เมื่อจบความสัมพันธ์แย่ๆที่เธอคิดว่าเป็นรักแท้ คีตาลดากลับพบว่าหลังจากเธอผ่านพ้นค่ำคืนอันเลวร้ายคืนนั้น เธอก็กลายเป็นภรรยามหาเศรษฐีคลั่งที่รักทั้งหวงแหนและทะนุถนอมเธอดั่งไข่ในหิน สร้างสรรค์จินตนาการโดย... รินทร์วรส เศรษฐีนีคลั่งรัก ขอต้อนรับสู่อนาจักรของพระเอกสุดโหดอยู่ในโหมดคลั่งรักหัวปักหัวปำ "คุณเพียงคนเดียว...คนสุดท้ายที่ผมต้องการคีตาลดา" กามเทพเล่นซนปั้นแต่งเรื่องราวให้เขาและเธอพบกันในค่ำคืนอันมืดมิด ต่างฝ่ายต่างตกอยู่ในนาทีวิกฤต หลังจากผ่านค่ำคืนนั้นมาคิรินก็บอกตัวเองว่าเธอคือผู้หญิงของเขา ใครกล้ามาตอแยเธอก็ลองดู “หมัดแรก... สั่งสอนที่นายกล้ามาทำร้ายผู้หญิงของฉัน” *** “หมัดที่สอง... สั่งสอนที่นายกล้าต่อปากต่อคำกับฉัน” *** “หมัดที่สาม... คือคำเตือนอย่ามายุ่งกับผู้หญิงของฉันอีก” *** ขอบคุณที่ติดตามให้กำลังใจกันนะคะ
ดูเพิ่มเติมเธอไม่รู้จริงๆว่าเธอต้องทำอย่างไรกับชีวิตนับจากนี้ไป ทุกอย่างมันดูมืดมนไปหมด เธอมองไม่เห็นอะไรเลยนอกความมืดมิด เธอต้องพบเจอกับเรื่องเลวร้ายแบบไม่คาดคิด ผู้ชายที่เธอรักและวาดหวังฝากชีวิตไว้กับเขา ท้ายสุดแล้วก็เป็นเพียงผู้ชายเลวๆคนหนึ่ง เลวสุดใจแบบที่เธอไม่คิดว่าตัวเองจะมองคนผิดพลาดได้มากขนาดนี้
‘ไม่เห็นต้องเรื่องมากเลยลดา ผมไม่เห็นว่าคุณจะเสียหายตรงไหนมีแต่ได้กับได้’
‘คุณจะบอกว่าการที่ลดาขึ้นเตียงกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ลดาไม่เสียหายอย่างนั้นเหรอคะ’
‘คุณคิดมากเกินไปลดา ผมเห็นแต่ว่าคุณจะมีแต่สนุกแล้วก็ได้เงิน’
‘ทัช! ลดาเป็นแฟนคุณนะ คุณคิดแบบนี้ได้ยังไงคะ’
‘คุณเลิกความคิดคร่ำครึหัวโบราณเสียทีได้ไหมลดา ผมเป็นแฟน เป็นผู้ชายแท้ๆผมยังรับได้แล้วคุณจะเรื่องมากให้มันวุ่นวายไปทำไมฮะ’
หยุด! หยุดได้แล้ว! หยุดคิดถึงคนชั่วช้านั่นเสียที ยิ่งเธอคิดก็ยิ่งมีแต่เจ็บปวดรวดร้าว เธอจะปล่อยให้เรื่องราวเหล่านั้นมาบั่นทอนชีวิตเธอต่อไปอีกนานแค่ไหนกัน
