LOGINซินเหยาลากร่างที่บาดเจ็บเดินไปยังหน้าเตา เธอหาข้าวที่เหลือในบ้านมาหุงอย่างยากลำบาก ผักและเนื้อที่มีอยู่น้อยนิดในครัวทำให้ซินเหยาไม่มีทางเลือกมากนัก เธอทำแค่ผัดผักใส่เนื้อง่าย ๆ ให้ทุกคนเท่านั้น ไข่ถูกนำมาเจียวเพียงสองฟองตามที่เหมียนจูกำหนดเอาไว้ในอาหารแต่ละมื้อของบ้าน ซินเหยาไม่ได้คาดหวังว่าตัวเองจะได้กินข้าวในมื้อนี้แต่แรก ด้วยร่างกายที่กำลังเจ็บปวดของซินเหยา เธอใช้เวลานานเกือบหนึ่งชั่วโมงในการทำอาหารกว่าจะเสร็จ ขณะที่กำลังยกอาหารไปให้คนบ้านฟู่ที่ห้องรับแขก ซินเหยาเกือบล้มลงก็หลายครั้ง ถ้าเธอไม่กลัวว่าจะถูกทุบตีอีก ซินเหยาคงประคองร่างไม่ไหวตั้งแต่แรกแล้ว ฟู่อ้ายโกว ฟู่หยางเซิงและฟู่โหรวมองดูซินเหยาด้วยสายตานิ่งเรียบ พวกเขาเคยชินกับการที่เหมียนจูทำร้ายร่างกายซินเหยามานานแล้ว
“วางเสร็จก็ไสหัวไปได้แล้ว คืนนี้ไม่ต้องกินข้าว ใครใช้ให้แกกลับช้า” เหมียนจูตวาดว่าเสียงดังอย่างหมั่นไส้ไม่หาย เธอเกลียดท่าทางน่าสงสารของซินเหยาจริง ๆ
ซินเหยาทำได้เพียงพยักหน้าและลากร่างบางเดินจากไปเงียบ ๆ เธอกลับเข้าไปในห้องเก็บฟืนเพื่อพักผ่อนหลังจากทำงานหนักมาทั้งวัน ตอนนี้ซินเหยาไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะลืมตาขึ้นมาแล้ว เธอยังอดนับถือตัวเองในใจไม่ได้ว่าร่างกายเล็ก ๆ ของเธอกลับสามารถทนทำงานให้คนบ้านฟู่ได้นานขนาดนี้
กลางดึกคืนนั้น ไข้ของซินเหยาสูงขึ้นจนเธออดเพ้อถึงพ่อแม่ไม่ได้ ในฝันอันยาวนานนั้นเต็มไปด้วยความสุขกับครอบครัวของเธอ ซินเหยาไม่อยากตื่นจากฝันดีเช่นนี้เลยแม้แต่น้อย เธออยากพ้นทุกข์และหายไปจากตระกูลฟู่เสียที
หลังจากฝันอันยาวนานผ่านพ้นไป ร่างกายของซินเหยาก็เยียบเย็นและเริ่มแข็งทื่อขึ้นตามสภาพอากาศอันหนาวเย็นในยามค่ำคืน ในที่สุดลมหายใจสุดท้ายของซินเหยาก็หมดลงไปอย่างสงบและสิ้นสุดเวรกรรมในชาตินี้ได้เสียที
สายวันต่อมา เสียงเหมียนจูด่าทอต่อว่าซินเหยาดังขึ้นอีกครั้งเหมือนกับทุกวัน เธอไม่คิดว่าซินเหยาจะกล้าอู้งานและไม่ยอมลุกมาทำอาหารให้พวกเธอ
“นังสารเลวเอ้ย! รีบลุกออกมาทำกับข้าวได้แล้ว จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหนฮะ!”
