“แล้วนี่...มนลิตาอยู่ไหนครับผมเองก็มีเรื่องจะคุยกับเธอเหมือนกัน”เขาชะเง้อคอมองผ่านห้องรับแขกไม่เห็นว่าเธอนั่งอยู่ตรงนั้น
“เพิ่งขึ้นห้องนอนไปเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วเองค่ะ สีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไรเห็นว่าเพลีย ๆ ด้วย ป้าเลยบอกให้ขึ้นไปนอนรอ ไม่รู้ว่ามีเรื่องสำคัญอะไรหรือเปล่าถึงได้ยอมอดนอนอยู่รอขนาดนี้”
“เหรอครับ ถ้าอย่างนั้นป้าไปนอนเถอะเดี๋ยวผมขึ้นไปคุยกับเธอเอง”
ป้ามาลัยพยักหน้ารับและเพิ่งสังเกตเห็นว่าคนเป็นนายมีสีหน้าสดใสไม่เย็นชาเหมือนเมื่อก่อน ราวกับว่ามีเรื่องอะไรดีๆ จนไม่สามารถปิดเอาไว้ได้จนต้องแสดงออกทางสีหน้า
ขายาวก้าวมาหยุดอยู่หน้าห้องนอนแล้วเปิดประตูเข้าไปแผ่วเบา ไฟในห้องยังคงเปิดอยู่ ทว่าคนตัวกลมกลับซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มโดยนอนหันหลังชิดไปยังฝั่งขวา
พื้นที่นอนยุบยวบลงตามน้ำหนักตัว ด้วยความที่ยังแค่กึ่งหลับกึ่งตื่นไม่ได้หลับสนิททำให้มนลิตารู้สึกตัวตื่น ร่างอ้วนพลิกตัวกลับมาก็เห็นว่าเวทัศนั่งอยู่ด้านข้างและทอดสายตามองมายังตนเอง
“กลับมาแล้วเหรอคะ พี่เวย์หายไปไหนมากับคุณอร”
“ที่โทรจิกก็เพราะรู้ว่าฉันหายไปกับอินทุอรอย่างนั้นเหรอ”
หัวกลมส่ายไปมาจนผมสะบัดมาปิดใบหน้าเล็กน้อย “เปล่าค่ะ”
“เห็นป้ามาลัยบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วยใช่ไหม”
คราวนี้คนเจ้าเนื้อรีบพยักหน้าแล้วยันแขนกับเตียงนอนลุกขึ้น เธอก้าวเท้าลงจากเตียงเดินตรงไปยังกระเป๋าทำงานและหยิบซองกระดาษยืนยันผลตรวจครรภ์ออกมา
“ขอพูดก่อนได้ไหม ฉันเองก็มีเรื่องสำคัญจะคุยกับเธอเหมือนกัน”
มนลิตาลดมือที่ถือซองเอกสารลงและซ่อนมันไว้ด้านหลังแล้วหันกลับไปพร้อมกับรอยยิ้ม
“ได้สิคะ พี่เวย์มีเรื่องอะไรจะคุยกับมนเหรอ”
เขาหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง เธอเห็นแววตาวูบไหวบางอย่างสีหน้าแบบนั้นเต็มไปด้วยความกังวลที่จะพูดมันออกมา
“เรามาพูดเรื่องหย่ากันแบบจริงจังเถอะ”
เหมือนฟ้าฟาดลงกลางหัวใจดวงน้อยมือด้านหลังขยุ้มซองกระดาษจนยับยู่ยี่ ความรู้สึกภายในใจรวดร้าวทรมานเจียนตายและเหมือนมีเข็มนับพันทิ่มแทงข้างในซ้ำอีกครั้งเมื่อเขาพูดเหตุผลขึ้นมา
“ฉันไม่อยากเป็นผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่านอกใจเมีย เลยอยากทำทุกอย่างให้มันถูกต้อง เรามาหย่ากันแล้วต่างคนต่างไปเถอะ”
“พี่กับคุณอินจะกลับไปคบกันใช่ไหมคะ”
“ตอนนี้ยังไม่ใช่...”
“แต่ต่อไปก็ไม่แน่ ถ้ารักผู้หญิงคนนั้นมากทำไมถึงยอมมาแต่งงานกับมนตั้งแต่แรกคะ”
“ที่ยอมแต่งก็เพราะเธอเป็นต้นเหตุทำให้อินเลิกกับฉันยังไงล่ะ ฉันอยากให้เธอเสียใจที่รักคนผิดและเจ็บปวดที่ต้องทนอยู่กับคนที่ไม่เคยรัก
เธอเลย”
คำพูดสุดท้ายรอดผ่านไรฟันออกมา แววตาดุกร้าวสีหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา ทนอยู่เพราะอยากทรมานเธออย่างนั้นเหรอ วันนี้เธอเจ็บปวดไปทั้งใจแล้ว
“แล้วถ้าคุณป้าไม่ยอมล่ะคะ” ถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ฉันถึงอยากให้เธอเป็นคนบอกกับแม่ยังไงล่ะ เพราะลูกสะใภ้คนโปรดพูดอะไรท่านก็คงเชื่อหมด”
หยดน้ำใสร่วงลงแก้มเม็ดแล้วเม็ดเล่าความรักและความดีที่เธอมีให้กับเขามันไม่เพียงพอเลยหรือไง
“ก็ได้ค่ะ แต่ขอเวลามนหน่อยนะคะ”
“นานแค่ไหน” เขาต้องการเวลาที่แน่นอน
“ไม่ทราบค่ะ หนึ่งสัปดาห์ หนึ่งเดือน หรือว่าหนึ่งปีก็ได้”
“มนลิตา! เธอต้องการยื้อเวลาฉันเอาไว้ใช่ไหม”
คว้าหมับไปยังต้นแขนออกแรงบีบจนสีหน้าเหยเก เธอขืนและสะบัดออกไม่ยอมตกเป็นคนอ่อนแอให้เขาทำร้ายทั้งจิตใจและร่างกายอีกแล้ว
“ใช่ค่ะ มนยื้อเวลาเอาไว้เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าอินทุภาไม่ใช่คนดีอย่างที่พี่คิด แล้วเมื่อไรที่พี่ภูกลับมาถึงเวลานั้นมนจะเป็นคนเบิกตาพี่เวย์เอง แล้วเมื่อถึงเวลานั้น มนจะเซ็นใบหย่าโดยไม่มีข้อแม้อะไรเลย”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับภูริ” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันสร้างความสงสัยให้อยู่ไม่น้อย
มนลิตาไม่พูดอะไรต่อยกยิ้มมุมทั้งน้ำตาแล้วเดินกระแทกไหล่ออกจากห้องไป
“มน! มนลิตา”
เธอได้ยินเพียงแค่เสียงเรียกของเขาตามหลังเท่านั้น แต่ก็ไม่หยุดตามที่เรียก สองเท้าก้าวยาว ๆ ลงบันได มือหนึ่งกำซองเอกสาร อีกมือหนึ่งกุมหน้าท้องเดินผ่านหน้าป้าแม่บ้านไปด้วยอาการเหม่อลอย
ที่เดียวที่จะทำให้เธอสบายใจได้นั่นก็คือบ้านสวนลิตา...
“พี่ตุลย์คะ ช่วยไปส่งมนหน่อยได้ไหม...”
ทันทีที่กดรับสายชายหนุ่มได้ยินเสียงสะอื้นผ่านปลายสายมาก่อน
ร่างสูงที่กำลังงัวเงียอยู่ดีดตัวลุกขึ้นนั่ง ตาสว่างขึ้นมาทันที
“น้องมนเป็นอะไรหรือเปล่า เกิดอะไรขึ้น”
“มนไม่ได้เป็นอะไรค่ะ แต่ช่วยมารับมนกลับบ้านได้ไหม ถ้าไม่มามนจะไปเอง”
“เฮ้ย ๆ ไม่ได้เดี๋ยวพี่ไปรับ จะไปไหนคนเดียวได้ยังไง เกิดคนร้ายตามไปทำร้ายล่ะ ตอนนี้อยู่ที่ไหน”
“ตอนนี้กำลังเดินออกมาตรงหน้าบ้านค่ะ”
“งั้นรอพี่อยู่ในรั้วบ้านก่อน พี่จะรีบไป ส่งโลเคชันมาให้พี่ด้วย”
ตุลย์ธรวางสายเสร็จรีบลุกจากที่นอนไปแต่งตัวและคว้าเอากุญแจรถออกไปด้วยความเร่งรีบ เพราะชีวิตของพยานย่อมสำคัญกับตำรวจที่ได้รับมอบหมายให้ไปดูแล...