พอแล้ว! พอเสียที อย่าทำร้ายหัวใจตัวเองอีกต่อไปเลย เพียงเท่านี้หัวใจเธอก็เจ็บปวดร้าวลึกจวนเจียนจะขาดใจตายเสียให้ได้ นั่นสิ! เธอแทบจะแดดิ้นตายด้วยความเจ็บปวดครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ทำไมนะ? ทำไมเธอไม่ตายดับไปเสีย แม้เจ็บปวดเจียนจะขาดใจตายแต่จนแล้วจนรอดเธอก็ยังคงหายใจ
…หายใจทั้งที่ไม่อยากหายใจ
...หายใจราวกับตายทั้งเป็น
“หยุดเศร้าเสียใจ หยุดเครียดเสียทีเถอะลดา อะไรที่มันผ่านไปแล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไป เธอเองไม่ใช่เหรอที่บอกใครต่อใครว่าต่อให้ใครทำร้ายก็ไม่เท่าเราเก็บมันมาตอกย้ำทำร้ายเราซ้ำแล้วซ้ำเล่า ลืมไปแล้วเหรอ คำพูดพวกนี้เธอลืมไปแล้วอย่างนั้นเหรอ”
คีตาลดาจ้องมองตัวเองในกระจกเงาบานใหญ่ เธอเห็นสภาพตัวเองแล้วก็ได้แต่เบะปากเยาะยิ้มด้วยความสังเวชตัวเอง นี่เหรอคีตาลดาหญิงสาวผู้แสนน่ารัก ร่าเริงสดใส ชีวิตมีแต่ดนตรีและเสียงเพลงสนุกสนาน ผู้หญิงที่ใครๆต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เคยรู้จักความทุกข์ น่าสมเพช! ดูสภาพของเธอตอนนี้สิ! มันดูไม่ได้เลยสักนิด ดวงตาที่เคยสุกสกาวราวดวงดาวนับพัน ตอนนี้ยิ่งกว่าดาวอับแสงในคืนเดือนมืดเสียอีก ดวงหน้าเกลี้ยงเกลาขาวนวลอมชมพูระเรื่อ ตอนนี้ซีดเผือดราวกับซากศพ ริมฝีปากอิ่มระเรื่อพริ้มเพราตอนนี้แตกระแหงแลดูซีดยิ่งกว่าซีด ยิ่งมองตัวเองเธอก็ยิ่งเจ็บปวด เธอไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่ตกอยู่ในสภาพนี้
“ฮึก! ฮืออออ...ฮึก ฮึก ฮือออออ... พ่อจ๋า แม่จ๋า ลดาเจ็บเหลือเกิน เจ็บจนจะทนไม่ไหวแล้ว พ่อจ๋าแม่จ๋าพ่อกับแม่อยู่ไหนกอดลดาหน่อย ช่วยลดาที ฮึก! ฮืออออ...” คีตาลดาร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาอย่างไม่อาจสะกดกลั้นเอาไว้ได้ เจ็บเหลือเกิน ปวดหลือเกิน เจ็บและปวดจนไม่รู้ว่าจะออกจากความรู้สึกนี้ไปได้อย่างไร ยิ่งเก็บข่ม ยิ่งปัดป้อง เหตุการณ์วันวานก็ยิ่งฉายชัด คำพูด การกระทำ เสียงหัวเราะของชายชั่วนั่นยังคงก้องอยู่ในหัว
‘ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! ออกไปนะไอ้ชั่ว อย่ามายุ่งกับฉัน’ คีตาลดาพยายามปัดป้องตัวเองจากการถูกคุกคาม แม้ว่าจะมองแทบไม่เห็นทางรอดแต่เธอก็ไม่ยอมให้มันย่ำยีเธอแน่ๆ
โพล๊ะ!
