เกศราไม่ตอบเธอรีบวิ่งเข้าไปในห้องเด็กเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ ห้องของเกศราอยู่ชั้นล่างเพราะเธอบอกว่ามีเด็กอ่อนไม่สะดวกขึ้นลงบันได หญิงสาวอุ้มน้องมะลิที่กำลังร้องขึ้นมา เธอเปิดดูผ้าอ้อมเห็นว่าเต็มแล้วจึงรีบจัดการถอดเตรียมทำความสะอาดและเปลี่ยนใหม่อย่างรวดเร็ว
อัศราที่เดินตามเห็นมีทารกวัยแบเบาะสองคนนอนเคียงกัน ชายหนุ่มถึงกับงงว่าเขามีลูกแฝดรึนี่
เขามองเกศราที่อุ้มตัวเด็กหญิงที่กำลังร้องมาวางบนโต๊ะสำหรับเปลี่ยนผ้าอ้อม หยิบผ้าอ้อมสำเร็จผืนใหม่ กระดาษชำระแบบเปียกสำหรับทารก ปิโตรเลี่ยมเจลสำหรับเด็กมาวางเตรียมเขามองเธอทำงานอย่างคล่องแคล่ว ครู่เดียวก็เรียบร้อย
ต่อจากนั้นแม่บ้านที่กฤติกาจ้างไว้แบบไปกลับมารับช่วงดูแลเด็กๆ ต่อเพื่อให้เกศราได้ทานมื้อเช้า หญิงสาวเดินออกจากห้องเมื่อแม่บ้านมาแล้ว ไม่ได้สนใจว่าอัศราจะตามออกมารึเปล่า
“เดี๋ยวนะหน่อย ทำไมเด็กมีสองคน” เขายังไม่หายมึนงง กฤติกาที่ลงมาแล้วจึงหัวเราะเมื่อน้องสาวเดินกลับมาที่โต๊ะอาหาร
“น้องมะลิค่ะเพิ่งรับมาเมื่อวาน เป็นน้องของพวกเราเองเป็นลูกหลงของแม่อายุเท่ากับน้องเชอรี่”
อัศราพยักหน้าทำท่าเข้าใจ ทั้งที่เขาไม่เข้าใจอะไรเลย
“แล้วจะดูแลไหวไหมเด็กสองคน พี่ว่าพี่หาพี่เลี้ยงมาช่วยดีกว่า”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ บ้านแค่นี้เองแม่บ้านคนเดียวก็พอ งานอื่นก็ช่วยกันๆ ทำได้” เกศราพูดกับเขาประโยคแรก
“อีกไม่กี่เดือนหน่อยจะกลับไปเรียนแล้วไม่ใช่เหรอ พี่ว่ามีพี่เลี้ยงสำหรับดูแลเด็กก็ดีนะ” กฤติกาไกล่เกลี่ย
“หน่อยไม่อยากให้พี่เสียเงินเยอะค่ะ หน่อยเรียนมหาลัยเปิด ไม่ต้องเข้าเรียนก็ได้เทอมนึงคงไปสอบไม่กี่วัน” เกศราพูดกับพี่สาวแค่นี้เธอก็ไม่รู้จะแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของกฤติกายังไง
แต่อัศราขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจ เกศราควรจะมีที่เรียนจริงจังมากกว่ามหาวิทยาลัยเปิด ไม่ใช่ว่าสถาบันนั้นไม่ดีแต่เขาอยากให้เธอได้เรียนแบบจริงจังจะได้จบเร็วๆ
“พี่ส่งได้ หน่อยไปเรียนเถอะ” กฤติกาพูดกับน้องสาว แต่เธอชะงักเมื่ออัศราแทรกขึ้นมา
