Share

บทที่ 2 สมรสพระราชทาน

last update Last Updated: 2024-12-05 19:29:10

ณ จวนสกุลสวี เมืองต้าเหลียง แคว้นฮั่น

วันนี้คนสกุลสวียุ่งวุ่นวายเป็นการใหญ่ เมื่อจู่ๆไต้กงกงก็ถือพระราชโองการเข้ามาที่จวนสกุลสวี ทุกคนต่างรู้ดีว่ากำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างกับคนสกุลสวีเป็นแน่ และคนที่ดูจะกังวลเป็นพิเศษก็ไม่พ้นเป็นสวีฮูหยิน 

"ให้ข้าไปตามฝานฝานดีหรือไม่เจ้าคะท่านพี่" นางหันไปกระซิบถามสามีที่ยืนนิ่งไม่ไหวติง ใบหน้าคมของเขาเรียบเฉย ไม่บ่งบอกถึงอารมณ์ใด

"ไม่ต้อง" เขากล่าวเสียงเรียบ เกิดเป็นคนต้องรู้หน้าที่ หากนางจะปล่อยให้ทุกคนรอคอยอยู่เช่นนี้ก็แล้วแต่นางเถิด

หลี่อ้ายซีลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ พลางปรายตามองค้อนประมุขของจวนไปหนหนึ่ง ลางทีก็แอบเบื่อหน่ายกับนิสัยเข้มงวดของเขายิ่งนัก

"หมิงหมิงยืนดีๆสิ!" นางหันมาส่งเสียงดุให้กับคนที่ยืนอยู่ข้างๆที่กำลังขยับตัวยุกยิกไปมา ทางด้านสวีชางหมิงได้ยินเสียงดุของคนเป็นแม่พลันสะดุ้งขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะยืดอกขึ้น ยืนอย่างสงบเสงี่ยมต่อไป

"ต้องให้แม่บอกสอนกี่ครั้ง แม่เหนื่อยกับเจ้ามากแล้วนะ" หลี่อ้ายซีตำหนิบุตรชายเสียงแข็ง ส่ายหน้าไปมาอย่างระอา บุตรชายคนนี้ดื้อด้านยิ่งนัก 

"ท่านแม่ พี่สาวมาแล้วขอรับ" สวีชางหมิงรีบขัดขึ้น ก่อนที่จะโดนมารดาบ่นหูชาพลางพยักเพยิดไปทางหน้าประตูเผยให้เห็นร่างบอบบางของใครบางคนกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้

สวีอี้ฝานในชุดสีม่วงอ่อนยาวกรอมเท้าเหมาะกับสวมใส่ในฤดูวสันต์ ดวงหน้างามถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องประทินโฉมบางเบาเผยให้เห็นผิวเนียนใสเด่นชัด ผมยาวสลวยถูกปล่อยยาว รวบเป็นมวยครึ่งศีรษะและปักด้วยปิ่นหยกระย้าแลดูงดงามหาใดเปรียบ

"อะแฮ่ม มากันครบแล้วใช่หรือไม่ เช่นนั้นข้าจะถ่ายทอดพระราชโองการให้ฟัง" ไต้กงกงยกมือขึ้นปิดปากกระแอมเบาๆหนึ่งหน จากนั้นจึงหยิบพระราชสาส์นที่ถูกม้วนเก็บอย่างดีมาคลี่ออก กวาดสายตามองไปยังตัวอักษรที่ถูกขีดเขียนลงบนแผ่นกระดาษ

"สวีอี้ฝานบุตรสาวของเสนาบดีกรมขุนนางสวีหยางโป เป็นผู้มีความประพฤติดีงาม มีชาติตระกูลสูงส่ง อีกทั้งยังเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งในใต้หล้า ควรค่าอย่างยิ่งที่จะได้คู่ครองที่เหมาะสม จึงพระราชทานสมรสให้สวีอี้ฝานดำรงตำแหน่งฮูหยินเอกในแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นฮั่นเปาอี้ส่วง จบราชโองการ"

