ตอนที่ 13 กอดหนูหน่อยสิคะ
ลลิสายังคงส่งยิ้มสดใสให้กัปตันพิพัฒน์ “คุณกัปตันจะสอนหนูว่ายน้ำตอนไหนเหรอคะ ตอนนี้เลยหรือเปล่า” ทั้งสองยังคงนั่งเก้าอี้หวายคุยกันริมสระว่ายน้ำ “เอ่อ...” เขามองดูชุดที่เธอสวมใส่อยู่ขณะนี้ มันไม่เหมาะกับการที่จะหัดว่ายน้ำเลยสักนิด และถ้าเขาต้องสอนเธอว่ายน้ำ ลลิสาจะต้องใส่ชุดว่ายน้ำวาบหวิว หรือถึงจะไม่วาบหวิว เขาก็ต้องสัมผัสตัวเธออยู่ดี พิพัฒน์รู้ตัวว่าเขาคงจะข่มอารมณ์ตัวเองได้ยาก เขาจึงหาวิธีบ่ายเบี่ยงไปก่อน “เอาไว้ตอนที่ฉันพร้อมก็แล้วกันนะ วันนี้ฉันยังไม่พร้อม หนูขึ้นไปนอนเถอะ เกือบห้าทุ่มแล้ว อากาศเริ่มเย็น เดี๋ยวจะไม่สบายนะ” “ค่ะ แล้วคุณกัปตันไม่ง่วงเหรอคะ” “หนูขึ้นไปก่อนเถอะ ฉันว่าจะนั่งตรงนี้ก่อนสักพัก” “ค่ะ งั้นหนูไปนอนแล้ว ฝันดีนะคะคุณกัปตัน” เขาพยักหน้าตอบกลับ ลลิสาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เธอกำลังจะเดินออกไปจากตรงนั้น (พรึ่บ) “ว้าย!” ลลิสาเกือบจะลื่นตกลงไปในน้ำ ยังดีที่พิพัฒน์คว้าร่างของเธอไว้ได้ทัน เธอกอดเอวสอบไว้แนบแน่น หัวใจลลิสาหล่นไปอยู่ที่พื้นเลยก็ว่าได้ “ขอบคุณนะคะ พื้นเปียกน้ำ มันลื่นน่ะค่ะ” “ไม่เป็นไรใช่ไหม เจ็บเท้าหรือเปล่า” “ไม่เจ็บค่ะ งั้นหนูไปนอนแล้วนะคะ” เขาปล่อยร่างเล็กให้เป็นอิสระ ลลิสาค่อยๆเดินออกจากตรงนั้น ทั้งสองไม่รู้เลยว่า มีใครคนหนึ่งกำลังแอบมองการกระทำของเขาและเธออยู่ตลอด ลลิสาเดินขึ้นบันไดแล้วตรงไปที่ห้องนอนของแพรพลอย (แก๊ก) “งื้อ...ทำไมประตูห้องล็อคล่ะเนี่ย หรือว่ายัยพลอยตื่นขึ้นมาล็อคประตู” (ก๊อกก๊อกก๊อก) “พลอย...เปิดประตูให้ฉันหน่อยสิ” “...” ลลิสาพยายามเคาะประตูหลายครั้ง แต่ทุกอย่างยังคงเงียบสนิท ไม่มีท่าทีว่าแพรพลอยจะเปิดประตูออกมา “เฮ่อ...ยัยพลอยนอนขี้เซาซะด้วยสิ” เธอพูดพึมพำ ก่อนจะเดินไปยังห้องสุดท้าย ซึ่งเป็นห้องที่ดรีมและเอิร์นนอนอยู่ในนั้น (ก๊อกก๊อกก๊อก) “เอิร์น ดรีม เปิดประตูให้ฉันหน่อยสิ” (ก๊อกก๊อกก๊อก) “...” ไม่ว่าเธอจะเคาะประตูเรียกขนาดไหน เพื่อนสาวทั้งสองก็ไม่มีท่าทีว่าจะเปิดประตูออกมา ความง่วงเข้าเล่นงานลลิสา เธอไม่มีทางเลือก ลลิสาจึงตัดสินใจเดินลงบันไดไปที่ห้องโถง เธอล้มตัวลงนอนบนโซฟา และหลับไปด้วยความง่วง เวลาผ่านไปราวๆครึ่งชั่วโมง พิพัฒน์สวมชุดคลุมเดินเข้าบ้าน และเขาต้องหยุดชะงัก เมื่อเห็นร่างบอบบางกำลังนอนขดตัวอยู่ที่โซฟาในห้องโถง “หนู...