“เรื่องเรียนของหน่อยให้พี่รับผิดชอบเถอะครับ พี่เป็นคนทำให้น้องต้องหยุดเรียนกลางคัน พี่จะจัดการเรื่องที่เรียนเรื่องค่าใช้จ่ายให้เอง”
เกศราหน้าตึงขึ้นมาทันที “ไม่ต้องหรอกค่ะ ขอบคุณ”
อัศราต้องพักเรื่องที่อยากโอนชื่อบ้านเป็นของเกศราไว้ก่อน ในสายวันนั้นชายหนุ่มทำสัญญาซื้อบ้านหลังเดิมของกฤติกาเรียบร้อยและส่งเอกสารทั้งหมดให้ทนายที่ตามมาจัดการ
กฤติกาแยกกับอัศราที่กรมที่ดิน เธอรับเช็คมาและนำไปฝากเข้าบัญชีจากนั้นหญิงสาวตรงไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาล
“อีกไม่กี่วันหมอบอกว่าแม่จะกลับได้แล้วนะ” เธอซื้อผลไม้ไปฝากมารดา วันนี้เธอตั้งใจมาคุยกับแม่เรื่องเกศราหญิงสาวเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับน้องทั้งหมดให้แม่ฟัง
นางแก้วคำมีสีหน้าระทมทุกข์เมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างกับลูกสาวคนรอง
“แม่ผิดเอง แม่ผิดทั้งหมดเลย”
“ช่างมันนะแม่ ไก่ขอแค่ให้แม่เลิกกับไอ้นั่นจริงๆ ก็พอเรากลับไปอยู่ด้วยกัน ถ้าแม่รักษาตัวหายแล้วไก่จะเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวให้แม่อยากทำไม่ใช่เหรอ” เธอปลอบใจมารดาจนนางมีสีหน้าดีขึ้น
“ขอบใจนะลูก ขอบใจที่ยกโทษให้แม่ ขอบใจที่ดูแลน้องๆ แล้วมะลิกวนไหมลูก” นางถามถึงลูกเล็กที่กฤติกาพากลับบ้านไปด้วยเมื่อวาน
“ไม่เลยแม่ หน่อยเลี้ยงคู่กับน้องเชอรี่เหมือนฝาแฝดเลยค่ะ” เธอยิ้มเมื่อพูดถึงหลานสาวและน้องสาว เธอพูดต่อว่า
“ไก่อยากได้น้องมะลิ แม่ยกน้องให้เป็นลูกไก่ได้ไหมแม่” เธอพูดปนหัวเราะ ถึงแม่จะไม่ยกให้เธอก็ต้องดูแลอยู่แล้วเธอแค่อยากให้แม่รู้ว่าเธอเต็มใจดูแลเด็กหญิงจริงๆ
นางแก้วคำออกจากโรงพยาบาลในเวลาต่อมา พ่อเลี้ยงของสามพี่น้องหายสาบสูญไปไม่ติดต่อมาอีก กฤติกามารับ
มารดากลับไปอยู่ด้วยกันช่วงนี้เป็นเวลาที่เธอเริ่มมีความสุขมากขึ้น และไม่เสียใจที่ครั้งหนึ่งเคยตกลงใจยอมเป็นเมียเก็บของสมิติ อย่างน้อยผลของมันก็ทำให้เธอได้ครอบครัวที่สงบสุขกลับมา
เธอไม่ได้ติดตามข่าวคราวในวงการสถาปัตยฯ อีกเมื่อลาออกจากงาน กฤติกาเลือกพักใจด้วยการเรียนต่อปริญญาโทสาขานิเทศศาสตร์ สถาบันเดียวกันกับญาณินทำให้เธอมีโอกาสพบกับญาณินและกลุ่มเพื่อนๆ ของเธอในคลาสบ้าง เช่น ชานนท์ เรวัต ตุลา
เธอลงทุนเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวให้แม่เมื่อแน่ใจว่านางแก้วคำอยากทำจริงๆ โดยเช่าตึกขนาด 1 คูหาอยู่ริมถนนเส้นหลัก มีที่จอดรถ มีผู้คนสัญจรไปมา เริ่มแรกนางแก้วคำจ้างคนช่วยงานหนึ่งคน สามเดือนต่อมากิจการดีขึ้นจนนางต้องจ้างคนเพิ่มอีกหนึ่งคน
ต่อมานางสามารถคืนทุนให้กฤติกา ร้านก๋วยเตี๋ยวสามารถเลี้ยงตัวเอง จ่ายค่าเช่าได้และมีเหลือเก็บเป็นเงินจำนวนหนึ่งที่เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ แต่นางก็พอใจ นางแก้วคำมีความสุขกับลูกหลานและชีวิตที่เรียบง่าย
หนึ่งปีครึ่งผ่านไปน้องเชอรี่และมะลิอายุครบสองขวบ เกศราเป็นนักศึกษาชั้นปีที่สองในสถาบันอุดมศึกษา โดยที่เธอไปขอผลการเรียนจากสถาบันเก่ามาเทียบโอนในรายวิชาที่สามารถโอนได้ หญิงสาวเริ่มคุ้นเคยกับอัศรามากขึ้น เธอยอมให้ชายหนุ่มรับน้องเชอรี่ไปหาคุณปู่คุณย่าที่ระยองเป็นครั้งคราว
อัศราพาเธอไปโอนชื่อเป็นเจ้าของบ้านหลังนั้นที่เขาซื้อต่อจากกฤติกาในปีก่อน เขาเซ็นรับรองบุตรเป็นบิดาของเด็กหญิงอัญชุลีโดยถูกต้องตามกฎหมาย แต่เกศรายังไม่ตกลงใจยอมคบกับพ่อของลูก
ถึงตอนนี้กิจการร้านก๋วยเตี๋ยวของนางแก้วคำขยายใหญ่ขึ้น โดยที่อัศราลงทุนซื้อตึกแถวข้างเคียงอีกสองคูหาให้ว่าที่แม่ยายขยายร้าน และเผื่อให้เกศราเปิดร้านกาแฟตามที่เธออยากทำในวันข้างหน้า
ก้องเกียรติเรียนจบชั้นปวช.สาขาช่างยนต์ กฤติกาสนับสนุนให้น้องชายเรียนต่อระดับปวส. เธอมีแผนจะเปิดอู่เล็กๆ ให้น้อง ส่วนตัวเธอเองเริ่มมีชื่อเสียงจากการที่นาเดียเพื่อนเก่าขอให้เธอช่วยรีวิวร้านเสริมสวยให้ในโลกโซเชี่ยล เนื่องจากรูปร่างหน้าตาของกฤติกาที่เข้าขั้นดีมาก จนถึงเรือนผมของเธอที่ยาวตรงนุ่มสลวยเป็นเงางามทำให้รีวิวของเธอโด่งดัง หญิงสาวเริ่มเป็นที่รู้จักของบรรดาผู้คนในสังคมออนไลน์
ผ่านไปสามปีเข้าปีที่สี่กฤติกาเรียนจบปริญญาโทแล้ว หญิงสาวไปเที่ยวระยองกับครอบครัวตามคำเชิญของอัศรา เธอกับน้องนึกสนุกเกศราเป็นคนถ่ายคลิปให้กฤติกาเข้าเฟรมกล้อง บรรยายสิ่งต่างๆ ในสวนผลไม้ของครอบครัวอัศรา
