว่าเกศราเป็นผู้หญิงในคืนนั้นและน้องเชอรี่เป็นลูกของเขา
กฤติกาฟังเงียบๆ ส่วนหนึ่งเธอดีใจที่อัศรารู้แล้วไม่นิ่งเฉย แต่เธอไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรแค่ไหน เธอจึงพูดตรงๆ
“พี่ฮานคะ ถ้าพี่ต้องการแค่ลูกไปเลี้ยงเองทางไก่คง..” เธอพูดแค่นั้นก็ถูกขัดขึ้นมา
“พี่อยากได้ทั้งแม่ทั้งลูก พี่สัญญาได้เลยว่าจะหน่อยกับลูกจะไม่ลำบาก พี่ไม่มีข้อทดสอบอะไรบ้าๆ แบบเฮียหมิงหรอก สำหรับคนจะเป็นเมียพี่แค่เราเข้ากันได้ก็พอ” อัศราแน่ใจว่าเขากับเกศราเข้ากันได้อย่างดี แค่คืนเดียวก็มีเชอรี่น้อยๆ มาแล้ว เขารีบสรุปทันที
“โอเคนะหน่อย ยังไงก็เอาเรื่องบ้านก่อน พรุ่งนี้พี่จะไปรับที่บ้านไปกรมที่ดินแล้วจะเตรียมเช็คไปให้สิบล้าน ส่วนที่จะให้นายหน้าพี่จัดการเอง”
จำนวนเงินที่เขาว่ามากจนเธอตกใจ “ไม่ต้องหรอกค่ะพี่ฮาน พี่จ่ายเท่าที่ไก่ซื้อมาก็พอ”
“พี่เป็นเจ้าของบริษัทรับสร้างบ้าน รวยไม่น้อยกว่าแฟนเอ้ย..แฟนเก่าเราหรอก ไก่จะมาลดราคาของขวัญชิ้นแรกที่พี่จะให้ลูกเมียทำไม”
อัศราแกล้งพูดจนกฤติกาหัวเราะเบาๆ แต่เธอคงไม่รู้ว่าเขาต้องรีบทำเรื่องซื้อก่อนที่สมิติจะรู้เรื่องนี้แล้วมันต้องมาซื้อกลับตัดหน้าเขาแน่ เขารู้ว่ามันตั้งใจยกบ้านนี้ให้กฤติกาเลยขายให้ถูกๆ ช่วยสมิติแล้วไม่เห็นดีตรงไหน ย้ายข้างมาอยู่ฝั่งอดีตเมียมันน่าจะดีกว่าเยอะ
“เป็นไงบ้างหน่อย มะลิร้องไห้ไหม” คืนนั้นกฤติกาเข้ามาคุยกับน้องสาวที่ห้องนอน เนื่องจากเธอรับอาสาดูแลน้องให้
“ไม่ร้องเลยพี่ รู้อยู่ดีจัง” เกศรามองน้องสาวคนล่าสุดที่นอนข้างลูกสาวของเธอเอง
“วันนี้พี่เจอคุณฮานมา เขาบอกว่าอยากขอซื้อบ้านให้เชอรี่ หน่อยจะว่าไง” กฤติกาบอกน้องตามตรงเธอสังเกตสีหน้าน้องสาวที่นิ่งงันไปเมื่อเธอเอ่ยถึงพ่อของหลานสาว
“หน่อยไม่อยากให้เขามายุ่งกับเชอรี่เลยค่ะ แล้วเขาแน่ใจแล้วเหรอคะว่าเชอรี่เป็นลูกเขา” เกศราบอกตามที่คิด เธออยู่ได้มาตั้งหลายเดือนโดยที่ไม่มีผู้ชายคนไหนมาออกหน้าเป็นพ่อของลูก เธอกับเชอรี่ก็ยังผ่านมาได้
“ฮื่อ เขาเล่าให้พี่ฟังหมดแล้วว่าเมื่อวานก่อนเขาไปลำปางไปที่ร้านนั้น ไปเค้นถามเจ้าของร้านกับเพื่อนของหน่อยสองคนนั่นยอมรับว่าเอาเงินค่าตัวหน่อยไปแบ่งกัน เขาจ่ายไปสองหมื่นเพราะถูกเจ้หลอกว่าหน่อยรับงานพิเศษ” กฤติกาเล่าตามที่อัศราบอกทั้งหมด ในมุมมองของเธอทั้งอัศราและเกศราต่างก็ถูกหลอกทั้งคู่
