“สามีขา ภรรยากลับมาแล้วววว!!”
พรู๊ดดดด!! แค่ก! แค่ก!
เสียงหวานใสค่อนไปทางออดอ้อนที่ดังมาจากทางประตูบ้านทำเอาชายหนุ่มที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่ถึงกับไอสำลักน้ำหน้าดำหน้าแดง
“คุณ! ดีขึ้นไหมคะ?”จางซิ่วอิงเข้ามาในห้องนอนทันได้เห็นสามีทีกำลังไอสำลักอย่างหนักก็ตรงเข้าไปลูบแผ่นหลังของเขาทันที
“แค่ก! แค่ก! แค่ก!! อืมม ผมดีขึ้นแล้ว”แม้จะยังคงไออยู่บ้างแต่ก็ดีกว่าตอนแรก พลันหันมองใบหน้าภรรยาที่ยืนทำหน้าตาใสซื่อราวกับไม่รู้เลยว่าเมื่อครู่พูดอะไรออกมา
“คุณมองหน้าฉันแบบนี้คือ?”
หยางซีห่าวถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน นี่ภรรยาคงไม่รู้จริง ๆ สินะว่าคำพูดของเธอทำให้สามีสำลักน้ำเกือบตาย ช่างน่าจับมาตีก้นจริง ๆ
“ช่างเถอะ เรียบร้อยดีหรือเปล่าครับ?”ถึงอย่างนั้นก็ยังคงถามถึงเรื่องวุ่นวายของวันนี้ด้วยความเป็นห่วงอยู่ดี
หญิงสาวฉีกยิ้มกว้างจนตาหยี พลางเชิดหน้าขึ้น เสียงใสตอบกลับไปอย่างภาคภูมิใจโดยไม่ลืมถามกลับไปเช่นกัน
“แน่นอนสิคะ ว่าแต่คุณหิวหรือเปล่า?”
“นิดหน่อยครับ รอทานมื้อเย็นทีเดียวก็ได้”เมื่อภรรยาถามสามีที่ซื่อสัตย์อย่างหยางซีห่าวจึงตอบออกไปตามตรง แต่เขาสามารถอดทนรอมื้อเย็นได้ ภรรยาไม่จำเป็นต้องรีบร้อนทำอาหาร ตั้งแต่ตื่นนอนหญิงสาววิ่งวุ่นแทบไม่ได้หยุดพัก เห็นเธอกลับมาเหนื่อย ๆ ก็อยากให้พักสักหน่อย
อีกอย่างการทานอาหารสามมื้อสำหรับชนบทออกจะเป็นเรื่องที่ชาวบ้านทั่วไปมองว่าฟุ่มเฟือยด้วยซ้ำไป ตั้งแต่เด็กจนโตหยางซีห่าวล้วนผ่านการอดอาหารมานับครั้งไม่ถ้วน ดื่มน้ำในลำธารประทังความหิวเขาก็เคยทำมาแล้ว ตอนนี้หากจะอดทนรออีกสักเล็กน้อยจะเป็นอะไรไป
แต่เหมือนคนเป็นภรรยาจะไม่ได้สนใจฟังคำพูดของเขาเท่าที่ควร ราวกับว่าร่างบางนั้นไม่ได้คิดตามในสิ่งที่สามีอย่างเขาต้องการจะสื่อด้วยซ้ำไป
“ฉันไปหาอะไรให้คุณทานดีกว่า เดี๋ยวฉันมานะคะ ฟอดดด!!”แค่คิดถึงผลไม้สดในมิติดวงตาคู่เรียวพลันสว่างวาบขึ้นมาทันที เห็นทีต้องไปปอกผลไม้เป็นของว่างมื้อบ่ายให้สามีสักหน่อย แต่ก่อนจะออกไปปอกผลไม้หญิงสาวบุคลิกขี้เล่นไม่ลืมฝังจมูกลงบนแก้มสากของสามีสักฟอดใหญ่ ๆ ก่อนไป
“นี่ภรรยา!! คุณลวนลามอีกผมแล้ว!!”เสียงทุ้มร้องท้วงขึ้นมาแทบจะทันที แต่ก็ไม่ทันคนเป็นภรรยาที่หัวเราะร่าวิ่งออกจากห้องไปก่อนแล้ว ทว่าสัมผัสของปลายจมูกเชิดรั้นยังคงตราตรึงอยู่แก้มขวา พอนึกได้ว่าภรรยาแสดงความรักกับเขาเป็นครั้งที่สองริมฝีปากหยักก็ปรากฎรอยยิ้มราวกับคนโง่งมก็ไม่ปาน
กลับบ้านมาคราวนี้ภรรยาของเขานั้นเปลี่ยนไปจนแทบเป็นคนละคน หากเป็นเมื่อก่อนอย่าว่าแต่การแสดงความรักเลย แค่การแสดงความรู้สึกผ่านสีหน้ายังแทบนับครั้งได้ เพราะจางซิ่วอิงคนก่อนนั้นทั้งเฉยชาราวกับไร้ความรู้สึก ในบางครั้งเขายังสงสัยว่าภรรยาเคยรู้สึกอะไรกับเขาบ้างหรือไม่?