จากนั้นเกศรานำคลิปไปอัพโหลดลงโซเชี่ยล ด้วยท่าทีหน้ากล้องที่สดใสร่าเริง คำพูดที่ติดตลกฟังสนุกไม่น่าเบื่อของกฤติกาทำให้คลิปนั้นมีการแชร์ต่อๆ กัน ผลคือตั๋วเข้าชมสวนผลไม้ของอัศราในหน้าทุเรียนปีนั้นถูกจองจนหมดในเวลาสามวัน
ฐานผู้ติดตามเพจเฟสบุ๊คที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด ทำให้กฤติกาถูกจองตัวในการเชิญไปเที่ยวชมสวนผลไม้อื่นๆ หรือไปชมการผลิตสินค้าโอทอปของท้องถิ่นและถ่ายทำเป็นคลิปเพื่อกระตุ้นยอดขาย เธอทำเพราะอยากช่วยเกษตรกรและชุมชน บางที่มีค่าตัวค่าน้ำมันให้เธอก็รับแบบไม่เรียกร้อง บางทีไม่มีให้หญิงสาวยินดีจ่ายน้ำมันเอง เธอถือว่าเธอรับค่าจ้างเป็นรอยยิ้มก็พอใจแล้ว
ต่อมาเธอทำช่องยูทูปผลิตคอนเท้นต์เกี่ยวกับการท่องเที่ยวแบบอนุรักษ์ธรรมชาติกับญาณิน เธอทำหน้าที่อยู่หน้ากล้องส่วนญาณินควบคุมเบื้องหลังและเขียนสคริปต์ กำหนดเนื้อหาเรียบเรียงลงเพจอีกหนึ่งช่องทาง
สองปีต่อมาช่องยูทูปของเธอมีผู้ติดตามหลักล้านคน เธอมีรายได้จากการทำคอนเท้นต์มากพอจนเกินคาด หญิงสาวพบแล้วว่างานนี้คืองานที่เธอทำแล้วมีความสุขที่แท้จริง ไม่ต้องแข่งขันกับใครไม่ต้องพยายามถีบตัวเองเพื่อให้มีความก้าวหน้าในองค์กรไปเรื่อยๆ
ในช่วงเวลาเหล่านั้นเธอไม่เคยได้ยินเรื่องของสมิติอีกเลย ไม่ได้พบหน้า ไม่รู้ข่าว อัศราเองก็ไม่พูดถึงสมิติอีก กฤติกาและสมิติจึงเหมือนคนที่ตายจากกันไปจริงๆ และนั่นทำให้ความรู้สึกของเธอดีขึ้น หญิงสาวไม่เจ็บปวดหรือเสียใจอีกแล้วเมื่อเผลอนึกถึงเขาในบางครั้ง
วันรุ่งขึ้นเธอเห็นสมิติเจริญอาหารเป็นพิเศษ“เมื่อวานพี่เห็นไก่ซื้อขนมมาใช่ไหม ยังมีอยู่รึเปล่า” “ขนมเหรอคะ ขนมไทยนะคะพี่จะทานเหรอ” กฤติกาไม่เคยเห็นเขาชอบของหวานเลยสักครั้ง“อืม อยากกินน่ะยังมีอยู่รึเปล่า” สมิติตอบหญิงสาวจึงเปิดตู้เย็นดูขนมที่ว่า“มีค่ะเป็นทองหยิบกับฝอยทองนะคะ” เธอซื้อมาจัดชุดถวายข้าวพระพุทธ จึงมีเหลือในกล่องไม่มากเธอนำมันมาจัดจานไปใส่คนที่นั่งรอ“อร่อย” สมิติจิ้มทองหยิบใส่ปากสีหน้าดูชื่นอกชื่นใจ ส่วนกฤติกาทำหน้าแหยง“มันหวานมากเลยนะคะ พี่หมิงว่าพอดีเหรอ” สมิติหันมาพยักหน้า ทำสีหน้าจริงจัง“พอดี ไม่เห็นหวานไปเลยจ้ะ เอาอีกนะอันนี้ไก่ซื้อร้านไหนมา”“ร้านหน้าคอนโดนี่เองค่ะ พี่หมิงไม่สบายรึเปล่าคะ” เธอมองเขาอย่างกังวล พักนี้รู้สึกว่าเขาไม่ปกติหลายๆ อย่าง เหมือนผีเด็กเข้าสิงแต่เธอแน่ใจว่าแถวนี้ไม่มีใครเลี้ยงกุมาร“ไม่นี่ พี่ปกติ” สมิติตอบ เขาไม่รู้สึกว่าเขาเป็นอะไรภรรยาคิดมากไปเองหญิงสาวป้อนโจ๊กให้น้องแมทจนหมดถ้วย 'กินเก่งทั้งพ่อทั้งลูก' เธอคิดในใจ กฤติกาลุกขึ้นจะเข้าไปในครัวแต่ก็ต้องเซเมื่อเธอรู้สึกเหมือนจะเป็นลม“ไก่..” สมิติเรียกเสียงดัง เขารีบมาป
“พี่หมิงคะ ลูกร้อง” กฤติกาตะโกนบอกสามี เด็กชายกรกันต์หรือน้องแมทวัยแปดเดือน กำลังแผดเสียงร้องจ้าเมื่อตื่นมาไม่พบใครในห้อง“จ้า พี่ไปเดี๋ยวนี้ละ” สมิติรีบวิ่งออกจากห้องน้ำไปดูลูกชาย ส่วนกฤติกากำลังเคี่ยวข้าวผักห้าสีให้ลูกในครัว“โอ๋.. ไม่ร้องนะครับ พ่อเปลี่ยนเพิสให้นะลูก” ชายหนุ่มเปลี่ยนผ้าอ้อมสำเร็จให้ลูกชายอย่างคล่องแคล่วเพราะทำมาตั้งแต่น้องแมทเกิด พ่อลูกอ่อนอุ้มลูกชายมาไว้ในคอก ตอนนี้น้องแมทคลานได้คล่องแล้ว บางครั้งไปไวมากจนพ่อแม่จับไม่ทัน“มาแล้ว” กฤติกายกถ้วยข้าวบดมาให้ลูก เธอคนๆ วางทิ้งไว้สักครู่เพื่อให้คลายความร้อนลง“มาค่ะน้องแมท” เธออุ้มเด็กชายขึ้นจากคอกมานั่งที่เก้าหัดกินข้าวของเด็ก หญิงสาวหัดให้ลูกชายนั่งได้เองเพื่อที่ว่าเวลาไปไหนจะได้ไม่ต้องคอยอุ้มตลอดเวลา“พี่หมิงหิวหรือยังคะ” เธอหันไปถามสามี “หิวจ้ะ แต่ไม่รู้อยากกินอะไร” สมิติทำท่าเพลีย “นอนน้อยรึเปล่าคะ มีไข้ไหม” หญิงสาวลุกมาหาเขาเธอใช้มืออังหน้าผากพบว่าเขาตัวเย็น “พี่ไม่เป็นอะไรหรอก” สมิติจับมือเธอไว้ “คืนนี้ไม่ต้องลุกมาดูแมทนะคะ ไก่จัดการเอง” เธอเริ่มฝึกให้ลูกเลิกมื้อดึกและนอนยาวแล้วตามที่คุยกับค
สมิติไม่ทำอะไรเธอตามที่เขาพูดจริง แต่ชายหนุ่มถือโอกาสช่วงที่รอแผลเธอหายช้ำสร้างความคุ้นเคยให้เธอด้วยการสัมผัสแตะต้อง โอบบ้าง กอดบ้างจนกฤติกาเริ่มชินเช้าวันอาทิตย์เขาออกไปข้างนอกและกลับมาทานข้าวเย็นกับเธอ พบว่ากฤติกาไม่ได้ออกไปไหนเลย“ออกไปเดินเล่นบ้างก็ได้นะไก่” “ไม่เป็นไรค่ะ ไก่อยากพักพรุ่งนี้ต้องไปมหาวิทยาลัย” สมิติพยักหน้าเข้าใจ เขาขยับตัวลุกขึ้นเตรียมตัวจะกลับที่พัก “งั้นไก่พักพี่จะกลับก่อน