วันรุ่งขึ้นกฤติกาไปหาบ้านเช่าหลังใหม่โดยที่มีเกศราไปด้วย ส่วนก้องเกียรติอาสารับหน้าที่เก็บของ เมื่อพวกเธอออกจากบ้านไปไม่ถึงชั่วโมงอัศราขับรถมาจอดที่หน้าบ้าน
“พี่ลูกไก่กับพี่หน่อยไม่อยู่ครับเห็นว่าไปซื้อของ พาเชอรี่ไปด้วยครับพี่” ก้องเกียรติพูดด้วยสีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ทั้งที่ในใจเด็กหนุ่มโมโหคนตรงหน้ามาก
“ไม่เป็นไร พี่ซื้อขนมมาฝากเอาไปกินนะ” อัศราไม่ขอเข้าบ้านในเมื่อคนที่เขาอยากพบไม่อยู่ ชายหนุ่มคิดในใจว่ารอพรุ่งนี้ก็ได้ หรือว่าเขาน่าจะสารภาพผิดกับกฤติกาก่อนดี เขาคิดทบทวนในใจเผื่อจะผ่อนหนักเป็นเบา
ก้องเกียรติรับถุงขนมที่อัศราส่งมาแต่เมื่อชายหนุ่มกลับออกไปมันก็ลงไปอยู่ในถังขยะ จากนั้นเด็กหนุ่มรีบเข้าไปจัดการเก็บข้าวของต่อ มีแม่บ้านช่วยทำหนึ่งคนทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยภายในเวลาไม่กี่ชม.
###############
กฤติกาตกลงใจเลือกบ้านหลังใหม่เป็นบ้านย่านชานเมืองมีพื้นที่กว้างกว่าหลังแรก ราคาที่ดินยังไม่แพงมากเธอและน้องชอบเพราะมีบ้านใหญ่หนึ่งหลังและบ้านเล็กสไตล์สตูดิโดอีกหนึ่งหลัง มีที่ปลูกต้นไม้ ตัวบ้านอยู่ห่างจากรั้วพอสมควรเจ้าของบ้านเป็นหญิงวัยกลางคนที่ถูกชะตากับสองสาวและน้องเชอรี่เป็นพิเศษ
“บ้านนี้จริงๆ ป้าตั้งใจทำเป็นเรือนหอลูกชายน่ะหนูไก่ แต่ว่าที่เจ้าสาวเสียชีวิตไปก่อนไม่ได้เสียที่นี่นะลูก ถ้าพวกหนูไม่กลัวป้าให้ราคาพิเศษเลย” นางดารารัตน์รู้สึกชอบสองสาวมาก และอีกเหตุผลหนึ่งคือพอรู้ว่ามันเป็นอดีตเรือนหอที่เจ้าสาวเสียชีวิตไปก่อน คนที่อยากซื้อก็ถอดใจทุกรายแต่จะให้นางไม่บอกก็คิดว่าไม่ดี คุยกันตรงๆ แต่แรกสบายใจที่สุด
“ไม่กลัวหรอกค่ะคุณป้า เราไม่มีเจตนามาทำให้บ้านเสียหาย ไม่น่าจะมีใครถือโทษโกรธเคือง” ทุกที่ล้วนมีคนตายทั้งนั้น กฤติกาไม่ได้คิดว่าตัวเองเก่งกว่าใครแต่เธอเชื่อว่าหากเราเคารพสถานที่ ต่างคนต่างอยู่ก็ไม่น่ามีปัญหา
นางดารารัตน์ตกลงใจขายบ้านให้เธอในราคาที่ลดไปอีก 50% เธอจัดการทำสัญญาในวันนั้นทันทีเพราะต้องการย้ายออกให้เร็วที่สุด กว่าจะเสร็จเรื่องที่กรมที่ดินเธอก็ออกมาพร้อมกับที่ได้เวลาปิดทำการของทางราชการ
กฤติกาแวะส่งเกศราที่บ้านเพื่อให้จัดการของที่เหลือ ประกอบกับน้องเชอรี่เริ่มงอแงแล้ว จากนั้นเธอตรงไปที่บริษัทอัศราดูโฮมเพื่อเขียนใบลาออก
เธอไปถึงตอนเย็นมาก พนักงานน่าจะกลับเกือบหมดแต่เธอเห็นรถของอัศรายังอยู่ หญิงสาวชะงักเมื่อรถอีกคันที่จอดเธอจำได้ดีว่าเป็นรถยนต์ของสมิติ
หญิงสาวเดินขึ้นสำนักงานเงียบๆ จนถึงห้องทำงานของอัศรา ประตูแง้มไว้ปิดไม่สนิทนัก กฤติกายอมเสียมารยาทมองลอดเข้าไปเห็นสมิติอยู่ในนั้น เขากำลังคุยกับอัศราจริงๆ
“ผมไม่ช่วยเฮียแล้วนะโทษที ผมไม่อยากให้ลูกไก่โกรธผมถ้ารู้ว่าที่ผ่านมาผมช่วยเธอแทนเฮียมาตลอด”
“ไอ้ฮานมึงจะหนีเอาตัวรอดคนเดียวได้ยังไง” เสียงสมิติแทรกขึ้นมา
“เฮียเข้าใจไหมว่าน้องของลูกไก่นั่นเมียผม ผมเล่นตามเกมเฮียไม่ได้แล้วผมต้องเอาลูกเมียผมคืนมา ถ้าลูกไก่รู้ว่าบ้านที่อยู่นั่นบ้านเฮียขายให้เขาถูกๆ เขาต้องโกรธผมแน่ เฮียมีอะไรทำไมไม่คุยกับเขาเองอยู่กันมาตั้งหลายปีคุยกันตรงๆ ไม่ได้เหรอ”
“ฉันคุยไม่ได้ตอนนี้ลูกไก่ไม่เข้าใจว่าทำไมฉันถึงพยายามให้เขาพิสูจน์ตัวเอง ฉันอยากให้คนอื่นนับถือเขาด้วยความสามารถของเขาเอง ไม่ใช่เพราะว่าเขาเป็นเมียฉัน” สมิติแย้ง
“แล้วถ้าวันนึงลูกไก่เขาขึ้นมายืนอยู่ในจุดที่ไม่น้อยหน้าใคร แต่ความพยายามพวกนั้นเขาไม่ได้ทำเพื่อเฮีย เขาไม่ได้ต้องการไปอยู่ข้างเฮียอีกแล้วเฮียจะทำไง ความรักมันคือการเดินไปด้วยกันไม่ใช่เหรอผมโคตรไม่เข้าใจเฮียเลยบอกตรงๆ” คำถามของอัศราทำให้สมิติเงียบ
กฤติกาถอยหลังออกมาเงียบๆ เธอตัดสินใจว่าจะส่งหนังสือลาออกทางอีเมล์ ต่อให้ไม่ได้เงินเดือนเดือนสุดท้ายเธอก็ไม่แคร์ ต่อให้ต่อจากนี้เธอจะอยู่ในวงการนี้ไม่ได้อีกเธอก็ยืนยันที่จะลาออก
หญิงสาวกลับมาบ้านเงียบๆ เธอติดต่อนายหน้าให้จัดการเรื่องขายบ้าน จัดการจ้างรถหกล้อมาช่วยขนของในเย็นวันนั้นเลย ส่วนเรื่องของน้องสาวเธอกับอัศราเธอไม่ได้คิดจะห้ามหวง แค่ถอยออกมาหนึ่งก้าวให้เกศราสบายใจขึ้นส่วนอนาคตจะเป็นอย่างไรอยู่ที่สองคนนั้นจะตกลงกันเอง
แค่เรื่องเธอย้ายบ้านออกมาคงไม่เกินความสามารถของอดีตเจ้านายเธอแน่
################
เที่ยงวันต่อมากฤติกาและน้องๆ ย้ายบ้านเรียบร้อย นายหน้าขายบ้านนำป้ายมาติดประกาศขายรวดเร็วทันใจ จากนั้นกฤติกาส่งจดหมายลาออกไปทางอีเมล์บริษัท ฝ่ายบุคคลของเข้าพบอัศราในตอนเย็นวันนั้น
