Share

บทที่ 25

Author: Me.Daisy
last update Last Updated: 2025-02-17 18:51:26

              เสียงเคาะประตูทำให้ผอ.วัยกลางคนรู้สึกตัว  ปริญเดินเข้าไปยังห้องทำงานของผู้อำนวยการดนุเดช  ข้างในมีโต๊ะทำงานพร้อมคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ปิดการใช้งาน  ส่วนเจ้าของเครื่องนั่งจิบกาแฟอยู่ที่โต๊ะรับแขก  เขาดูใจเย็นผิดกับปริญที่เหงื่อออกตามฝ่ามือ  ตื่นเต้นกับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น

              "เชิญนั่งก่อนครับคุณปริญ"  ดนุเดชเชิญชวนให้นั่ง         ไม่นานเลขาหน้าห้องก็นำกาแฟมาเสิร์ฟ  "นอกจากญาติๆแล้ว    ผมยังไม่เคยเจอใครที่ใช้เวทมนตร์ได้เลย  บางทีผมน่าจะก่อตั้งสมาคมคนใช้เวทมนตร์ดูบ้างนะครับ"

              "ผมคิดว่าผอ.ไม่น่าจะใช่พวกที่หลงใหลในเวทมนตร์   แต่ใช้เวทมนตร์เพราะความจำเป็นมากกว่า"  ปริญตอบอย่างเฉียบแหลม

              "ครับ  การรักษาคนถือเป็นความจำเป็นอย่างยิ่ง   แต่บางครั้งผมก็ต้องการที่ปรึกษาเหมือนกัน"  ดนุเดชตอบ  "เพียงแต่ว่าถ้ามีคนรู้แล้ว  ความลับก็ไม่ใช่ความลับอีกต่อไป  แถมเดิมพันของผมก็คือโรงพยาบาลทั้งโรงพยาบาล"

              "แล้วจะดีหรือครับที่ให้ผมมาเข้าร่วมด้วย"  ปริญถาม  ขยับคอที่เริ่มเกร็ง

              "ดีสิครับ  อย่างน้อยพลังของคนรุ่นใหม่  ก็น่าทึ่งเสมอในสายตาผม"  ดนุเดชยิ้ม 

              "พอจะบอกเหตุผลได้ไหม  ว่าทำไมคุณถึงสร้างเครือข่ายในฝันขึ้นมา"  ปริญซัก

              "เหตุผลของผมคือการรักษาครับ  ถ้าปล่อยให้เจอความเสี่ยงระหว่างเป็นหรือตาย  สู้ให้รอดร้อยเปอร์เซ็นต์  แต่มาหาทางปลุกกันทีหลังดีกว่าเยอะเลย"  ดนุเดชตอบแล้วเติมคำพูดที่ทำให้ตัวเองดูดี  "แต่ผมจะใช้กับคนไข้ที่มีความสุ่มเสี่ยงจะเสียชีวิตในระหว่างการผ่าตัดเท่านั้น"

              "โดยที่ไม่ขอความเห็นจากญาติ"  ปริญแทรกอย่างมีน้ำโหขึ้นมา

              "ผมทำหน้าที่อย่างดีที่สุดในฐานะหมอ  ผมไม่สนใจว่าใครจะตราหน้าผมว่าเป็นยังไง  กว่าพันชีวิตที่ผมช่วยไว้  ถึงแม้จะยังไม่ตื่น  แต่ก็ดีกว่าปล่อยให้ตายไม่ใช่เหรอครับ"  ดนุเดชย้อน  พิงพนักพลางถอนหายใจ  การชักจูงไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอ  ยิ่งกับคนที่มีคำตอบในใจแล้ว

              "เอาเถอะครับ  ไม่ว่าเหตุผลของคุณหมอจะยิ่งใหญ่แค่ไหน  ผมก็หวังแค่ว่าคนรักผมจะฟื้นขึ้นมาเท่านั้น"  ปริญโบกไม้โบกมือ  เลิกใส่ใจอีก  "ตอนนี้เรามาเชื่อมต่อหามนได้หรือยังครับ  ตามที่ผอ.สัญญาไงครับ"

