LOGIN
"พี่ชาย ทำยังไงดีแม่ไม่หายใจแล้ว"
เสียงของเด็กหญิงดังแว่วอยู่ข้างหูพร้อมเสียงสะอื้น ก่อนที่จะมีเสียงเด็กชายคนหนึ่งสอดแทรกเข้ามา
"ไม่ต้องกลัว เมื่อครู่เธอล้มของเธอเอง ถึงจะตายไปก็ไม่เกี่ยวกับพวกเรา"
คำพูดที่เย็นชาและไร้ความรู้สึกเช่นนี้หากไม่ใช่เพราะน้ำเสียงที่เอ่ยออกมายังกังวาลใส ซูหย่าฉิน คงคิดว่าคนพูดเป็นชายหนุ่มวัยฉกรรจ์อย่างแน่นอน เพียงแต่เมื่อครู่เธอกำลังอยู่ในกองถ่ายรายการพิเศษพร้อมเพื่อนดาราสาวตัวทอปแห่งศตวรรษที่ยี่สิบห้า ทำไมถึงมีเสียงเด็กได้กัน ดวงตาเรียวดุจหงส์ค่อยๆ ปรือตื่นด้วยความสงสัย ทว่าภาพตรงหน้ายังไม่ทันชัดเจน อาการปวดหัวกลับชัดแจ้ง จนคิ้วเล็กต้องขมวดเข้าหากันแน่น
"ผีหลอก!"
เสียงเด็กหญิงกรีดร้องลั่น เมื่อหญิงสาวที่เธอสัมผัสได้ว่าหมดลมหายใจไปแล้วขยับตัวลืมตาตื่นขึ้นมา
"เสียงดังอะไรกัน หุบปาก! โอ๊ยปวดหัว!! พี่เจินเจินขอยาให้ฉันหน่อย"
ซูหย่าฉินตวาดเด็กหญิงที่ส่งเสียงดังไม่ดูสถานที่ พร้อมกับเอ่ยเรียกขอยาจากผู้จัดการคนสนิท หากแต่ยายังไม่ทันมา ความทรงจำกลับไหลบ่าจนดวงตาที่ลืมไม่เต็มที่เปลี่ยนเป็นเบิกกว้าง
"นี่มันอะไรกัน หรือว่า... ฉันเกิดใหม่?"
จากความทรงจำที่ไม่ใช่ของตนเองเมื่อครู่ทำให้ซูหย่าฉินรับรู้ได้ในทันทีว่า ตนเองในตอนนี้ไม่ใช่ซูหย่าฉินดาราสาวตัวแม่ตัวทอปของวงการคนเดิมอีกแล้ว แต่เป็นซูหย่าฉินตัวร้ายประกอบในเรื่อง นายทหารที่รัก บทละครเรื่องใหม่ที่เธอเพิ่งตกลงรับเล่นเป็นนางเอกเมื่อสัปดาห์ก่อน เพียงแต่ตอนรับบทเธอตกลงเป็นนางเอก ตอนเกิดใหม่เหตุใดจึงได้กลายมาเป็นนางร้ายตัวประกอบ ภรรยาเก่าของพระเอกที่ถูกทอดทิ้งไว้ในชนบท กับลูกแฝดชายหญิงแบบนี้เล่า!!
เมื่อคิดถึงลูกแฝดชายหญิงหางตาก็อดที่จะปรายมองไปยังต้นเสียงซึ่งก่อกวนเธอตั้งแต่แรกไม่ได้ ในความทรงจำเด็กสองคนนี้อายุห้าขวบแล้ว แต่ทำไมร่างกายจึงเล็กและผอมแห้งราวกับเด็กน้อยสามขวบแบบนี้ พลันภาพความทรงจำเจ้าของร่างเดิมก็ไหลเข้ามาในความคิดอีกหน
เจ้าเด็กไร้ประโยชน์ทำงานไม่เสร็จยังคิดจะกินข้าวอีกหรือ ไสหัวออกไปนอนที่เล้าไก่
ไม่เพียงแต่ดุด่าทุบตี และใช้งานประดุจทาส เจ้าของร่างเดิมคนนี้ยังอดอาหารเด็กทั้งสองอย่างทารุณ แม้ว่าซูหย่าฉินจะไม่ใช่คนดีอะไร อีกทั้งลึกๆ ในใจยังไม่ชอบเด็ก แต่การกระทำอันไร้คุณธรรมแบบนี้ก็ยากจะรับได้จริงๆ