หนู...ซาร่า ตื่นสิ” “...” มือหนาเขย่าที่ลำแขนเล็ก เขาเอ่ยเรียกเธอหลายครั้ง แต่คนตัวเล็กก็ยังนอนหลับไม่ยอมตื่น “ซาร่า ตื่นสิ ทำไมถึงมานอนตรงนี้ ซาร่า” เขาเขย่าลำแขนเล็กอีกครั้ง จนเธอค่อยๆลืมตาตื่น “อื๊อ” “ทำไมถึงไม่กลับไปนอนบนห้อง มานอนตรงนี้ทำไม เห็นหรือเปล่า ว่ายุงกำลังกัด อากาศก็เย็น” “หนูไปเคาะประตูห้องพลอยแล้ว แต่พลอยไม่เปิดออกมา ตอนหนูลงมา หนูไม่ได้ล็อคประตูนะคะ ไปเคาะห้องดรีมกับเอิร์นก็ไม่มีใครเปิดประตู เพื่อนๆคงหลับไปแล้ว หนูขอนอนตรงนี้นะคะ หนูง่วงมาก” เธอบอกเขา และหลับตาลงด้วยความง่วง “เฮ่อ...ทำไงดีล่ะ กุญแจสำรองก็อยู่ในห้องที่เอิร์นและดรีมนอนอยู่” พิพัฒน์พูดพึมพำ ภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ไม่ได้มีห้องนอนเพียงแค่สามห้อง ยังมีห้องนอนอีกหลายห้อง แต่เขาไม่สามารถเปิดประตูเข้าไปได้ เนื่องจากกุญแจสำรองอยู่ในห้องที่สองสาว ดรีม เอิร์น นอนอยู่ “ปกติตรงนี้ไม่เคยมียุง ทำไมวันนี้ยุงเยอะจัง ตื่นสิหนู ไปนอนที่ห้องฉันก่อน” “...” คนตัวเล็กได้หลับไปแล้ว ไม่ว่าเขาจะเรียกยังไง เธอก็ไม่ยอมตื่น (พรึ่บ) พิพัฒน์ตัดสินใจช้อนอุ้มร่างบางเดินขึ้นไปยังชั้นสอง เขาวางคนตัวเล็กลงที่เตียงนอน “หึ นอนกับฉันหนูคงไม่คิดว่าฉันเป็นเฒ่าหัวงูหรอกนะ ครั้งหนึ่งหนูกับฉันก็เคยนอนด้วยกันมาก่อน” พิพัฒน์ดึงผ้าห่มมาคลุมร่างสาวที่กำลังหลับสบาย จากนั้นจึงเดินเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกาย เวลาเลยผ่านไปจนถึงตี1 พิพัฒน์ยังคงนอนเอามือเกยหน้าผาก เขาไม่อาจข่มตาหลับลงได้ แสงสว่างจากดวงจันทร์สาดส่องเข้ามาในห้อง พอให้ได้เห็นใบหน้าสวยหวาน ที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงของเขา “ผ่านไปแค่ปีกว่าๆ หนูโตเป็นสาวขนาดนี้เลยเหรอ ฝันดีนะเด็กดี” เขาพูดพึมพำก่อนจะกำชับผ้าห่มขึ้นมาคลุมกาย และนอนหันหลังให้เธอ (หมับ) “!” ลำแขนเล็กยื่นมาโอบกอดเอวสอบ พิพัฒน์ถึงกับสะดุ้ง เขาพลิกตัวนอนตะแคงหันหน้ามาหาคนที่กำลังนอนกอดเขา เธอหลับจริงๆ ไม่ได้เสแสร้ง “หนูคิดถึงคุณกัปตันที่สุดเลยค่ะ กอดหนูหน่อยสิคะ หนูหนาว” เขานอนฟังสิ่งที่เธอพูดออกมา ลลิสายังคงทำปากขมุกขมิบ เหมือนกับคนที่กำลังนอนละเมอ แต่สิ่งที่ทำให้พิพัฒน์หัวใจเต้นแรง คือคำที่เธอบอกว่าคิดถึงเขา (ฟอดดดด) อยู่ๆเขาก็เผลอไปหอมที่หน้าผากมน และโอบกอดร่างสาวไว้แนบอก เวลาเลยผ่านไปเป็นชั่วโมง พิพัฒน์ยังคงนอนไม่หลับ เขาคิดไปเรื่อยเปื่อย และมันคงไม่เหมาะสม ที่เขาต้องนอนด้วยกันกับเพื่อนของลูกสาวแบบนี้ หากลูกสาวหรือเพื่อนๆของเธอตื่นขึ้นมาเจอ ลลิสาจะเป็นฝ่ายที่เสียหาย เขาเองเป็นผู้ชาย ยังคงมีความต้องการเรื่องอย่างว่า เมื่อนึกขึ้นได้ว่าสิ่งที่เขาทำอยู่ตอนนี้ มันเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมเอาเสียเลย พิพัฒน์จึงลุกออกจากที่นอน แล้วนำผ้าห่มอีกผืน เดินลงบันไดไปนอนในห้องโถง -----------------------------------สามปีต่อมาพิพัฒน์ในวัย 48 ปี แต่ใบหน้ายังคงหล่อเหลาราวกับหนุ่มในวัยสามสิบปลายๆ ร่างกายของเขายังคงแข็งแรงจากการออกกำลังกายสม่ำเสมอ เขาใช้เวลาทุกๆวันดูแลลูกๆและภรรยา แม้จะไม่ได้ทำงานเหมือนแต่ก่อน แต่พิพัฒน์ก็ยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในสายการบินของครอบครัว และแพรพลอยขึ้นรับตำแหน่งรองประธาน ในขณะที่ภาคินเองก็เพิ่งจะขึ้นรับตำแหน่งประธานไปหมาดๆ พิพัฒน์และลลิสาแต่งงานกันในโบสถ์แห่งหนึ่ง กลางเมืองมิลาน ครอบครัวทั้งสองฝ่ายต่างร่วมยินดีและเป็นสักขีพยานรักให้กับคนทั้งสอง“มาค่ะ ใครจะนั่งกับคุณยายคุณตาบ้างคะ”คุณยายริสาถามหลานๆ พวกเขากำลังเดินทางไปเที่ยวที่เทือกเขาโดโลไมต์ในช่วงปิดเทอม“ผมจะนั่งกับคุณตาคุณยายครับ”เด็กชายภูผาในวัย4 ขวบ เดินขึ้นรถบ้านไปนั่งตรงกลางระหว่างคุณตาคุณยาย “น้องพราวจะนั่งกับคุณตาคุณยาย หรือจะนั่งกับพี่พลอยคะ”แพรพลอยถามน้องสาว เด็กหญิงแพรวพราวในวัยสองขวบ เด็กน้อยน่ารักเหมือนตุ๊กตาบาบี้ พี่สาวอย่างแพรพลอยหวงนักหนา“นั่งกับพลอยๆ พี่พลอยฉวยๆ”เด็กหญิงตัวน้อยยื่นมือให้พี่สาวโอบอุ้มขึ้นรถ(พรึ่บ)(ฟอดดดด)“น่ารักที่สุดค่ะ น้องสาวพี่”แพรพลอยหอมหน้าผากน้องสาวและอุ้มขึ้นรถบ้าน
