LOGIN"หยาหยา ไม่ได้ตั้งใจ แม่อย่าตีหยาหยาเลย หยาหยากลัวแล้ว"
เซียวอี้หยาร้องไห้ส่งเสียงอ้อนวอนสะอึก สะอื้น อยู่ในอ้อมแขนของพี่ชาย ซูหย่าฉินหยุดเท้าลงที่ตรงหน้าสองพี่น้องแล้วถอนหายใจยาว ตัวเธอลุกมาดูอีกฝ่ายด้วยความหวังดีแท้ๆ กลับถูกมองว่ามีเจตนาไม่ดีคิดแล้วก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา แต่เมื่อเห็นดวงตากลมโตของเด็กสาวอาบไปด้วยน้ำตาและความหวาดกลัว ความขุ่นเคืองในใจก็พลันจางหายกลายเป็นสงสาในทันที
เรื่องนี้จะโทษเด็กทั้งสองก็ไม่ได้ หากจะโทษก็ควรโทษคนเขียนบทที่สร้างตัวละครมารดาที่แสนร้ายกาจอย่างเจ้าของร่างเดิมขึ้นมา
"เธอตัวเปียกไปหมดแล้วรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ"
เพราะไม่รู้จะจัดการกับความรู้สึกในใจของเด็กๆ อย่างไร ซูหย่าฉินจึงทำได้เพียงไล่ให้เด็กหญิงไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ทว่าอีกฝ่ายกลับก้มหน้าไม่ยอมขยับตัว หรือว่าอีกฝ่ายจะไม่คุ้นชินกับท่าทีแบบนี้ของเธอ ซูหย่าฉินคิดได้ดังนั้นก็สูดลมหายใจเข้าแล้วสวมบทคุณแม่ตัวร้าย ชักสีหน้าให้ดุ ปรับน้ำเสียงให้เข้ม
"ฉันพูดไม่ได้ยินหรือไง! ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า!!"
จบประโยคเด็กหญิงที่ควรรีบวิ่งไปเปลี่ยนชุดก็ร้องไห้น้ำตาอาบแก้มหนักกว่าเดิม ซูหย่าฉินมองอย่างไม่เข้าใจ หรือว่าเมื่อครู่เธอจะแสดงดุเกินไป เช่นนี้ควรจะทำอย่างไรดี ทว่ายังไม่ทันคิดหาวิธีการจัดการสถานการณ์ตรงหน้า เด็กชายก็ลุกขึ้นถอดเสื้อของตนเองแล้วส่งให้น้องสาว
"หยาหยา รีบเปลี่ยนชุด"
ซูหย่าฉินขมวดคิ้วด้วยความสงสัยในการกระทำของเด็กชาย ก่อนที่ความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมจะไหลเข้ามาในความคิด
แม่ครับเสื้อผ้าของพวกเราใส่ไม่ได้แล้วครับ
ใส่ไม่ได้ก็ไม่ต้องใส่ พวกไร้ประโยชน์ วันวันมีแต่เรื่องสิ้นเปลือง
เป็นคำพูดของเจ้าของร่างเดิมเมื่อสองปีก่อนครั้งที่เด็กทั้งสองมาขอเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ ดังนั้นเสื้อผ้าที่เพวกเขาสวมใส่อยู่ในตอนนี้จึงเป็นชุดเดียวที่มีอยู่ โดยใช้ผ้าเก่ามาตัดเย็บต่อกันอย่างลวกๆ เมื่อครู่ซูหย่าฉินสวมบทคุณแม่ตัวร้าย เซียวอี้เหยาไม่ต้องการให้น้องสาวถูกลงโทษจึงได้ถอดเสื้อของตนเองให้อีกฝ่ายใส่ แต่ทำเช่นนี้เด็กชายก็จะไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่ นับเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
"หยุด!"