“นายคะ คุณกฤติกาส่งจดหมายลาออกมาทางอีเมล์ค่ะ” อัศราผู้ที่น่าสงสาร ชายหนุ่มเพิ่งกลับจากไปหาบิดามารดาที่ระยองและกลับมาถึงบริษัทในตอนสี่โมงเย็นต้องตกใจอีกครั้ง
'ทำไมพักนี้มีแต่เรื่องให้กูตกใจวะ ชีวิตกูตื่นเต้นไม่หยุดตั้งแต่ไปเสือกเรื่องเฮียหมิง' ชายหนุ่มคิดในใจ
“นายจะอนุมัติไหมคะ” ฝ่ายบุคคลถามซ้ำเมื่อเจ้านายเอาแต่นิ่ง
“อนุมัติ จ่ายเงินเดือนเดือนสุดท้ายให้คุณกฤติกาเขาด้วย” อัศราตอบ เขาออกจากที่ทำงานตรงไปที่บ้านของเธอทันที
################
ความวัวไม่ทันหายความควายก็เข้ามาแทรก บ่ายวันนั้นกฤติกาได้รับโทรศัพท์จากโรงพยาบาลว่า
“คุณกฤติกาญาติคุณแก้วคำใช่ไหมคะ”
“ใช่ค่ะ ดิฉันเป็นลูกสาวมีอะไรเหรอคะ”
“ตอนนี้คุณแม่ของคุณพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล.... ได้สองวันแล้ว แต่คนไข้เพิ่งฟื้นแล้วให้เบอร์ติดต่อคุณมาค่ะ” เบอร์ใหม่ของเธอที่เปลี่ยนเมื่อปีก่อน โชคดีที่เธอส่งข้อความไปบอกแม่และแม่เซฟเก็บไว้ หญิงสาวรีบไปโรงพยาบาลทันที มันอยู่ในกรุงเทพฯ นี่เองไม่ตรงกับที่ท่านเคยบอกว่าย้ายไปอยู่ใต้
เธอไปกับก้องเกียรติ ส่วนเกศราขออยู่บ้านเพราะเธอเหนื่อยและน้องเชอรี่มีอาการตัวรุมๆ เหมือนจะเป็นไข้
หญิงสาวไปถึงพบว่าแม่พักรักษาตัวที่ห้องผู้ป่วยรวม นางแก้วคำถูกสามีใหม่ทำร้ายร่างกายจนแขนหัก หน้าตาบวมปูดหญิงสาวสงสารแม่จับใจ แต่สิ่งที่ทำให้เธอตกใจมากกว่าคือเด็กหญิงวัยเดียวกับน้องเชอรี่ ที่เพื่อนบ้านของแม่รีบเอามาส่งให้เมื่อทราบว่าลูกสาวนางแก้วคำมาเยี่ยม
“อ่ะ นังหนูนี่น้องสาวเอ็ง ลูกของแม่เอ็งกับผัวเขาแหล่ะ” กฤติการับเด็กหญิงวัยเจ็ดเดือนมาอุ้มอย่างงงๆ ต่อจากนั้นเพื่อนบ้านคนนั้นส่งซองเอกสารของมารดาให้ก้องเกียรติรับไป
“ส่วนนี่เอกสาร บ้านที่แม่เอ็งเช่าเจ้าของบ้านเขามายึดคืนแล้วเหลือแค่เอกสารที่เขายังเก็บมาให้” นางแก้วคำค้างค่าเช่าบ้านมาสี่เดือน ดังนั้นจังหวะที่นางถูกสามีทำร้ายจนเข้าโรงพยาบาลและพ่อเลี้ยงเธอหนีความผิดหายไป เจ้าของห้องเช่าจึงถือโอกาสยึดบ้านคืน
“ไก่..” เสียงนางแก้วคำที่เพิ่งตื่น นางเรียกลูกสาวคนโตเสียงแหบแห้ง เธอรีบไปนั่งข้างแม่ในมือยังอุ้มน้องอยู่