"ฝ่าบาททรงพระราชทานสมรสให้พี่สาวของข้าแต่งงานกับคนตาบอดงั้นหรือ โอะ!" สวีชางหมิงรีบยกมือขึ้นปิดปาก หลังจากที่เผลอเอ่ยวาจาไม่สมควรออกมา พลางหันไปส่งยิ้มอย่างเจื่อนๆให้คนเป็นแม่พร้อมเปล่งเสียงร้องโอดโอยออกมาเบาๆ เมื่อนางยกมือขึ้นหยิกหมั่บไปที่ท่อนแขนกำยำของเขา

วาจาของเขาทำให้คนทั้งห้องหันไปมองสวีอี้ฝาน พบว่าใบหน้าของนางยังคงสงบนิ่งเช่นเดิม ก่อนที่ร่างบางจะยอบกายลงอย่างนอบน้อม

"สวีอี้ฝานน้อมรับราชโองการ ขอฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น หมื่นปี" แพรขนตายาวกะพริบไปมาเบาๆ แววตาสั่นไหวเล็กน้อย ยากจะคาดเดาได้ว่าภายใต้ดวงหน้าเรียบเฉยนั้นมีความคิดเห็นอย่างไร

คล้อยหลังจากส่งไต้กงกงกลับไปแล้ว ร่างบางก็ถูกดึงเข้าไปสู่อ้อมแขนของมารดา จากนั้นหลี่อ้ายซีก็เปล่งเสียงร้องไห้โฮ

"แย่มาก แย่จริงๆ แย่ที่สุด ฝ่าบาททรงคิดอะไรอยู่ เหตุใดถึงส่งฝานฝานไปเป็นฮูหยินของแม่ทัพตาบอด"

"ฮูหยินระวังคำพูดด้วย" สวีหยางโปเตือนภรรยา ทว่าสีหน้าของเขาเองก็ดูกลัดกลุ้มไม่แพ้กัน แม้เปาอี้ส่วงจะเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ผู้เก่งกาจของแคว้นฮั่น ทว่าอย่างไรเสียเขาหาใช่คนปกติทั่วไป ใครเล่าจะอยากให้แก้วตาดวงใจไปอยู่กินกับคนตาบอด

"เป็นเพราะท่านแม่ทัพยอมเสียสละดวงตาเพื่อทำคุณประโยชน์ให้แผ่นดิน ฮ่องเต้เห็นเช่นนั้นจึงประทานรางวัลโดยการให้ท่านแม่ทัพได้แต่งงานกับหญิงงามอันดับหนึ่งของแคว้นฮั่นอย่างพี่สาวกระมัง" สวีชางหมิงทำหน้าครุ่นคิด ซึ่งวาจาของเขาก็ไม่ได้ผิดไปจากความเป็นจริงแม้แต่น้อย

เมื่อสองปีก่อน เปาอี้ส่วงยกทัพไปปราบกบฏเมืองไต้ซื่อ แม้จะได้รับชัยชนะแต่ก็ต้องแลกมาด้วยการสูญการมองเห็นทั้งสองข้าง แต่ถึงแม้ว่าดวงตาของเขาจะบอดสนิทก็หาได้ทำให้ความเก่งกาจของเขาลดลงไม่ เมื่อสามเดือนก่อนยังยกทัพไปจัดการกับเผ่าเหลียงที่มารุกรานชายแดนเมืองชินหยูจนราบเป็นหน้ากลอง

"ทำไม ทำไมต้องเป็นเช่นนี้ ฝานฝานแม่สงสารลูกยิ่งนัก" เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง สวีอี้ฝานสัมผัสได้ถึงความเปียกชุ่มบริเวณไหล่บาง นางจึงยกมือขึ้นมาลูบหลังมารดาอย่างปลอบประโลม

"ท่านแม่ ข้าเพียงแค่ต้องแต่งงาน ข้ายังมีชีวิตอยู่ หาได้ไปสู้รบกับใครเสียหน่อยเจ้าค่ะ" สวีอี้ฝานไม่ได้รู้สึกกังวลต่อพระราชโองการของฮ่องเต้เลยแม้แต่น้อย