‘ประกาศแต่งฟ้าแลบ! รอบสองกับภรรยาคนเก่ากับไฮโซเวทัศ’พาดหัวข่าวหราทุกแพลตฟอร์มและกลายเป็นประเด็นร้อนทุกออนไลน์กับความรักของทั้งคู่ เพราะไม่คิดว่ามันจะมีอยู่จริงและที่สำคัญเจ้าสาวในวันนี้ไม่ใช่ดาราดังหรือผู้หญิงสวยหน้าตาดีรูปร่างสวยเลย เธอเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาแต่มัดหัวใจของชายหนุ่มได้อยู่หมัด“ยินดีด้วยนะ”เสียงแจ้วของกลุ่มก้อนเดิมดังขึ้นนำทีมโดยพี่ท้อปและตามด้วยน้องเล็กของทีมอย่างเจ้าต้น ก่อนหน้านั้นเจอกันแล้วรอบหนึ่งตอนเธอแวะไปแจกซอง พวกเขายังสนุกสนานเฮฮาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปเลยการแต่งงานครั้งนี้ไม่ได้จัดขึ้นเงียบ ๆ เหมือนเดิมแขกที่เชิญมามีแทบทุกวงการทั้งบันเทิง การเมือง และสายนักข่าว แต่คนที่เจ้าสาวรอมากที่สุดคงหนีไม่พ้นผู้ชายสวมสูทสีครีมกำลังเดินมา“พี่ตุลย์ ขอบคุณนะคะที่มา”“ต้องมาอยู่แล้วน้องสาวคนสวยของพี่แต่งงานทั้งที” กำลังจะยกมือขึ้นยีหัวด้วยความเคยชิน แต่คราวนี้มนลิตาหลบทัน“ฮันแน่ ไม่ได้กินหรอก พี่ยังติดยีหัวเหมือนเดิมเลยนะคะ”“นั่นสิ เป็นสัญชาตญาณของมือมั่ง” ทั้งคู่หัวเราะกันคิกคักจนมองไม่เห็นหัวเจ้าบ่าวที่ยืนอยู่ตรงนั้น“อะแฮม”“อ้าว เจ้าบ่าวยืนอยู่ตรงนี้เหรอ นึกว่ารูปปั้
‘ปัง’เสียงกัมปนาทดังขึ้นสนั่นจนหูอื้อเพราะมันอยู่ใกล้แค่ไม่กี่เมตร ร่างสูงสะดุ้งสุดตัวเขาผลักคนตัวอ้วนไปอีกทางที่คิดว่าน่าจะปลอดภัยความเจ็บแล่นริ้วขึ้นมาตรงหัวไหล่เขาชำเลืองมองเลือดสีแดงสดกำลังไหลซึมผ่านเสื้อยืดสีขาวผืนบาง ก่อนจะทรุดลงกับพื้น“กรี๊ดดดด พี่เวย์ ๆ”มนลิตาแทบคุมสติไม่อยู่รีบถลาตัวเข้าไปประคองเวทัศเอาไว้พร้อมกับตะโกนบอกคนแถวนั้นให้เรียกรถพยาบาล ชายหนุ่มเห็นอาการคนรักสติกระเจิงจึงจับมืออวบที่กำลังสั่นระริกเพราะความตกใจมากุมไว้“มน ใจ...เย็น ๆ นะพี่ไม่เป็นไร”“ไม่เป็นไรได้ยังไง เลือดออกขนาดนี้” น้ำตาร่วงหล่นลงแก้ม ความกลัววิ่งเข้ามาแทนที เธอไม่ได้กลัวว่าตัวเองจะบาดเจ็บแต่กลัวว่าเขาจะตาย“พี่ยังไหว แผลแค่นี้เอง” เวทัศพยายามปลอบเธอ แต่นั้นยิ่งทำให้เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นจนพูดแทบไม่เป็นภาษา“พี่เวย์ ห้ามเป็นอะไรนะ นี่เป็นคำสั่ง ไหนว่าอยากอยู่กับมนและลูกไง ถ้าเป็นอย่างนี้มนจะอยู่ยังไง”“พี่จะไม่เป็นไร มนอย่าร้องนะ” เขาบีบมือเธอแน่นขึ้น ไม่นานเท่าไรหูก็ได้ยินเสียงไซเรนดังแว่วมาเจ้าหน้าที่ทำงานเคลื่อนย้ายร่างของเวทัศขึ้นบนเตียง มนลิตากระโดดขึ้นไปบนรถอ้างความเป็นภรรยาทันที รถพยาบ
