เมื่อฉันต้องมาเป็นคุณแม่ลูกหนึ่ง
มีคนมาหา???
*****
“นี่คุณคะ คุณได้ยินเรื่องของลูกสาวคนดีของคุณบ้างไหมคะ” นางจินอี๋นั่ว ผู้ที่มีศักดิ์เป็นแม่เลี้ยงของหลิวเมิ่งหลันเอ่ยถามผู้เป็นสามี
“อืม” หลิวฮุ่ย ตอบผู้เป็นภรรยา
“คุณหมายความว่ายังไงคะ ช่วยบอกให้ฉันเข้าใจหน่อยได้ไหม” อี๋นั่วต้องการคำตอบไอ้อืมที่ว่านี่มันคืออะไร
“แล้วคุณได้ยินมาแบบไหนบ้างล่ะ หลิวฮุ่ยถามกลับไปบ้าง” เขาก็ไม่รู้ว่าภรรยาจะทำแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่
“ก็จะมีอะไรซะอีกล่ะคะ ก็เรื่องการใช้จ่ายของหล่อนน่ะสิ ได้ข่าวมาว่าออกไปตลาดที่ในอำเภอบ่อยมาก แถมเวลากลับมาแต่ละทีก็ขนของมาเยอะแยะ เสื้อผ้าก็ใส่แต่ชุดใหม่ๆ ไม่เห็นจะแวะมาหาเราบ้างทั้งๆที่ต้องผ่านหน้าบ้านเราก่อน อย่างนี้เขาไม่เรียกว่าอกตัญญูหรอคะคุณ” อี๋นั่วเอ่ยอย่างไม่ยินยอม
“คุณจะให้ลูกกตัญญูอะไร เมิ่งหลันมีภาระต้องเท่าไหร่ ต้องเลี้ยงลูก 2 คนด้วยตัวคนเดียว สามีก็ไม่มี ไหนจะอาหารการกินอีก เธอไม่ได้ทำงานที่ทุ่งนาก็เป็นเรื่องปกติแล้วที่เธอจะเข้าไปซื้ออาหารในตัวอำเภอ แล้วคุณต้องการอะไรอีก” หลิวฮุ่ยพูดด้วยความโมโหปนรำคาญ
“ก็ฉันสงสัยนี่คะคุณ ว่าเมิ่งหลันเอาเงินที่ไหนไปซื้อของมาเยอะแยะ หรือว่าคุณแอบให้เธอกันคะ” อี๋นั่วก็ยังไม่ยอมแพ้ เรื่องที่ว่าเมิ่งหลันเอาเงินที่ไหนมาซื้อของเยอะแยะ
“คุณยังสติดีอยู่หรือเปล่า เงินที่ทำงานได้มาคุณก็เก็บไปจนหมดผมจะเอาเงินที่ไหนไปให้ลูก” หลิวฮุ่ย เริ่มเอือมระอากับภรรยาของตัวเองเต็มทน
“ไม่รู้ล่ะ แต่คุณก็อย่าลืมว่าคุณยังมี ลูกสาวกับลูกชายอีก 2 คนนะคะไม่ใช่มีแค่เมิ่งหลันคนเดียว” ยังใงเธอก็ยังคิดว่าหลิวฮุ่ยต้องแอบให้เงินเมิ่งหลันแน่นอน
“คุณจะพูดอะไรเยอะแยะ ผมบอกว่าไม่ได้ให้ก็คือไม่ได้ให้ แล้วคุณก็อย่าได้คิดไปเอาเปรียบเมิ่งหลันเป็นอันขาด” หลิวฮุ่ยยื่นคำขาด และเดินออกไปนอกบ้านทันที
“มีอะไรกันเหรอคะแม่” หลิวซิงอี ผู้เป็นลูกสาวคนโตเข้ามาถามเมื่อได้ยินเสียงบิดาและมารดาทุ่มเถียงกันอยู่
หลิวซิงอี นั้นมีอายุสิบเจ็ดปี น้อยกว่าเมิ่งหลัน 3 ปี และมีน้องชายชื่อ หลิวซีซวน อายุสิบห้าปี
“ก็จะอะไรอีกล่ะ ก็เรื่องนังเมิ่งหลันนั่นแหละ” ผู้เป็นมารดาพูดด้วยความโมโห