เซียวอี้หยาที่กำลังจะเปลี่ยนชุดพลันหยุดชะงักมือ เซียวอี้เหยาขบกรามตวัดสายตาดุมองมารดาด้วยความคับแค้นใจ ดูแล้วผู้หญิงร้ายกาจคนนี้คงจะหาเรื่องตีพวกเขาสองพี่น้องอีกแน่ๆ เพียงแต่ซูหย่าฉินไม่ได้สนใจสายตาของเด็กชาย กลับเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าของเจ้าของร่างเดิม เมื่อเปิดตู้ออกแล้วพบว่าภายในตู้มีชุดเสื้อผ้าเนื้อดีมากมาย ซูหย่าฉินก็ขบกรามแน่นด้วยความเดือดดาล
เจ้าของร่างเดิมช่างเป็นมารดาที่น่าโมโหจริงๆ ตัวเองมีเสื้อเต็มตู้ แต่ลูกๆ กลับมีเพียงชุดเก่าที่ปะชุนจนไม่เหลือสภาพเดิมคนละชุด
ทว่าเรื่องเดิมไม่อาจย้อนกลับแก้ไข ที่ทำได้มีเพียงจัดการกับสถานการณ์ปัจจุบันเท่านั้น ดังนั้นซูหย่าฉินจึงเลือกหยิบเสื้อไหมพรมตัวสั้นออกมาหนึ่งตัวแล้วเดินกลับมาที่เด็กทั้งสอง
"เหยาเหยาออกไปรอข้างนอกก่อน"
แม้ว่าตอนนี้เซียวอี้หยาจะอายุแค่ห้าขวบ แต่ชายหญิงแตกต่างจึงควรมีระยะห่างและข้อควรระวัง ซูหย่าฉินจึงเอ่ยให้เด็กชายออกจากห้องไปก่อน
"ผมไม่ไป!"
ด้วยกลัวว่ามารดาจะทุบตีน้องสาวเหมือนทุกครั้ง เซียวอี้เหยาจึงไม่ยอมออกจากห้อง ซูหย่าฉินไม่อยากทะเลาะกับเด็กห้าขวบจึงตัดปัญหาด้วยการบอกให้เขาหันหลังไป จากนั้นก็จัดการถอดเสื้อผ้าที่แทบจะไม่ต่างอะไรกับผ้าขี้ริ้วผืนหนึ่งบนตัวเซียวอี้หยาออก ดวงตากลมใสมองมารดาสวมเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ตนด้วยแววตาสับสน หากแต่ในใจก็รู้สึกดีใจอย่างที่สุด
ท่านแม่อ่อนโยนและใส่ใจหยาหยาแบบนี้ ช่างดีจริงๆ
"เสื้อตัวนี้ใหญ่ไปหน่อยอดทนใส่ไปก่อนนะ ในตู้มีผ้าอีกหลายตัวเอาไว้คืนนี้ฉันจะเอามาแก้ทำชุดใหม่ให้ก็แล้วกัน"
ได้ยินมารดาบอกว่าจะทำชุดใหม่ให้น้องสาว เซียวอี้เหยาก็หันกลับมาคว้าแขนเล็กของเด็กหญิงดึงให้ห่างจากมารดาในทันที ก่อนจะทิ้งตัวคุกเข่าลงพร้อมกัน
"แม่พวกเราสองคนผิดไปแล้ว ท่านจะทุบตีพวกเราอย่างไรก็ได้ แต่อย่าขายน้องสาวเลย"
ขายน้องสาว คิ้วเรียวของซูหย่าฉินขมวดเข้าหากันแน่นอย่างไม่เข้าใจ ทั้งที่ตั้งใจจะทำชุดใหม่ให้อีกฝ่ายแท้ๆ เหตุใดจึงถูกเข้าใจผิดว่าจะขายคนไปได้กัน พลันความทรงจำหนึ่งก็สะท้อนเข้ามาในความคิดอีกหน
อยากได้ชุดใหม่เหรอได้สิ วันนี้ขายน้องสาวนายไป พวกเธอสองคนก็จะได้ชุดใหม่ทั้งคู่
ขายคนซื้อชุดใหม่ เจ้าของร่างเดิมคนนี้ช่างน่าโมโหเกินไปแล้ว ซูหย่าฉินหงุดหงิดจนเผลอตีหน้าผากตนเองทำให้เลือดที่แห้งไปแล้วไหลออกมาอีกหน เด็กสาวที่แม้จะมีท่าทีหวาดกลัวแต่ก็ยังเป็นห่วงมารดารีบหมุนตัวไปหยิบผ้าชุบน้ำมาส่งให้อีกฝ่าย