‘โอ๊ย! ระยำมึงกล้าตีหัวกูเหรอ’
คีตาลดาไม่สนใจฟังคำสบถใดๆของมัน เธอฉวยโอกาสในจังหวะที่มันผงะถอยออกไปเพราะถูกตีหัวด้วยโคมไฟนั้นรีบหนีออกมา แม้ว่าจะทุลักทุเลมากแค่ไหนแต่เธอก็พยายามพาตัวเองออกมาจากห้องนั้นจนได้ สองเท้าเล็กๆ พาร่างระหงวิ่งหนีกระเซอะกระเซิงหวังไปตายเอาดาบหน้า ยิ่งได้ยินเสียงมันตะโกนสั่งลูกน้องดังโหวกเหวกไล่ตามหลังมา คีตาลดาก็ยิ่งเร่งฝีเท้าให้ไวขึ้น แต่มันช่างยากเย็นเหลือเกิน พิษยากระตุ้นกำหนัดที่ถูกกรอกเข้าปากกำลังเล่นงานเธอหนักหน่วง เธอต้องพยายามฝืนต้านอาการปั่นป่วนที่กำลังครอบงำ พยายามเพ่งมองไปยังทางข้างหน้า และวิ่งต่อให้ให้เร็วที่สุด แต่ดวงตาของเธอก็พร่าพรายจนมองทางไม่เป็นทาง ยิ่งเพ่งไปข้างหน้าก็เหมือนเส้นทางช่างคดเคี้ยว ยิ่งเพ่งให้เห็นชัดแต่ทางข้างหน้ายิ่งดูโหวงเหวงโคลงเคลงจนฉันแทบจะหยัดยืนไม่ไหว
‘ช่วยที! ใครก็ได้ช่วยฉันที’ เธอร้องตะโกนออกไปสุดเสียง แต่เหมือนเป็นเพียงเสียงกระซิบที่เล็ดลอดออกมาแผ่วเบา แม้จะรู้สึกสิ้นหวังแต่เศษเสี้ยวหนึ่งในห้วงความคิดก็ภาวนาขอให้ใครสักคนพาเธอรอดพ้นจากเงื้อมมือคนชั่ว
‘ว้าย!’ คีตาลดาหวีดด้วยความตกใจเมื่อร่างอ่อนระโหยของเธอเซถลาเข้าไปในห้องหนึ่งซึ่งบานประตูเปิดแง้มไว้ราวรอคอยใครสักคน หญิงสาวกึ่งตระหนกกึ่งดีใจ เหมือนฟ้าจะยังเมตตาให้เธอพอมีที่หลบซ่อน มือน้อยรีบปิดประตูห้องนั้นกดล็อคอย่างรวดเร็วด้วยความหวาดกลัวสุดหัวใจ เธอรอดแล้ว! เธอรอดพ้นเงื้อมมือคนชั่วนั่นแล้ว!
‘ว้าย!’ คีตาลดาหวีดเสียงด้วยความตกใจอีกครั้งเมื่อหันกลับมาแล้วชนกับร่างสูงใหญ่อย่างจัง ดวงตาคู่สวยไหวระริกยามเจ้าตัวเบิกกว้างมองคนตรงหน้าผ่านความมืดสลัวด้วยความตระหนก
‘กรี๊...อุ๊บ!’
‘ชู่ว...อย่าขัดขืน ช่วยฉัน! แล้วฉันจะให้ทุกอย่างที่เธอต้องการ’ เพียงจบคำ เจ้าของเสียงกร้าวสั่นพร่านั้นก็บดจูบรุกเร้าหนักหน่วงแบบไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ตอบโต้ คีตาลดาได้แต่หวีดร้องก้องอกด้วยความหวาดกลัว หญิงสาวพยายาม ดิ้นรนขัดขืนหัวใจดวงน้อยเต้นระรัว หยาดน้ำตาอุ่นใสไหลทะลักจากสองตาอย่างไม่อาจหักห้ามได้
หนีเสือปะจระเข้แท้ๆ รอดพ้นจากเงื้อมมือคนชั่วนั่น แต่กลับต้องมาสังเวยร่างกายให้กับผู้ชายที่เธอมองไม่เห็นแม้แต่หน้าว่าคือใคร ความมืดสลัวกับสติที่เลื่อนลอยทำให้ทุกอย่างพร่าพรายไปหมด ยิ่งถูกคนร่างหนาใหญ่คุกคามไม่เว้นช่วงจังหวะให้หนีรอด ร่างกายซึ่งร้อนลุ่มเพราะถูกครอบงำด้วย ฤทธิ์ยาก็ยิ่งถูกกระตุ้นให้สติกระจัดกระเจิงจนเธอร่วงหล่นลงสู่ห้วงแห่งเพลิงกามาอันเร่าร้อน
