เมื่อได้นั่งไล่ปลายนิ้วไปตามคีย์เปียโนคีตาลดาก็ไม่คิดถึงสิ่งใดนอกจากส่งมอบเสียงเพลงแห่งความสุขให้แก่คนฟัง นานเท่านานที่เธอปล่อยความคิดจิตใจเคลียคลอไปกับเสียงเปียโน ความรู้สึกอิ่มอุ่นในหัวใจ ความสุขสดใสที่เธอถ่ายทอดผ่านปลายนิ้วไล่สัมผัสไปกับคีย์เปียโนนั้นทรงพลังตราตรึงในหัวใจคนฟังมานักต่อนัก วันนี้เป็นอีกวันที่เธอสร้างความประทับใจให้แก่แขกที่มารับประมานอาหารใน เค.เค.รอยัล คลับ แห่งนี้
คีตาลดาโค้งคำนับรับเสียงปรบมือด้วยความชื่นชมหลังเสียงเพลงสุดท้ายของวันนี้สิ้นสุดลง หญิงสาวยิ้มกว้างยามกวาดสายตามองไปโดยรอบ หัวใจดวงน้อยกวัดแกว่งอย่างแปลกประหลาดเมื่อเห็นว่าโต๊ะหน้าเวทีไร้เงาของคิริน
‘เขาไม่ชอบอย่างนั้นเหรอ’ คีตาลดาปัดความคิดนั้นออกจากหัวแล้วค้อมกายโค้งคำนับบรรดาแขกในห้องอาหารนั้น อีกครั้งแล้วหันหลังกลับก้าวลงด้านหลังเวที แม้จะพยายามตัดความคิดเกี่ยวกับทายาทคุปต์อนันต์ออกไปแต่ก็อดหวาดหวั่นไม่ได้ หากประธานใหญ่ไม่ชื่นชอบผลงานการแสดงของเธอแล้ว เธออาจถูกเลิกจ้างก็เป็นไปได้
“วันนี้คุณยอดเยี่ยมมากครับคีตาลดา”
“ผู้จัดการชมเกินไปแล้วค่ะ”
แม้หัวใจดวงน้อยจะฟองฟู่กับคำชมของวีกิจผู้จัดการห้องอาหาร แต่คีตาลดาก็นอบน้อมถ่อมตน
“เกินจริงที่ไหนกัน แขกที่มาวันนี้ชื่นชมคุณไม่ขาดปากเลย อ้อ...มีอีกเรื่องที่ผมต้องแสดงความยินดีกับคุณคีตาลดา”
“เรื่องอะไรเหรอคะ”
“ผมเพิ่งได้รับคำสั่งจากท่านประธานว่าให้เพิ่มรอบการแสดงของคุณเป็นสองรอบต่อวัน”
“จริงเหรอคะ” คีตาลดายิ้มกว้างเก็บความดีใจไว้ไม่อยู่ วีกิจรีบยืนยันหนักแน่น
“เรื่องแบบนี้ผมจะล้อเล่นได้ยังไงล่ะ นี่เป็นโอกาสทองของคุณแล้วนะ”
“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณจริงๆ”
“คนที่คุณต้องขอบคุณคือท่านประธาน ผมน่ะเป็นแค่ คนรับคำสั่ง”
คีตาลดายิ้มค้าง พอพูดถึงเขาเธอก็รู้สึกหัวใจกวัดแกว่งแปลกประหลาดอีกแล้ว
“ท่านประธานใส่ใจทุกรายละเอียดของเค.เค กรุ๊ป การที่สั่งการมาให้เพิ่มรอบการแสดงของคุณแสดงว่าท่านประธานเล็งเห็นความสามารถของคุณแล้ว ทำให้เต็มที่ล่ะคีตาลดา ผมมั่นใจว่าคุณจะไม่ทำให้ท่านประธานผิดหวัง” วีกิจบอกกับเธอแล้วเดินจากไป คีตาลดารู้สึกเหมือนมีใครเอาของหนักๆมาวางบนบ่าทั้งสองข้าง
‘ไม่ทำให้ท่านประธานผิดหวัง’