แต่ดูจางซิ่วอิงในตอนนี้เถอะ นี่พึ่งผ่านไปแค่วันเดียวเธอก็ขโมยหอมแก้มเขาถึงสองครั้ง แถมยังไร้ท่าทีเขินอายอย่างที่ควรจะเป็น ไม่เพียงเท่านั้นยังหัวเราะร่าราวกับจงใจกลั่นแกล้งกัน พาลเอาหัวใจแกร่งเต้นระรัวไปหมด เขาอยากให้ขาหายเสียตั้งแต่ตอนนี้เลยด้วยซ้ำ อยากจะจับภรรยาจอมทะเล้นมาทำโทษให้รู้ความเสียบ้าง ว่าอย่าขยันทำให้จิตใจสามีสั่นไหวบ่อยนัก เพราะมันอันตรายกับตัวเธอเอง
“สาลี่หวานกรอบมาแล้วค่ะ สามีขา”จางซิ่วอิงยิ่งเห็นท่าทีเขินอายของสามีก็ไม่วายเรียก ‘สามีขา’ด้วยน้ำเสียงหวานเชื่อมอีกครั้ง พร้อมขยิบตาส่งไปให้คนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงกว้างด้วยท่าทีขี้เล่น
เจ้าของเสียงหวานถือจานสาลี่เนื้อขาวที่ถูกหั่นอย่างดีวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ สาลี่ในมิติลูกค่อนข้างใหญ่ เธอปอกเพียงสองลูกก็วางเต็มจานแล้ว
“นี่เอามาจากในมิติคุณเหรอครับ?”ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นเพื่อกลบเกลื่อนอาการเขินอายหลังจาถูกภรรยากลั่นแกล้ง
“ใช่ค่ะ คุณลองทานดูสิคะ!”
หญิงสาววางจานสาลี่บนที่นอนข้าง ๆ ลำตัวของสามีเพื่อให้เขาหยิบได้สะดวก ส่วนตนเองเดินออกไปยกเก้าอี้ไม้สำหรับให้ตัวเองนั่งข้างเตียงเพื่อกินสาลี่พร้อมกับสามี
มือเรียวหยิบสาลี่ชิ้นแรกขึ้นมาส่งเข้าปาก ทันทีที่ได้เคี้ยวสาลี่เนื้อสีขาวราวหิมะรสชาติหวานสดชื่นที่อบอวลอยู่ในปากช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าที่ได้รับมาทั้งวันได้เป็นอย่างดี หญิงสาวหลับตาพริ้มเพื่อสัมผัสรสชาติหวานหอมและความกรุบกรอบนั้นเชื่องช้า
พลันเมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบกับนัยน์ตาคมกริบของสามีที่กำลังมองจ้องใบหน้าของเธออยู่ “รอให้ฉันป้อนเหรอคะ?”