“หยุดเถอะลดา! หยุดคิดเสียที ฉันรับมันไม่ไหวแล้ว” คีตาลดาฝืนดึงตัวเองออกจากภาพความฝันในค่ำคืนเลวร้าย วันนั้น นี่เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วเธอก็นับไม่ถ้วน ยิ่งพยายามฝืนดึงตัวเองออกมาก็เหมือนยิ่งจมดิ่งลงไปในห้วงมหาสมุทรสุดลึก ดำผุดดำว่ายปริ่มจะจมน้ำตายเสียให้ได้ แต่ท้ายสุดก็ทะลึ่งพรวดขึ้นมานอนเกยหาดหายใจรวยรินก่อนจะลื่นไถลจมดิ่งลงไปครั้งแล้วครั้งเล่า
“พอแล้ว...เจ็บปวดมากพอแล้ว ขอล่ะ…อย่าคิดถึงมันอีกเลยนะ” หญิงสาววอนขอพลางจ้องมองสภาพทรุดโทรมของตังเองในกระจก ดวงตาแข็งกร้าวเปลี่ยนแปรเป็นไหวระริก แววตาที่เคยเจิดจรัสกลับเต็มไปด้วยความร้าวระทม
“แค่เยื่อบางๆนั่น มันมีค่ามากกว่าชีวิตและลมหายใจของเธอเหรอลดา แค่วันนี้เธอยังมีชีวิต มีลมหายใจมันก็เพียงพอแล้วไม่ใช่เหรอ” คีตาลดายิ้มอ่อนให้ตัวเอง ดวงตาคู่สวยกระพริบถี่ขับไล่หยาดน้ำตาที่ไหลรินจ้องมองตัวเองในกระจก ความคิดทุกอย่างหยุดลงชั่วขณะ ปล่อยให้ในห้วงความรู้สึกมีแต่ความว่างเปล่าอยู่แบบนั้นนิ่งนาน
----------------------------------
ไรท์ต้มมาม่าให้กินตั้งแต่เปิดเรื่องเลย อ่านแล้วถ้ายังรู้สึกไหวก็ไปต่อได้เลยนะคะ ไรท์สัญญาว่าไม่มีมาม่าทุกตอนแน่นอนค่ะ อ่านแล้วชอบใจก็เม้นท์ให้กำลังใจกันได้นะคะ แต่ถ้าไม่ชอบใจก็ขอให้ผ่านไป ไม่ต่อว่ารุนแรงต่อกันนะ ไรท์ใจบางมากๆ^^
คีตาลดานั่งมองกล่องของขวัญใบย่อมที่วางอยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย กล่องใบนี้เธอตั้งชื่อให้มันว่ากล่องแห่งความทรงจำ กล่องที่เธอเก็บเรื่องราวไว้ในนั้นมากมายหญิงสาวค่อยๆเปิดกล่องนั้นออกแล้วหยิบของในนั้นออกมาทีละชิ้น มองดูแล้วยิ้มน้อยๆ ก่อนวางลงข้างกล่องแล้วหยิบชิ้นอื่นๆออกมาทีละชิ้นๆ จนถึงชิ้นสุดท้ายซึ่งเป็นรูปคู่รูปแรกของเธอกับทัชกรคีตาลดามองดูแล้วน้ำตารื้น พอคิดถึงคืนวันเก่าๆแล้วไม่อยากคิดเลยว่าเธอและเขาจะเดินมาถึงจุดสิ้นสุดในวันนี้‘ผมรักคุณนะลดา รักตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกัน ผมตัดสินใจนานมากกว่าจะทำใจกล้าบอกรักคุณ’คีตาลดาแค่นยิ้มเมื่อคิดถึงคำพูดและสีหน้าของทัชกรในวันนั้น หญิงสาวผ่อนลมหายใจเมื่อคิดถึงคำพูดสุดท้ายที่เธอเขาพูดกับเธอก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุจนเธอเกือบไม่รอดชีวิต‘ผมรักคุณนะลดา ผมอาจเป็นคนเลวในสายตาคุณ แต่ผู้ชายชั่วช้าคนนี้แหละที่หัวใจมันมีแต่คุณ’คีตาลดาปาดน้ำตาซึ่งไหลพราก แล้วตัดใจฉีกรูปถ่ายใบนั้นดั่งต้องการฉีกเธอและทัชกรออกจากกันชั่วกัปชั่วกาล“ฉันไม่รู้ว่ารักของคุณคือเรื่องจริงหรือลวง ฉันรู้แค่วันนี้ฉันมีคนที่