เช้าวันอังคารเจอกันพี่จะมารับไปลำปาง” “ค่ะ” ###############สมิติพาเธอไปจัดการธุระเรื่องบ้านที่ลำปางในเช้าวันอังคาร โดยที่เขาไปคุยกับเจ้าหนี้ให้เองและนำโฉนดบ้านกลับคืนมา จากนั้นเขาปล่อยให้กฤติกาเข้าบ้านไปหาน้องๆ หญิงสาวซื้อของจำเป็นเข้าบ้านจำนวนหนึ่งพอใช้ไปนาน และซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ไว้ให้น้อง ๆ โทรหาตนเอง ไม่ต้องยืมโทรศัพท์เพื่อนบ้านใช้อีกทั้งคู่กลับมาถึงกรุงเทพฯ ในตอนเที่ยงคืน สมิติขึ้นมาบนห้องด้วยเขาวางของลงบนโต๊ะ ขณะที่บอกเธอให้ไปอาบน้ำกฤติกาออกมาจากห้องน้ำ ไฟในห้องนอนถูกปิดแล้วเหลือไฟเล็กหัวเตียงเท่านั้น สมิตินอนบนเตียงอยู่ในชุดนอนเขาคงไปใช้ห้องน้ำด้านนอก“พี่จะ
“พี่ว่าอะไรนะ” สมิติทวนคำหลังจากที่พีรพัทย์โทรหาเขา “ก็อย่างที่บอกไป เดียโทรมาปรึกษากูว่าเพื่อนเขาจำเป็นต้องใช้เงินแสนสองภายในสามวัน กูพอจะมีเพื่อนดีๆ ที่สนใจน้องเขาไหม น้องเขายอมทุกอย่างแต่ขอให้ชัวร์เพราะเขาเดือดร้อนมาก” พีรพัทย์ทวนอีกครั้ง“แล้วถ้าผมบอกว่าไม่สนล่ะ” สมิติหยั่งเชิง“กูก็อาจจะหาคนอื่นให้น้องเขา หรือไม่กูก็อาจจะบริจาคให้น้องเขาเอง เงินแค่นี้มึงก็รู้ว่ากูไม่มีปัญหา” พีรพัทย์แกล้งพูด“พี่ว่าไงนะ พี่มีเดียอยู่แล้วไง” สมิติแย้ง“แล้วไงลูกไก่ก็เพื่อนเดีย เพื่อนสนิทกันมาก สองสาวจะได้มีเพื่อนเวลาปรนนิบัติกูไง เดียเขาอาจจะวางใจก็ได้ที่คนนั้นเป็นกู” “หยุด พี่บ้าไปแล้วไหนว่าจริงจังกับเด็กมันจะไปทำให้เดียเสียใจทำไม เอางี้ผมรับเองแต่ผมขอคุยกับลูกไก่ก่อน” สมิติรีบห้ามก่อนที่เพื่อนรุ่นพี่จะจินตนาการบรรเจิดไปมากกว่านั้น ได้ยินเสียงอีกฝ่ายหัวเราะจึงรู้ว่าฝ่ายนั้นล้อเล่น“ก็มาสิ คืนนี้ลูกไก่ต้องมาทำงานที่ร้านอยู่แล้ว” “ไม่ต้องเลย บอกเด็กพี่นะว่าให้บอกลูกไก่เลิกทำงานที่ร้าน เดี๋ยวผมจะออกไปรับตอนนี้เขาอยู่ที่คอนโดของเดียใช่ไหม” สมิติลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน วันนี้งานเขาไม