"เมื่อครู่หยาหยาตกใจจึงเผลอทำเสียงดัง แม่อย่าตีเธอเลย แต่หากจะตีก็ตีผมแทนเถอะครับ"
เด็กชายตัวผอมขยับมายืนเบื้องหน้าน้องสาว พูดเสียงดังฉะฉานมั่นคง ทั้งที่แววตาสั่นไหวหวาดกลัว แขนเล็กๆ กางออกชัดเจนถึงเจตนาที่ต้องการปกป้องเด็กหญิง ซูหย่าฉินที่เติบโตมาในบ้านเด็กกำพร้า ไร้ครอบครัว ไม่มีพี่น้อง ได้เห็นภาพนี้ในใจก็รู้สึกอบอุ่นระคนอิจฉาขึ้นมา
"ตีอะไรกัน ถึงฉันจะไม่ชอบเด็กแต่ก็ไม่ถึงขั้นทำร้ายร่างกายกันโดยไร้เหตุผลขนาดนั้น"
พูดจบสายตาของเด็กทั้งสองก็มองมายังเธอด้วยท่าทีหวาดระแวง ซูหย่าฉินพลันตระหนักได้ว่าเจ้าของร่างเดิมตบตีเด็กทั้งสองเป็นกิจวัตร อย่าพูดถึงเหตุผลเลย แค่ลมพัดผ้าม่านปลิวเจ้าของร่างเดิมก็เอามาเป็นเรื่องตีคนได้แล้ว ดังนั้นเมื่อเธอเอ่ยประโยคเมื่อครู่ไปเด็กสองคนจึงมีท่าทีหวาดระแวงขึ้นมา
"มัวยืนงงอะไรอยู่ รีบมาประคองฉันลุกขึ้นสิ"
เพื่อไม่ให้ถูกจับผิดสังเกตได้ซูหย่าฉินจึงต้องสวมบทมารดาแสนร้ายกาจเอ่ยเสียงดุใส่เด็กทั้งสอง เมื่อเห็นว่ามารดายังคงมีนิสัยขี้โมโห เอาแต่ใจเช่นเดิมสองพี่น้องก็รู้สึกวางใจรีบเข้ามาประคองคน เซียวอี้หยาเด็กหญิงแฝดน้องยังรีบวิ่งไปเอาผ้าและอ่างล้างหน้ามาให้เธออีกด้วย เพียงแต่แขนที่เล็กๆ นั่นจะถืออ่างที่ใส่น้ำไหวได้อย่างไร ดังนั้นเดินเข้าห้องมาได้เพียงสามก้าวอ่างในมือก็หลุดร่วงจนน้ำหกกระจายตัวคนตัวเปียกชุ่ม
"หยาหยา!"
เซียวอี้เหยารีบวิ่งเข้าไปดูน้องสาว ซูหย่าฉินเองก็ลุกขึ้นทั้งที่มือข้างหนึ่งยังกดบาดแผลที่ศีรษะเอาไว้เพื่อห้ามเลือด เดินเข้าไปหาเด็กหญิงเช่นกัน ทว่ายังไม่ทันเอ่ยอะไรสองพี่น้องก็ขยับตัวกอดกันกลม ราวกับเป็นปฏิกิริยาที่คุ้นชิน
เจ้าเด็กไม่ได้ความน้ำอ่างเดียวก็ยังถือไม่ได้ วันนี้ไม่ตีพวกแกให้แขนหักก็คงไม่รู้จักทำตัวให้มีประโยชน์
ภาพเจ้าของร่างเดิมด่าทอเด็กหญิงที่ทำอ่างน้ำหก ก่อนจะทุบตีเธออย่างรุนแรงสะท้อนเข้ามาในความคิด ซูหย่าฉินขบกรามแน่นดูเหมือนว่าการเกิดใหม่ครั้งนี้ของเธอจะไม่ง่ายเหมือนที่คิดเสียแล้ว ทว่ายากง่ายไม่สำคัญ ที่สำคัญคือเธอต้องมีชีวิตต่อและเป็นชีวิตที่ดีด้วย
.................................................