หลายวันแล้วที่คีตาลดายังคงนอนหมดสติอยู่ในห้อง ไอ.ซี.ยู คิรินได้เพียงเฝ้ามองเธออยู่นอกห้องผ่านกระจกใส น้ำตาลูกผู้ชายไหลอาบแก้ม หัวใจแกร่งปวดหนึบที่ตัวเองช่วยอะไรเธอไม่ได้ทำได้เพียงแค่ยืนมอง“หมดเวลาเยี่ยมไข้แล้วค่ะ”เสียงพยาบาลเตือนมาเช่นทุกครั้งที่เขาเอาแต่ยืนมองคีตาลดานิ่งจนวินาทีสุดท้ายที่หมออนุญาตให้เยี่ยมได้ เขาเฝ้าภาวนาหวังสักครั้งว่าจะได้เห็นเธอเปิดปรือเปลือกตาขึ้นมา เขาหวังเหลือใจว่าจะได้เห็นรอยยิ้มได้ยินเสียงหัวเราะของเธอในเร็ววัน“คีตาลดาคุณนอนหลับนานเกินไปแล้วรีบตื่นได้แล้ว ผมคิดถึงคุณจนไม่เป็นอันหลับนอนแล้วรู้ไหมครับ”“คิรินกลับบ้านก่อนเถอะลูก กลับไปนอนพักผ่อนสักหน่อย แม่รู้ว่าคิรินเป็นห่วงน้อง แต่ถ้าน้องตื่นมาเห็นคิรินสภาพนี้น้องคงเสียใจนะลูก” คุณภนิดาอดกังวลไม่ได้ นางกลัวบุตรชายจะทรุดลงไปอีกคน แม้ร่างกายของคิรินจะแข็งแรงแต่อาการบาดเจ็บในวันนั้นก็สรางความบอบช้ำให้ไม่น้อย“พรุ่งนี้เราค่อยมาเยี่ยมน้องกันใหม่นะลูกนะ”“ครับแม่ ผมจะกลับเดี๋ยวนี้ แต่ผมขอไปนอนที่คอนโดฯเหมือนเดิมนะครับ ผมอยากอยู่ในที่ที่เคยอยู่กับคีตาลดา”คุณภนิดา
คีตาลดาครึ่งหลับครึ่งตื่น หญิงสาวพยายามฝืนดึงสติ โชคดีที่เธอกลั้นหายใจจึงสูดไอเย็นชื้นนั่นไม่มาก ไม่กี่นาทีเธอจึงคืนสติแม้จะยังไม่สมบูรณ์แต่ก็พอรู้ตัวว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น“ทัชกรคุณจับตัวฉันมาทำไม” หญิงสาวถามเสียงเครียดพยายามดิ้นหวังให้หลุดจากพันธนาการแต่เชือกที่มัดข้อมือเธอก็แน่นเกินกว่าจะหลุดออกได้“คุณกำลังคิดจะหลบหนีสินะ” คีตาลดาตั้งสติถาม เธอระลึกได้ว่าสร้อยจี้รูปหัวใจนอกจากจะเป็นจีพีเอสติดตามตัวเธอแล้วยังซ่อนไมค์เล็กๆไว้อัดเสียงอีกด้วย หากว่าเธอเป็นอะไรไปอย่างน้อยนี่น่าจะเป็นหลักฐานมัดตัวทัชกรได้“เพราะคุณฉลาดแบบนี้ไงผมถึงรักคุณลดา”“คุณรักแต่ตัวเองต่างหากทัชกร ถ้าคุณรักฉันจริงคุณไม่มีวันจับฉันมาเป็นตัวประกันแบบนี้หรอก”“จุ๊ๆ ใครว่าผมจับคุณมาเป็นตัวประกันล่ะ ผมจะพาคุณหนีไปด้วยกันกับผมต่างหาก”“อย่าหวังว่าฉันจะยินยอมง่ายๆ ฉันไม่มีวันไปกับคุณ” คีตาลดาพูดจบก็ใช้เท้ายันตัวเองขึ้นดันร่างหวังให้หลุดพ้นจากเข็มขัดนิรภัย ทัชกรตกใจกับการกระทำบ้าระห่ำนั่น“คุณทำบ้าอะไรลดากลับไปนั่งที่เดิมเดี๋ยวนี้”คีตาลดาไม่ฟัง หญิงสาวพยายามพุ