เกศรากัดริมฝีปากเรื่องคืนนั้นผ่านมานานแล้ว นานจนเธอไม่อยากรื้อฟื้น
“แล้ว..พี่ว่าหน่อยควรทำยังไง”
“ไหนๆ เชอรี่ก็เกิดมาแล้ว ถ้ามีพ่อก็น่าจะดีกว่าไม่มีแล้วคุณอัศราเขาก็ดูว่าเอ็นดูเชอรี่ตั้งแต่ยังไม่รู้ว่าเป็นลูกด้วยซ้ำ พี่ว่าลองให้เขาทำหน้าที่พ่อดีไหม”
เกศรามองหน้าพี่สาว
“พี่จะให้หน่อยยกลูกให้เขาเหรอ” มันไม่ยุติธรรมเลย ในช่วงที่ท้องเธอทุกข์อยู่คนเดียว แล้วพอมาถึงตอนนี้จะให้เธอยกลูกให้เขาง่ายๆ เธอคิดในใจ
“เปล่า พี่บอกเขาแล้วว่าถ้าเขาต้องการแบบนั้นทางเราไม่โอเค เขาคงแค่อยากส่งเสียเลี้ยงดูหรือจดทะเบียนรับรองบุตรน่ะ”
เช้าวันต่อมาอัศรามาถึงบ้านตั้งแต่เช้า ก้องเกียรติที่กำลังเตรียมตัวไปเรียนถึงกับมองเวลา
“พี่มาแต่เช้าเลยเหรอครับ พี่ไก่ยังไม่ลงมาเลย”
“บ้านเราอยู่ใกล้บ้านพี่น่ะ ห่างไปแค่ซอยเดียวเองแล้วจะไปเรียนแล้วเหรอ” อัศราถาม
“กินข้าวเสร็จก็ไปครับ พี่กินอะไรมารึยังทานด้วยกันไหม” เด็กหนุ่มจำต้องถามตามมารยาท เขาไม่แน่ใจว่าคนทำอาหารอย่างเกศราจะว่าอย่างไร
“กินสิ พี่ซื้อปาท่องโก๋มาฝากด้วยนะ ขอกาแฟแก้วเดียวก็พอ” อัศราลุกตามเด็กหนุ่มเข้าไปในห้องทานอาหาร ทำตัวคุ้นเคยกับบ้านใหม่ทั้งที่เพิ่งมาวันแรก
ในห้องทานอาหารเกศรากำลังจัดโต๊ะ ในบ้านตอนนี้ทุกคนแบ่งหน้าที่กันคือกฤติการับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด ส่วนเกศราช่วยทำอาหารและเลี้ยงลูก จ่ายตลาด ส่วนก้องเกียรติช่วยออกแรงทำงานบ้านหนักๆ ในตอนหลังเลิกเรียนหรือวันหยุด
เกศราทำหน้าที่ของเธอโดยไม่พูดอะไร ไม่ทักทายอัศราจนก้องเกียรติเป็นคนพูดขึ้นว่า
“พี่ฮานจะเอากาแฟใช่ไหม เดี๋ยวนัทชงให้”
“ไม่เป็นไร พี่ชงเอง” อัศรารีบพูด เขาตรงไปที่หน้าเคาเตอร์กาแฟมีกระติกน้ำร้อน ชายหนุ่มหยิบแก้วกาแฟบนชั้นวางมือเขากระทบมือของเกศราที่กำลังหยิบของบนชั้นเช่นกัน
เธอสะดุ้งมองเขาตาเขียวแต่ไม่พูดอะไรรีบเบี่ยงตัวหนี เกศราอุ่นนมแม่ที่เธอปั๊มไว้ให้เชอรี่และมะลิคนละขวด อัศรามองด้วยความแปลกใจ
“ลูกกินนมทีละสองขวดเลยเหรอหน่อย”