"เลือดท่านไหลอีกแล้ว รีบเช็ดหน้าก่อนนะคะ"
ซูหย่าฉินรับผ้าจากมือเล็กมากดบาดแผลอีกครั้ง ก่อนจะถอยกลับไปนั่งที่เก้าอี้ แล้วหยิบชุดทำแผลออกมาดูแลตนเอง เมื่อจัดการเรื่องบาดแผลบนหน้าเสร็จแล้วก็หันมาหาคนทั้งสองด้วยสีหน้าจริงจัง
"เหยาเหยา หยาหยา แม่คิดว่าพวกเรามีเรื่องต้องคุยกันให้ชัดเจน"
เดิมทีซูหย่าฉินคิดจะสวมบทคุณแม่ตัวร้ายให้คนทั้งสองตายใจ จากนั้นก็ค่อยๆ เปลี่ยนพฤติกรรมทีละเล็กทีละน้อยให้พวกเขาไม่รู้สึกผิดสังเกต แต่หลังจากเห็นท่าทีหวาดกลัวอยู่เสมอของเด็กทั้งสองเธอก็ตัดใจทำร้ายอีกฝ่ายซ้ำไม่ลง
"ต่อไปนี้ฉัน เอ่อ... แม่จะไม่ขายลูกๆ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม"
เซียวอี้เหยามองดูสีหน้าที่จริงจังของมารดาด้วยความคิดหวาดระแวง ทว่าแม้ในใจจะไม่เชื่อถือแต่เมื่อเห็นน้องสาวแสดงสีหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข เขาก็แสร้งแสดงออกมาว่ารับทราบ ดึงแขนเล็กของน้องสาวคุกเข่าลงอีกครั้งแล้วโขกศีรษะเอ่ยขอบคุณ
ไม่ว่าผู้หญิงร้ายกาจคนนี้จะพูดจริง หรือแค่โกหกให้ตายใจ แต่หากทำให้น้องสาวมีความสุขก็ถือเป็นเรื่องดี
.............................................
"แม่ หยาหยากลัวแล้ว แม่ปล่อยหยาหยากับพี่ชายเถิด ต่อไปพวกเราจะไม่ดื้อ จะเชื่อฟัง"เซียวอี้หยาร้องไห้ น้ำตาอาบแก้มราวกับหวาดกลัวต่อเหตุการณ์ในตอนนี้จริงๆ หากแต่เมื่อสบตากลมใสของเด็กสาวกลับพบว่าไร้ความกังวล อีกทั้งยังลอบยิ้มเล็กๆ ให้มารดาและพี่ชาย เพื่อบอกว่าทั้งหมดนี้เป็นการแสดงของเธอ ทำเอาพี่ชายอย่างเซียวอี้เหยาถึงกับถอนหายใจยาวตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่น้องสาวของเขารู้จักการเสแสร้งเช่นนี้"เงียบเดี๋ยวนี้ หากทำให้ฉันโมโห ฉันจะตีแกให้ขาหักเลย"ซูหย่าฉินแสร้งตวาดดุ เซียวอี้หยาก็ตอบรับบทด้วยการเม้มริมฝีปาก ไหล่สะท้านราวกับกำลังกั้นก้อนสะอื้น หวาดกลัวสุดหัวใจ ไห่เยี่ยนเห็นความสัมพันธ์ของพวกเขาแม่ลูกเป็นเช่นนี้ก็รู้สึกพอใจ ส่งสายตาให้คนที่แอบดูอยู่ออกมารับคน"นายท่าน นี่คือเด็กสองคนที่ฉันบอกว่าจะเอามาขายให้คุณ"ซูหย่าฉินมองกลุ่มค