              "ได้สิครับ"  ดนุเดชเดินไปล็อคประตูห้อง  ก่อนกลับมานั่งบนโซฟาตัวโปรด  เขายกสองมือขึ้น  หันฝ่ามือเข้าหากัน  เว้นระยะให้ตรงกลางมีที่ว่างพอสำหรับพลังก้อนใหญ่  ความร้อนในห้องเพิ่มสูงขึ้นจนปริญเหงื่อออก  ร่างของมนสิชาปรากฏขึ้นลางๆด้านข้างปริญ  เธอดูเด็กลงและสวมชุดนักเรียน

              "เกิดอะไรขึ้น"  มนสิชาถามเมื่อเห็นปริญนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นในบ้านชูครีม  ชูครีมและปุยฝ้ายก็มองเห็นชายหนุ่มหน้าตาดีเช่นเดียวกัน

              "นี่พี่เองนะมน  พี่ขอให้..โทษที..นักเวทคนหนึ่งติดต่อมน"  ปริญตะกุกตะกักเพราะตกลงกันแล้วว่าจะไม่เปิดเผยว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

              "พี่ปริญตัวจริงหรือคะ  ตัวจริงหรือคะ"  เธอน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว  เอามือไปจับหน้าเขา  แต่จับได้เพียงอากาศ  "พี่ปริญติดต่อพวกเราได้ไงคะ"

              "พี่ใช้เวทมนตร์จ้ะ"  ปริญตอบ  ยิ้มออกเป็นครั้งแรกตั้งแต่เธอประสบอุบัติเหตุ

              "หรือว่าคนที่ติดต่อพวกเราให้คือผู้สร้าง"  มนสิชานึกขึ้นได้  ปุยฝ้ายและชูครีมตาโตกับคำถามนั้น

              ดนุเดชพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับ

              "ใช่  เขาบอกว่าเขาเป็นคนสร้างเมืองนิทราขึ้นมา"

              "บอกเขาให้ช่วยพวกเราด้วยนะคะ  พวกเราอยากตื่นขึ้น"  มนสิชาแสดงความอ่อนแอที่แทบไม่มีใครเห็นออกมา  "พวกเราคิดถึงครอบครัว  พวกเราลำบากกันมาก  ถ้าเป็นไปได้ก็ช่วยพวกเราด้วย"

              "จ้ะ  พี่สัญญาว่าพี่จะหาทางช่วยมนให้ได้"  ปริญตอบน้ำตาซึม

              "พ่อกับกุมภาเป็นยังไงบ้างคะ  ลำบากกันมากไหม"  มนสิชาถามถึงคนในครอบครัวของเธอ

              "ทั้งสองคนสบายดี  มนไม่ต้องเป็นห่วง  พี่จะดูแลพวกเขาแทนมนเองนะ"

              "ค่ะ"  มนสิชาตอบได้แค่นั้น  แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาอีก  "ตอนนี้พวกเราก็กำลังสืบวิธีที่ทำให้ตื่นขึ้นมานะคะ  เราหารายชื่อคนที่เคยตื่นจากฝันมาได้  กำลังถามพวกเขาว่าพอจะมีเบาะแสอะไรบ้างไหม"

              "ดีเลยจ้ะ  ทางนี้เองก็จะทดลองอะไรหลายๆอย่าง  เพื่อทำให้ทุกคนตื่นขึ้นมาให้ได้นะ"  ปริญตอบ 

              "พอจะเป็นไปได้ไหม  ที่ให้เพื่อนของมนได้เจอญาติๆของเขาบ้าง"  มนสิชาถามเมื่อเห็นหน้าปุยฝ้ายและชูครีม แต่ดนุเดชส่ายหน้า