ในที่สุดวันเวลาของการรอคอยก็มาถึงสักที ทั้งหมดเดินทางมาถึงภูเก็ตด้วยเครื่องบิน พอมาถึงคนของเวทัศก็นำรถมารับถึงสนามบิน“คุณท่านรออยู่ที่โรงแรมแล้วครับ” คนขับรถบอกกับเวทัศแล้วเดินไปเปิดประตูรถให้ทุกคนนั่ง รถยนต์เคลื่อนตัวตรงไปโรงแรมทันทีโรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ริมหาดกะตะบนแนวสันเขาของเกาะบริเวณหน้าโรงแรมเป็นหาดทรายขาวละเอียด มีลักษณะเป็นวงกว้างและมีความโค้ง คลื่นลมสงบ น้ำนิ่งสามารถลงเล่นน้ำได้และที่นี่ยังมีแนวปะการังแปลกตา ยาวไปจนถึงเกาะปู ทำให้เป็นที่ฝึกดำน้ำ และจุดดำน้ำยอดนิยมของเหล่านักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบความสวยงามใต้ทะเล“หูววว พ่อขาทะเล” รถเคลื่อนเข้ามาจอดหน้าโรงแรมเมทิตาชะเง้อคอขึ้นมองแล้วชี้ออกไปนอกหน้าต่างรถด้วยความตื่นเต้นตายายหัวเราะให้กับความไร้เดียงสาของหลานแล้วบอกว่าให้รถจากรถก่อนจะได้เห็นชัด ๆ พอก้าวเท้าลงมาคนเป็นย่าก็ยืนรอต้อนรับอยู่แล้วทำให้หนูน้อยลืมน้ำทะเลใสไปเลย“หนูเมย์...”“คุณย่า”ขาสั้นป้อมวิ่งตรงลิ่วไปหาคุณหญิงระย้า แขนเหี่ยวย่นอ้าแขนรับเจ้าตัวเล็กสู่อ้อมกอดแล้วหอมซ้ายหอมขวาเหมือนเคย“คุณย่าขา หนูเมย์ได้นั่งเครื่องบินด้วย บนโน้นมีเมฆ มีนกด้วยค่ะ”เมทิตาเงยหน้าชี้
สองผู้เฒ่านั่งเล่นอยู่ข้างล่างหันมองหน้ากันเชื่อได้เลยไม่นานทุกอย่างจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม มองจากดาวอังคารก็รู้ว่าลูกสาวพวกเขานั้นใจอ่อนตั้งนานแล้วตอนนี้แค่วางฟอร์มเท่านั้น“แม่มนขา พ่อเวย์ขา” น้ำเสียงและท่าทางแบบนั้นมนลิตาพอจะเดาออกว่าลูกสาวต้องอยากได้หรืออยากไปที่ไหนสักที่แน่นอน“อ้อนจะเอาอะไรอีกคะ”“หนูเมย์อยากไปทะเล วันนี้เพื่อนหนูเมย์บอกว่าพ่อกับแม่พาไปทะเลหนูเมย์อยากไปบ้าง” เด็กหญิงทำหน้าอ้อน ๆ ใส่แม่ หันไปกระพริบตาปริบๆกับคนเป็นพ่อก่อนจะวิ่งอ้อมโต๊ะไปสวมกอดตากับยายเพื่อเอาใจมนลิตาแพ้ทางเวลาเมทิตามาอ้อนเพื่อขออะไรสักอย่าง แน่นอนว่าเธอไม่ได้ตามใจเสียทุกเรื่องแต่เพราะลูกสาวเธอไม่เคยไปทะเลเลยตั้งแต่เกิดมากำลังจะอ้าปากพูดผู้ชายนั่งข้างก็เป็นฝ่ายเสนอขึ้นมา“ถ้าอย่างนั้นเราไปพักผ่อนกันทั้งครอบครัวดีไหมครับ ผมจะได้โทรบอกคุณแม่ด้วย”“ดีค่ะ ไปๆ ไปเที่ยวทะเลกัน” เมทิตาตอบรับแทนทุกคนแล้วชูสองแขนขึ้นกระโดดหมุนตัวไปมารอบโต๊ะกินข้าวเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของลูกกับมนลิตาทำให้เขามีความสุขมากขึ้นไม่ต้องมานั่งทำหน้าอมทุกข์เหมือนแต่ก่อน“แล้วเราจะไปทะเลที่ไหนล่ะ ประเทศเรามีทะเลตั้งหลายจังหวัด” ตา