หลังจากนำผักป่าและไข่ไปส่งให้จางเสวี่ยนอิง เซียวอี้เหยาก็กลับมาที่บ้าน เขาตรงไปที่เล้าไก่เพื่อนำแม่ไก่ทั้งสองตัวออกไปหาอาหาร ทว่าเมื่อไปถึงเล้าไก่กลับพบเพียงความว่างเปล่า คิ้วเล็กหนาขมวดเข้าหากันแน่น นี่แสดงว่าแม่ไก่ที่หายไปเมื่อคืนก่อนยังไม่กลับมา เช่นนั้นไข่ไก่ที่แม่ใช้ทำอาหารให้พวกเขากินมาจากที่ใดกัน เด็กชายคิดด้วยความสงสัยแต่เมื่อนึกถึงเงินที่คนเป็นพ่อจะส่งมาให้ทุกเดือนในใจของเขาก็คลายความสงสัยลง บางทีมารดาอาจจะซื้อไข่ไก่กลับมาบ้านตั้งแต่เมื่อวันก่อน เมื่อได้ข้อสรุปให้กับความสงสัยของตนเองแล้ว เด็กชายก็เดินไปหยิบถังน้ำเมื่อวานเขาไม่ได้ไปตักน้ำ หากมารดาเกิดต้องการใช้น้ำแล้วพบเพียงถังน้ำที่ว่างเปล่าต้องโมโหขึ้นมาอีกแน่ๆ ทว่ายังไม่ทันเดินออกจากประตูรั้วบ้านเสียงของน้องสาวก็ดังขึ้น"พี่ชายจะไปไหนหรือ""หยาหยา เธอไปเล่นในบ้านก่อน เดี๋ยวพี่ชายตักน้ำเสร็จค่อยพาเธอออกไปเดินเล่นข้างนอก"
ซูหย่าฉินเดินกลับเข้ามาในห้อง มองดูเด็กสองคนที่นอนอยู่บนผ้านวมผืนหนา แล้วย่อตัวลงหยิบผ้ามาห่มให้พวกเขาอย่างใส่ใจ เดิมทีเธอต้องการหาทางกลับโลกเดิมของตน เมื่อไม่สามารถกลับไปได้สิ่งที่ต้องทำก็คือการเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของเจ้าของร่างเดิม ที่ต้องตกตายอย่างทรมานเพราะแรงแค้นของเซียวอี้เหยา ดังนั้นเพื่อหยุดเส้นเรื่องเหล่านี้สิ่งที่เธอต้องจัดการเป็นอันดับแรกก็คือเปลี่ยนชะตาของเด็กทั้งสองเซียวอี้เหยาฟังเสียงฝีเท้าของมารดาที่เดินห่างออกไป ก็ลืมตาขึ้นมองดูผ้าห่มบนตัว ด้วยความรู้สึกอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยสัมผัส หากทั้งหมดที่มารดาของเขากำลังกระทำในตอนนี้เป็นเรื่องเสแสร้งแกล้งทำ ต้องทำอย่างไรเธอจึงจะยินดีเสแสร้งแกล้งทำไปทั้งชีวิตจวบจนเช้าวันใหม่มาเยือนซูหย่าฉินที่ตื่นก่อนเด็กๆ ก็รีบเดินไปในห้องครัวเพื่อเข้าไปในระบบเพาะปลูก ดวงตากลมเบิกกว้าง มองดูลูกไก่สี่ตัวที่ฟักออกมาจากไข่แล้วยิ้มกว้าง ตอนนี้ในระบบมีแม่ไก่ที่พร้อมออกไข่สามตัว ลูกไก่ที่กำล
หลังจากบอกชัดเจนถึงเจตนาของตนเองแล้ว ซูหย่าฉินก็จับเด็กทั้งสองคนให้นั่งเผชิญหน้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง"ครั้งนี้ที่แม่ตกลงกับคนบ้านไห่ว่าจะขายลูกๆ ก็เพราะต้องการจัดการพวกค้ามนุษย์เหล่านี้ให้หมด ลูกๆ ยินดีช่วยแม่ไหม""หยาหยา ยินดีค่ะ"เด็กสาวเอ่ยบอก ขณะที่เด็กชายมีท่าทีลังเลอีกครั้ง"แม่ต้องการให้พวกเราทำอะไรครับ""แกล้งทำเป็นถูกบังคับไปขาย"แกล้งทำเป็นถูกบังคับไปขาย ถึงแม้เมื่อครู่เขาจะเข้าใจเจตนาของมารดาแล้ว แต่ส่วนลึกในใจก็ยังคงหวาดระแวง หลายปีมานี้มารดาของเขาเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนเป็นอันดับหนึ่ง และรังเกียจการมีอยู่ของพวกเขาสองคนเสมอ เพียงช่วงเวลาสั้นๆ ที่เธอเปลี่ยนไปจึงยากจะเชื่อใจ"หยาหยาขี้กลัว เช่นนั้นให้ผมไปคนเดียวได้ไหม"ซูหย่าฉินย่อมมองความคิดของเด็กชายออก เดิมทีที่แจ้งกับไห่