“แม่ขอโทษนะลูก ฝากขอโทษหน่อยด้วย” นางรู้ดีว่าการที่นางเลือกออกจากบ้านที่ลำปางมาพร้อมสามีใหม่ เป็นการทำร้ายความรู้สึกเกศราและก้องเกียรติแต่นางอยากปกป้องลูกสาว และตัวนางเองก็รู้ตัวว่าตั้งครรภ์ในตอนนั้นจะเลิกกับพ่อเลี้ยงของลูกก็ไม่ได้จะอยู่บ้านเดียวกันต่อไปก็ไม่ได้
“ไม่เป็นไรนะแม่ เดี๋ยวแม่ออกจากโรงพยาบาลแล้วไปอยู่ด้วยกันนะ ตอนนี้หนูมีบ้านให้แม่ให้น้องแล้ว” กฤติกาน้ำตาคลอ เธอไม่ตำหนิมารดารู้ว่าทุกคนล้วนมีเหตุผลของตัวเอง เหมือนครั้งนึงที่เธอเลือกเป็นเมียเก็บของสมิติ หากวันนี้เขาไม่เป็นฝ่ายทิ้งเธอเธอยังไม่รู้เลยว่าตัวเองจะใจแข็งพอที่จะก้าวออกมาจากวังวนนั้นได้ไหม
“มันอยู่ไหนแม่ ผมจะเอาตำรวจไปจับมัน” ก้องเกียรติมองมารดาแล้วนึกโกรธแค้นพ่อเลี้ยง ผู้หญิงบ้านเขาทำไมทุกคนต้องเป็นคนที่ถูกทำร้าย เด็กหนุ่มสัญญากับตัวเองว่าจะรีบเติบโตเป็นผู้ใหญ่เพื่อมาปกป้องพี่สาวและแม่ให้ได้
################
“อะไรวะเนี่ยเมื่อวานมายังของเต็มบ้าน วันนี้ย้ายไปไหนกันหมดแล้ว” อัศราถามตัวเองในอีกหนึ่งชม.ต่อมา เขาเห็นป้ายประกาศขายบ้านที่แขวนไว้จึงเดินไปดู
ชายหนุ่มตัดสินใจโทรหากฤติกา เขาไม่มีเรื่องอะไรผิดใจกับเธอ เขาควรมีสิทธิ์จะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆ เธอถึงลาออก ทำไมย้ายบ้านประกาศขายปุบปับแบบนี้
“สวัสดีค่ะคุณอัศรา” น้ำเสียงเธอปกติยังพอให้เขาใจชื้น แต่สรรพนามที่เธอใช้ทำให้อดีตเจ้านายเริ่มร้อนๆ หนาวๆ
“สวัสดีครับ ลูกไก่อยู่ไหนพอจะมีเวลาให้ผมได้ไหม”
เสียงเธอเงียบไปหนึ่งอึดใจ ก่อนจะตอบมาว่า
“ได้ค่ะ ที่ไหนคะ”
อัศราตกลงสถานที่นัดพบกับกฤติกาได้แล้ว เขารีบไปยังจุดหมายที่ว่าทันที
ชิงสารภาพก่อนยังไงศาลก็ต้องลดโทษวะ ส่วนเฮียหมิงช่างแม่ม...อยากเป็นหมาเขาก็จะไม่สนใจแล้ว
วันรุ่งขึ้นเธอเห็นสมิติเจริญอาหารเป็นพิเศษ“เมื่อวานพี่เห็นไก่ซื้อขนมมาใช่ไหม ยังมีอยู่รึเปล่า” “ขนมเหรอคะ ขนมไทยนะคะพี่จะทานเหรอ” กฤติกาไม่เคยเห็นเขาชอบของหวานเลยสักครั้ง“อืม อยากกินน่ะยังมีอยู่รึเปล่า” สมิติตอบหญิงสาวจึงเปิดตู้เย็นดูขนมที่ว่า“มีค่ะเป็นทองหยิบกับฝอยทองนะคะ” เธอซื้อมาจัดชุดถวายข้าวพระพุทธ จึงมีเหลือในกล่องไม่มากเธอนำมันมาจัดจานไปใส่คนที่นั่งรอ“อร่อย” สมิติจิ้มทองหยิบใส่ปากสีหน้าดูชื่นอกชื่นใจ ส่วนกฤติกาทำหน้าแหยง“มันหวานมากเลยนะคะ พี่หมิงว่าพอดีเหรอ” สมิติหันมาพยักหน้า ทำสีหน้าจริงจัง“พอดี ไม่เห็นหวานไปเลยจ้ะ เอาอีกนะอันนี้ไก่ซื้อร้านไหนมา”“ร้านหน้าคอนโดนี่เองค่ะ พี่หมิงไม่สบายรึเปล่าคะ” เธอมองเขาอย่างกังวล พักนี้รู้สึกว่าเขาไม่ปกติหลายๆ อย่าง เหมือนผีเด็กเข้าสิงแต่เธอแน่ใจว่าแถวนี้ไม่มีใครเลี้ยงกุมาร“ไม่นี่ พี่ปกติ” สมิติตอบ เขาไม่รู้สึกว่าเขาเป็นอะไรภรรยาคิดมากไปเองหญิงสาวป้อนโจ๊กให้น้องแมทจนหมดถ้วย 'กินเก่งทั้งพ่อทั้งลูก' เธอคิดในใจ กฤติกาลุกขึ้นจะเข้าไปในครัวแต่ก็ต้องเซเมื่อเธอรู้สึกเหมือนจะเป็นลม“ไก่..” สมิติเรียกเสียงดัง เขารีบมาป
“พี่หมิงคะ ลูกร้อง” กฤติกาตะโกนบอกสามี เด็กชายกรกันต์หรือน้องแมทวัยแปดเดือน กำลังแผดเสียงร้องจ้าเมื่อตื่นมาไม่พบใครในห้อง“จ้า พี่ไปเดี๋ยวนี้ละ” สมิติรีบวิ่งออกจากห้องน้ำไปดูลูกชาย ส่วนกฤติกากำลังเคี่ยวข้าวผักห้าสีให้ลูกในครัว“โอ๋.. ไม่ร้องนะครับ พ่อเปลี่ยนเพิสให้นะลูก” ชายหนุ่มเปลี่ยนผ้าอ้อมสำเร็จให้ลูกชายอย่างคล่องแคล่วเพราะทำมาตั้งแต่น้องแมทเกิด พ่อลูกอ่อนอุ้มลูกชายมาไว้ในคอก ตอนนี้น้องแมทคลานได้คล่องแล้ว บางครั้งไปไวมากจนพ่อแม่จับไม่ทัน“มาแล้ว” กฤติกายกถ้วยข้าวบดมาให้ลูก เธอคนๆ วางทิ้งไว้สักครู่เพื่อให้คลายความร้อนลง“มาค่ะน้องแมท” เธออุ้มเด็กชายขึ้นจากคอกมานั่งที่เก้าหัดกินข้าวของเด็ก หญิงสาวหัดให้ลูกชายนั่งได้เองเพื่อที่ว่าเวลาไปไหนจะได้ไม่ต้องคอยอุ้มตลอดเวลา“พี่หมิงหิวหรือยังคะ” เธอหันไปถามสามี “หิวจ้ะ แต่ไม่รู้อยากกินอะไร” สมิติทำท่าเพลีย “นอนน้อยรึเปล่าคะ มีไข้ไหม” หญิงสาวลุกมาหาเขาเธอใช้มืออังหน้าผากพบว่าเขาตัวเย็น “พี่ไม่เป็นอะไรหรอก” สมิติจับมือเธอไว้ “คืนนี้ไม่ต้องลุกมาดูแมทนะคะ ไก่จัดการเอง” เธอเริ่มฝึกให้ลูกเลิกมื้อดึกและนอนยาวแล้วตามที่คุยกับค
สมิติไม่ทำอะไรเธอตามที่เขาพูดจริง แต่ชายหนุ่มถือโอกาสช่วงที่รอแผลเธอหายช้ำสร้างความคุ้นเคยให้เธอด้วยการสัมผัสแตะต้อง โอบบ้าง กอดบ้างจนกฤติกาเริ่มชินเช้าวันอาทิตย์เขาออกไปข้างนอกและกลับมาทานข้าวเย็นกับเธอ พบว่ากฤติกาไม่ได้ออกไปไหนเลย“ออกไปเดินเล่นบ้างก็ได้นะไก่” “ไม่เป็นไรค่ะ ไก่อยากพักพรุ่งนี้ต้องไปมหาวิทยาลัย” สมิติพยักหน้าเข้าใจ เขาขยับตัวลุกขึ้นเตรียมตัวจะกลับที่พัก “งั้นไก่พักพี่จะกลับก่อน เช้าวันอังคารเจอกันพี่จะมารับไปลำปาง” “ค่ะ” ###############สมิติพาเธอไปจัดการธุระเรื่องบ้านที่ลำปางในเช้าวันอังคาร โดยที่เขาไปคุยกับเจ้าหนี้ให้เองและนำโฉนดบ้านกลับคืนมา จากนั้นเขาปล่อยให้กฤติกาเข้าบ้านไปหาน้องๆ หญิงสาวซื้อของจำเป็นเข้าบ้านจำนวนหนึ่งพอใช้ไปนาน และซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ไว้ให้น้อง ๆ โทรหาตนเอง ไม่ต้องยืมโทรศัพท์เพื่อนบ้านใช้อีกทั้งคู่กลับมาถึงกรุงเทพฯ ในตอนเที่ยงคืน สมิติขึ้นมาบนห้องด้วยเขาวางของลงบนโต๊ะ ขณะที่บอกเธอให้ไปอาบน้ำกฤติกาออกมาจากห้องน้ำ ไฟในห้องนอนถูกปิดแล้วเหลือไฟเล็กหัวเตียงเท่านั้น สมิตินอนบนเตียงอยู่ในชุดนอนเขาคงไปใช้ห้องน้ำด้านนอก“พี่จะ
“พี่ว่าอะไรนะ” สมิติทวนคำหลังจากที่พีรพัทย์โทรหาเขา “ก็อย่างที่บอกไป เดียโทรมาปรึกษากูว่าเพื่อนเขาจำเป็นต้องใช้เงินแสนสองภายในสามวัน กูพอจะมีเพื่อนดีๆ ที่สนใจน้องเขาไหม น้องเขายอมทุกอย่างแต่ขอให้ชัวร์เพราะเขาเดือดร้อนมาก” พีรพัทย์ทวนอีกครั้ง“แล้วถ้าผมบอกว่าไม่สนล่ะ” สมิติหยั่งเชิง“กูก็อาจจะหาคนอื่นให้น้องเขา หรือไม่กูก็อาจจะบริจาคให้น้องเขาเอง เงินแค่นี้มึงก็รู้ว่ากูไม่มีปัญหา” พีรพัทย์แกล้งพูด“พี่ว่าไงนะ พี่มีเดียอยู่แล้วไง” สมิติแย้ง“แล้วไงลูกไก่ก็เพื่อนเดีย เพื่อนสนิทกันมาก สองสาวจะได้มีเพื่อนเวลาปรนนิบัติกูไง เดียเขาอาจจะวางใจก็ได้ที่คนนั้นเป็นกู” “หยุด พี่บ้าไปแล้วไหนว่าจริงจังกับเด็กมันจะไปทำให้เดียเสียใจทำไม เอางี้ผมรับเองแต่ผมขอคุยกับลูกไก่ก่อน” สมิติรีบห้ามก่อนที่เพื่อนรุ่นพี่จะจินตนาการบรรเจิดไปมากกว่านั้น ได้ยินเสียงอีกฝ่ายหัวเราะจึงรู้ว่าฝ่ายนั้นล้อเล่น“ก็มาสิ คืนนี้ลูกไก่ต้องมาทำงานที่ร้านอยู่แล้ว” “ไม่ต้องเลย บอกเด็กพี่นะว่าให้บอกลูกไก่เลิกทำงานที่ร้าน เดี๋ยวผมจะออกไปรับตอนนี้เขาอยู่ที่คอนโดของเดียใช่ไหม” สมิติลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน วันนี้งานเขาไม