ใบหน้าเรียวเล็กคลี่ยิ้มทะเล้นพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้เพื่อให้สามีได้มองหน้าเธอได้อย่างเต็มที่
“อะแฮ่ม! อย่ามัวแต่พูดเล่นสิครับ”หยางซีห่าวแกล้งไอออกมาอีกครั้ง ก่อนจะเสมองไปทางอื่น จังหวะหัวใจเขาเต้นรัวแรงจนเกรงว่าคนตรงหน้าจะได้ยิน เมื่อสบเข้ากับแววตาซุกซนคู่นั้น ทำเขารู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งกาย
“ไม่แกล้งแล้วค่ะ คุณต้องไปหาหมออีกทีวันไหนคะ? มีเอกสารมาด้วยหรือเปล่า?”จางซิ่วอิงปรับสีหน้าให้ดูจริงจังมากขึ้น ก่อนจะกลับมานั่งหลังตรงอย่างเช่นยามปกติ
จากที่ได้ดูบาดแผลของสามีคาดว่าคงต้องให้หมอติดตามอาการอีกนานมากทีเดียว เขาเป็นทหารที่ปกป้องประเทศจนได้รับบาดเจ็บอย่างน้อยก็ควรมีสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาบ้าง
“อยู่ในกระเป๋าครับ รบกวนภรรยาหยิบให้ผมหน่อย”ชายหนุ่มนึกทึ่งกับสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของภรรยา ก่อนจะชี้นิ้วไปยังกระเป๋าที่ติดตัวมาจากกรม ในนั้นมีเพียงเสื้อผ้าหนึ่งชุดและเอกสารสำคัญบางส่วนเท่านั้น
จางซิ่วอิงหยิบกระเป๋าของสามีขึ้นมาให้เขาเป็นคนหาเอกสารนั้นด้วยตนเอง แม้จะเป็นสามีภรรยาแต่ทุกคนย่อมมีพื้นที่ส่วนตัวและเธอไม่คิดจะก้าวก่าย
เธอรับเอกสารชุดหนึ่งมาจากมือสามี ก่อนจะไล่อ่านรายละเอียด เกี่ยวกับผลการวินิจฉัยก่อนหน้า และสรุปได้ว่าอีกสองวันจะถึงวันนัดตรวจนั้น
“เดี๋ยวฉันพาคุณไปเองค่ะ”
หยางซีห่าวขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปมอย่างนึกแปลกใจ ภรรยาของเขาเรียนจบเพียงชั้นประถมต้นไม่ใช่หรือ แล้วเธออ่านตัวอักษรออกตั้งแต่เมื่อไหร่กัน สีหน้าที่ดูเหมือนจะเข้าใจคำศัพท์ทางการแพทย์เหล่านั้นอีก ชายหนุ่มได้แต่เก็บความสงสัยเหล่านั้นไว้ในใจ เขารู้สึกชอบภรรยาในตอนนี้มากกว่าภรรยาในเมื่อก่อน จึงไม่อยากเอ่ยซักไซ้อะไรให้มากความ เพราะเกรงว่าเธอจะเสียความมั่นใจและอาจจะกลับไปเป็นจางซิ่วอิงคนก่อน
“ขอบคุณครับภรรยา”เสียงทุ้มกล่าวขึ้น จากนั้นจึงทานสาลี่ในจานที่ภรรยาปอกไว้คำแล้วคำเล่า รสชาติหวานหอมที่เขาไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน ซึ่งหลังจากเริ่มทานคำแรกเขาก็หยุดมือไม่ได้อีก จนสาลี่ชิ้นสุดท้ายถูกกลืนลงท้องในที่สุดภายในเวลาอันรวดเร็ว
มื้อเย็นจางซิ่วอิงทำน้ำแกงปลาเพื่อบำรุงสามี มีผัดผักหนึ่งจานวางคู่กัน และไข่ต้มสามฟองเช่นเดิม และตบท้ายด้วยบัวลอยไข่หวานที่หญิงสาวนึกอย่างกิน จึงนำออกมาเผื่อสามีด้วยหนึ่งถ้วย
หยางซีห่าวค่อนข้างติดใจน้ำแกงปลาของภรรยาเป็นอย่างมาก ไม่ใช่ไม่เคยกิน แต่รสชาติน้ำแกงที่เคยกินมาทั้งชีวิตไม่ได้อร่อยกลมกล่อมเช่นนี้ เพียงไม่นานอาหารบนโต๊ะก็ถูกกวาดลงท้องจนเกลี้ยง