“แม่! ให้ผมเข้าไปดูดีไหม” ฟู่หยางเซิงถูไม้ถูมืออย่างหมายมาด เขาอยากลวนลามน้องสะใภ้คนสวยมานานแล้ว เพียงแต่ยังไม่มีโอกาส เมื่อเห็นว่าวันนี้ซินเหยาถึงกับไม่ลุกขึ้นมาตามเวลาทำงานปกติ ฟู่หยางเซิงจึงอยากแทะโลมคนสวยสักหน่อย แม่เขาไม่ยอมขอเมียให้สักทีจนเขาแทบจะทนไม่ไหว ฟู่หยางเซิงจึงต้องการหาอะไรมาชื่นใจสักหน่อย
“ฮึ! อย่าให้ฉันรู้ว่าแกคิดจะทำอะไรนะ” เหมียนจูคาดโทษลูกชาย ใช่ว่าเธอไม่เห็นสายตาของลูกชายคนโต เพียงแต่เธอเชื่อว่าเขาจะไม่กล้าทำอะไรให้บ้านเธอถูกไล่ออกจากหมู่บ้านก็เท่านั้น การที่เหมียนจูยังไม่หาเมียให้ลูกก็เพราะเธออยากได้ผู้หญิงรวย ๆ ให้เขาก็เท่านั้น ซึ่งในหมู่บ้านนี้ไม่มีผู้หญิงคนไหนเหมาะกับลูกชายสุดที่รักของเธอเลยสักคน เหมียนจูจึงยังไม่ได้จัดการเรื่องแต่งงานให้ลูกเสียที
“ผมรู้น่าแม่ เดี๋ยวผมมา” ฟู่หยางเซิงพังประตูห้องเก็บฟืนเข้าไปทันที เพราะเมื่อครู่นี้เขาลองเปิดดูแล้วแต่มันกลับถูกล็อกเอาไว้จากด้านใน
“เหม็นอับเสียจริง” เหมียนจูอดยกมือขึ้นมาปิดจมูกไม่ได้ เธอได้กลิ่นเหม็นอับออกมาจากห้องเก็บฟืนเก่าจนแทบจะทนไม่ไหว เมื่อก่อนห้องนี้ก็เป็นห้องนอนของฟู่จิงถิง พอเขาแต่งงานกับซินเหยา เหมียนจูจึงให้เธอมาพักอยู่ในห้องนี้แทน
“ซินเหยา ตื่นได้แล้ว” ฟู่หยางเซิงเขย่าร่างของซินเหยาเบา ๆ พร้อมทั้งไล้มือไปตามลาดไหล่บางของเธออย่างอดไม่ได้
ซินเหยาที่ร่างกายบาดเจ็บและถูกพิษไข้รุมเร้าไม่รู้สึกถึงสัมผัสของฟู่หยางเซิงเลยแม้แต่น้อยนิด เธอยังคงนอนหลับอย่างอ่อนเพลีย
“เอ๊ะ! ทำไมตัวร้อนขนาดนี้เนี่ย” ฟู่หยางเซิงอดเอามือไปอังที่หน้าผากของซินเหยาอีกครั้งไม่ได้หลังจากเขารับรู้ถึงความร้อนจากมือที่ลูบไล้ร่างของซินเหยาก่อนหน้านี้
“แม่! แม่! เข้ามาดูหน่อยสิครับ” ฟู่หยางเซิงเมื่อมั่นใจว่าซินเหยาป่วยแน่แล้วก็รีบตะโกนเรียกแม่ของเขาที่ยังยืนอยู่หน้าประตูให้เข้ามาดูแทน
“อะไรของแกเนี่ย เสียงดังอย่างกับมันตายไปแล้วอย่างนั้นแหละ” เหมียนจูอดบ่นเสียงดังขึ้นมาไม่ได้ ตั้งแต่ซินเหยามาอยู่บ้านฟู่ เหมียนจูก็ไม่เคยเห็นซินเหยาป่วยมาก่อน
“ตอนนี้ยังไม่ตาย แต่ไม่แน่ว่าใกล้จะตายแล้วนะแม่” ฟู่หยางเซิงบอกเสียงดังอย่างหวาดกลัว ถ้าชาวบ้านรู้ว่าแม่เขาทำร้ายซินเหยาจนตายล่ะก็ ครอบครัวเขาต้องถูกไล่ออกจากหมู่บ้านอย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมาผู้ใหญ่บ้านเคยตักเตือนพวกเขาแล้วว่าไม่ให้ทำร้ายซินเหยา แต่แม่ของเขาก็ไม่เคยสนใจคำพูดพวกนั้นเลย
