“ใช่...ฉันสนใจให้เธอมาเป็นภรรยาของฉัน”
ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อถูกอีกฝ่ายยื่นข้อเสนอมา เธอทั้งตกใจ แปลกใจ และงุนงงกับคำพูดของภวินท์ที่ยื่นข้อเสนออยากให้เธอเป็นภรรยาเสียดื้อๆ ทั้งที่เธอกับเขาไม่เคยรู้จักกันมาก่อน หรือเรื่องนี้จะเป็นเรื่องโจ๊กแต่เจ้าของนัยน์ตาคม มาดขรึม กลับดูไม่มีแววพูดเล่นแต่อย่างใด
“หนูกับคุณเราไม่ได้รู้จักกันเลย ทำไมคุณถึงมาขอหนูแต่งงานด้วยค่ะ”
หญิงสาวเอ่ยถามอย่างใจเย็น เธออยากรู้เหตุผลว่าทำไมภวินท์ถึงพูดแบบนี้ เพราะสังเกตจากแววตาและสีหน้าของอีกฝ่ายดูจะไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเป็นแน่ ภวินท์เอามือเท้าแขนกับโต๊ะอย่างใจเย็นพร้อมกับทอดมองดวงตาหวานอย่างพินิจพิจารณา
“ก็เพราะว่าเธอมีคุณสมบัติน่ะสิ”
“คุณสมบัติ พูดเหมือนว่าจี้ผ่านการสมัครงานแล้วยังงั้น คุณบ้าหรือเปล่า...เที่ยวขอคนแปลกหน้ามาเป็นภรรยา ควรจะไปหาหมอเช็คสมองบ้างนะคะ”
คิ้วสวยเลิกขึ้นอย่างสงสัย ขณะที่ชายหนุ่มไม่พูดอะไรกลับเพียงแต่ยื่นนามบัตรของตัวเองให้เธอ จารวีรับกระดาษมากวาดตามอง ทันทีที่รู้ว่าเขาเป็นใครหญิงสาวถึงกับอ้าปากค้าง อ่านคร่าวๆ ว่าผู้ชายคนนี้เป็นถึงหมอเอกชนชื่อดัง อีกทั้งยังมีนามสกุลดังที่ไม่มีใครในประเทศไม่รู้จักอีกด้วย
“ฉันก็แค่เสนอทางเลือกให้กับเธอ ฉันรู้ว่าเธอฉลาดพอ ถ้ารับข้อเสนอของฉัน ชีวิตของเธอก็จะเปลี่ยนไปตลอดกาล ลองคิดดูนะจี้”
ชายหนุ่มพูดเกลี้ยกล่อม มองดูหญิงสาวตรงหน้า ขณะที่นัยน์ตากลมวูบหนึ่งมีท่าทีลังเลก่อนจะฉายแววแบ่งรับแบ่งสู้ คำพูดของหมอภวินท์ทำให้ภาพเหตุการณ์ที่ถูกฟ้าใสกลั่นแกล้งเข้ามาในหัวเธอ ไม่ใช่ว่าครั้งล่าสุดที่เธอถูกฝ่ายนั้นกลั่นแกล้งเสียเมื่อไร ตั้งแต่จำความได้เธอก็ต้องยอมฝ่ายนั้นมาโดยตลอด ด้วยเหตุผลที่ว่าเธอเป็นเพียงลูกเมียน้อย