"พี่ชาย มีเรื่องอะไรหรือ ทำไมพี่ถึงไม่ให้หยาหยากินข้าวกับแม่"เซียวอี้เหยาไม่ตอบคำถามของน้องสาว แต่นำอาหารสองจานบนโต๊ะไปเททิ้งในทันที มือเล็กทั้งสองข้างสั่นเทา ความกลัวเข้ากอบกุมในจิตใจจนไม่อาจต้านทานทิ้งตัวลงนั่งกอดเข่าร้องไห้จนตัวสั่นโยง"ในเมื่อตัดสินใจลงมือแล้วจะเสียใจทำไม"น้ำเสียงราบเรียบทว่าแฝงความเจ็บปวด ผิดหวังที่ชัดเจนดังขึ้นอยู่เบื้องหน้า เซียวอี้เหยากลืนก้อนสะอื้นลงท้อง แล้วเงยหน้าที่อาบไปด้วยน้ำตาขึ้นสบตาที่แดงก่ำของมารดาผู้หญิงคนนี้ เธอเพิ่งร้องไห้มาหรือ"อย่างน้อยตอนนี้เธอก็ควรบอกเหตุผลสักหน่อยไหม ว่าทำไมถึงได้ทำเรื่องร้ายแรงเช่นนี้"เซียวอี้เหยาขบกรามกำหมัดแน่น ก่อนจะขยับตัวเปลี่ยนท่านั่งเป็นคุกเข่า ก้มหน้า"แม่... ขายผมแค่คนเดียวได้ไหม"ขาย คำพูดที่หนักแน่นมั่นคงของเซียวอี้เหยาทำให้ซูหย่าฉินขมวดคิ้วแน่น"ใครบอกว่าฉัน... แม่จะขายพวกเธอ"เซียวอี้เหยาเม้มริมฝีปากเล็ก หากเขาบอกว่าบังเอิญได้ยินมารดาสนทนากับไห่เยี่ยนเธอจะโกรธจนเร่งขายเขากับน้องสาวออกไปหรือไ
ซูหย่าฉินกลับมาถึงบ้านก็พบว่าเด็กทั้งสองที่ควรนอนพักอย่างที่เธอสั่งความเอาไว้ก่อนขึ้นเขาไป ตอนนี้กลับกำลังช่วยกันทำงานบ้าน เซียวอี้หยากำลังซักผ้า ในขณะที่เซียวอี้เหยากำลังกำขวานฝ่าฟืนจนฝ่ามือแตกเป็นแผล ซูหย่าฉินมองภาพตรงหน้าแล้วน้ำตาเอ่อคลอ ได้แต่คิดอย่างสงสัยว่า เจ้าของร่างเดิมคนนี้เป็นพวกเกิดมามีแต่ตัวไม่มีความคิดหรืออย่างไร ทั้งมีลูกที่น่ารัก ทั้งมีญาติที่เอื้อเฟื้อ เหตุใดยังไม่รู้จักใช้ชีวิตให้ดีๆ ร้องหาแต่สามีเฮงซวย ไร้ความรับผิดชอบผู้นั้นอยู่ได้!!"หยาหยา เหยาเหยา""แม่กลับมาแล้ว"เป็นเซียวอี้หยาที่ร้องเรียกแล้ววางผ้าในมือ ก่อนจะวิ่งมาหามารดาเป็นคนแรก ซูหย่าฉินย่อตัวลงนั่งให้ระดับสายตาอยู่ในแนวเดียวกับเด็กหญิง ปลดตะกร้าบนบ่าออกวางแล้วอ้าแขนโอบคนตัวเล็กเข้าแนบอก เซียวอี้หยายิ้มกว้างซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของมารดาด้วยความสุขอ้อมกอดของแม่อบอุ่นที่สุดเลยเซียวอี้เหยามองภาพตรงหน้าแล้ว