“เฮอะ! ฉันว่ามันก็แค่สำออยนั่นแหละ แกถอยไปสิ” เหมียนจูเตะขาลูกชายที่ยังนั่งอยู่ข้างร่างของซินเหยาซึ่งขวางทางเธอเข้าไปดูใกล้ ๆ
“รู้แล้ว ๆ แม่รีบดูเลยว่าจะทำยังไงกันดี ผมไม่อยากให้เธอมาตายในบ้านหรอกนะ”
“แกนี่มันขี้ขลาดเหมือนพ่อแกจริง ๆ” เหมียนจูอดด่าว่าลูกชายของเธอไม่ได้
“อะไรของแม่เนี่ย ผมขี้ขลาดที่ไหนกัน” ฟู่หยางเซิงไม่อยากยอมรับความจริง
“หุบปากน่า! ให้ฉันดูก่อนว่ามันเป็นอะไรกันแน่ถึงไม่ลุกมาทำกับข้าว” เหมียนจูยื่นมือไปอังหน้าผากร้อนของซินเหยา พอพบว่าซินเหยาน่าจะป่วยจริง เธอก็ได้แต่ขมวดคิ้วมุ่นอย่างยุ่งยากใจ จริงอยู่ว่าเธอยังมีเงินที่แย่งมาจากซินเหยาเหลืออยู่ไม่น้อย เพียงแต่เธอไม่อยากเสียเงินรักษาตัวไร้ประโยชน์อย่างซินเหยาตอนนี้เท่านั้น
“แม่ เป็นยังไงบ้าง” ฟู่หยางเซิงอดถามไม่ได้เมื่อเห็นสีหน้าแม่ของเขา
“ปล่อยให้มันนอนไปก่อนก็แล้วกัน แกไปเรียกน้องมาช่วยแม่ทำกับข้าว” เหมียนจูบอกลูกชายก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากห้องเก็บฟืนไปอย่างหัวเสีย
“ครับ ๆ ผมไปเดี๋ยวนี้แหละ” ฟู่หยางเซิงได้แต่ต้องเดินออกไปเช่นกัน เขาไม่กล้าขัดคำสั่งของแม่เขามาแต่ไหนแต่ไร ถึงแม้บางครั้งเขาจะแอบขโมยเงินแม่ไปเล่นพนันในอำเภออยู่บ้างก็เถอะ โชคดีที่เขาใส่ร้ายซินเหยาว่าเป็นคนขโมยแทนตัวเอง ทำให้ไม่ถูกแม่จับได้
ซินเหยาหลับไปจนกระทั่งถึงตอนค่ำคืน ร่างบางพลิกกายเบา ๆ อย่างอ่อนแรงและต้องขมวดคิ้วมุ่นอย่างแปลกใจ ก่อนหน้านี้เธอทำภารกิจสืบข่าวให้กองทัพและถูกยิงจากกลุ่มคนร้ายจนตายไปแล้วนี่นา ทำไมตอนนี้เธอถึงรู้สึกถึงอาการบาดเจ็บและหิวได้
“อืม…” เสียงอ่อนแรงและการพยายามลืมตาเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นดังออกมาเบา ๆ
น่าเสียดายที่ร่างอันอ่อนล้านี้ไม่สามารถทำได้ง่าย ๆ ตามต้องการ ไม่นานนักในหัวของซินเหยาก็มีภาพต่าง ๆ ผุดขึ้นมาเป็นฉาก ๆ จนเธอปวดหัวแทบจะระเบิด
“อา… นี่มันปาฏิหาริย์ชัด ๆ ฉันกลับมาอยู่ในร่างคนอ่อนแอเสียได้” เสียงพึมพำเบา ๆ ดังขึ้นหลังจากเรียบเรียงทุกอย่างเสร็จ
ซินเหยาที่ตอนนี้ได้ครอบครองร่างของคนชื่อเดียวกันกับเธอ แต่นิสัยต่างกันราวฟ้ากับเหวจนอดทอดถอนใจทั้งที่ยังไม่ลืมตาไม่ได้ เธอไม่คิดว่าชีวิตของร่างเดิมจะอาภัพมากถึงขนาดนี้ ในใจของซินเหยาตอนนี้อยากแก้แค้นคนเลวพวกนั้นแทนร่างเดิมใจจะขาด น่าเสียดายที่ตอนนี้เธอยังบาดเจ็บและป่วยอยู่ ทำให้ซินเหยาไม่สามารถลุกขึ้นไปต่อต้านคนพวกนั้นได้ในเร็ววัน