จำได้ว่าครั้งหนึ่งย้อนกลับไปตอนที่จารวีอายุได้เพียงเก้าขวบ ตอนนั้นเธอไม่มีเพื่อนเล่นเลยสักคนเดียว ทำให้เธอใช้ตุ๊กตาหมีที่ชื่อแบร์เป็นเพื่อนเล่นเพื่อคลายเหงา เธอกับแบร์สนิทกันมากมีเรื่องอะไรจารวีก็จะเล่าให้แบร์ฟังตลอด และในวันนั้นที่จารวีเล่นกับแบร์อยู่ที่ชั้นพักบันไดบ้าน บังเอิญว่าฟ้าใสเข้ามาเห็นจารวีเล่นอยู่กับตุ๊กตาหมีเพียงคนเดียวก็คิดอยากแกล้งขึ้นมาโดยการเข้าไปแย่งแบร์จากมือ ขณะที่กำลังยื้อยุดฉุดกระชากตุ๊กตากันอีกฝ่ายเกิดพาดตกบันไดจนขาหัก นั่นแหละสาเหตุที่ทำให้จารวีต้องถูกพฤกษ์ลงโทษ พ่อของเธอไม่ยอมฟังเธอเลยด้วยซ้ำ วันนั้นเธอต้องนอนร้องไห้เสียใจไม่ใช่เพราะบาดแผลการถูกเฆี่ยนตียิ่งกว่าสัตว์ สิ่งที่เธอเสียใจมากที่สุดก็คือพ่อของเธอยังเอาตุ๊กตาหมีของเธอไปทิ้งเพื่อเป็นการลงโทษอีกด้วย เหตุการณ์นั่นแหละที่ทำให้เด็กน้อยคนนึงฝั่งใจมาโดยตลอด นับแต่นั้นจารวีก็หันมาตั้งใจเรียนและพยายามถีบตัวเองออกมาจากบ้านหลังนั้นให้เร็วที่สุด
“งั้นคุณก็เสนอมาสิคะ ถ้าน่าสนใจจี้อาจจะตอบตกลงก็ได้”
สะบัดหัวไล่ความคิดพร้อมกับคลี่ยิ้มหวานที่สุด คนไร้ที่พึ่งเมื่อมีคนหยิบยื่นโอกาสมาให้มีหรือจะไม่สนใจ
นั่นสินะ...การเป็นแม่ค้าออนไลน์กว่าจะทำงานจนมีชื่อเสียงสามารถที่จะตั้งตัวได้ก็ใช้ระยะเวลาอีกนานเลยทีเดียว สู้รวยทางลัดยอมแต่งงานกับผู้ชายตรงหน้าทำให้เป้าหมายของเธอสำเร็จอย่างรวดเร็วไม่ดีกว่าหรือ
“ผมจ้างคุณสามล้าน เล่นเป็นภรรยาผมหนึ่งปี เงินจะโอนเข้าบัญชีของคุณทันทีหลังจากตอบตกลง”
“แต่งค่ะ”
จารวีพูดสวนกลับอย่างไม่ลังเล ข้อเสนอก็แค่เล่นเป็นภรรยาของอีกฝ่ายใช่ไหม แค่นี้สบายมาก เมื่อแลกกับสิ่งที่เธอจะได้รับ
“แต่ว่านะ...ตั้งปีหนึ่งคุณจะไม่หลงเสน่ห์จี้เหรอคะ ไม่อยากหย่าขึ้นมาจี้ก็แย่สิ”
จารวีพูดทีเล่นทีจริงเพื่ออยากเปลี่ยนบรรยากาศตึงเครียดก็เพียงเท่านั้น แต่คำตอบที่ได้กลับทำให้ข้อตกลงนี้น่าสนใจขึ้นมา
“ไม่ต้องกลัวหรอกนะที่ฉันจะหลงเสน่ห์เธอ”
“....”