“ใช่แล้วค่ะแม่ ฉันก็ได้ยินคำนินทาเยอะแยะเลยที่ข้างนอก บอกว่านังเมิ่งหลันมีเงินไปซื้อข้าวของเยอะแยะ แถมยังมีเสื้อผ้าชุดใหม่ใส่อีกด้วย” ซิงอี สุมไฟชุดใหญ่เข้าไปอีกด้วยความที่อิจฉาว่าเมิ่งหลันมีเสื้อผ้าใหม่ใส่ แต่ปีนี้ตัวเองเพิ่งจะได้ชุดใหม่แค่ชุดเดียว นังแม่หม้ายจะได้ดีกว่าเธอได้ยังไง
“แม่ก็ได้ยินมาแบบนั้น หรือว่าเราจะไปดูมันที่บ้านกันดี” 2 คนแม่ลูกวางแผนกัน
“ถ้างั้นเราไปกันเลยดีไหมคะแม่หนูเลยอยากเห็นหน้าแม่หม้ายผัวทิ้งเต็มทนแล้วล่ะค่ะ” ซิงอี รีบยุแม่ของตนทันที และเมื่ออี๋นั่วพยักหน้าให้กับลูกสาว ทั้งสองคนก็เดินออกไปจากบ้านทันที
*
“เมิ่งหลัน อยู่บ้านหรือไม่เปิดประตูให้ฉันหน่อย” ซิงอี ยืนเรียกพี่สาวที่หน้าประตูรั้วไม่แม้แต่จะเรียกว่าพี่สาวสักคำ
“นี่ได้ยินไหมฉันบอกให้เปิดประตู” ซิงอี เรียกด้วยความโมโหหลังจากที่ยังไม่มีคนมาเปิดประตูอีก จะให้เธอนั้นเสียงดังอยู่ตรงนี้อีกนานแค่ไหน
ส่วนเมิ่งหลัน และลูกแฝด นั้น ได้ยินเสียงคนมาเรียกที่หน้าประตูแล้ว จากในความทรงจำของร่างเก่า เธอคิดได้ขึ้นมาทันทีว่าต้องเป็นสองแม่ลูกมหาภัยแน่นอน เธอจึงยังไม่ออกไปเปิดประตูให้ แต่หันกลับมาคุยกับลูกแฝดของเธอว่า
“เหวินหลง ฟางหลิน ลูกรอแม่อยู่ในห้องนอนห้ามออกไปเป็นอันขาดนะคะลูก เป็นเด็กดีต้องทำยังไงคะบอกคุณแม่หน่อยซิ” เมิ่งหลันเธอไม่อยากให้ลูกเธอเสียสุขภาพจิต จึงบอกให้ลูกเธอรออยู่ในห้อง
"ไม่ดื้อค่ะ/ไม่ซนครับ" 2แฝด บอกออกไป
“ลูกของแม่เก่งที่สุด ถ้างั้นแม่ขอออกไปทำธุระก่อนนะรอแม่อยู่ในนี้นะจ๊ะ” แล้วเธอก็ปิดประตูห้องนอนแล้วเดินออกไปที่รั้วหน้าบ้าน
“คุณมาที่นี่มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ” เมิ่งหลันถามทันทีที่เธอเปิดประตูมาเจอสองคนแม่ลูก
“ทำไม ถ้าพวกฉันไม่มีธุระมาที่นี่ไม่ได้ใช่ไหม” อี๋นั่ว ก็ถามออกไปด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเช่นกัน
“ใช่ค่ะถ้าไม่มีธุระก็ไม่สมควรที่จะมา” เมิ่งหลันยอกย้อนกลับไป เธอไม่ใช่เมิ่งหลันคนเก่าที่จะต้องมาทนฟังหรือยอมให้พวกเขารังแก
“นี่หล่อน ฉันเป็นแม่ของเธอนะ” อี๋นั่ว อ้างความเป็นภรรยาพ่อของเมิ่งหลัน ซึ่งก็คือในฐานะแม่เลี้ยง
“ไม่ใช่ค่ะ คุณไม่ใช่แม่ของฉัน แม่ของฉันตายไปตั้งนานแล้ว คุณควรที่จะรู้เอาไว้ด้วย” เมิ่งหลันตอบกลับ แบบไม่ยินยอมเช่นกัน เอาสิ หยาบมาหยาบกลับไม่โกง
……………………………………………………….