สมิติกลับมาขึ้นรถ เขาหันมามองกฤติกาที่ยังหน้าซีดเผือดจากเหตุการณ์เมื่อครู่“เจ็บตรงไหนบ้าง เดี๋ยวพี่จะพาไปตรวจที่โรงพยาบาล” เธอส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ จุกเดี๋ยวก็คงหายถ้าจะกรุณา ไปส่งที่ห้องเดียได้ไหมคะ” “ห้องเดียนั่นมันเป็นของเฮียพีท เขาซื้อให้เดียอยู่” สมิติเปรยขึ้นมา กฤติกาเม้มปากแน่น“งั้นไปหอของไก่ก็ได้ค่ะ แต่ถ้ามันไกลไปเกรงใจเดี๋ยวไปแท็กซี่เองค่ะ” “ยังไม่เข็ดเหรอ” สมิติถามเสียงเรียบ เขาออกรถพาเธอออกจากตรงนั้น ถนนที่ค่อนข้างมืดในตอนหนึ่งนาฬิกาทำให้กฤติกามองทางไม่ชัดเจน ประกอบกับเธอยังจำทางได้ไม่แม่นทำให้เธอไม่รู้ว่าเขาจะพาไปไหน“พี่หมิงจะไปไหนคะ” หญิงสาวนิ่วหน้าเมื่อเริ่มรู้สึกว่าเส้นทางไปไกลกว่าขามา “หอที่ไก่อยู่เป็นหอพักนักศึกษาหรืออพาร์ตเมนท์” เขาย้อนถาม“เอ่อ หอพักนักศึกษาค่ะ อยู่หน้า...” เธอบอกชื่อสถาบันทำให้สมิติเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจเมื่อรู้ว่าเธอเรียนที่ไหน “พี่ก็เคยเรียนที่นี่ เราเรียนคณะไหน” “สถาปัตยฯ ค่ะ” “อืมม” เขาทำเสียงในลำคอแบบที่เธอไม่เข้าใจ “เป็นรุ่นน้องพี่ คณะเดียวกันถ้าหมายถึงหอหญิงหน้าสถาบันตอนนี้ประตูคงปิดแล้ว เข้าไม่ได้หรอก” ฟังแล้ว
“ชื่ออะไรครับน้อง อายุครบสิบแปดแล้วใช่ไหม” สุธนผจก.ร้านสัมภาษณ์กฤติกา หลังจากที่นาเดียสาวตัวท็อปของร้านพาเพื่อนมาสมัครงาน“ชื่อกฤติกาค่ะ สิบแปดแล้ว” เธอส่งบัตรประชาชนให้ผจก.ร้านดู“โอเค เด็กใหม่งั้นพี่จะให้เราชงเหล้า เสริฟที่โซนวีไอพีนะฝากน้องเดียเป็นพี่เลี้ยงให้แล้วกัน มีชื่อสั้นๆ ไหมครับน้อง” สุธนส่งบัตรประชาชนคืนและยื่นใบสมัครให้กฤติกาเขียน เธอรับมากรอกรายละเอียดทันที“ลูกไก่ค่ะพี่” นาเดียตอบแทน สุธนพยักหน้าพอใจ“ปกติเด็กเราหน้าที่ชงเหล้า เสริฟก็คือทำตามนั้น เรื่องงานพิเศษร้านปล่อยฟรีสไตล์แล้วแต่ความสมัครใจ แต่ต้องไม่ใช่ทำในร้านนะครับ แล้วถ้าน้องไม่อยากไปต่อกับใครแต่มีแขกเซ้าซี้แจ้งพี่หรือการ์ดร้านได้เลย” สุธนบอกทำให้เธอสบายใจขึ้นเมื่อเสร็จธุระเรื่องเอกสารและสุธนแจ้งค่าตอบแทนแล้ว นาเดียจึงพากฤติกาไปที่ห้องพักของพนักงาน เป็นห้องรวมสำหรับเตรียมตัว แต่งหน้าหรือทำผมมีห้องน้ำสองห้อง นาเดียพาเพื่อนสาวไปที่มุมประจำของเธอ“ทำงานที่นี่ยิ้มไว้เยอะๆ กับแขก ส่วนเพื่อนร่วมงานด้วยกันคบได้พอผ่านๆ อย่าสนิทมากไม่มีใครอยากให้เราได้ดีเกินหน้าหรอกไก่” เธอกระซิบสอน พร้อมกับพาไปเบิกชุดสำ