ตอนพิเศษNC20+“เฮียไม่ต้องไปตามลูกหรอกค่ะ ปล่อยให้เขานอนกับพี่สาว เฮียก็รู้ยัยพลอยกับน้องภูตัวติดกันขนาดนั้น เรามาหาความสุขกันเถอะนะคะ ผลิตลูกเพิ่มดีไหม”เธอพูดพร้อมกับยื่นมือไปดึงขอบเอวกางเกงวอร์ม แล้วรูดลงไปกองอยู่ที่ข้อเท้าของพิพัฒน์“ดีครับ งั้นเฮียจะผลิตลูกเพิ่มอีกสักสองคน หนูโอเคใช้ไหม”เขาก้มหน้าลงไปจับที่คางภรรยาสาว เธอช้อนตาขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลา ขณะที่มือเล็กกำลังรวบรัดแก่นกายลำใหญ่“ดีค่ะที่รัก คืนนี้จัดทั้งคืนเลยดีไหมคะ”(จ๊วบ)“อ่าส์...สะ...เสียว”พิพัฒน์ถึงกับซู้ดปาก เมื่ิอภรรยาคนสวยใช้ริมฝีปากจดจูบที่ปล่ายหัวเห็ดบาน เธอมองจ้องมันอยู่ชั่วครู่ จากนั้นจึงอ้าปากครอบกลืนแท่งเอ็นใหญ่ และผงกศีรษะขึ้นลงเรื่อยๆ(บ๊วบบ๊วบบ๊วบ)“อ่าส์...ซี้ด...เสียว...โอ้ว”เขายืนเต็มความสูงและโยกเอวเบาๆเข้าไปในโพรงปากนุ่มนิ่ม ลลิสานั่งอยู่ปลายเตียง เธอช้อนตามองสามีอย่างยั่งยวน มือหนายื่นไปเกี่ยวสายเดี่ยวให้หลุดลงจากไหล่บาง จากนั้นจึงยื่นมือไปบีบคลึงเต้านมอวบใหญ่ ลลิสายังคงเร่งผงกหัวเข้าออกรัวๆ “อ๊าส์...อ่า...สุดยอด...โอย...ซี้ด เร็วอีกครับ”หลังจากที่ภรรยาคนสวยใช้ปากรูดดูดแท่งเอ็นใหญ่หลายนาที พิ
ตอนพิเศษหลายเดือนต่อมา“แว้แว้แว้!”เสียงเด็กทารกเพศชายร้องไห้ในยามเช้า พิพัฒน์ในวัย 45 ปี รีบเดินเข้าไปโอบอุ้มลูกชายวัยสามเดือนขึ้นมาอยู่ในอ้อมกอดของเขา“โอ๊ะโอ๋ ลูกชายของคุณพ่อ ตื่นแล้วเหรอครับ ไม่ต้องร้องนะคนเก่ง วันนี้คุณพ่อกับคุณแม่จะพาน้องภูกลับประเทศไทย เรากลับไปอยู่บ้านของเรากันนะครับ ให้ลูกโตขึ้นกว่านี้ คุณพ่อจะพากลับมาเยี่ยมคุณตาคุณยาย โอเคไหมครับ”“แอ้”พิพัฒน์พูดราวกับว่าเจ้าตัวเล็กฟังรู้เรื่อง เด็กชายภูผาหยุดร้องไห้ทันที เจ้าตัวกำลังมองดูบิดาที่กำลังทำท่าหยอกล้อและพูดคุยด้วย“ลูกตื่นแล้วเหรอคะเฮีย”ร่างระหง ผิวพรรณเปล่งปลั่งดูมีน้ำมีนวล กำลังเดินออกมาจากห้องน้ำ เธอใช้ผ้าเช็ดตัวนุ่งกระโจมอก พิพัฒน์จ้องมองภรรยาสาวด้วยความหลงใหลเหมือนเช่นทุกวันที่ผ่านมา“ลูกตื่นแล้วครับ น่าจะหิวนมด้วย”“แป๊บนะคะ”เธอตอบสามี