"แม่ หยาหยากลัวแล้ว แม่ปล่อยหยาหยากับพี่ชายเถิด ต่อไปพวกเราจะไม่ดื้อ จะเชื่อฟัง"เซียวอี้หยาร้องไห้ น้ำตาอาบแก้มราวกับหวาดกลัวต่อเหตุการณ์ในตอนนี้จริงๆ หากแต่เมื่อสบตากลมใสของเด็กสาวกลับพบว่าไร้ความกังวล อีกทั้งยังลอบยิ้มเล็กๆ ให้มารดาและพี่ชาย เพื่อบอกว่าทั้งหมดนี้เป็นการแสดงของเธอ ทำเอาพี่ชายอย่างเซียวอี้เหยาถึงกับถอนหายใจยาวตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่น้องสาวของเขารู้จักการเสแสร้งเช่นนี้"เงียบเดี๋ยวนี้ หากทำให้ฉันโมโห ฉันจะตีแกให้ขาหักเลย"ซูหย่าฉินแสร้งตวาดดุ เซียวอี้หยาก็ตอบรับบทด้วยการเม้มริมฝีปาก ไหล่สะท้านราวกับกำลังกั้นก้อนสะอื้น หวาดกลัวสุดหัวใจ ไห่เยี่ยนเห็นความสัมพันธ์ของพวกเขาแม่ลูกเป็นเช่นนี้ก็รู้สึกพอใจ ส่งสายตาให้คนที่แอบดูอยู่ออกมารับคน"นายท่าน นี่คือเด็กสองคนที่ฉันบอกว่าจะเอามาขายให้คุณ"ซูหย่าฉินมองกลุ่มค
หลังจากนำผักป่าและไข่ไปส่งให้จางเสวี่ยนอิง เซียวอี้เหยาก็กลับมาที่บ้าน เขาตรงไปที่เล้าไก่เพื่อนำแม่ไก่ทั้งสองตัวออกไปหาอาหาร ทว่าเมื่อไปถึงเล้าไก่กลับพบเพียงความว่างเปล่า คิ้วเล็กหนาขมวดเข้าหากันแน่น นี่แสดงว่าแม่ไก่ที่หายไปเมื่อคืนก่อนยังไม่กลับมา เช่นนั้นไข่ไก่ที่แม่ใช้ทำอาหารให้พวกเขากินมาจากที่ใดกัน เด็กชายคิดด้วยความสงสัยแต่เมื่อนึกถึงเงินที่คนเป็นพ่อจะส่งมาให้ทุกเดือนในใจของเขาก็คลายความสงสัยลง บางทีมารดาอาจจะซื้อไข่ไก่กลับมาบ้านตั้งแต่เมื่อวันก่อน เมื่อได้ข้อสรุปให้กับความสงสัยของตนเองแล้ว เด็กชายก็เดินไปหยิบถังน้ำเมื่อวานเขาไม่ได้ไปตักน้ำ หากมารดาเกิดต้องการใช้น้ำแล้วพบเพียงถังน้ำที่ว่างเปล่าต้องโมโหขึ้นมาอีกแน่ๆ ทว่ายังไม่ทันเดินออกจากประตูรั้วบ้านเสียงของน้องสาวก็ดังขึ้น"พี่ชายจะไปไหนหรือ""หยาหยา เธอไปเล่นในบ้านก่อน เดี๋ยวพี่ชายตักน้ำเสร็จค่อยพาเธอออกไปเดินเล่นข้างนอก"
ซูหย่าฉินเดินกลับเข้ามาในห้อง มองดูเด็กสองคนที่นอนอยู่บนผ้านวมผืนหนา แล้วย่อตัวลงหยิบผ้ามาห่มให้พวกเขาอย่างใส่ใจ เดิมทีเธอต้องการหาทางกลับโลกเดิมของตน เมื่อไม่สามารถกลับไปได้สิ่งที่ต้องทำก็คือการเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของเจ้าของร่างเดิม ที่ต้องตกตายอย่างทรมานเพราะแรงแค้นของเซียวอี้เหยา ดังนั้นเพื่อหยุดเส้นเรื่องเหล่านี้สิ่งที่เธอต้องจัดการเป็นอันดับแรกก็คือเปลี่ยนชะตาของเด็กทั้งสองเซียวอี้เหยาฟังเสียงฝีเท้าของมารดาที่เดินห่างออกไป ก็ลืมตาขึ้นมองดูผ้าห่มบนตัว ด้วยความรู้สึกอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยสัมผัส หากทั้งหมดที่มารดาของเขากำลังกระทำในตอนนี้เป็นเรื่องเสแสร้งแกล้งทำ ต้องทำอย่างไรเธอจึงจะยินดีเสแสร้งแกล้งทำไปทั้งชีวิตจวบจนเช้าวันใหม่มาเยือนซูหย่าฉินที่ตื่นก่อนเด็กๆ ก็รีบเดินไปในห้องครัวเพื่อเข้าไปในระบบเพาะปลูก ดวงตากลมเบิกกว้าง มองดูลูกไก่สี่ตัวที่ฟักออกมาจากไข่แล้วยิ้มกว้าง ตอนนี้ในระบบมีแม่ไก่ที่พร้อมออกไข่สามตัว ลูกไก่ที่กำล