หลังจากความพยายามลืมตาอยู่นาน ในที่สุดซินเหยาก็สามารถมองเห็นโดยรอบของห้องเก็บฟืนแห่งนี้ ภาพแรกที่เห็นคือเพดานผุพังและรูโหว่มากมายของหลังคา ผ้าห่มเก่า ๆ ผืนบางถูกพาดอยู่บนตัวของเธอ ซินเหยาพยายามยกแขนที่อ่อนแรงขึ้นมาดูก็เห็นว่าร่างกายนี้ช่างผอมบางไม่ต่างจากขอทานเลยแม้แต่น้อย ซินเหยากัดฟันพยุงร่างกายขึ้นเพื่อไปหาของกินจากห้องครัวอย่างยากลำบาก เธอใช้เวลานานมากเกือบสองชั่วโมง กว่าที่จะหาของกินและเดินกลับเข้าไปนอนพักในห้องเก็บฟืนเก่าคร่ำคร่าห้องเดิมอีกครั้ง
สายวันต่อมา เสียงต่อว่าด่าทอยังคงดังออกมาให้ซินเหยาได้ยิน เธอนอนพักผ่อนโดยไม่คิดที่จะลุกขึ้นไปรับใช้คนตระกูลฟู่เหมือนกับร่างเดิม เป้าหมายตอนนี้ของเธอคือการดูแลร่างกายให้แข็งแรงขึ้นให้เร็วที่สุด เพื่อที่เธอจะได้จัดการเรื่องต่าง ๆ ของร่างเดิมให้เสร็จสิ้นและเป็นอิสระจากการแต่งงานนี้เสียที
ซินเหยาไม่คิดว่าสามีในนามของร่างเดิมจะรักเธอจริง ซินเหยาจึงต้องการหย่าขาดจากเขาหลังจากหาเงินเพื่อเดินทางไปหาเขาที่ค่ายทหาร แต่ก่อนจะไปจัดการเรื่องหย่า ซินเหยาจะต้องแก้แค้นให้ร่างเดิมสักเล็กน้อยเสียก่อน
ป้าเพ่ยอดเป็นห่วงซินเหยาขึ้นมาไม่ได้ ตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้วที่เธอไม่เห็นซินเหยาออกไปถอนหญ้าในนาเหมือนปกติ จนใจที่ป้าเพ่ยไม่กล้าไปถามคนบ้านฟู่ เธอกลัวว่าหากเข้าไปยุ่งมากเกินไป เหมียนจูจะทำร้ายซินเหยาจนบาดเจ็บอีก
กลางดึกคืนนั้น ซินเหยาลุกออกจากห้องเก็บฟืนไปหาอะไรกินเช่นเคย ตอนนี้เธอรู้สึกว่าร่างกายดีกว่าก่อนหน้านี้ไม่น้อย นับว่าร่างกายนี้ทนทานต่ออาการบาดเจ็บได้เป็นอย่างดีไม่ต่างจากร่างกายเดิมของเธอที่ตายจากไป ซินเหยาใช้เวลาไม่นานในการกินข้าวเพื่อประทังชีวิต จากนั้นเธอจึงลอบเข้าไปในบ้านฟู่เพื่อสำรวจดูว่าต้องใช้วิธีการใดในการนำเงินชดเชยของพ่อแม่เธอกลับมาดี
ด้วยประสบการณ์ในอาชีพเก่า เสียงฝีเท้าของซินเหยาจึงเบาราวกับเสียงปีกแมลงหวี่เลยทีเดียว เธอมองดูห้องสามห้องที่อยู่ในบ้านอย่างหงุดหงิด เพราะทุกห้องล้วนแต่ลงกลอนเอาไว้เป็นอย่างดี ทำให้ซินเหยาไม่สามารถลอบเข้าไปได้โดยง่าย เมื่อเห็นว่าอยู่นานไปก็ไร้ประโยชน์ ซินเหยาจึงเดินกลับไปนอนพักผ่อนต่อในห้องเก็บฟืนเหมือนเดิม
วันต่อมา เหมียนจูที่ต้องทำงานเองมาสองวันเริ่มอดทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอเข้าไปยังห้องเก็บฟืนพร้อมไม้กวาดประจำตัวตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง
“นังตัวขี้เกียจ! ลุกขึ้นมาทำงานเดี๋ยวนี้นะ” เหมียนจูง้างไม้กวาดขึ้นสูงเตรียมจะฟาดลงไปบนตัวของซินเหยาเหมือนที่เคยทำประจำ
“โอ้ย! หุบปาก! ไม่เห็นหรือไงว่าคนกำลังนอนอยู่” ซินเหยาตะคอกกลับไปทั้งที่ยังหลับตาอยู่บนที่นอนเก่าซอมซ่อในห้องเก็บฟืน
“นังสารเลวเอ้ย! กล้าอู้กับฉันเหรอ ฉันจะตีแกให้ตาย” เหมียนจูฟาดไม้กวาดลงอย่างแรง
“ฉันแน่ใจค่ะป้า ตอนนี้ฉันคิดได้แล้วว่าไม่ควรถูกเอาเปรียบอีกต่อไป” ซินเหยาบอกด้วยสีหน้าจริงจังต่างกับความอ่อนแอเมื่อก่อนลิบลับ“เฮ้อ ป้าชุย ไปตามผู้ใหญ่บ้านมาทีจ๊ะ” ป้าเพ่ยได้แต่ถอนหายใจแล้วหันไปบอกเพื่อน“อืม ๆ รอสักประเดี๋ยวก็แล้วกันนะ” ป้าชุยพยักหน้ารับคำและรีบเดินออกจากบ้านฟู่ไป“นังเนรคุณ! แกกล้าเรียกผู้ใหญ่บ้านมาเลยเหรอ” เหมียนจูอดตวาดว่าซินเหยาเสียงดังไม่ได้“ทุกคนดูแม่สามีฉันสิ คำก็เนรคุณ สองคำก็สารเลว นี่ฉันเข้ามาเป็นลูกสะใภ้ของเธอหรือว่ามาเป็นที่รองรับอารมณ์กันแน่คะ” ซินเหยาแสร้งทำหน้าตาน่าสงสารให้ชาวบ้านดู“เหมียนจู เธอทำเกินไปหรือเปล่าเนี่ย ใช่ว่าพวกเราไม่เห็นความลำบากของซินเหยาตลอดหลายปีที่ผ่านมานะ เพียงแต่ครั้งนี้พวกเธอทำเกินไปจริง ๆ ที่กล่าวหาซินเหยา” ชาวบ้านที่ฟังอยู่ตลอดรีบเอ่ยปากช่วยซินเหยา เธอไม่ชอบใจนักที่เหมียนจูจิกหัวเรียกลูกสะใภ้แบบน
สี่พ่อแม่ลูกยังคงวางแผนการที่จะเดินทางเข้าเมืองเพื่อหาคนแต่งงาน พวกเขาไม่รู้เลยว่าอีกไม่กี่วันจะเกิดเรื่องขึ้นที่บ้านจนไม่สามารถเดินทางไปทำตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ได้ คืนนั้นคนบ้านฟู่ยังคงต้องกินอาหารฝีมือของเหมียนจูเหมือนเคย เพราะไม่สามารถลากซินเหยามาทำงานให้ตัวเองได้สามวันต่อมาเสียงกรีดร้องดังออกมาจากภายในบ้านตระกูลฟู่ต่างจากทุกวัน เหมียนจูที่เตรียมตัวจะนำเงินเก็บพาครอบครัวไปยังเมืองข้าง ๆ เพื่อหาคนแต่งงานให้ลูกชายและลูกสาวต้องตกใจที่เงินเก็บทั้งหมดของครอบครัวหายไป“เกิดอะไรขึ้น!! ทำไมเสียงดังขนาดนี้!” ฟู่อ้ายโกวรีบเปิดประตูเข้ามาในห้องนอน“เงิน! เงินเก็บบ้านเราหายไปหมดแล้ว!!!” เหมียนจูตะโกนร้องไห้เสียงดัง“บ้าน่า! คุณเป็นคนรู้ที่เก็บอยู่คนเดียว แล้วเงินมันจะหายไปได้ยังไง” ฟู่อ้ายโกวเองก็ตกใจไม่น้อยที่รู้ว่าตอนนี้ในบ้านเขาไม่มีเงินเหลืออีกแล้ว