ขณะที่กำลังนำเสื้อเชิ๊ตมาสวมใส่“ครับ ที่รัก”“มองทำไมขนาดนั้นคะ”ลลิสาถามถามพิพัฒน์ เขาเอาแต่จ้องมองเธอด้วยแววตาที่บ่งบอกถึงความรู้สึกหลากหลาย“มองคุณแม่คนสวยไงครับ ทั้งสวย ทั้งมีน้ำมีนวล ทั้งน่ารัก น่าขย้ำสุดๆ”น้ำเสียงทุ้มเอ่ยออกมา ก่อนที่เขาจะหันไปหยอกล้อลูกชาย“อดทน
ตอนที่ 43 ตามหาหัวใจพิพัฒน์และแพรพลอยเดินทางมาถึงประเทศอิตาลีในช่วงเช้าของวันเสาร์ แพรพลอยค่อนข้างตื่นเต้น เพราะเป็นการเดินทางในต่างประเทศครั้งแรกของเธอ เธอมองซ้ายมองขวาด้วยท่าทางเหมือนเด็ก“เดินเร็วๆสิพลอย พ่อรีบนะ”พิพัฒน์เองก็ตื่นเต้นไม่แพ้ลูกสาว เขาคิดถึงเมียรักจนสุดหัวใจ และหวังว่าลลิสาจะไม่โกรธเขา สองพ่อลูกนั่งรถแท็กซี่ไปตามเส้นทางที่เขาจำได้ดี“ตื่นเช้าจังเลยนะลูก หรือว่านอนไม่หลับอีก”มาดามริสาถามลูกสาวที่กำลังนั่งอยู่ในสวนดอกไม้“เจ้าตัวเล็กดิ้นแต่เช้าเลยค่ะคุณแม่”เธอยิ้มให้กับมารดาพร้อมกับใช้มือลูบหน้าท้องกลมโตนับตั้งแต่วันที่ลลิสากลับมาอยู่กับบิดามารดา เธอรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย ลึกๆในใจเธอเฝ้าแต่คิดถึงคนที่เป็นพ่อของลูกอยู่ตลอด เธอไม่ได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้บิดามารดาฟัง เธอบอกแค่ว่าพิพัฒน์ประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตก จนความจำเสื่อม และเขาต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลอีกนาน เธอจึงต้องกลับมาอยู่กับท่านทั้งสอง มิสเตอร์ฟรังโก้และมาดามริสาเข้าใจลูกสาวและลูกเขยเป็นอย่างดี “หลานชายของแม่คงจะแข็งแรงน่าดูเลย คริคริ ดีใจจังเลย จะได้เป็นคุณยายแล้ว”มาดามริสาทั้งตื่นเต้นและมีความสุข“
ตอนที่ 42 สำนึกผิด“ซาร่า! อย่าไป ซาร่ากลับมาก่อน!”(พรึ่บ)พิพัฒน์เอาแต่นอนละเมอ เรียกหาเมียรัก และสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก“อื๊อ...