หลังจากบอกชัดเจนถึงเจตนาของตนเองแล้ว ซูหย่าฉินก็จับเด็กทั้งสองคนให้นั่งเผชิญหน้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง"ครั้งนี้ที่แม่ตกลงกับคนบ้านไห่ว่าจะขายลูกๆ ก็เพราะต้องการจัดการพวกค้ามนุษย์เหล่านี้ให้หมด ลูกๆ ยินดีช่วยแม่ไหม""หยาหยา ยินดีค่ะ"เด็กสาวเอ่ยบอก ขณะที่เด็กชายมีท่าทีลังเลอีกครั้ง"แม่ต้องการให้พวกเราทำอะไรครับ""แกล้งทำเป็นถูกบังคับไปขาย"แกล้งทำเป็นถูกบังคับไปขาย ถึงแม้เมื่อครู่เขาจะเข้าใจเจตนาของมารดาแล้ว แต่ส่วนลึกในใจก็ยังคงหวาดระแวง หลายปีมานี้มารดาของเขาเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนเป็นอันดับหนึ่ง และรังเกียจการมีอยู่ของพวกเขาสองคนเสมอ เพียงช่วงเวลาสั้นๆ ที่เธอเปลี่ยนไปจึงยากจะเชื่อใจ"หยาหยาขี้กลัว เช่นนั้นให้ผมไปคนเดียวได้ไหม"ซูหย่าฉินย่อมมองความคิดของเด็กชายออก เดิมทีที่แจ้งกับไห่
"พี่ชาย มีเรื่องอะไรหรือ ทำไมพี่ถึงไม่ให้หยาหยากินข้าวกับแม่"เซียวอี้เหยาไม่ตอบคำถามของน้องสาว แต่นำอาหารสองจานบนโต๊ะไปเททิ้งในทันที มือเล็กทั้งสองข้างสั่นเทา ความกลัวเข้ากอบกุมในจิตใจจนไม่อาจต้านทานทิ้งตัวลงนั่งกอดเข่าร้องไห้จนตัวสั่นโยง"ในเมื่อตัดสินใจลงมือแล้วจะเสียใจทำไม"น้ำเสียงราบเรียบทว่าแฝงความเจ็บปวด ผิดหวังที่ชัดเจนดังขึ้นอยู่เบื้องหน้า เซียวอี้เหยากลืนก้อนสะอื้นลงท้อง แล้วเงยหน้าที่อาบไปด้วยน้ำตาขึ้นสบตาที่แดงก่ำของมารดาผู้หญิงคนนี้ เธอเพิ่งร้องไห้มาหรือ"อย่างน้อยตอนนี้เธอก็ควรบอกเหตุผลสักหน่อยไหม ว่าทำไมถึงได้ทำเรื่องร้ายแรงเช่นนี้"เซียวอี้เหยาขบกรามกำหมัดแน่น ก่อนจะขยับตัวเปลี่ยนท่านั่งเป็นคุกเข่า ก้มหน้า"แม่... ขายผมแค่คนเดียวได้ไหม"ขาย คำพูดที่หนักแน่นมั่นคงของเซียวอี้เหยาทำให้ซูหย่าฉินขมวดคิ้วแน่น"ใครบอกว่าฉัน... แม่จะขายพวกเธอ"เซียวอี้เหยาเม้มริมฝีปากเล็ก หากเขาบอกว่าบังเอิญได้ยินมารดาสนทนากับไห่เยี่ยนเธอจะโกรธจนเร่งขายเขากับน้องสาวออกไปหรือไ
ซูหย่าฉินกลับมาถึงบ้านก็พบว่าเด็กทั้งสองที่ควรนอนพักอย่างที่เธอสั่งความเอาไว้ก่อนขึ้นเขาไป ตอนนี้กลับกำลังช่วยกันทำงานบ้าน เซียวอี้หยากำลังซักผ้า ในขณะที่เซียวอี้เหยากำลังกำขวานฝ่าฟืนจนฝ่ามือแตกเป็นแผล ซูหย่าฉินมองภาพตรงหน้าแล้วน้ำตาเอ่อคลอ ได้แต่คิดอย่างสงสัยว่า เจ้าของร่างเดิมคนนี้เป็นพวกเกิดมามีแต่ตัวไม่มีความคิดหรืออย่างไร ทั้งมีลูกที่น่ารัก ทั้งมีญาติที่เอื้อเฟื้อ เหตุใดยังไม่รู้จักใช้ชีวิตให้ดีๆ ร้องหาแต่สามีเฮงซวย ไร้ความรับผิดชอบผู้นั้นอยู่ได้!!"หยาหยา เหยาเหยา""แม่กลับมาแล้ว"เป็นเซียวอี้หยาที่ร้องเรียกแล้ววางผ้าในมือ ก่อนจะวิ่งมาหามารดาเป็นคนแรก ซูหย่าฉินย่อตัวลงนั่งให้ระดับสายตาอยู่ในแนวเดียวกับเด็กหญิง ปลดตะกร้าบนบ่าออกวางแล้วอ้าแขนโอบคนตัวเล็กเข้าแนบอก เซียวอี้หยายิ้มกว้างซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของมารดาด้วยความสุขอ้อมกอดของแม่อบอุ่นที่สุดเลยเซียวอี้เหยามองภาพตรงหน้าแล้ว