หึ! ดูเหมือนเชื่อมั่น ดูเหมือนให้กำลังใจ แต่ฟังแล้วมันกดดันชะมัด
คีตาลดาผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ สลัดความรู้สึกหนักอึ้งออกไปแล้วดึงความมั่นใจในตัวเองกลับมา
“ฉันจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังแน่นอนค่ะท่านประธาน”
คีตาลดาเลิกสนใจเรื่องอื่น หญิงสาวเดินออกจากห้องอาหารมุ่งตรงไปยังหน้าโรงแรมเพื่อเรียกรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างให้ไปส่งสถานีขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินซึ่งอยู่ถัดจากโรงแรมประมาณสองป้ายรถเมล์ เธอเลือกเดินทางไปกลับด้วยขนส่งสาธารณะแทนการขับรถยนต์ส่วนตัว เพราะเธอรู้สึกสะดวกสบายไม่ต้องเคร่งเครียดกับการจราจรที่ติดขัดบนท้องถนน
“ลดา! คุณหายไปไหนมา ผมตามหาคุณจนทั่วไม่คิดว่าจะเจอคุณที่นี่”
“ทัชกร!” คีตาลดาตกใจที่เจอเขาหน้าโรงแรม หญิงสาวยังไม่ทันได้นึกคิดอะไร จู่ๆทัชกรก็โผเข้ากอดเธอแน่นแบบไม่ทันได้ตั้งตัว คีตาลดาขัดขืนพยายามผลักทัชกรออก ตอนนี้เธอเกลียดชังและขยะแขยงเขาจนเกินทน
“ปล่อยนะ! ทัชกร ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้” คีตาลดาโวยลั่น แต่ผลักเท่าไรเขาก็ยังกอดเธอเหนียวแน่นเป็นตุ๊กแก
“คุณเป็นอะไรไปลดา เราเป็นแฟนกันนะ ทำไมคุณทำท่ารังเกียจผมแบบนั้นฮะ”
“ปล่อย!” คีตาลดายังคงต่อต้าน เมื่อเห็นว่าทัชกรไม่ยอมปล่อยเธอง่ายๆ หญิงสาวจึงกระทืบเท้าของเขาแรงๆพร้อมกับออกแรงผลักสุดแรง
“โอ๊ย! คุณกระทืบเท้าผมทำไมลดา”
“สำหรับผู้ชายเลวๆอย่างคุณ นี่มันยังน้อยไปทัชกร”
“คุณด่าว่าผมเลวเหรอลดา ผมไปทำอะไรให้ คุณถึงด่าผมแบบนี้”
“คุณนี่มัน!” คีตาลดาได้แต่ขบฟันแน่น ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดยามจ้องมองคนตรงหน้า เธอไม่คิดเลยว่าทัชกรจะหน้าด้านหน้าทนไม่รู้สึกรู้สา ไม่รู้ผิดชอบชั่วดีในสิ่งที่เขากระทำ
“ไม่เอาน่าลดา...คุณอย่าเอาแต่โมโหสิ ผมต่างหากที่ต้องโกรธคุณที่คุณทำทุกอย่างพัง แต่นี่ผมยังไม่คิดติดใจเอาความโกรธมาลงที่คุณเลย”
“เลว! เลวสิ้นดี ฉันไม่คิดเลยว่าฉันจะมองคนผิดพลาดมากขนาดนี้”
“มากไปแล้วนะลดา คำก็เลว สองคำก็เลว ถ้าผมเลวจริง ผมส่งคุณให้เสี่ยกำชัยแล้วเขี่ยคุณทิ้งไม่สนใจใยดีคุณไม่ดีกว่าเหรอ แต่นี่ผมยังยืดอกยอมรับคุณเป็นแฟนไม่ตะขิดตะขวงใจอะไรเลย”
เพียะ!