คุณอาละเมอหรือครับ”ภาคินเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงงัวเงีย เพราะเขาเองก็เพิ่งหลับไป และต้องตื่นตอนที่ได้ยินเสียงของพิพัฒน์“ซาร่า ซาร่าไปไหนแล้ว เมียของอาหายไปไหน ไปตามซาร่ามาหาอาหน่อยสิภีม”พิพัฒน์พยายามมองหาเมียรักของเขา ภาคินรีบลุกจากโซฟาเดินเข้ามาหาคุณอาของเขา“อาพัฒน์ว่าไงนะครับ”“ซาร่าไปไหน ทำไมไม่กลับมาหาอา เมียของอาไปไหน”“ใจเย็นๆนะครับคุณอา คุณอาจำผมได้แล้วใช่ไหมครับ”พิพัฒน์จ้องหน้าภาคินทันที“แกพูดอะไรของแกวะไอ้ภีม ทำไมอาจะจำไม่ได้ แกมันก็เป็นหลานชายของอาไง เมื่อก่อนแกก็ตามจีบเมียอา หมั่นไส้ ไอ้หลานบ้านี่”“ฮ่าๆๆ คนแก่จำได้แล้วโว้ย!”ภาคินหัวเราะดังลั่นห้อง“ว่าใครแก่วะ อายังไม่แก่นะเว้ย”“นั่งอยู่ตรงนี้นะครับ ผมจะไปตามคุณหมอ”ภาคินรีบเดินออกจากห้อง เพื่อไปตามแพทย์เจ้าของไข้แพทย์หนุ่มพูดคุยและตรวจอาการพิพัฒน์โดยละเอียด พิพัฒน์ตอบคำถามได้ทุกอย่าง แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะถามหาเมียรักของเขาอยู่แบบนั้น“คนไข้หายเป็นปกติแล้วนะครับ แต่เรื่องของแขนด้านซ้าย อย่าเ
ตอนที่ 41 ซาร่าจากไปพร้อมกับลูกในท้องพิพัฒน์เอาแต่นอนซึม เมื่อรู้ว่าลลิสาไปจากเขาแล้ว ทุกๆครั้งที่ตื่นมา เขาจะเจอเธออยู่ข้างๆตลอด แต่ตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว ผู้หญิงที่คอยดูแลเขา ผู้หญิงที่คอยป้อนข้าว คอยเช็ดตัว และคอยเอายาให้เขาทานทุกวัน “คุณพ่อเป็นยังไงบ้างคะพี่ภีม พลอยไม่ได้มาเยี่ยมสองวัน คุณพ่อดีขึ้นหรือเปล่า ”แพรพลอยเดินทางมาเยี่ยมบิดาของเธอในเช้าวันเสาร์ และก็เป็นเหมือนทุกครั้ง แอนนี่คอยติดตามเธอมาตลอด“ก็ตามที่เห็น ดูเอาสิ”ภาคินตอบกลับ แพรพลอยมองดูบิดาที่กำลังนอนหน้าเศร้าไม่สนใจใคร“คุณพ่อไม่สบายหรือเปล่าคะ ทำไมดูซึมๆ”เธอเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วยื่นมือไปแตะที่หน้าผากของบิดา“ตัวก็ไม่ร้อนนี่ แต่ทำไมถึงดูเหมือนคนเป็นไข้ล่ะ คุณหมอมาตรวจหรือยัง หมอบอกหรือเปล่าว่าคุณพ่อเป็นอะไร”เธอหันไปถามภาคินที่กำลังนั่งก้มหน้าเล่นมือถือ ที่ภาคินต้องทำแบบนั้น เพราะเขาไม่อยากจะใส่ใจแพรพลอยอีกแล้ว“หมอก็บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรนี่ สงสัยจะเป็นไข้ใจละมั้ง”“ไข้ใจอะไรกัน”“ก็ตั้งแต่ซาร่าไปจากที่นี่ คุณอาก็ไม่ยอมทานข้าว เอาแต่นอนซึมเหมือนที่เห็นนั่นแหละ”“ฮะ ยัยซาร่าไปแล้วเหรอ ไปไหน”แพรพลอยทำหน้าฉงน“ไปอิตาลีไ