              "อาจไม่ใช้เวลาที่เหมาะนัก  เพราะเราพยายามทำเรื่องนี้กันเงียบๆ  ยิ่งคนรู้เรื่องที่เราใช้เวทมนตร์ยิ่งน้อยก็ยิ่งดีครับ"  ปริญตอบ  เขาอยากเล่าทุกอย่างให้มนสิชาฟัง  ว่าตอนนี้พ่อเธอเริ่มไม่สบายเพราะทำงานหนัก  ส่วนน้องเธอกำลังลำบากเรื่องค่าเทอม  แต่เขาไม่อยากให้เธอเป็นห่วงไปมากกว่านี้

              "ตอนนี้กุมภากำลังลำบากเรื่องหาค่าเทอมใช่ไหมคะ"  ราวกับอ่านใจได้  มนสิชาถามออกมา

              "ไม่นะครับ  กุมภาได้ทุนการศึกษา  แล้วเธอก็ตัดสินใจกู้เงินเรียนด้วย"  ปริญโกหกให้เธอสบายใจ  "จะลำบากบ้างก็ตอนมาเยี่ยมมนเท่านั้นเอง  โรงพยาบาลอยู่ไกลบ้านนี่ครับ"

              มนสิชารู้ดีว่าเขาโกหก  เธอจำได้ว่ากุมภาบอกว่าเกรดเฉลี่ยของเธอไม่ดีพอจะได้รับทุนการศึกษา  และเงินกู้เรียนก็น้อยจนแทบไม่พอใช้  มนสิชาแกล้งทำเป็นไม่รู้เพื่อทำให้อีกฝ่ายคิดว่าเธอสบายใจแล้ว

              "พี่ปริญ"

              "ครับ"

              "มนคิดถึงพี่ปริญนะคะ"

              "ครับ"

              "อย่าลืมกินข้าวด้วยนะคะ"

              "ครับ"

              "หาเวลาพักผ่อนบ้างนะคะ"

              "ครับ"

              "ถ้ารอไม่ไหว  มนก็เข้าใจนะคะ"

              "ครับ"

              ทั้งสองคนน้ำตาไหลออกมาพร้อมกัน  ปริญพยักหน้าให้ดนุเดช  เพื่อให้เขาคลายมนต์  ส่วนมนสิชาถูกปุยฝ้ายและชูครีมกอดแน่น

             ปริญเดินทางไปยังโรงแรมแห่งหนึ่งใจกลางเมือง            ตัวอาคารสูงกว่าสามสิบชั้น  ดนุเดชแนะนำให้เขามาที่นี่เพื่อเริ่มสืบเรื่องการตื่น  แม้ว่าดนุเดชจะมาที่นี่แล้วหลายครั้งก็ตาม  แต่เขายังหาสิ่งที่ต้องการไม่เจอ  เขาหวังว่าปริญจะหาสิ่งที่เขาไม่เจอได้ 

              ปริญก้มลงมองกระดาษจดในมือ  เขาต้องไปห้องหนึ่งหกหนึ่งแปด  หมายถึงชั้นสิบหกห้องสิบแปด  ปริญกดลิฟท์อย่างคล่องแคล่ว  อ้าปากหลายครั้งเพื่อให้หายหูอื้อ  ลิฟท์เปิดพร้อมเสียงดังกริ๊ง  ข้างหน้าเขาเป็นทางเดินยาวเหยียด  เขาเลี้ยวขวาตามป้าย  กลิ่นน้ำยาปรับอากาศฉุนขึ้นจมูก  พรมนิ่มทำให้เขาผ่อนคลาย  เดินมาจนสุดทางก็เจอการตกแต่งผนังทรงโดมมีหมายเลขเรียงหน้าประตู หนึ่งหก  หนึ่งเจ็ด  และหนึ่งแปด 