“คุณพูดจริงเหรอคะ” หญิงวัยกลางคนยิ้มกว้างออกมา เธอไม่รู้ว่าราคาจะแพงไหมแต่อย่างน้อยหลานของเธอก็จะมีงานทำแล้ว“จริงสิคะ ฉันยังจะพาพวกคุณไปรายงานตัวที่โรงงานด้วยนะคะ” ซินเหยาต้องการทำทุกอย่างให้เรียบร้อยและมั่นใจว่าพวกเขาจะได้เข้าทำงานจริง“ไม่ทราบว่าคุณขายราคาเท่าไหร่เหรอคะ เรามีเงินไม่มากนัก” หญิงวัยกลางคนรีบถามเรื่องสำคัญทันที เธอไม่แน่ใจว่าตำแหน่งงานนี้ทำอะไรและราคาแพงไหม“ตำแหน่งของพ่อแม่ฉันเป็นตำแหน่งจัดซื้อวัสดุค่ะ เงินเดือนที่จะได้รับเดือนละห้าสิบหยวน ฉันขายในราคาตำแหน่งละหนึ่งพันหยวน คุณคิดยังไงคะ” ซินเหยาลองถามราคาที่สูงสุดก่อน เผื่อว่าพวกเขาจะต่อรอง“ป้าครับ ราคามันแพงเกินไปนะครับ ผมกับภรรยารอสมัครงานอื่นก็ได้” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่รีบส่ายหน้าปฏิเสธ พวกเขาเป็นเพียงหลานเท่านั้นเลยไม่อยากรบกวนป้า“เฮ้อ อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจสิ ป้าเชื่อว่าพ่อแม่ของเธอต้องอยาก
ควับ! พลั่ก! ตุ้บ!“กรี๊ด!!! นังสารเลวซินเหยา แกกล้าเตะฉันเหรอ!” เหมียนจูกรีดร้องอย่างโกรธแค้น“น่ารำคาญจริง ไสหัวไป!!!” ซินเหยาถลึงตาใส่หญิงสูงวัยตรงหน้าอย่างรังเกียจ“ฉันจะฆ่าแก” เหมียนจูลุกขึ้นมาง้างไม้กวาดขึ้นอีกครั้ง“อยากเจ็บตัวใช่ไหม? ดี!” ซินเหยาทะลึ่งพรวดลุกขึ้นเต็มความสูง ถึงแม้ตอนนี้เธอจะยังไม่หายดี แต่ก็นับว่าร่างใหม่ของเธอเพียงพอที่จะกำราบผู้หญิงตรงหน้าก่อนที่ไม้กวาดจะฟาดถูกร่างของซินเหยา เหมียนจูก็ถูกซินเหยาเตะเข้าที่เอวอย่างจังจนล้มคว่ำลงไปเป็นครั้งที่สอง ซินเหยาไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น เธอตามเข้าไปตบหน้าเหมียนจูซ้ำอีกหลายครั้งจนหน้าบวมเป็นหัวหมู“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! ใครก็ได้ มาช่วยฉันเร็วเข้า!” เหมียนจูร้องตะโกนเสียงดังเมื่อดูแล้วว่าซินเหยาไม่คิดจะหยุดมือง่าย ๆ ตอนนี้เธอได้รับบาดเจ็บไปทั้งตัวแล้ว