แม้แต่ขนมหวานในถ้วยเล็กที่คนภรรยาเรียกว่าบัวลอยไข่หวาน เขาก็ทานหมดไม่มีเหลือ รสชาติที่หวานมันกำลังดีทำให้เขาที่ไม่ชอบขนมหวานสามารถทานได้จนหมดถ้วยถือว่ารสมือของภรรยานั้นดีมากจริง ๆ
หญิงสาวแยกตัวไปล้างจานและเก็บอุปกรณ์ในครัว ปล่อยให้สามีทานยาหลังอาหารและนั่งย่อยรอเธอสักพักก่อน
“คุณอยากออกไปนั่งรับลมด้านนอกหน่อยไหมคะ?”วันนี้สังเกตว่าด้านนอกพระอาทิตย์ยังไม่ตก สามีของเธออุดอู้อยู่ในบ้านทั้งวันจึงอยากจะพาเขาออกไปสูดอาการปลอดโปร่งด้านนอกดูบ้าง
“คุณจะเหนื่อยเกินไปหรือเปล่า?”ชายหนุ่มถามภรรยาด้วยสีหน้าเป็นกังวล ตั้งแต่เช้าเขายังไม่เห็นเธอหยุดพักเลย แต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวก็ไม่ได้ปริปากบ่นแม้สักคำ ตัวก็เล็กแค่นี้รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหนนัก
“ไม่เหนื่อยค่ะ ฉันอยากทำ”ใบหน้าเรียวยิ้มกว้าง ก่อนจะเข็นรถที่มีสามีตัวโตนั่งอยู่พาออกไปข้างนอกอย่างไม่รีบร้อน ทันทีที่ก้าวพ้นประตูบ้านเธอพาสามีมายังข้างบ้านที่เคยเป็นแปลงผัก
“ตรงนี้ตอนแรกฉันคิดว่าจะปลูกผักไว้ทาน แต่ตอนนี้คิดว่าคงไม่ปลูกแล้ว”
หยางซีห่าวมองตามนิ้วเรียวที่ชี้ไปยังพื้นดินว่างเปล่า ดินตรงนี้ถูกถอนหญ้าออกจนหมด ทั้งยังยกร่องดินเรียบร้อยแล้ว เห็นจะขาดแต่การเอาเมล็ดมาปลูกเท่านั้น แต่หากภรรยาจะไม่ปลูกต่อเขาก็ไม่คิดคัดค้านแต่อย่างใด เขาเองก็กลัวว่าร่างบางจะเหนื่อยเกินไปด้วยซ้ำ “ถ้าเหนื่อยเกินไป ก็ไม่ต้องทำหรอกครับ”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ ฉันคิดว่าก่อนฤดูหนาวเราจะย้ายบ้านกัน”จางซิ่วอิงตอบกลับอย่างหมายมั่น เธอตั้งใจไว้แบบนั้นจริง ๆ และคิดว่าเธอต้องทำมันให้ได้
“ย้ายบ้าน? คุณอยากย้ายไปที่ไหนครับ?”เสียงทุ้มถามขึ้นอย่างนึกแปลกใจ หญิงสาวชนบทที่มีความคิดก้าวหน้าและรู้จักวางแผนอย่างภรรยาเขาในตอนนี้นับว่าหาได้ยากมาก
“ในตัวอำเภอค่ะ ที่จริงก่อนคุณกลับมาฉันไปถามราคามาแล้ว แต่ยังไม่ได้ไปดูบ้านจริงเลย ไว้เราไปดูด้วยกันนะคะ”
“ผมจะเป็นภาระของคุณเปล่า ๆ คุณเลือกเองได้เลย ผมตามใจคุณ”เขารู้ตัวเองดี เพราะตอนนี้ขาที่ไม่สามารถใช้การได้ การไปไหนมาไหนเกรงว่าจะเป็นภาระเสียเปล่า ๆ อีกอย่างเขาอยู่ที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น ไม่ว่าภรรยาเลือกที่ไหนเขาล้วนไม่ติดขัดแต่อย่างใด
“ไม่ได้สิคะ เอาไว้วันที่คุณไปหาหมอ เราไปดูบ้านด้วยกันนะคะ”เสียงใสค้านขึ้นอย่างไม่ยินยอม ก่อนจะกล่าวรวบรัดตัดจบเพื่อไม่ให้สามีเอ่ยแย้งได้อีก
“ครับ”เมื่อภรรยาต้องการเช่นนั้น เขาหรือจะขัดใจเธอ
ในระหว่างสองสามีภรรยากำลังแลกเปลี่ยนความคิดกัน ท่ามกลางบรรยากาศผ่อนคลาย กลับมีเสียงแหลมเล็กดังอาละวาดด่าทออยู่หน้ารั้วบ้าน ทำเอาจางซิ่วอิงกรอกตามองบนอย่างเหนื่อยหน่าย
อยู่เฉย ๆ เรื่องก็มาหาถึงบ้านอีกแล้วสินะ เฮ้ออออ!!