“ฉันน่ะ ไม่ชอบเด็กหรอกนะ โดยเฉพาะเด็กหิวเงินอย่างเธอ”
คุณหมอหนุ่มพูดเสียงเรียบก่อนจะยื่นบัตรเครดิตให้กับพนักงานเพื่อเช็กบิลค่าอาหารและเครื่องดื่ม
“หึ น่าสนุกจังเลยนะคะ อยากรู้ว่าพี่หมอเนี่ยจะทนเด็กหิวเงินอย่างจี้ได้สักกี่น้ำ เอ๊ะ...อย่าลืมข้อตกลงที่พูดเมื่อครู่ด้วยนะคะ พอดีจี้จำเป็นต้องรีบใช้เงิน”
พูดจบก็รีบลุกออกไปโดยไม่ลืมที่จะทิ้งห่างตาพร้อมกับคลี่ยิ้มหวาน เล่นเอาคนที่นั่งอยู่ถึงกับขมวดคิ้วมุ่นทันที
กลับมาถึงห้องเธอก็ทิ้งตัวลงนอนกับเตียง พลันคิดถึงเรื่องที่ร้านอาหารเมื่อครู่ จากที่เธอจะต้องเอาเงินห้าหมื่นไปคืนอีกฝ่าย กลับไปตกลงรับงานบ้าๆ ทั้งที่เจอกับเขาเป็นครั้งแรกอีกต่างหาก อยากจะเขกหัวตัวเองแรงๆ เสียจริง
แต่ถ้ามองในอีกมุมหนึ่งมันก็คืองานๆ หนึ่งที่ลูกค้าจ้างในเธอแสดงละครเป็นภรรยาตบตาคนอื่นเป็นเวลาหนึ่งปีแลกกับเงินก้อนโตที่เธอจะได้มันก็คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้มไม่ใช่หรือไง
จารวีลุกขึ้นจากเตียงน้องพร้อมกับเดินไปเอาโน้ตบุ๊กมาเปิดค้นหาประวัติชายหนุ่มที่พึ่งเจอกันเมื่อคู่ เพียงแค่กดแป้นพิมพ์ค้นหาในเว็บไซต์ไม่กี่ตัวอักษรรายชื่อของหมอภวินท์ก็เด้งขึ้นมาให้กดอัตโนมัติ ประวัติที่ยาวเป็นห่างว่าวอ่านคร่าวๆ ก็พอจับใจความได้ว่า ภวินท์ พิพัฒน์ชานนท์ เป็นลูกเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ อีกทั้งยังมีข่าวเกี่ยวกับพวกมาเฟียของประเทศจนกลายเป็นตระกูลที่ทรงอิทธิพลตระกูลหนึ่ง ใครจะเชื่อว่าคนมีชื่อเสียงขนาดนี้จะมาขอเธอแต่งงานได้ แค่คิดจารวีก็อยากจะยกเลิกงานนี้เสียแล้ว
“ทำอะไรลงไปเนี่ยจี้”
เกาหัวตัวเองแรงๆ เมื่ออ่านประวัติคร่าวๆ ของคุณหมอหนุ่ม
ติ๊ดๆๆๆ
เสียงข้อความดังขึ้นทำให้จารวีละความสนใจจากหน้าจอพร้อมกับคว้ามือถือขึ้นมาดู รู้สึกตกใจจนเผลออ้าปากค้าง จำนวนตัวเลขที่มากถึงเจ็ดหลักถูกโอนเข้ามาในบัญชีของจารวีตามข้อเสนอที่อีกฝ่ายได้ให้ไว้ เงินมากมายขนาดนี้จารวีไม่เคยพบเจอจนทำให้หญิงสาวมือไม้สั่นขึ้นมาเสียดื้อๆ ต่อมาข้อความของหมอภวินท์ก็ถูกส่งตามมา
‘เตรียมตัวซะ อีกสองวันจะมีคนพาเธอไปตัดชุด และอย่าคิดหนีล่ะ ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่’
นี่คำสั่งหรือคำขู่ เมื่ออ่านข้อความจบหญิงสาวถึงกับมองบน ไม่แปลกหรอกที่อีกฝ่ายจะส่งข้อความมาแบบนั้น สัญญาก็แค่ปากเปล่าไม่ได้ทำเป็นลายลักษณ์อักษร ถ้าเธอจะเชิดเงินก้อนนี้ก็ย่อมได้โดยไม่มีผิดกฎหมาย จารวีกดข้อความตอบกลับไปพร้อมกับโยนโทรศัพท์ลงบนที่นอนก่อนจะเดินไปหยิบผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำไป
‘รับทราบค่ะพี่หมอ’
พิมพ์ข้อความส่งกลับไป ไม่ลืมที่จะส่งสติ๊กเกอร์หมีกับกระต่ายจูบกันไปให้
“เป็นไรวะไอ้หมอ ทำหน้าเครียดเชียว”
เสียงเพลงดังกระหึ่มจากในร้านทำให้ปริมต้องตะโกนถามเพื่อนเมื่อหันมาเจอว่าหมอภวินท์กำลังตอบแชทใครบางคนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เปล่า”
พูดตอบปริมพร้อมกับยกแก้วสีน้ำอำพันขึ้นดื่ม สายตาเหลือบไปมองไมเคิลที่กำลังแลกจูบกับหญิงสาวอยู่โซฟาด้านในด้วยความเบื่อหน่าย มาประเทศไทยไม่ทันไรก็มีสาวๆ ตามติดกันเป็นพรวน หักอกสาวเป็นว่าเล่นสมดั่งที่ขึ้นชื่อว่าคาสโนว่าตัวพ่อ
“วันนี้น้องจี้โทรหามึงหรือเปล่า เห็นขอเบอร์มึงไป”
“อืม...โทรมาแล้ว และก็เจอกันวันนี้แล้ว”
หมอภวินท์พูดเสียงเรียบทำให้ปริมถึงกับแปลกใจว่าทำไมเพื่อนหนุ่มถึงยอมไปเจอกับเด็กสาวได้ง่ายนักร้อยวันพันปีคลุกอยู่แต่ห้องผ่าตัด
“เป็นไงน้องมันน่ารักใช่ไหมล่ะ เหมือนที่กูพูดไหม” เลิกคิ้วเอ่ยถามเพื่อนรัก รู้อยู่แล้วว่าคนอย่างจารวีไม่ใช่สเปกของหมอวินเลย
“หึ งั้นๆ
“คนปากแข็งตอบ
“เอ่อกูจะคอยดูไอ้พวกที่บอกว่าไม่ชอบเด็กอย่างนู้นเด็กอย่างนี้ ระหว่างเกลียดสิ่งไหนได้สิ่งนั้นนะเว้ย”
ปริมเอ่ยแซวเพื่อนพร้อมกับระเบิดออกมาเสียงดัง ใบหน้าหล่อเริ่มมีสีแดงระเรื่อตรงแก้มเพราะดื่มรอภวินท์ไปก่อนตั้งหนึ่งชั่วโมง
“ไม่มีทาง ยังไงซะแม่ของลูกกูต้องเป็นผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่กว่า ไม่ใช่เด็กเห็นแก่เงินเหมือนเด็กคนนั้น”
“ที่มึงพูดหมายถึงน้องจี้น่ะเหรอ”
“ใช่ เด็กมึงคนนั้นไง แค่กูเสนอให้มาเล่นเป็นเมียกูปีนึงก็ตอบตกลงทันที เด็กอะไรหิวเงินฉิบหาย”
“ไอ้เพื่อนเวร กูก็นึกว่าแผนที่มึงพูดเรื่องที่จะหาคนมาเป็นเมียตบตาแม่มึง สรุปมึงไปชวนน้องจี้เขามาทำงานนี้เหรอวะ”
ปริมพอจะรู้เรื่องที่แม่ของภวินท์คะยั้นคะยอให้เขาแต่งงานมาจากปากของไมเคิล
“เอ่อ แล้วเด็กคนนั้นก็ตอบตกลงกูมาแล้ว มึงรอเตรียมเงินใส่ซองให้กูได้เลย”
“บอกว่าไม่ชอบเด็ก แต่เสือกจ้างเด็กให้มาเป็นเมีย กูนับถือมึงจริงๆ”
ปริมพูดพร้อมส่ายหัว ในเมื่อทั้งสองคนตกลงเต็มใจทำสัญญากันเองเขาก็ไม่ขัด
“ก็เพราะกูรู้ไงว่ายังไงกูก็ไม่มีวันชอบเด็กคนนั้นอย่างแน่นอน”
ภวินท์พูดอย่างมั่นใจพร้อมกับเอาลิ้นดันกระพุ้มแก้ม พลันคิดถึงหน้าคนที่พึ่งจากมาไม่กี่ชั่วโมง
“เอ่อ กูจะคอยดูครับไอ้หมอ”