อย่าลืมกดหัวใจ❤️ให้ด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ
พวกเราคือครอบครัว…สี่ปีต่อมา…หลังจากวันที่เมิ่งหลันคลอดลูกชายฝาแฝด ก็ผ่านมามานานหลายปีแล้ว การเลี้ยงดูลูกของเธอช่างวุ่นวายเป็นอย่างมาก ดีที่เหอตี้ออกจากงานมาช่วยเธอดูแลร้าน ไม่อย่างนั้นเธอเองคงไม่มีเวลาพัก การเลี้ยงลูกถึงสี่คนไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยฟางหลินและเหวินหลงนั้น ดีที่โตพอจนรู้ความแล้ว ตอนนี้อายุก็เข้าปีที่สิบแล้ว หนูน้อยฟางหลินในตอนนี้ความงดงามนั้นเปล่งประกายมากถึงจะยังเด็กอยู่ก็ตาม จนทำให้คุณพ่อนั้นหวงมากเป็นพิเศษ เพราะยิ่งโตหน้าตาก็ยิ่งเหมือนกับคนเป็นแม่ส่วนแฝดน้องเหวินหลงเองก็ใช่ย่อย ความหล่อเหลาก็ไม่ได้แพ้ใคร ในทุกวันที่ไปโรงเรียนมักจะมีสาวน้อยมอบขนมให้อยู่เสมอ จนทุกวันนี้สหายมู่มู่ที่ไปโรงเรียนด้วยกันไม่ต้องเสียเงินซื้อขนมเลยส่วนแฝดชาย หวังจางหมิ่น และหวังเจียวจิ้นนั้น ตอนนี้ก็อายุสี่ขวบแล้ว ซึ่งความซุกซนไม่ต้องพูดถึง ขนาดที่ว่าเมิ่งหลันจ้างพี่เลี้ยงมาเพิ่ม ทั้งสองคนก็ยังหลุดลอดสายตาออกไปซนที่อื่นได้ “จางหมิ่น เจียวจิ้น แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามออกมาเล่นข้างนอกแบบนี้” เมิ่งหลันที่ออกมาเจอลูกๆของเธออยู่ที่ด้านนอกพอดี จึงอดที่จะดุไม่ได้“แม่ครับ พวกเราไม่อยากอยู่ในบ้าน” เ
ออกมาแล้ว…“หลันหลัน คุณไม่ต้องกลัวนะครับ” เหอตี้ผู้เป็นสามีปลอบใจภรรยาอยู่ที่ข้างเตียง วันนี้เป็นวันที่คุณหมอนั้นนัดผ่าคลอดให้กับเมิ่งหลัน เพราะว่าเธอนั้นมีความเสี่ยงจึงต้องใช้วิธีการผ่าคลอดแทนการคลอดธรรมชาติ“เหอตี้คะ ฉันกลัวจังเลยค่ะ” เธอบอกสามีออกไป นี่คือการคลอดครั้งแรกของเธอ เธอจะไม่กลัวได้อย่างไร ถึงแม้ว่าเมิ่งหลันคนก่อนจะเคยคลอดลูกแต่มันก็ไม่ใช่เธออยู่ดี“ไม่ต้องกลัวไปหรอกนะครับ หมอที่นี่เก่งอยู่แล้ว คุณนอนพักก่อนดีกว่า” เมื่อเหอตี้เห็นว่าภรรยานั้นมีความเครียดจึงอยากให้เธอได้พักผ่อน“แล้วสองแฝดอยู่ที่ไหนหรือคะ” เมิ่งหลันถามหาลูกทั้งสองคน เพราะเธอมารอคลอดตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้ก็ยังไม่ได้เจอหน้าลูกเลย“อยู่กับน้าอี้ฝานครับ สองแฝดไม่มีงอแงเลย พูดจารู้เรื่องมาก แค่บอกว่าแม่กำลังจะมาคลอดน้องพวกเขาก็เข้าใจ” เหอตี้เมื่อเช้านี้ได้กลับไปที่บ้านและพูดเรื่องนี้ให้สองแฝดฟัง ซึ่งทั้งสองก็เข้าใจ และบอกว่าจะรอแม่และน้องอยู่ที่บ้าน“คุณจะรอฉันที่ด้านนอกใช่หรือเปล่าคะ” เมิ่งหลันถามสามีเมื่อมองเวลาแล้วไกล้ที่จะเข้าห้องคลอดเต็มที“ผมจะรอคุณอยู่ข้างนอกห้องคลอดแน่นอน ผมรับรองเลยว่าเมื่อคุณออกมา คุ