ว่ากันว่าคนเราไม่เคยมีใครเป็นพ่อกับแม่มาก่อนทุกคนมาเริ่มต้นนับหนึ่งเมื่อมีลูกคนแรก ต่างลองผิดลองถูกกันมาทั้งนั้นสงสัยมันจะเป็นเรื่องจริง เหมือนกับเขาตอนนี้ที่กำลังฝึกหัดการเป็นพ่อคน คนอื่นโชคดีที่ได้ฝึกเป็นพ่อด้วยการอุ้มลูก เปลี่ยนผ้าอ้อม กล่อมนอน แตกต่างจากเขาตอนนี้ที่กำลังเป็นลูกค้าให้กับช่างแต่งหน้าตัวน้อย“พ่อเวย์สวยที่สุดเลยค่ะ” หนูเมย์ยื่นกระจกให้คนเป็นพ่อดูกับความภาคภูมิใจในการแต่งหน้า เขายิ้มรับให้ลูกแล้วทำท่าตื่นเต้นบนหัวผูกจุกเป็นต้นมะพร้าวสามต้น คิ้วถูกระบายหนาเป็นปลิง เปลือกตาทาด้วยสีฟ้าเข้ม ขนตางอนปัดด้วยมาสคาร่า โหนกแก้มแดงยิ่งกว่าตูดลิง ไฮไลท์ดั้งพุ่งโด่งจนแทบทิ่มตา ตบท้ายด้วยปากสีส้มเข้ากันกับแก้มสุดๆ“เฮ้ออออ” เวทัศพ่นลมหายใจออกมายาว ๆ“ถอนหายใจทำไมคะ ไม่สวยเหรอ” เด็กหญิงย่นคิ้ว เวทัศรีบฉีกยิ้มเอาใจลูกสาวเพียงคนเดียว“สวยค่ะ แต่พ่อว่ารอบหน้าเราลองลดความเข้มของสีตา แก้มลงกว่านี้ดีไหม มันจะต้องสวยมากกว่านี้แน่เลย เววี่คอนเฟิร์มคร๊า!”เวทัศดีดตัวสะดีดสะดิ้งราวกับว่าตัวเองเป็นเป็นสาวประเภทสอง แต่แล้วก็ต้องหุบยิ้มเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะดังขึ้นตรงประตูทางเข้าและที่น่าอับอา
ช่วงหลังเลิกงานเขาเอาแต่นั่งทำอาหารเกาหลีแทบทุกวันเพื่อที่อย่างน้อยมันก็บรรเทาความคิดถึงผู้หญิงตรงหน้าได้บ้าง และวันนี้เขาก็ได้มีโอกาสทำให้เธอได้กินแล้ว“กินสิ เดี๋ยวเย็นหมดนะ” ชายหนุ่มเลื่อนจานจาจังมยอนมาให้มนลิตาหลุดออกมาจากภวังค์ใช้ตะเกียบเหล็กคีบเส้นสีดำเข้าปาก ทันทีที่ลิ้นสัมผัสกับน้ำซอสสีดำดวงตากลมประกายวาววับขึ้นมาทันทีมุมปากของเวทัศหยักโค้งขึ้นแทบจะถึงติ่งหู หาเรื่องคุยกับง้อตั้งนานแทบจะไม่ได้ผลแต่พอทำของโปรดไว้ให้เขากลับเห็นความสดใสบนใบหน้าของเธออีกครั้งชายหนุ่มเท้าคางบนเก้าอี้มองหญิงสาวกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย กว่าจะรู้ตัวว่าถูกอีกฝ่ายเฝ้ามองเธอก็กินอาหารไปจนเกือบหมดโดยลืมชวนคนทำกินเสียด้วยซ้ำ“ไม่กินด้วยกันเหรอคะ”“ไม่ล่ะครับ พี่เห็นมนกินได้ก็ดีใจแล้ว”เอื้อมมือไปหยิบทิชชูจากกล่องไปเช็ดมุมปากที่เปื้อนน้ำซอสสีดำให้แผ่วเบา ดวงตาทั้งคู่สบกันครู่หนึ่งจนเป็นฝ่ายมนลิตาได้สติขึ้นมาก่อน เธอเบือนหน้าไปทางอื่นแล้วเช็ดปากด้วยตัวเอง“เรื่องที่เราคุยกันเมื่อคืน...”“มนอยากคุยกับพี่เวย์เรื่องนี้พอดีเลยค่ะ”ยังไม่ทันจะบอกจุดประสงค์จบเลยว่าไม่ต้องรีบเขารอได้ ทว่าหญิงสาวก็เอ่ยตัดบทขึ้นมาเ