“ไม่ต้องมาหัวเราะแม่เลยนะพ่อตัวดี”“ผมบอกแล้วว่าปล่อยให้เป็นหน้าที่ผม เมียผม...ผมหาเองได้”“ย่ะ!” คุณภนิดาไม่วายค้อนก่อนหันมาทางคีตาลดาบีบไม้บีบมือหญิงสาวแล้วเอื้อนเอ่ยด้วยความยินดี“ไม่คิดว่าโลกจะกลมขนาดนี้ ตอนหนูบอกป้าว่ามีคนรักอยู่แล้วป้านี่เสียดายจะแย่ ที่แท้คนรักหนูก็คือลูกชายป้านี่เอง”หญิงสาวอมยิ้มขัดเขินขณะเลื่อนผ้าห่มมาคลุมอกให้มารดาของคิริน คุณภนิดามองความอ่อนโยนน่ารักนั้นด้วยความรู้สึกปลื้มปีติ“ถ้าพาหนูลดามาให้แม่รู้จักเร็วกว่านี้ แม่ก็ไม่ต้องมานอนปวดหัวอยู่แบบนี้หรอกคิริน”“ครับคุณแม่ผมผิดเองครับ” คิรินตอบรับแสนทะเล้นแล้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดีถอยห่างออกไปยืนกอดอกมองผู้หญิงที่รักทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างสนิทสนมคิรินรู้สึกขอบคุณโชคชะตาที่พาให้คีตาลดาเป็นคนช่วยชีวิตมารดาของเขาเอาไว้ อะไรๆจึงลงตัวง่ายขึ้น“คิรินพาน้องกลับไปพักผ่อนเถอะลูกเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว”“คุณป้าจะอยู่คนเดียวได้ยังไง ให้ลดาอยู่เป็นเพื่อนดีกว่านะคะ”“คิรินจ้างพยาบาลพิเศษให้อยู่เป็นเพื่อนแล้วหนูกลับไปพักเถอะลดา แล้วต่อไปอย่าเรียกป้าเลยนะ
“คุณแม่ท่านเป็นอะไรเหรอคะทำไมถึงเข้าโรงพยาบาล” คีตาลดาชวนคุยระหว่างนั่งอยู่ในรถ คิรินยิ้มอ่อนก่อนเล่าให้ฟัง“จู่ๆ วันนี้ท่านก็โรคหัวใจกำเริบ โชคดีที่มีคนพบแล้วช่วยเหลือพาส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลาไม่อย่างนั้นผมก็คง...”“ไม่เป็นไรนะคะ ตอนนี้ท่านปลอดภัยแล้วนะ” คีตาลดาบีบกระชับมือแกร่งถ่ายทอดความอบอุ่นปลอบประโลมคิรินมองคนรักด้วยความรู้สึกขอบคุณ คีตาลดาเหมือนจะเปราะบางแต่เอาเข้าจริงเขากลับรู้สึกว่าเธอเข้มแข็งกว่าที่เขาคิดมากนัก“เสียดายที่ผมไม่มีโอกาสขอบคุณคนที่ช่วยเหลือคุณแม่ พอมาถึงโรงพยาบาลเธอก็ไปแล้ว”คีตาลดานิ่วหน้าเล็กๆ เธอรู้สึกแปลกที่เรื่องราวมันคลับคล้ายคลับคลาราวกับว่าเป็นเรื่องเดียวกันกับเธอในวันนี้ หญิงสาวยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อรถสปอร์ตของคิรินก็เลี้ยวเข้าประตูทางเข้าของโรงพยาบาล คีตาลดาแหงนเงยหน้ามองดูป้ายชื่อโรงพยาบาล เห็นแล้วก็ยิ่งครุ่นคิดหนักเข้าเพราะมันเป็นโรงพยาบาลเดียวกันกับที่เธอพาคุณป้าคนนั้นมาส่งวันนี้“มาเถอะคุณแม่รออยู่” คิรินบอกเมื่อรถเทียบจอดตรงลานจอดรถโซนวีไอพีของโรงพยาบาล คีตาลดาเปิดประตูก้าวลงไปโดยไม่รอให้เขามาเปิดให้ หญ