งานแต่งงานของพี่ใหญ่เหอซาน…วันนี้เป็นวันที่เมิ่งหลันนั้นต้องมาตรวจครรภ์เป็นครั้งที่สอง และการตรวจก็เป็นไปด้วยดี การเติบโตของทารกในครรภ์นั้นดีมากทีเดียวและอีกเรื่องที่ทำให้หลิวเมิ่งหลันและหวังเหอตี้ ต้องตกตะลึงกันอีกครั้ง นั่นก็คือในท้องของเมิ่งหลันนั้นมีลูกน้อยถึงสองคน นั่นก็หมายความว่าในตอนนี้เมิ่งหลันนั้นกำลังท้องลูกแฝดอีกครั้งนั่นเองแต่การแพทย์ในยุคสมัยนี้ก็ไม่สามารถตรวจได้ว่าเจ้าก้อนแป้งที่กำลังนอนอยู่ในท้องของเมิ่งหลันนั้นเป็นเพศไหน จะเป็นชายชาย หญิงหญิง หรือหญิงชาย ก็ไม่อาจรู้ได้ ถึงแม้เจ้าก้อนแป้งทั้งสองจะแข็งแรงดี แต่เมิ่งหลันก็ยังอดเป็นกังวลไม่ได้ เธอกลัวการคลอดลูก เธอกลัวว่าจะไม่สามารถคลอดลูกออกมาได้อย่างปลอดภัย เหอตี้ที่รับรู้ได้ถึงความกังวลก็ได้แต่ปลอบใจภรรยา ไม่ว่าอย่างไรเขาจะหาหมอที่มีฝีมือที่สุดมาทำคลอดให้ภรรยาให้ได้“เดี๋ยววันนี้ผมจะพาคุณไปเที่ยวนะครับ” เหอตี้เอ่ยขึ้นเมื่อพากันออกมาจากในโรงพยาบาลหลังจากที่ตรวจการตั้งครรภ์เสร็จแล้ว“คุณจะพาฉันไปที่ไหนหรือคะ” เมิ่งหลันเองก็เดาไม่ถูก เพราะตั้งแต่มาอยู่ที่นี่เธอก็ยังไม่ได้ออกไปที่ไหนแบบจริงจังสักที เพราะเธอทุ่มเทเวลาใ
คู่มือการเลี้ยงลูก…หลังจากที่ทุกคนรู้ข่าวเรื่องการท้องของเมิ่งหลันก็ยินดีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะบ้านใหญ่หวัง แม่เหอที่รู้ข่าวก็ไปสรรหาของบำรุงต่างๆมาให้เมิ่งหลันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโสมหรือรังนกก็ตาม“ฉันต้องขอบคุณคุณแม่มากเลยนะคะสำหรับของบำรุงพวกนี้” เมิ่งหลันบอกแม่สามี ถึงแม้เธอจะรู้ว่าของพวกนี้ดีมีสรรพคุณมากแค่ไหน แต่เธอก็ไม่สามารถที่จะกินมันได้ เพราะเมื่อครั้งก่อนที่แม่เหอก็ฝากให้เหอตี้เอามาให้เธอทาน พอเธอทานเข้าไปถึงกับอาเจียนไม่ยอมหยุด “ไม่เป็นไรเลยจ้ะ เธอต้องกินมันให้หมดนะ หลานของฉันจะได้ออกมาแข็งแรง” แม่เหอบอกด้วยรอยยิ้ม “ว่าแต่เจ้าใหญ่ จะแต่งงานเมื่อไหร่ดีล่ะ เหอตี้มีลูกแซงหน้าไปแล้วนะ” แม่เหอเอ่ยถามลูกชายคนโต ที่ตอนนี้สานสัมพันธ์กับคู่หมั้นได้อย่างราบรื่น“แล้วคุณแม่ว่ายังไงล่ะครับ พร้อมที่จะไปสู่ขอสะใภ้ใหญ่ได้หรือยัง” เหอซานหันมาถามแม่ของตนบ้างแม่เหอที่ได้ยินแบบนั้นก็ตาโตทันที นี่เจ้าใหญ่ของเธอกำลังบอกให้ไปขอภรรยาให้เขาใช่หรือไม่“นี่ลูกพูดจริงใช่ไหม เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่กับพ่อจะได้ไปพูดเรื่องนี้กับบ้านกงแต่เช้าเลย” “555” เหอซานอดที่จะยิ้มขำแม่ของตนไม่ได้ คงอยากได้สะใภ้มากเลยถ