              เขาเปิดประตูเข้าไปห้องหนึ่งหกหนึ่งแปด  ข้างในมีเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลทรงสี่เหลี่ยมที่ใช้กันอย่างแพร่หลายเมื่อยี่สิบปีก่อน  เครื่องใช้เวลาประมวลผลอยู่นานกว่าจะเปิดสำเร็จ     มีโปรแกรมเพียงโปรแกรมเดียวที่ใช้ได้ในเครื่อง  ดูเหมือนจะเป็นโปรแกรมค้นหาหนังสือในห้องสมุด  เขาพิมพ์คำว่าการรักษาด้วยเวทมนตร์  เว้นวรรค  เจ้าหญิงนิทรา  มีเสียงเครื่องจักรเคลื่อนที่ดังมาจากกำแพง  จากนั้นก็มีช่องเปิดออกเป็นรูปหอยทาก  หนังสือสามเล่มวางอยู่ในช่องนั้น  เขาหยิบออกมาอย่างงงๆ  พลิกอ่านชื่อหนังสืออย่างเอาเป็นเอาตาย  มีหนังสือชื่อเวทมนตร์โบราณในการรักษา,  วิธีถอนคำสาปทุกแขนง,  คู่มือรักษาโรคทุกชนิด  เล่มสิบเก้า  เมื่อเขาหยิบหนังสือสามเล่มแล้ว  จากนั้นตู้หนังสือก็ปรากฎหนังสือนับร้อยออกมาให้เขาเห็น 

              ปริญเปิดหนังสือเวทมนตร์โบราณในการรักษาออกอ่าน

              "เวทมนตร์โบราณมักใช้หินจากดวงจันทร์มาทำพิธี  พร้อมร่ายคาถาเป็นเสียงสูงต่ำเหมือนเสียงดนตรี  สามารถรักษาโรคที่การแพทย์ยังทำไม่ได้  เช่น  การคลายความปวด  การวางยานอนหลับ  และการรักษาอวัยวะภายใน  เป็นต้น"

ปริญแปลกใจกับเนื้อหา  จึงพลิกดูปีที่พิมพ์  ปรากฏว่าเป็นของเมื่อยี่สิบแปดปีก่อน

              "เวทมนตร์รักษาชีวิตคนไข้ไว้ในฝันนานเท่าไหร่ก็ได้  จนกว่าบาดแผลจะหายสนิท"  ปริญอ่านออกเสียง  ก่อนพูดกับตัวเอง  "นี่แทนยาสลบที่ว่าน่ะเหรอ"

              "วิธีปลุกคนไข้คือ..."  เขาค้างไว้แค่นั้นเพราะหน้ากระดาษถูกฉีกออก  ตรงรอยฉีกเป็นสีเหลืองกรอบ  แสดงว่าเป็นรอยที่เกิดขึ้นมานานแล้ว

              ต่อไปชายหนุ่มหยิบหนังสือวิธีถอนคำสาปทุกแขนงออกมาอ่านต่อ

              "คำสาปคือคาถาที่ผู้ถูกร่ายไม่พึงปรารถนา  แบ่งออกเป็นสองชนิดคือ  คำสาปที่แก้ได้โดยย้อนกลับคาถา  และคำสาปที่แก้โดยการย้อนกลับไม่ได้  ปัจจุบันคำสาปที่ใช้คาถาย้อนกลับไม่ได้  ถูกสมาพันธ์เวทมนตร์สั่งห้ามใช้ห้ามเรียนโดยเด็ดขาด  จึงไม่มีคนคิดค้นคำสาปประเภทหลังอีกต่อไป"

              ปริญถอนหายใจ  หนังสืออีกเล่มก็ไม่มีข้อมูลที่น่าสนใจอีก  เขาพิมพ์ข้อความลงในคอมพิวเตอร์อีก  นักเวทวิชาการในประเทศไทย  เขาหยิบหนังสือออกจากช่องเปลือกหอยทาก  แล้วหยิบหนังสือออกมา  ไม่ช้าก็เอ่ยว่า

              "นั่นไง  ไหนบอกไม่มีนักวิจัยคำสาป"  ปริญจดเบอร์โทรศัพท์มือถือก่อนวางหนังสือทั้งหมดกลับในช่อง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เมืองนิทรา   บทที่ 33 (ตอนจบ)