เพราะแม้ว่าร่างนี้จะเป็นของสวีอี้ฝานก็จริง แต่ดวงวิญญาณกลับเป็นของมู่ฝานซึ่งท่านเทพได้พานางมาอยู่ในร่างนี้ หลังจากที่สวีอี้ฝานตัวจริงป่วยตายเพราะไข้ป่า ยามนี้นางมาอยู่ในร่างนี้ได้ราวเจ็ดวันแล้ว พบว่าการเป็นสวีอี้ฝานนั้นสุขสบายยิ่งนัก บิดาของนางเป็นถึงขุนนางขั้นสอง แม้จะเป็นคนเข้มงวดแต่ก็รักนางไม่น้อย ส่วนท่านแม่หลี่อ้ายซีก็รักและเอ็นดูนางอยู่มากทีเดียว ไม่นับรวมกับสวีชางหมิงน้องชายตัวแสบที่ถึงแม้จะชอบกวนโมโหอยู่บ่อยๆ แต่ก็สัมผัสได้ว่าเขาเป็นห่วงนางมากจริงๆ

นับว่าครอบครัวสกุลสวีเป็นครอบครัวที่อบอุ่นมากทีเดียว ซ้ำพอเข้ามาอยู่ในร่างนี้ นางยังถือโอกาสได้ใช้ชีวิตหรูหราอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ถึงแม้จะนอนตีพุงขลุกตัวอยู่บนที่นอนทั้งวันก็ไม่มีผู้ใดกล้าตำหนิ

"แม่รู้ว่าลูกเพียงแค่ต้องแต่งงาน อันที่จริงแม่ควรจะดีใจเสียด้วยซ้ำที่ลูกแม่กำลังจะเป็นฝั่งเป็นฝา แต่แม่ทำใจไม่ได้จริงๆที่ลูกต้องแต่งงานกับท่านแม่ทัพเปา" หลี่อ้ายซีกล่าวเสียงสะอื้น ก่อนจะหันไปหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตา

"แต่ข้าก็ยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดจู่ๆฮ่องเต้ทรงออกพระราชโองการสมรสมาอย่างรวดเร็วเช่นนี้" สวีชางหมิงกล่าวพึมพำ

สวีหยางโปจึงถอนลมหายใจออกมาเบาๆพลางเอ่ยว่า

"อันที่จริงฝ่าบาททรงกังวลเรื่องท่านแม่ทัพเปามานานแล้ว เหตุเพราะเขายังไม่มีคู่ครองตกลงปลงใจกับหญิงใด ฝ่าบาทคงเกรงว่าท่านแม่ทัพจะไม่มีคนดูแลจึงจัดการมอบสมรสพระราชทานให้ด้วยพระองค์เอง"

"แต่ข้าได้ยินมาว่าฮูหยินผู้เฒ่าของจวนสกุลสกุลเปาเป็นคนเข้มงวดมากมิใช่หรือ นางจะไม่รังแกฝานฝานของเราหรือเจ้าคะ"

"ท่านแม่ทัพหาใช่คนที่จะยอมให้ผู้ใดมารังแกฝานฝานได้เช่นนั้นหรอก เจ้าอย่าได้กังวลไปนักเลย" สวีหยางโปกล่าวอย่างปลงตก ในเมื่อฮ่องเต้ทรงออกพระราชโองการมาแล้ว ใครเล่าจะขัดได้

สวีอี้ฝานมองสีหน้าเป็นกังวลของครอบครัวสลับไปมาพลางลอบยิ้มออกมาเล็กน้อย นางไม่ทุกข์ใจหรอก เพราะรู้ดีว่าอย่างไรเสียสักวันหนึ่งนางกับเขาก็ต้องหย่ากันอยู่แล้ว 

"ท่านแม่เจ้าขา พระราชโองการสมรสของฝ่าบาททำให้ข้าช้ำใจยิ่งนัก ข้าขอสักสองร้อยตำลึงทองได้หรือไม่ อยากออกไปซื้อของเผื่อจะลืมเรื่องช้ำใจได้บ้าง" นางกล่าวอย่างน่าสงสาร มือบางรวบเอวบางของมารดาพลางซบหน้าลงบนอกนุ่มนิ่มอย่างออดอ้อน