“ระหว่างผมกับนรียามันมีความเกี่ยวโยงกันแค่นั้นจริงๆคีตาลดา นอกเหนือจากนั้นผมไม่เคยเห็นเขาในสายตาเลยสักนิด”“แต่เขาพูดเต็มปากมั่นใจเกินร้อยเลยนะคะ” คีตาลดาไม่วายท้วง แม้จะเชื่อใจเขาเกินครึ่งแต่ก็อดหวาดหวั่นไม่ได้ คิรินถอนหายแล้ว โอบกระชับรั้งไหล่แบบบางดึงร่างเธอมากอดแน่นเข้าแล้วถาม“คุณไม่เคยเจอคนพูดเองเออเองคิดไปเองเหรอครับคีตาลดา”“ของแบบนี้ตบมือข้างเดียวไม่ดังนะคะ”“ผมไม่เคยร่วมตบมือร่วมกับใครนอกจากคุณ”คีตาลดาจ้องดวงตาคมกริบซึ่งเจือด้วยแววรักหวานซึ้ง“เชื่อใจผมนะครับ อย่าไปรับเอาคำพูดของคนไร้สติแบบนั้นมาคิดมากเลย”คีตาลดาถอนหายใจก่อนบ่นพึมพำ“ลดาก็ไม่อยากคิดมากหรอกค่ะ แต่เรื่องเพิ่งเกิดก็อดขุ่นเคืองไม่ได้”“เอาแบบนี้...ผมมีวิธีทำให้คุณหายโกรธ”คีตาลดาเลิกคิ้วถาม“ยังไงคะ”“มาเถอะครับ ผมจะพาไประบายมันออกมา”คีตาลดาลุกเดินตามอย่างว่าง่าย แม้จะไม่รู้ว่าเขาจะพาเธอไปไหนแต่ก็ยังดีกว่านั่งอึดอัดอยู่ในห้องนี้“ปกติแล้วคุณระบายความโกรธด้วยวิธีไหนนะ” เขาชวนคุยเมื่อขึ้นนั่งบนรถสปอร์ตคันโก้ของเข
“ฉันได้ยินมาว่านอกจากเธอเล่นเปียโนเก่งแล้วยังอ่อยผู้ชายเก่งอีกด้วย”“คุณเรียกฉันมาพบเพียงเพื่อชมแค่นี้เหรอคะ” คีตาลดาถามยิ้มๆ ท่าทีของเธอดูเป็นคนใจเย็นทั้งที่ภายในดิ้นเร่าด้วยความเกรี้ยวกราดที่ถูกหยามเกียรติ“หน้าด้าน ด่าขนาดนี้ยังมีหน้ามายืดอกมั่นใจ”“แต่ก็คงน้อยกว่าคุณที่หน้าด้านเที่ยวมาอ้างตัวว่าเป็นคู่หมั้นท่านประธานทั้งที่เขาไม่เคยเหลียวแล”“แก! แกกล้าด่าฉัน”“ทำไมคะโดนด่ากลับแค่นี้ทำรับไม่ได้ ทีเวลาด่าคนอื่นทั้งที่ไม่รู้อะไรเลยทำไมไม่คิดล่ะคะ”“ฮึ! แกคิดว่าอ่อยพี่คิรินจนอยู่หมัดสินะถึงได้มั่นหน้ามั่นโหนกขนาดนี้”“ก็นิดนึงค่ะ ไม่เชื่อคุณก็ลองถามใครๆที่คาบข่าวมาบอกคุณสิคะว่าเขาเสพติดฉันมากแค่ไหน”ซ่า!!คีตาลดาฉุนจัดเมื่อถูกนรียาสาดน้ำเย็นใส่เต็มหน้าแบบไม่ทันตั้งตัว แถมยังพ่นวาจาเหยียดยามกระตุ้นความโกรธที่เธอพยายามเก็บกดให้พุ่งพล่าน“จำใส่กระโหลกไว้ ผู้หญิงอย่างแกก็ไม่ต่างอะไรจากกะหรี่ที่พอเห็นเป็นผู้ชายมีเงินก็แหวกขาอ้ารับ”เพียะ!“ว้าย!” นรียาหวีดลั่นด้วยความตกใจเมื่อถูกคีตาลดาฟาดฝ่ามือเผียะเข้า