    หลังจากนั้นอีกหนึ่งเดือน ปุยฝ้ายไปเยี่ยมดนุเดชที่เรือนจำ พวกเขานั่งโต๊ะที่จัดไว้สำหรับให้ญาติมาเยี่ยม ดนุเดชดูโทรมไปถนัดตา ขอบตาดำคล้ำอย่างคนนอนไม่หลับ เขาสวมเสื้อสีน้ำตาล หมดแววคุณหมอไฮโซที่ปุยฝ้ายเคยรู้จัก "พ่อทานข้าวบ้างหรือเปล่าคะ" ปุยฝ้ายพยายามยิ้มให้พ่อ แต่ทำไม่ได้เลย "กินได้บ้างแล้ว" ดนุเดชตอบคอแห้งเป็นผง "เจ้าหน้าที่เขาเข้ามาคุยกับหนูเมื่อวาน บอกข่าวว่าศาลจะทำอะไรกับพวกเราบ้าง" ปุยฝ้ายจั่วหัวไปเท่านั้น ดนุเดชดูไม่สนใจฟังว่าคนอื่นจะทำยังไงกับตน "พ่อต้องได้รับโทษตามกฎหมายค่ะ คนไข้คนอื่นเขาจะไม่เรียกค่าเสียหาย แต่จะไม่มีใครยอมจ่ายค่ารักษาพยาบาล พวกทีมบริหารบอกผ่านคุณย่ามาว่าโรงพยาบาลของเราจะล้มละลาย คุณย่าจะมาจัดการเรื่องขายโรงพยาบาลให้ คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ" ดนุเดชดูเหม่อลอย ไม่ตอบอะไร "แน่นอนว่าคุณพ่อต้องติดคุก แล้วพวกเราจะโดนฉีดยาสลายเวทมนตร์ ไม่เฉพาะเราสองคน แต่เป็นคนใช้เวทมนตร์ทั้งประเทศจะโดนเหมือนกันหมด" ปุยฝ้ายถอนหายใจ "ปกติเราก็ไม่ได้ใช้เวทมนตร์กันอยู่แล้ว เรื่

  • เมืองนิทรา   บทที่ 32

    ดนุเดชเดินกลับไปกลับมาในห้องทำงาน ผู้ถือหุ้น คนไข้ รวมทั้งลูกสาวกดดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่างกับการประท้วงที่หน้าโรงพยาบาล นักข่าวเริ่มมาทำข่าวกันแล้ว เวทมนตร์เป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนไทยในเวลานี้ พวกเขามองว่าคนใช้เวทมนตร์เป็นคนไม่ดี แต่สำหรับเขาเวทมนตร์หรืออะไรก็แล้วแต่เป็นสิ่งที่เขาจะทุ่มเทให้ได้เพื่อให้ลูกสาวฟื้นขึ้นมา คำสาปทิ้งร่องรอยไว้ให้ผู้ร่ายคำสาปเสมอ ดนุเดชร่ายเวทมนตร์เก่าแก่อีกครั้ง ตอนนี้เป็นเวลาห้าทุ่ม คนไข้ทุกคนเข้านอนกันหมดแล้ว ดังนั้นตอนนี้ทุกคนกำลังฝัน และฝันก็คือร่องรอยของแต่ละคนที่เขาสามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดายที่สุด เขาสาปอีกครั้ง เป็นคำสาปที่ไม่รุนแรงนัก มีผลแค่ทำให้คนไข้ทั้งหนึ่งพันกว่าคนฝันร้าย มนสิชาเป็นหนึ่งในผู้ต้องคำสาป เธอเห็นดวงตะวันถูกเมฆบังจนมืดสนิท ยมบาลตัวสีแดงถือไม้ตะบองที่มีหนามแหลมทั่วทั้งอันมาด้วย เขาร้องเสียงดุร้าย "หยุดก่อน!" มนสิชาวิ่งหนี ชายตัวแดงวิ่งตามเธอมาเพียงสามก้าวก็ถึงตัวเธอ เขาใช้ไม้ตะบองตีหัวเธอ หนามแหลมทะลุเข้าไปในสมอง มนสิชาร้