วันรุ่งขึ้นเธอเห็นสมิติเจริญอาหารเป็นพิเศษ“เมื่อวานพี่เห็นไก่ซื้อขนมมาใช่ไหม ยังมีอยู่รึเปล่า” “ขนมเหรอคะ ขนมไทยนะคะพี่จะทานเหรอ” กฤติกาไม่เคยเห็นเขาชอบของหวานเลยสักครั้ง“อืม อยากกินน่ะยังมีอยู่รึเปล่า” สมิติตอบหญิงสาวจึงเปิดตู้เย็นดูขนมที่ว่า“มีค่ะเป็นทองหยิบกับฝอยทองนะคะ” เธอซื้อมาจัดชุดถวายข้าวพระพุทธ จึงมีเหลือในกล่องไม่มากเธอนำมันมาจัดจานไปใส่คนที่นั่งรอ“อร่อย” สมิติจิ้มทองหยิบใส่ปากสีหน้าดูชื่นอกชื่นใจ ส่วนกฤติกาทำหน้าแหยง“มันหวานมากเลยนะคะ พี่หมิงว่าพอดีเหรอ” สมิติหันมาพยักหน้า ทำสีหน้าจริงจัง“พอดี ไม่เห็นหวานไปเลยจ้ะ เอาอีกนะอันนี้ไก่ซื้อร้านไหนมา”“ร้านหน้าคอนโดนี่เองค่ะ พี่หมิงไม่สบายรึเปล่าคะ” เธอมองเขาอย่างกังวล พักนี้รู้สึกว่าเขาไม่ปกติหลายๆ อย่าง เหมือนผีเด็กเข้าสิงแต่เธอแน่ใจว่าแถวนี้ไม่มีใครเลี้ยงกุมาร“ไม่นี่ พี่ปกติ” สมิติตอบ เขาไม่รู้สึกว่าเขาเป็นอะไรภรรยาคิดมากไปเองหญิงสาวป้อนโจ๊กให้น้องแมทจนหมดถ้วย 'กินเก่งทั้งพ่อทั้งลูก' เธอคิดในใจ กฤติกาลุกขึ้นจะเข้าไปในครัวแต่ก็ต้องเซเมื่อเธอรู้สึกเหมือนจะเป็นลม“ไก่..” สมิติเรียกเสียงดัง เขารีบมาป
“พี่หมิงคะ ลูกร้อง” กฤติกาตะโกนบอกสามี เด็กชายกรกันต์หรือน้องแมทวัยแปดเดือน กำลังแผดเสียงร้องจ้าเมื่อตื่นมาไม่พบใครในห้อง“จ้า พี่ไปเดี๋ยวนี้ละ” สมิติรีบวิ่งออกจากห้องน้ำไปดูลูกชาย ส่วนกฤติกากำลังเคี่ยวข้าวผักห้าสีให้ลูกในครัว“โอ๋.. ไม่ร้องนะครับ พ่อเปลี่ยนเพิสให้นะลูก” ชายหนุ่มเปลี่ยนผ้าอ้อมสำเร็จให้ลูกชายอย่างคล่องแคล่วเพราะทำมาตั้งแต่น้องแมทเกิด พ่อลูกอ่อนอุ้มลูกชายมาไว้ในคอก ตอนนี้น้องแมทคลานได้คล่องแล้ว บางครั้งไปไวมากจนพ่อแม่จับไม่ทัน“มาแล้ว” กฤติกายกถ้วยข้าวบดมาให้ลูก เธอคนๆ วางทิ้งไว้สักครู่เพื่อให้คลายความร้อนลง“มาค่ะน้องแมท” เธออุ้มเด็กชายขึ้นจากคอกมานั่งที่เก้าหัดกินข้าวของเด็ก หญิงสาวหัดให้ลูกชายนั่งได้เองเพื่อที่ว่าเวลาไปไหนจะได้ไม่ต้องคอยอุ้มตลอดเวลา“พี่หมิงหิวหรือยังคะ” เธอหันไปถามสามี “หิวจ้ะ แต่ไม่รู้อยากกินอะไร” สมิติทำท่าเพลีย “นอนน้อยรึเปล่าคะ มีไข้ไหม” หญิงสาวลุกมาหาเขาเธอใช้มืออังหน้าผากพบว่าเขาตัวเย็น “พี่ไม่เป็นอะไรหรอก” สมิติจับมือเธอไว้ “คืนนี้ไม่ต้องลุกมาดูแมทนะคะ ไก่จัดการเอง” เธอเริ่มฝึกให้ลูกเลิกมื้อดึกและนอนยาวแล้วตามที่คุยกับค
สมิติไม่ทำอะไรเธอตามที่เขาพูดจริง แต่ชายหนุ่มถือโอกาสช่วงที่รอแผลเธอหายช้ำสร้างความคุ้นเคยให้เธอด้วยการสัมผัสแตะต้อง โอบบ้าง กอดบ้างจนกฤติกาเริ่มชินเช้าวันอาทิตย์เขาออกไปข้างนอกและกลับมาทานข้าวเย็นกับเธอ พบว่ากฤติกาไม่ได้ออกไปไหนเลย“ออกไปเดินเล่นบ้างก็ได้นะไก่” “ไม่เป็นไรค่ะ ไก่อยากพักพรุ่งนี้ต้องไปมหาวิทยาลัย” สมิติพยักหน้าเข้าใจ เขาขยับตัวลุกขึ้นเตรียมตัวจะกลับที่พัก “งั้นไก่พักพี่จะกลับก่อน เช้าวันอังคารเจอกันพี่จะมารับไปลำปาง” “ค่ะ” ###############สมิติพาเธอไปจัดการธุระเรื่องบ้านที่ลำปางในเช้าวันอังคาร โดยที่เขาไปคุยกับเจ้าหนี้ให้เองและนำโฉนดบ้านกลับคืนมา จากนั้นเขาปล่อยให้กฤติกาเข้าบ้านไปหาน้องๆ หญิงสาวซื้อของจำเป็นเข้าบ้านจำนวนหนึ่งพอใช้ไปนาน และซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ไว้ให้น้อง ๆ โทรหาตนเอง ไม่ต้องยืมโทรศัพท์เพื่อนบ้านใช้อีกทั้งคู่กลับมาถึงกรุงเทพฯ ในตอนเที่ยงคืน สมิติขึ้นมาบนห้องด้วยเขาวางของลงบนโต๊ะ ขณะที่บอกเธอให้ไปอาบน้ำกฤติกาออกมาจากห้องน้ำ ไฟในห้องนอนถูกปิดแล้วเหลือไฟเล็กหัวเตียงเท่านั้น สมิตินอนบนเตียงอยู่ในชุดนอนเขาคงไปใช้ห้องน้ำด้านนอก“พี่จะ
“พี่ว่าอะไรนะ” สมิติทวนคำหลังจากที่พีรพัทย์โทรหาเขา “ก็อย่างที่บอกไป เดียโทรมาปรึกษากูว่าเพื่อนเขาจำเป็นต้องใช้เงินแสนสองภายในสามวัน กูพอจะมีเพื่อนดีๆ ที่สนใจน้องเขาไหม น้องเขายอมทุกอย่างแต่ขอให้ชัวร์เพราะเขาเดือดร้อนมาก” พีรพัทย์ทวนอีกครั้ง“แล้วถ้าผมบอกว่าไม่สนล่ะ” สมิติหยั่งเชิง“กูก็อาจจะหาคนอื่นให้น้องเขา หรือไม่กูก็อาจจะบริจาคให้น้องเขาเอง เงินแค่นี้มึงก็รู้ว่ากูไม่มีปัญหา” พีรพัทย์แกล้งพูด“พี่ว่าไงนะ พี่มีเดียอยู่แล้วไง” สมิติแย้ง“แล้วไงลูกไก่ก็เพื่อนเดีย เพื่อนสนิทกันมาก สองสาวจะได้มีเพื่อนเวลาปรนนิบัติกูไง เดียเขาอาจจะวางใจก็ได้ที่คนนั้นเป็นกู” “หยุด พี่บ้าไปแล้วไหนว่าจริงจังกับเด็กมันจะไปทำให้เดียเสียใจทำไม เอางี้ผมรับเองแต่ผมขอคุยกับลูกไก่ก่อน” สมิติรีบห้ามก่อนที่เพื่อนรุ่นพี่จะจินตนาการบรรเจิดไปมากกว่านั้น ได้ยินเสียงอีกฝ่ายหัวเราะจึงรู้ว่าฝ่ายนั้นล้อเล่น“ก็มาสิ คืนนี้ลูกไก่ต้องมาทำงานที่ร้านอยู่แล้ว” “ไม่ต้องเลย บอกเด็กพี่นะว่าให้บอกลูกไก่เลิกทำงานที่ร้าน เดี๋ยวผมจะออกไปรับตอนนี้เขาอยู่ที่คอนโดของเดียใช่ไหม” สมิติลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน วันนี้งานเขาไม