“ลดา คุณกล้าตบผมเหรอ”
“ฉันไม่แจ้งความลากคุณเข้าคุกก็ดีเท่าไรแล้วทัชกร” คีตาลดาตวาดแหว เธอเหลืออดเหลือทนกับทัชกรแล้ว อยากฆ่าเขาให้ตายดับให้สาสมกับความรักความแค้นฝังแน่นอกนัก แต่เธอก็ทำได้เพียงหวีดเสียงเกรี้ยวกราดใส่เขา
“คุณเป็นใคร ผมเป็นใคร ถึงคิดจะมาต่อกรกับผม”
“เก็บคำข่มขู่ของคุณเอาไว้ใช้กับคนอื่นเถอะทัชกร ยิ่งคุณอวดเบ่งหยิ่งผยองฉันก็ยิ่งสมเพช ที่ผ่านมาฉันจะถือเสียว่าฉันชดใช้หนี้กรรมให้คุณ จากนี้ทางใครทางมันอย่าได้เกี่ยวข้องกันอีกเลย”
“ฝันไปเถอะลดา อย่าฝันว่าจะเดินไปจากผมง่ายๆ คุณเป็นผู้หญิงของผม ต่อให้วันนี้หรือวันไหนผมก็ไม่มีวันปล่อยคุณไป”
“ว้าย!! ปล่อยนะทัชกร ปล่อยฉัน!” คีตาลดาหวีดลั่นเมื่อถูกทัชกรฉุดกระชากลากดึงถูลู่ถูกังให้เดินตาม ในเวลานั้นผู้คนรอบข้างต่างพากันละล้าละลังไม่กล้าเข้ามาช่วยเพราะทัชกรสบถลั่นห้ามใครยุ่งเรื่องผัวเมีย
คีตาลดาดิ้นรนขัดขืนสุดกำลัง ต่อให้ไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วย เธอก็จะไม่ปล่อยให้ทัชกรคุกคามเธอได้ง่ายๆแน่นอน
อีกด้าน...คิรินเพิ่งออกมาจากเค.เค รอยัล เขากำลังไปเจรจาธุรกิจกับลูกค้าคนสำคัญ แต่สายตาของเขาก็สบเข้ากับร่างเล็กๆของคีตาลดาที่กำลังถูกทัชกรจับยัดเข้าไปในรถยนต์คันโก้ และตอนนี้รถยนต์คันนั้นกำลังขับเคลื่อนออกไปอย่างรวดเร็ว ประธานหนุ่มกัดฟันกรอดเค้นเสียงรอดไรฟัน
“ตามรถคันนั้นไปชินโย อย่าให้มันหนีรอดไปได้”
“แต่ว่าเคเคครับ คุณนิธิกำลังรอเจรจาเรื่องสำคัญอยู่นะครับ”
“ฉันบอกให้ขับตามไปก็ขับตามชินโย หาโอกาสเหมาะปาดหน้าสกัดมันไว้ให้ได้”
“ครับเคเค” ชินโยรับคำทำตามทันที สายตาคมดุไม่ต่างจากเจ้านายเพ่งมองไปยังรถเป้าหมายไม่ให้คลาดสายตา
-----------------------------------
ง้อววววว....เคเคจะตามไปช่วยทันไหมนะ ตามไปลุ้นกันค่า
ขอกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะคะ^^
คีตาลดานั่งมองกล่องของขวัญใบย่อมที่วางอยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย กล่องใบนี้เธอตั้งชื่อให้มันว่ากล่องแห่งความทรงจำ กล่องที่เธอเก็บเรื่องราวไว้ในนั้นมากมายหญิงสาวค่อยๆเปิดกล่องนั้นออกแล้วหยิบของในนั้นออกมาทีละชิ้น มองดูแล้วยิ้มน้อยๆ ก่อนวางลงข้างกล่องแล้วหยิบชิ้นอื่นๆออกมาทีละชิ้นๆ จนถึงชิ้นสุดท้ายซึ่งเป็นรูปคู่รูปแรกของเธอกับทัชกรคีตาลดามองดูแล้วน้ำตารื้น พอคิดถึงคืนวันเก่าๆแล้วไม่อยากคิดเลยว่าเธอและเขาจะเดินมาถึงจุดสิ้นสุดในวันนี้‘ผมรักคุณนะลดา รักตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกัน ผมตัดสินใจนานมากกว่าจะทำใจกล้าบอกรักคุณ’คีตาลดาแค่นยิ้มเมื่อคิดถึงคำพูดและสีหน้าของทัชกรในวันนั้น หญิงสาวผ่อนลมหายใจเมื่อคิดถึงคำพูดสุดท้ายที่เธอเขาพูดกับเธอก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุจนเธอเกือบไม่รอดชีวิต‘ผมรักคุณนะลดา ผมอาจเป็นคนเลวในสายตาคุณ แต่ผู้ชายชั่วช้าคนนี้แหละที่หัวใจมันมีแต่คุณ’คีตาลดาปาดน้ำตาซึ่งไหลพราก แล้วตัดใจฉีกรูปถ่ายใบนั้นดั่งต้องการฉีกเธอและทัชกรออกจากกันชั่วกัปชั่วกาล“ฉันไม่รู้ว่ารักของคุณคือเรื่องจริงหรือลวง ฉันรู้แค่วันนี้ฉันมีคนที่
หลายวันแล้วที่คีตาลดายังคงนอนหมดสติอยู่ในห้อง ไอ.ซี.ยู คิรินได้เพียงเฝ้ามองเธออยู่นอกห้องผ่านกระจกใส น้ำตาลูกผู้ชายไหลอาบแก้ม หัวใจแกร่งปวดหนึบที่ตัวเองช่วยอะไรเธอไม่ได้ทำได้เพียงแค่ยืนมอง“หมดเวลาเยี่ยมไข้แล้วค่ะ”เสียงพยาบาลเตือนมาเช่นทุกครั้งที่เขาเอาแต่ยืนมองคีตาลดานิ่งจนวินาทีสุดท้ายที่หมออนุญาตให้เยี่ยมได้ เขาเฝ้าภาวนาหวังสักครั้งว่าจะได้เห็นเธอเปิดปรือเปลือกตาขึ้นมา เขาหวังเหลือใจว่าจะได้เห็นรอยยิ้มได้ยินเสียงหัวเราะของเธอในเร็ววัน“คีตาลดาคุณนอนหลับนานเกินไปแล้วรีบตื่นได้แล้ว ผมคิดถึงคุณจนไม่เป็นอันหลับนอนแล้วรู้ไหมครับ”“คิรินกลับบ้านก่อนเถอะลูก กลับไปนอนพักผ่อนสักหน่อย แม่รู้ว่าคิรินเป็นห่วงน้อง แต่ถ้าน้องตื่นมาเห็นคิรินสภาพนี้น้องคงเสียใจนะลูก” คุณภนิดาอดกังวลไม่ได้ นางกลัวบุตรชายจะทรุดลงไปอีกคน แม้ร่างกายของคิรินจะแข็งแรงแต่อาการบาดเจ็บในวันนั้นก็สรางความบอบช้ำให้ไม่น้อย“พรุ่งนี้เราค่อยมาเยี่ยมน้องกันใหม่นะลูกนะ”“ครับแม่ ผมจะกลับเดี๋ยวนี้ แต่ผมขอไปนอนที่คอนโดฯเหมือนเดิมนะครับ ผมอยากอยู่ในที่ที่เคยอยู่กับคีตาลดา”คุณภนิดา