  • เมืองนิทรา   บทที่ 31

    มนสิชาลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ เธอเห็นเพดานสีขาวที่ไม่คุ้นเคย ผ้าห่มอุ่นห่มให้เธอถึงอก มองไปรอบๆห้องก็พบว่าที่นี่เป็นห้องพักในโรงพยาบาล กุมภากำลังนอนหลับอยู่ที่โซฟาใกล้ๆ น้องสาวกรนเบาๆ "กุมภา" มนสิชาเรียกน้องสาวเสียงแหบ กุมภาคิดว่าฝันไปจึงหลับต่อ แต่เมื่อคิดอีกทีว่าเธออยู่กับพี่สาวตามลำพังจึงเปิดตาขึ้นมอง เห็นมนสิชายันตัวลุกขึ้นนั่ง หน้าขาวซีด "พี่มน!" กุมภาเด้งตัวลุกมาหาพี่สาว "พี่มนๆๆ" "จ้ะ พี่เอง" มนสิชายิ้มให้ รู้สึกตัวหนักไปหมด คอก็แห้งผาด "ขอ..น้ำ" กุมภารินน้ำให้พี่สาว มนสิชาดื่มอย่างกระหาย เสียงเธอกลับมาสดชื่นขึ้นเล็กน้อย "พี่รู้ไหมว่าหนูลำบากมากแค่ไหนตอนพี่ไม่ได้สติ ต้องช่วยพ่อทำงาน ต้องมาเฝ้าพี่ และทำงานพิเศษด้วย พวกเรายังไม่รู้เลยว่าจะหาค่ารักษาที่ไหนมาจ่ายให้พี่" กุมภาบอกความในใจทั้งหมดกับพี่สาว มนสิชาคิดอยู่แล้วว่าเรื่องจริงต้องร้ายแรงกว่าที่คุยกับปริญ มนสิชาพยายามจะตอบ แต่ไม่มีเสียงเล็ดรอดออกมา "...โทษ ขอโทษ" เธอจึงร้องไห้ออกมาแทน

  • เมืองนิทรา   บทที่ 30

    สุกฤตเดินเล่นกับเทพทัตในสนามหญ้าของโรงเรียนทิศเหนือ พวกเขายิ้มให้กับนักเรียนที่เดินเข้ามาทักทาย ทั้งสองคนไม่ค่อยจะได้คุยกันมากนักเพราะสุกฤตค่อนข้างเก็บตัว แต่เขาก็แสดงให้เห็นว่าตัวเองเปลี่ยนไปหลังจากที่เทพทัตรับตำแหน่งประธานนักเรียน "ผมอยากให้คุณเทพทัตผลิตเงินให้เยอะขึ้นครับ บอกตามตรงว่าชนชั้นแรงงานไร้ฝีมือค่อนข้างเยอะ แล้วพวกเขาก็ประท้วงกันบ่อยครั้งว่าอยากได้เงินเยอะขึ้น" สุกฤตปรึกษาปัญหาที่เกิดขึ้น "ถ้าผมทำอย่างนั้น เงินจะมีค่าน้อยลง ของทุกอย่างจะแพงขึ้นนะครับ" เทพทัตอธิบายเศรษฐศาสตร์แบบง่ายๆ "แค่ให้คนรู้สึกว่ามีเงินในมือเยอะขึ้น เท่านั้นก็พอแล้วครับ พวกเราก็ค่อยโทษว่าพ่อค้าแม่ค้าขายของกันแพง จนทำให้พวกเขาซื้อของได้น้อยลง แต่ข้อดีคือพวกอสังหาริมทรัพย์ก็จะแพงขึ้นด้วย แต่ละทิศที่ก่อสร้างบ้านขึ้นมาก็จะได้ประโยชน์จากตรงนี้ แถมค่าเช่าก็จะขึ้นได้อีก" สุกฤตเอ่ย "นั่นสินะครับ" เทพทัตหัวเราะอย่างพอใจ "ผมไม่นึกว่าคุณสุกฤตจะมีหัวการค้าขนาดนี้" "ผมเองก็มักจะใช้เวลาใคร่ครวญสิ่งต่างๆเสมอ มันคงเป