สมิติกลับมาขึ้นรถ เขาหันมามองกฤติกาที่ยังหน้าซีดเผือดจากเหตุการณ์เมื่อครู่“เจ็บตรงไหนบ้าง เดี๋ยวพี่จะพาไปตรวจที่โรงพยาบาล” เธอส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ จุกเดี๋ยวก็คงหายถ้าจะกรุณา ไปส่งที่ห้องเดียได้ไหมคะ” “ห้องเดียนั่นมันเป็นของเฮียพีท เขาซื้อให้เดียอยู่” สมิติเปรยขึ้นมา กฤติกาเม้มปากแน่น“งั้นไปหอของไก่ก็ได้ค่ะ แต่ถ้ามันไกลไปเกรงใจเดี๋ยวไปแท็กซี่เองค่ะ” “ยังไม่เข็ดเหรอ” สมิติถามเสียงเรียบ เขาออกรถพาเธอออกจากตรงนั้น ถนนที่ค่อนข้างมืดในตอนหนึ่งนาฬิกาทำให้กฤติกามองทางไม่ชัดเจน ประกอบกับเธอยังจำทางได้ไม่แม่นทำให้เธอไม่รู้ว่าเขาจะพาไปไหน“พี่หมิงจะไปไหนคะ” หญิงสาวนิ่วหน้าเมื่อเริ่มรู้สึกว่าเส้นทางไปไกลกว่าขามา “หอที่ไก่อยู่เป็นหอพักนักศึกษาหรืออพาร์ตเมนท์” เขาย้อนถาม“เอ่อ หอพักนักศึกษาค่ะ อยู่หน้า...” เธอบอกชื่อสถาบันทำให้สมิติเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจเมื่อรู้ว่าเธอเรียนที่ไหน “พี่ก็เคยเรียนที่นี่ เราเรียนคณะไหน” “สถาปัตยฯ ค่ะ” “อืมม” เขาทำเสียงในลำคอแบบที่เธอไม่เข้าใจ “เป็นรุ่นน้องพี่ คณะเดียวกันถ้าหมายถึงหอหญิงหน้าสถาบันตอนนี้ประตูคงปิดแล้ว เข้าไม่ได้หรอก” ฟังแล้ว
“ชื่ออะไรครับน้อง อายุครบสิบแปดแล้วใช่ไหม” สุธนผจก.ร้านสัมภาษณ์กฤติกา หลังจากที่นาเดียสาวตัวท็อปของร้านพาเพื่อนมาสมัครงาน“ชื่อกฤติกาค่ะ สิบแปดแล้ว” เธอส่งบัตรประชาชนให้ผจก.ร้านดู“โอเค เด็กใหม่งั้นพี่จะให้เราชงเหล้า เสริฟที่โซนวีไอพีนะฝากน้องเดียเป็นพี่เลี้ยงให้แล้วกัน มีชื่อสั้นๆ ไหมครับน้อง” สุธนส่งบัตรประชาชนคืนและยื่นใบสมัครให้กฤติกาเขียน เธอรับมากรอกรายละเอียดทันที“ลูกไก่ค่ะพี่” นาเดียตอบแทน สุธนพยักหน้าพอใจ“ปกติเด็กเราหน้าที่ชงเหล้า เสริฟก็คือทำตามนั้น เรื่องงานพิเศษร้านปล่อยฟรีสไตล์แล้วแต่ความสมัครใจ แต่ต้องไม่ใช่ทำในร้านนะครับ แล้วถ้าน้องไม่อยากไปต่อกับใครแต่มีแขกเซ้าซี้แจ้งพี่หรือการ์ดร้านได้เลย” สุธนบอกทำให้เธอสบายใจขึ้นเมื่อเสร็จธุระเรื่องเอกสารและสุธนแจ้งค่าตอบแทนแล้ว นาเดียจึงพากฤติกาไปที่ห้องพักของพนักงาน เป็นห้องรวมสำหรับเตรียมตัว แต่งหน้าหรือทำผมมีห้องน้ำสองห้อง นาเดียพาเพื่อนสาวไปที่มุมประจำของเธอ“ทำงานที่นี่ยิ้มไว้เยอะๆ กับแขก ส่วนเพื่อนร่วมงานด้วยกันคบได้พอผ่านๆ อย่าสนิทมากไม่มีใครอยากให้เราได้ดีเกินหน้าหรอกไก่” เธอกระซิบสอน พร้อมกับพาไปเบิกชุดสำ