คีตาลดาครึ่งหลับครึ่งตื่น หญิงสาวพยายามฝืนดึงสติ โชคดีที่เธอกลั้นหายใจจึงสูดไอเย็นชื้นนั่นไม่มาก ไม่กี่นาทีเธอจึงคืนสติแม้จะยังไม่สมบูรณ์แต่ก็พอรู้ตัวว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น“ทัชกรคุณจับตัวฉันมาทำไม” หญิงสาวถามเสียงเครียดพยายามดิ้นหวังให้หลุดจากพันธนาการแต่เชือกที่มัดข้อมือเธอก็แน่นเกินกว่าจะหลุดออกได้“คุณกำลังคิดจะหลบหนีสินะ” คีตาลดาตั้งสติถาม เธอระลึกได้ว่าสร้อยจี้รูปหัวใจนอกจากจะเป็นจีพีเอสติดตามตัวเธอแล้วยังซ่อนไมค์เล็กๆไว้อัดเสียงอีกด้วย หากว่าเธอเป็นอะไรไปอย่างน้อยนี่น่าจะเป็นหลักฐานมัดตัวทัชกรได้“เพราะคุณฉลาดแบบนี้ไงผมถึงรักคุณลดา”“คุณรักแต่ตัวเองต่างหากทัชกร ถ้าคุณรักฉันจริงคุณไม่มีวันจับฉันมาเป็นตัวประกันแบบนี้หรอก”“จุ๊ๆ ใครว่าผมจับคุณมาเป็นตัวประกันล่ะ ผมจะพาคุณหนีไปด้วยกันกับผมต่างหาก”“อย่าหวังว่าฉันจะยินยอมง่ายๆ ฉันไม่มีวันไปกับคุณ” คีตาลดาพูดจบก็ใช้เท้ายันตัวเองขึ้นดันร่างหวังให้หลุดพ้นจากเข็มขัดนิรภัย ทัชกรตกใจกับการกระทำบ้าระห่ำนั่น“คุณทำบ้าอะไรลดากลับไปนั่งที่เดิมเดี๋ยวนี้”คีตาลดาไม่ฟัง หญิงสาวพยายามพุ
“ไม่ต้องมาหัวเราะแม่เลยนะพ่อตัวดี”“ผมบอกแล้วว่าปล่อยให้เป็นหน้าที่ผม เมียผม...ผมหาเองได้”“ย่ะ!” คุณภนิดาไม่วายค้อนก่อนหันมาทางคีตาลดาบีบไม้บีบมือหญิงสาวแล้วเอื้อนเอ่ยด้วยความยินดี“ไม่คิดว่าโลกจะกลมขนาดนี้ ตอนหนูบอกป้าว่ามีคนรักอยู่แล้วป้านี่เสียดายจะแย่ ที่แท้คนรักหนูก็คือลูกชายป้านี่เอง”หญิงสาวอมยิ้มขัดเขินขณะเลื่อนผ้าห่มมาคลุมอกให้มารดาของคิริน คุณภนิดามองความอ่อนโยนน่ารักนั้นด้วยความรู้สึกปลื้มปีติ“ถ้าพาหนูลดามาให้แม่รู้จักเร็วกว่านี้ แม่ก็ไม่ต้องมานอนปวดหัวอยู่แบบนี้หรอกคิริน”“ครับคุณแม่ผมผิดเองครับ” คิรินตอบรับแสนทะเล้นแล้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดีถอยห่างออกไปยืนกอดอกมองผู้หญิงที่รักทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างสนิทสนมคิรินรู้สึกขอบคุณโชคชะตาที่พาให้คีตาลดาเป็นคนช่วยชีวิตมารดาของเขาเอาไว้ อะไรๆจึงลงตัวง่ายขึ้น“คิรินพาน้องกลับไปพักผ่อนเถอะลูกเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว”“คุณป้าจะอยู่คนเดียวได้ยังไง ให้ลดาอยู่เป็นเพื่อนดีกว่านะคะ”“คิรินจ้างพยาบาลพิเศษให้อยู่เป็นเพื่อนแล้วหนูกลับไปพักเถอะลดา แล้วต่อไปอย่าเรียกป้าเลยนะ