ซินเหยาลากร่างที่บาดเจ็บเดินไปยังหน้าเตา เธอหาข้าวที่เหลือในบ้านมาหุงอย่างยากลำบาก ผักและเนื้อที่มีอยู่น้อยนิดในครัวทำให้ซินเหยาไม่มีทางเลือกมากนัก เธอทำแค่ผัดผักใส่เนื้อง่าย ๆ ให้ทุกคนเท่านั้น ไข่ถูกนำมาเจียวเพียงสองฟองตามที่เหมียนจูกำหนดเอาไว้ในอาหารแต่ละมื้อของบ้าน ซินเหยาไม่ได้คาดหวังว่าตัวเองจะได้กินข้าวในมื้อนี้แต่แรก ด้วยร่างกายที่กำลังเจ็บปวดของซินเหยา เธอใช้เวลานานเกือบหนึ่งชั่วโมงในการทำอาหารกว่าจะเสร็จ ขณะที่กำลังยกอาหารไปให้คนบ้านฟู่ที่ห้องรับแขก ซินเหยาเกือบล้มลงก็หลายครั้ง ถ้าเธอไม่กลัวว่าจะถูกทุบตีอีก ซินเหยาคงประคองร่างไม่ไหวตั้งแต่แรกแล้ว ฟู่อ้ายโกว ฟู่หยางเซิงและฟู่โหรวมองดูซินเหยาด้วยสายตานิ่งเรียบ พวกเขาเคยชินกับการที่เหมียนจูทำร้ายร่างกายซินเหยามานานแล้ว“วางเสร็จก็ไสหัวไปได้แล้ว คืนนี้ไม่ต้องกินข้าว ใครใช้ให้แกกลับช้า” เหมียนจูตวาดว่าเสียงดังอย่างหมั่นไส้ไม่หาย เธอเกลียดท่าทางน่าสงสารของซินเหยาจริง ๆซินเหยาทำได้เพียงพยักหน้าและลากร่างบางเดินจากไปเงียบ ๆ เธอกลับเข้าไปในห้องเก็บฟืนเพื่อพักผ่อนหลังจากทำงานหนักมาทั้งวัน ตอนนี้ซินเหยาไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะลืมตาขึ้นมา
หมู่บ้านซวงหลิน เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ห่างไกลจากมณฑลเจ้อเจียงไปทางตะวันตกมากถึงห้าร้อยกิโลเมตร เสียงด่าทอต่อว่าที่ดังอยู่เป็นประจำสร้างความหดหู่ให้เพื่อนบ้านที่ได้ยินไม่น้อย พวกเขาสงสารสะใภ้อย่างซินเหยาที่สุด เพียงแต่ชาวบ้านไม่สามารถยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับตระกูลฟู่ซึ่งมีนิสัยไม่ต่างจากอันธพาลได้ ชาวบ้านจึงทำได้แค่แอบช่วยเหลือซินเหยาอย่างลับ ๆ เท่านั้น“สำออยอยู่ได้ทุกวี่ทุกวัน รีบทำกับข้าวแล้วไปถอนหญ้าในนาให้เสร็จ ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องกินข้าว เลี้ยงเสียข้าวสุกจริง ๆ” เหมียนจูแม่สามีของซินเหยาอ้าปากขึ้นก็เอาแต่ด่ามาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างแล้ว“รู้แล้วค่ะแม่ ฉันจะรีบทำ” ซินเหยาตอบกลับเสียงสั่น ตอนนี้ร่างกายเธอรู้สึกร้อนผ่าวราวกับเป็นไข้ คงเพราะงานที่เธอต้องทำรับใช้คนตระกูลฟู่มีมากเกินไปจนร่างกายผอมบางของเธอรับไม่ไหวจึงเป็นเช่นนี้ตั้งแต่ซินเหยาแต่งงานเข้าตระกูลฟู่ เธอกับสามียังไม่ได้เข้าหอด้วยซ้ำ กลับถูกแม่สามีลากให้ฟู่จิงถิงไปเป็นทหารแทนพี่ชายอย่างฟู่หยางเซิง ตอนนี้ผ่านมาสามปีแล้ว ซินเหยายังไม่เคยได้คุยกับคนเป็นสามีเลยแม้แต่คำเดียว ขนาดจดหมายที่เขาส่งมาพร้อมเงินเลี้ยงดูของเธอ แม่สามีก