คิรินงัดเอาสารพัดเหตุผลมาหว่านล้อมจนหญิงสาวยอมมาอยู่คอนโดมิเนียมของเขา คิรินค่อยรู้สึกเบาใจขึ้นมาบ้างเพราะทัชกรยังหนีหายไร้ร่องรอย เขาเกรงว่าหมอนั่นจะซุ่มลอบทำร้ายเธอหมาจนตรอกมันกัดไม่เลือก เขาจึงไม่วางใจให้เธออยู่ไกลจากสายตาวันนี้เป็นวันแรกที่คีตาลดาเดินทางไปทำงานหลังจากหยุดพักมาสองวัน ความไม่คุ้นชินเส้นทางหญิงสาวจึงออกจากคอนโคมิเนียมเร็วกว่าปกติ แม้ว่าคิรินจะสั่งให้คนของเขาคอยรับส่งเธอ แต่คีตาลดาก็ปฏิเสธเพราะกลัวจะเป็นเป้าสายตาให้ใครเก็บไปนินทา คิรินจึงจำยอมอย่างไม่เต็มใจนัก“ช่วยด้วยคนเป็นลม” เสียงร้องตะโกนขอความช่วยเหลือดังมาจากโถงด้านล่าง คีตาลดาที่เพิ่งก้าวออกจากลิฟต์รีบวิ่งเข้าไปช่วยเหลือทันที หญิงสาวเห็นหยิงวัยกลางคนนอนหายใจหอบถี่ อ้าปากพงาบๆราวจะบอกอะไรสักอย่าง พอเห็นนางชี้ไปทางกระเป๋าถือที่ตกอยู่ไม่ไกล คีตาลดาก็รู้โดยสัญชาตญาณหญิงสาวรีบหยิบกระเป๋าถือมาเปิดดูเห็นขวดยาอยู่ในนั้น เธอรีบอ่านฉลากเห็นเป็นยารักษาโรคหัวใจก็รีบเปิดขวดเอายากรอกใส่ปากให้คนนอนหายใจรวยริน โชคดีที่เธอเคยดูแลบิดาที่ป่วยเป็นโรคหัวใจเหมือนกันเธอจึงรู้วิธีช่วยชีวิตเบื้องต้นในนาทีวิกฤต
“คืนนั้นอาจเป็นฝันร้าย แต่วันนี้ผมจะทำให้ทุกอย่างกลายเป็นฝันดีของคุณคีตาลดา” เขากระซิบบอกแล้วสอดประสานกายเขาและเธอเข้าด้วยกัน คีตาลดาหวีดเสียงหวานราวกับทุกข์ทรมานสุดแสน คิรินมองร่างอ้อนแอนแอ่นอกยกร่างตอบรับกับการล่วงล้ำของเขาอย่างพึงพอใจ“คีตาลดา”“ขา”“ผมรักคุณ” เขาบอกเสียงอ่อนนุ่มแต่หนักแน่นเหลือเกินในความรู้สึกของคีตาลดา คำพูดของเขาทำเอาเธอฝืนเปิดปรือเปลือกตาหนักอึ้งขึ้นมองเห็นดวงหน้าคมของเขาลอยเด่นอยู่ชิดใกล้ หญิงสาวคลี่ยิ้มหวานขานรับกับคำบอกรักนั้นด้วยความรู้สึกอิ่มอุ่นในหัวใจ ดวงตาของเขายามทอดมองมาช่างหวานล้ำนัก แต่ท่วงทำนองรักที่ขับขานหวานล้ำยิ่งกว่า หวานหวามซาบซ่านจนเธอดิ้นพล่านอย่างไม่อาจหักห้ามใจได้“ผมรักคุณ รักคุณจนหมดใจคีตาลดา รักเหลือเกิน”คำบอกรักพลั่งพลูออกจากริมฝีปากหยักระรัวจนหัวใจของคีตาลดาแบ่งบานขานรับจะไม่ไหว ปากเขาพร่ำบอกรัก ความแข็งแกร่งแห่งชายชาตรีของเขาก็กระหน่ำตอกย้ำหน่วงหนักราวต้องการยืนยันว่าคำบอกรักนั้นมาจากใจอย่างแท้จริง“คุณจำได้ไหมคีตาลดา...ผมเคยบอกว่านับจากคืนนั้นทุกค่ำคืนในฝันของผมก็มีแต่คุณ”“จำได้ค่
ความคิดเห็น