สมิติกลับมาขึ้นรถ เขาหันมามองกฤติกาที่ยังหน้าซีดเผือดจากเหตุการณ์เมื่อครู่“เจ็บตรงไหนบ้าง เดี๋ยวพี่จะพาไปตรวจที่โรงพยาบาล” เธอส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ จุกเดี๋ยวก็คงหายถ้าจะกรุณา ไปส่งที่ห้องเดียได้ไหมคะ” “ห้องเดียนั่นมันเป็นของเฮียพีท เขาซื้อให้เดียอยู่” สมิติเปรยขึ้นมา กฤติกาเม้มปากแน่น“งั้นไปหอของไก่ก็ได้ค่ะ แต่ถ้ามันไกลไปเกรงใจเดี๋ยวไปแท็กซี่เองค่ะ” “ยังไม่เข็ดเหรอ” สมิติถามเสียงเรียบ เขาออกรถพาเธอออกจากตรงนั้น ถนนที่ค่อนข้างมืดในตอนหนึ่งนาฬิกาทำให้กฤติกามองทางไม่ชัดเจน ประกอบกับเธอยังจำทางได้ไม่แม่นทำให้เธอไม่รู้ว่าเขาจะพาไปไหน“พี่หมิงจะไปไหนคะ” หญิงสาวนิ่วหน้าเมื่อเริ่มรู้สึกว่าเส้นทางไปไกลกว่าขามา “หอที่ไก่อยู่เป็นหอพักนักศึกษาหรืออพาร์ตเมนท์” เขาย้อนถาม“เอ่อ หอพักนักศึกษาค่ะ อยู่หน้า...” เธอบอกชื่อสถาบันทำให้สมิติเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจเมื่อรู้ว่าเธอเรียนที่ไหน “พี่ก็เคยเรียนที่นี่ เราเรียนคณะไหน” “สถาปัตยฯ ค่ะ” “อืมม” เขาทำเสียงในลำคอแบบที่เธอไม่เข้าใจ “เป็นรุ่นน้องพี่ คณะเดียวกันถ้าหมายถึงหอหญิงหน้าสถาบันตอนนี้ประตูคงปิดแล้ว เข้าไม่ได้หรอก” ฟังแล้ว
“ชื่ออะไรครับน้อง อายุครบสิบแปดแล้วใช่ไหม” สุธนผจก.ร้านสัมภาษณ์กฤติกา หลังจากที่นาเดียสาวตัวท็อปของร้านพาเพื่อนมาสมัครงาน“ชื่อกฤติกาค่ะ สิบแปดแล้ว” เธอส่งบัตรประชาชนให้ผจก.ร้านดู“โอเค เด็กใหม่งั้นพี่จะให้เราชงเหล้า เสริฟที่โซนวีไอพีนะฝากน้องเดียเป็นพี่เลี้ยงให้แล้วกัน มีชื่อสั้นๆ ไหมครับน้อง” สุธนส่งบัตรประชาชนคืนและยื่นใบสมัครให้กฤติกาเขียน เธอรับมากรอกรายละเอียดทันที“ลูกไก่ค่ะพี่” นาเดียตอบแทน สุธนพยักหน้าพอใจ“ปกติเด็กเราหน้าที่ชงเหล้า เสริฟก็คือทำตามนั้น เรื่องงานพิเศษร้านปล่อยฟรีสไตล์แล้วแต่ความสมัครใจ แต่ต้องไม่ใช่ทำในร้านนะครับ แล้วถ้าน้องไม่อยากไปต่อกับใครแต่มีแขกเซ้าซี้แจ้งพี่หรือการ์ดร้านได้เลย” สุธนบอกทำให้เธอสบายใจขึ้นเมื่อเสร็จธุระเรื่องเอกสารและสุธนแจ้งค่าตอบแทนแล้ว นาเดียจึงพากฤติกาไปที่ห้องพักของพนักงาน เป็นห้องรวมสำหรับเตรียมตัว แต่งหน้าหรือทำผมมีห้องน้ำสองห้อง นาเดียพาเพื่อนสาวไปที่มุมประจำของเธอ“ทำงานที่นี่ยิ้มไว้เยอะๆ กับแขก ส่วนเพื่อนร่วมงานด้วยกันคบได้พอผ่านๆ อย่าสนิทมากไม่มีใครอยากให้เราได้ดีเกินหน้าหรอกไก่” เธอกระซิบสอน พร้อมกับพาไปเบิกชุดสำ