“คุณแม่ท่านเป็นอะไรเหรอคะทำไมถึงเข้าโรงพยาบาล” คีตาลดาชวนคุยระหว่างนั่งอยู่ในรถ คิรินยิ้มอ่อนก่อนเล่าให้ฟัง“จู่ๆ วันนี้ท่านก็โรคหัวใจกำเริบ โชคดีที่มีคนพบแล้วช่วยเหลือพาส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลาไม่อย่างนั้นผมก็คง...”“ไม่เป็นไรนะคะ ตอนนี้ท่านปลอดภัยแล้วนะ” คีตาลดาบีบกระชับมือแกร่งถ่ายทอดความอบอุ่นปลอบประโลมคิรินมองคนรักด้วยความรู้สึกขอบคุณ คีตาลดาเหมือนจะเปราะบางแต่เอาเข้าจริงเขากลับรู้สึกว่าเธอเข้มแข็งกว่าที่เขาคิดมากนัก“เสียดายที่ผมไม่มีโอกาสขอบคุณคนที่ช่วยเหลือคุณแม่ พอมาถึงโรงพยาบาลเธอก็ไปแล้ว”คีตาลดานิ่วหน้าเล็กๆ เธอรู้สึกแปลกที่เรื่องราวมันคลับคล้ายคลับคลาราวกับว่าเป็นเรื่องเดียวกันกับเธอในวันนี้ หญิงสาวยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อรถสปอร์ตของคิรินก็เลี้ยวเข้าประตูทางเข้าของโรงพยาบาล คีตาลดาแหงนเงยหน้ามองดูป้ายชื่อโรงพยาบาล เห็นแล้วก็ยิ่งครุ่นคิดหนักเข้าเพราะมันเป็นโรงพยาบาลเดียวกันกับที่เธอพาคุณป้าคนนั้นมาส่งวันนี้“มาเถอะคุณแม่รออยู่” คิรินบอกเมื่อรถเทียบจอดตรงลานจอดรถโซนวีไอพีของโรงพยาบาล คีตาลดาเปิดประตูก้าวลงไปโดยไม่รอให้เขามาเปิดให้ หญ
“ระหว่างผมกับนรียามันมีความเกี่ยวโยงกันแค่นั้นจริงๆคีตาลดา นอกเหนือจากนั้นผมไม่เคยเห็นเขาในสายตาเลยสักนิด”“แต่เขาพูดเต็มปากมั่นใจเกินร้อยเลยนะคะ” คีตาลดาไม่วายท้วง แม้จะเชื่อใจเขาเกินครึ่งแต่ก็อดหวาดหวั่นไม่ได้ คิรินถอนหายแล้ว โอบกระชับรั้งไหล่แบบบางดึงร่างเธอมากอดแน่นเข้าแล้วถาม“คุณไม่เคยเจอคนพูดเองเออเองคิดไปเองเหรอครับคีตาลดา”“ของแบบนี้ตบมือข้างเดียวไม่ดังนะคะ”“ผมไม่เคยร่วมตบมือร่วมกับใครนอกจากคุณ”คีตาลดาจ้องดวงตาคมกริบซึ่งเจือด้วยแววรักหวานซึ้ง“เชื่อใจผมนะครับ อย่าไปรับเอาคำพูดของคนไร้สติแบบนั้นมาคิดมากเลย”คีตาลดาถอนหายใจก่อนบ่นพึมพำ“ลดาก็ไม่อยากคิดมากหรอกค่ะ แต่เรื่องเพิ่งเกิดก็อดขุ่นเคืองไม่ได้”“เอาแบบนี้...ผมมีวิธีทำให้คุณหายโกรธ”คีตาลดาเลิกคิ้วถาม“ยังไงคะ”“มาเถอะครับ ผมจะพาไประบายมันออกมา”คีตาลดาลุกเดินตามอย่างว่าง่าย แม้จะไม่รู้ว่าเขาจะพาเธอไปไหนแต่ก็ยังดีกว่านั่งอึดอัดอยู่ในห้องนี้“ปกติแล้วคุณระบายความโกรธด้วยวิธีไหนนะ” เขาชวนคุยเมื่อขึ้นนั่งบนรถสปอร์ตคันโก้ของเข