“สะไภ้สาม! นางแพศยา! ออกมาเดี๋ยวนี้นะ!! แกสร้างเรื่องอะไรไว้ ฉันจะตีแกให้ตาย ออกมาเดี๋ยวนี้!!!! ออกมา!!”
ภายในบ้านหลังสีขาวขนาดกลางในย่านการค้าสำคัญ เสียงหัวเราะพูดคุยของคนที่อาศัยอยู่ในบ้าน ช่วยทำให้บรรยาของบ้านหลังนี้ดูอบอุ่นไม่น้อยในช่วงเช้าอากาศสดใสจางซิ่วยืนมองหน้าท้องที่เริ่มนูนเล็กน้อยของตนเองผ่านกระจกเงาบานใหญ่ ใบหน้าเอิบอิ่มของคุณแม่ยังสาวนับวันยิ่งสวยขึ้นจนผิดหูผิดตาตอนนี้เธอตั้งครรภ์ได้สี่เดือนแล้ว หลังจากที่เจ้าสองแสบเข้าโรงเรียนได้ไม่นาน สามีอย่างหยางซีห่าวที่ขยันบอกรักภรรยาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็ขยันมากขึ้นอีกหลายเท่า จนผ่านไปสองเดือนเจ้าหัวผักกาดหัวที่สามก็ถือกำเนิดขึ้นมาในท้องของเธอในที่สุด“ผมต้องไปแล้วครับ คุณก็อย่าหักโหมนะครับ ผมเป็นห่วง”ชายหนุ่มเอ่ยเตือนภรรยาประโยคเดิมเช่นทุกวัน น้ำเสียงนุ่มทุ้มฟังดูอบอุ่น ทั้งแววตาที่มองภรรยานั้นอ่อนโยนกว่าตอนที่อยู่ต่อหน้าผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นไหน ๆเพราะภรรยาของเขานั้นขึ้นชื่อเรื่องความขยันขันแข็ง ในแต่ละวันเธอทั้งทำงานนอกบ้าน ทำอาหาร เลี้ยงลูก
จางซิ่วอิงยังต้องอยู่รักษาตัวที่โรงพยาบาลต่ออีกหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งก็ทำให้ลูกน้อยทั้งสองต้องอยู่กับเธอด้วย หยางซีห่าวก็เช่นกัน เขาทำเรื่องลางานถึงหนึ่งเดือนเพื่อมาดูแลภรรยาและลูกน้อยทั้งสองด้วยตนเอง“เด็ก ๆ ป้ามาแล้ววววว!!”เยว่ผิงอันส่งเสียงเรียกหลานทั้งสองก่อนที่ตัวเองจะเข้ามาในห้องเสียอีก เธอเข้ามาเยี่ยมหลาน ๆ พร้อมกับสามีที่ถือของพะรุงพะรังตามหลังมาจางซิ่วอิงยิ้มให้กับคนเห่อหลานทั้งสองเล็กน้อย ก่อนจะให้สามีรับข้าวของเหล่านั้นและนำไปเก็บไว้ก่อน“ผมฝากดูแลเธอและเด็ก ๆ ด้วยนะครับ แล้วผมจะรีบกลับมา”หยางซีห่าวพูดขึ้นอย่างเป็นกังวล วันนี้เขากับพี่ภรรยามีธุระที่ต้องไปสะสางจึงต้องฝากเธอกับลูกไว้กับพี่สะไภ้เสียก่อนจางซิ่วอิงยังไม่หายดีนัก ส่วนลูกทั้งสองแม้จะเป็นเด็กเลี้ยงง่ายแต่การมีคนคอยช่วยเหลือย่อมดีกว่า เขาไม่อยากให้ภรรยาเหนื่อยจนเกินไป“ไปจัดการ