  • เมืองนิทรา   บทที่ 29

    ย่านการค้าทิศตะวันออกกลับมาคึกคักอีกครั้ง มนสิชาได้โอกาสเดินไปคุยกับแม่ค้าแอปเปิ้ลที่นั่งอยู่ เธอเป็นหญิงร่างท้วมตัวสูง หน้าตาซีเรียส มนสิชาแอบคิดว่าแผงของเธอคงไม่ต้องการใครมาปกป้อง เพราะเธอท่าทางจะปกป้องตัวเองได้แน่ๆ "ลูกละสิบห้าบาทจ้า กรอบหวานทุกลูกเลยนะ" แม่ค้าเอ่ย "เรามาถามเรื่องคนที่ชื่อโอ๊ตน่ะคะ" ปุยฝ้ายถามแทน ชูครีมเดินตามมาทีหลัง เพราะถือของกินพะรุงพะรัง "เขาตื่นไปนานแล้วนี่" แม่ค้าสาวบอก ดูแปลกใจที่มีคนมาถามเรื่องโอ๊ต "ค่ะ เพราะเขาตื่นแล้ว เราเลยอยากได้ข้อมูลของเขาไงคะ" มนสิชาบอก "แล้วแม่ค้าก็เป็นคนเดียวที่รู้เรื่องโอ๊ตด้วย" "ฉันเองก็รู้อะไรไม่มากหรอกค่ะ รู้แค่ว่าก่อนมาที่นี่เขากระโดดให้รถชน พอรู้ตัวอีกทีก็ติดอยู่ในความฝันแล้ว เขาเป็นคนที่ไม่มีอนาคตและไม่นึกถึงอดีต เขาพอใจที่สามารถเริ่มต้นชีวิตในความฝันใหม่ได้ เคยมาคุยกับฉันว่าจะไม่ตามหาวิธีตื่น แต่แค่สามวันที่เขามาอยู่ที่นี่ เขาก็ตื่นขึ้นค่ะ" ทั้งสามคนเงียบฉี่ ต่างคนต่างนึกว่าต้องถามอะไรอีก แต่

  • เมืองนิทรา   บทที่ 28

    วันเลือกตั้งใกล้เข้ามาทุกที นักเรียนทุกคนรอการหาเสียงจากแต่ละทิศอย่างตื่นเต้น เริ่มต้นจากทิศใต้ที่เน้นการศึกษา พวกเขารู้ดีว่านักเรียนที่อยู่ในโรงเรียนปัจจุบันเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการศึกษาอยู่แล้ว ขณะเดียวกันนักเรียนทุกคนก็รู้ว่าหากอยากเรียนมากๆให้ไปทิศใต้ ดังนั้นจึงไม่สามารถตามหานักเรียนที่สนใจการศึกษาได้มากไปกว่านี้ สุกฤตจึงใช้เรื่องอื่นจูงใจนักเรียนแทน เขาสั่งให้อัศวินลอบไปทิศอื่นเพื่อปิดป้ายประกาศเสนอคูปองกินฟรีตลอดหนึ่งเดือนสำหรับนักเรียนใหม่ เพียงย้ายที่อยู่ไปในทิศใต้ก่อนวันเลือกตั้งเท่านั้น นักเรียนชายร่างท้วมเดินไปดูป้ายอย่างสนใจ พลางกอดคอเพื่อนหุ่นพอๆกับเขาไปด้วย พวกเขาอยู่ทิศตะวันออก ที่นี่ช่างสดใสเมื่อได้ปรับปรุงที่อยู่ใหม่ ส่วนคนที่ย้ายไปก็เริ่มกลับมาบ้างแล้ว "สมุทร นายว่าเราย้ายโรงเรียนกันสักเดือนดีไหม" ลำธารเพื่อนรักเอ่ยให้ฟังด้วยแผนการ "นายหมายถึง ย้ายไปเพื่อรับอาหารฟรีงั้นเหรอ" สมุทรหัวเราะในลำคอ "ก็ไม่มีใครตามมาบังคับให้เราต้องอยู่ที่นั่นตลอดไปนี่นา แถมพวกเรายังเป็นแรงงานไร้ฝีมื

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status