สองแฝดจะมีน้อง…“ท้อง???”“คุณหมอช่วยพูดอีกครั้งได้หรือเปล่าคะ” เมิ่งหลันที่ต้องการได้ยินอีกครั้ง ว่าอาการที่เธอเป็นนั้นเป็นโรคอะไรกันแน่ เธอไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม“คนไข้ไม่ได้ป่วยเป็นอะไรนะครับ อาการที่เป็นอยู่ เป็นอาการของคนท้องเท่านั้นครับ” หมอเองได้ตรวจซ้ำถึงสองรอบจากการจับชีพจร ซึ่งผลที่ออกมาก็เหมือนกันทั้งสองครั้งและเขาเองก็มั่นใจเป็นอย่างมากเมิ่งหลันคิดว่ากลับบ้านไปเธออาจจะเรียกเอาชุดทดสอบการตั้งครรค์ออกมาตวจอีกสักครั้ง เพื่อความแน่ใจ ไม่ใช่ว่าเธอไม่ไว้ใจหมอในยุคนี้หรอกนะ แค่เธออยากมีโมเม้นท์ขึ้นสองขีดแบบคนอื่นบ้างเท่านั้นเอง“แล้วไม่ทราบว่าตอนนี้ฉันท้องกี่เดือนแล้วหรือคะ” เมิ่งหลันเองก็แอบงงเหมือนกัน ทั้งที่เธอเองก็กินยาคุม แล้วลูกของเธอนั้นทะลุยาคุมออกมาได้ยังไงกัน หรือยาที่เธอกินจะหมดอายุนะ แต่ก็ไม่น่าใช่“ประมาณ เดือนกว่าได้แล้วครับ ช่วงนี้คุณก็ดูแลตัวเองให้ดีด้วยนะครับ ของหนักก็ห้ามยกเพราะมันจะเสี่ยงต่อการแท้ง ส่วนในเรื่องของอาหารก็ให้ทานอาหารที่มีประโยชน์ทั้งเนื้อสัตว์ ผักและผลไม้ และก็อย่าลืมดื่มนมด้วยนะครับ อ้อ…และอีกอย่างเรื่องบนเตียงช่วงนี้ก็ให้งดไปก่อนนะครับจนกว่าจะมีอ
เมิ่งหลันป่วย???วันนี้เป็นวันที่ห้าแล้ว ที่เมิ่งหลันและคนงานช่วยกันบรรจุของเพื่อทำถุงยังชีพ และทุกวันก็จะทำได้ประมาณหนึ่งพันชุดทุกวัน“คุณเมิ่งหลันคะ วันนี้มีคนมาโวยวายที่หน้าร้านอีกแล้วค่ะ” ซูเหวินเข้ามารายงานเมิ่งหลัน เพราะหลายวันมานี้มีคนต้องการมาซื้อข้าวสาร อาหารแห้ง แต่ทางร้านไม่สามารถเปิดขายให้ได้ เพราะต้องนำไปช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน นั้นจึงสร้างความไม่พอใจกับลูกค้าบางคน“แล้วได้บอกเหมือนที่ฉันสั่งไว้หรือเปล่าจ๊ะ” เมิ่งหลันเองให้ลูกจ้างทุกคนนั้นบอกลูกค้าไปตามความจริง ว่าทางร้านไมาสามารถขายสินค้าให้ได้ ให้ไปหาซื้อที่อื่นก่อน “บอกแล้วค่ะ….” ทั้งสองพูดกันไม่ทันจบก็ได้ยินเสียงดังโวยวายกันอยู่ที่ด้านนอก“เฮอะ ที่ไม่ยอมขายข้าวให้พวกฉัน เป็นเพราะว่าจะเอาไปขายให้กับทางการใช่หรือเปล่าล่ะ” เสียงลูกค้าที่เป็นสตรีเอ่ยขึ้น“ไม่อยากขายให้พวกเราก็พูดมาตรงๆเถอะ ไม่ต้องอ้างทางการหรอก มันน่าอาย” เธอยังพูดไม่หยุด“ทำมาเป็นบอกว่าเอาไปช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน ฉันเองก็เดือดร้อนเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นก็ต้องให้ของพวกนี้กับฉันด้วย” ผู้หญิงทืี่มาด้วยกันเอ่ยขึ้น“ใช่แล้ว ตอนนี้พวกเราก็ไม่มีเงินมากพอที่จะซ