สายลมวูบหนึ่งพัดผ่านร่างโปร่งแสงไปอย่างแรงจนผมยาวพลิ้วไสวไปตามแรงลม จางซิ่วอิงเผยรอยยิ้มยินดีออกมาในทันที เธอเข้าใจว่าคุณยายรับรู้ความปรารถนาของเธอแล้วจึงเอ่ยพรข้อที่สามออกไป“พรข้อสุดท้ายฉันขอให้ฉันและลูก ๆ ปลอดภัยค่ะ ขอโอกาสให้ฉันได้คลอดพวกเขา ให้พวกเขาได้ออกมาใช้ชีวิตบนโลกอย่างปลอดภัยด้วยนะคะ”คำอ้อนวอนปนเสียงสะอื้นไห้ของหญิงสาวลอยหายไปตามสายลม ก่อนจะได้รับรู้ได้ถึงลมอีกระลอกหนึ่งพัดผ่านร่างของเธอไปอย่างรวดเร็ว สายลมแรงนี้ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกหนาวเหน็บ แต่ทว่ากลับทำให้รู้สึกถึงความอบอุ่นที่โอบรอบตัวเธอเอาไว้ต่างหาก“พรของหล่อนถูกใช้หมดแล้วนะ ต่อจากนี้ยายขอให้หล่อนมีชีวิตที่ดี”เสียงของหญิงชราดังแว่วอยู่ไกล ๆ จางซิ่วอิงพยายามมองหาเจ้าของเสียงแต่ก็ไม่พบ ทว่าเมื่อมองไปยังหน้าห้องคลอดที่มีร่างของเธอนอนนิ่งอยู่ กลับเห็นเด็กชายหญิงหน้าตาน่ารักยืนยิ้มแฉ่งให้เธออยู่
ซ่งเฟยหลงประกาศกร้าวพร้อมยกปืนขึ้นเล็งไปยังผู้ก่อเหตุทั้งหมด อันธพาลสี่คนที่ถูกจ้างมาให้คอยช่วยเหลือหวงไฉ่หง เมื่อเห็นชายในชุดเครื่องแบบทหารพร้อมปืนก็หวาดกลัวจนต้องยกมือขึ้นเหนือหัว ก่อนจะคุกเข่าลงกับพื้นตามคำสั่ง แม้แต่หวงไฉ่หงเองที่เป็นเพียงชาวบ้านชนบทมีหรือจะกล้าขัดขืนพันโทซ่งเฟยหลงย้ายมาประจำการที่นี่ในวันนี้ซึ่งเขาไปรายงานตัววันแรก พอเรียบร้อยแล้วก็เจอเข้ากับลูกน้องเก่าอย่างหยางซีห่าวกำลังออกจากค่ายพอดี เขาจึงขอติดรถออกมาด้วยเพื่อหาบ้านพักชั่วคราว ระหว่างรอทำเรื่องขอบ้านพักสวัสดิการ ซึ่งหยางซีห่าวก็รับปากว่าจะพาไปดูบ้านพัก แต่ขอไปรับภรรยาที่กำลังท้องแก่เสียก่อน แต่เมื่อรถเข้ามาจอดภาพเหตุการณ์อุกฉกรรจ์นี้ก็ทำให้เขาต้องเร่งฝีเท้าวิ่งมาจากรถที่จอดอยู่อีกด้านทว่าจากที่ซ่งเฟยหลงคิดว่าเป็นเหตุการณ์ของชาวบ้านธรรมดาทั่วไปคงไม่ใช่แล้ว เพราะลูกน้องอย่างหยางซีห่าวรีบวิ่งไปประคองหญิงท้องแก่ พร้อมตะโกนเรียกชื่อภรรยาดังลั่น“ซิ่วอิง ภรรยา!”
กาลเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ไม่ทันไรจางซิ่วอิงก็อุ้มท้องเจ้าหัวผักกาดมาได้จนถึงแปดเดือนแล้ว เพราะขนาดท้องที่ใหญ่กว่าปกติของคุณแม่ลูกแฝดทำให้การเดินเหินค่อนข้างเป็นไปอย่างยากลำบากโดยปกติแล้วการมาทำงานของจางซิ่วอิงจะต้องมีพี่ชายหรือสามีอยู่ด้วยเพื่อคอยระมัดระวังหากเกิดเหตุไม่คาดคิด แต่ทว่าเมื่อวานโรงงานผลไม้กระป๋องของเธอที่อยู่ต่างเมืองมีปัญหาพี่ชายอย่างจ้าวคุนจึงรับอาสาไปดูแทนส่วนสามีนั้นติดภารกิจตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งอันที่จริงเขาทำภารกิจนี้เรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อวาน แต่ต้องอยู่ต่ออีกนิดเพื่อทำเรื่องลาหยุดงานมาดูแลเธอจนกระทั่งคลอด ซึ่งคนเป็นภรรยาเองก็เข้าใจและไม่ได้เร่งรัดอะไรจากคนเป็นสามี เพราะอย่างไรวันนี้เธอก็ตั้งใจจะมาทำงานวันสุดท้ายอยู่แล้ว ท้องเธอโตมากและใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว การเดินทางไปทำงานคงไม่สะดวกนัก หลังจากนี้จึงตั้งใจว่าจะให้พี่สะไภ้เอางานส่วนของเธอมาให้ที่บ้านแทนจางซิ่วอิงเดินไปยังลานจอดรถโดยมีพี่สะไภ้คอยประคองอย
“ฉุนเหรอคะ?” คำพูดของเจ้านายสาวทำเอาแม่บ้านซุนคิดหนัก หญิงวัยกลางคนขมวดคิ้วเข้าหากันจนเป็นปม พยายามนึกถึงอาหารแต่ล่ะจานว่าเธอทำผิดพลาดที่ตรงไหนกัน มีส่วนผสมอะไรที่ผิดแปลกหรือพิศดารจึงได้ทำให้เจ้านายอาเจียนออกมาจนหมดไส้หมดพุงเช่นนี้“ขอโทษด้วยนะคะ ฉันไม่ได้ว่าอาหารของป้าซุนไม่ดี แต่ว่าฉันได้กลิ่นแล้วรู้สึกเวียนหัวมากจริง ๆ”หญิงสาวกล่าวขอโทษแม่บ้านทั้งน้ำตาคลอหน่วย เธอเห็นแก่ความทุ่มเทของป้าซุนที่พยายามรังสรรอาหารหลากหลายอย่างเพื่อเอาใจเธอ แต่กลิ่นแบบนั้นเธอไม่สามารถทนได้จริง ๆแม่บ้านวัยกลางคนได้รับคำยืนยันเช่นนั้นก็คิดหนัก แต่ก็ทำได้เพียงพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เห็นทีฝีมือการทำอาหารของเธอคงตกเสียแล้ว พลันวิ่งเข้าไปเตรียมยาดมและยาหอมมาให้กับเจ้านายเพื่อบรรเทาอาการเยว่ผิงอันที่ยืนอยู่ข้างกันกับคู่หมั้นหนุ่มพอฟังอยู่ไม่ไกลนั้นรู้สึกแปลกใจกับน้องสาวขึ้นมาในทันที อาหารบนโต๊ะนั้นแน่นอนว่าล้วนเป็นอาหารอย่างดี ถูกรังสรรขึ้นมาจนหน