เมื่อคนเป็นแม่เห็นเช่นนั้นก็พลันใจอ่อนยวบ ล้วงกุญแจเปิดหีบเงินส่งให้นางทันที

"อยากได้เท่าไหร่ก็ไปเอาเถิด"

"ขอบคุณท่านแม่มากเจ้าค่ะ" กล่าวด้วยความดีใจ จากนั้นจึงจรดปลายจมูกลงบนแก้มนุ่มนิ่มของมารดาหนหนึ่งและรีบวิ่งแจ้นออกไปอย่างรวดเร็ว 

หลี่อ้ายซีมองตามแผ่นหลังบางด้วยแววตาอ่อนโยน ตั้งแต่สวีอี้ฝานฟื้นขึ้นมาจากพิษไข้ นางกลับกลายเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน คงเป็นเพราะอาการป่วยที่ทำให้นางเกือบไม่รอดจึงทำให้นางกลายเป็นเช่นนี้ 

ช่างน่าสงสารยิ่งนัก...

"ท่านแม่ ข้าไม่ขอเยอะเท่าพี่สาว ขอเพียงแค่ร้อยตำลึงทองก็พอขอรับ" สวีชางหมิงยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ส่งสายตามองมารดาตาปริบๆ 

"เจ้าน่ะไม่ต้องเลย วันก่อนให้ไปห้าร้อยตำลึงทองใช้หมดแล้วหรืออย่างไร รีบไปเตรียมตัวไปที่สำนึกศึกษาได้แล้ว อย่าให้แม่ต้องพูดซ้ำสอง" 

ใบหน้าคมถอดแบบคนเป็นพ่อมาหงิกงออย่างขัดใจ ก่อนจะสะบัดหน้าพรืดเดินกลับไปยังหอนอนของตนอย่างรวดเร็ว

หลี่อ้ายซีส่ายศีรษะไปมาเบาๆ แต่เมื่อหันกลับมาก็เห็นว่าสายตาดุคมของสามีกำลังมองอยู่ ปากหนาของเขาอ้าออกหมายจะพูดบางอย่างแต่กลับต้องหุบลงอย่างรวดเร็ว เมื่อนางยกนิ้วขึ้นไปจ่อริมฝีปากของเขาเอาไว้

"ท่านพี่ไม่ต้องพูดเจ้าค่ะ เดี๋ยวคืนนี้ได้นอนพื้นอีกนะ" นางรู้ว่าเขาจะบ่นนางเรื่องตามใจลูก นางจึงรีบชิงขัดขึ้นมาเสียก่อน กล่าวจบก็ส่งยิ้มหวานให้เขาหนหนึ่ง ก่อนจะเดินกรีดกรายออกไปจากห้อง 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   ตอนพิเศษ 2 ยั่วสามี

    หลายเดือนต่อมาสวีอี้ฝานได้ให้กำเนิดบุตรชายฝาแฝดแก่เปาอี้ส่วง สร้างความปีติยินดีให้แก่คนสกุลเปาและคนสกุลสวีอย่างมากเจ็ดวันหลังจากที่เจ้าก้อนแป้งคลอด สวีอี้ฝานก็ได้รับของขวัญที่ถูกส่งมาจากหวางจื่อชางอ๋อง นับตั้งแต่ที่เขาจากไปท่องยุทธภพ นางก็ไม่ได้พบเจอกับเขาอีกเลย เปาอี้ส่วงจัดการเปิดห่อของขวัญอย่างระมัดระวังพบว่ามันคือป้ายหยกสลักลวดลายมงคลหาใช่สิ่งของที่ใช้เกี้ยวสตรีอย่างที่เขานึกกลัวจึงค่อยโล่งใจไปบ้างแม้ตัวของหวางจื่อชางอ๋องจะจากไป แต่เปาอี้ส่วงรู้ว่าอย่างไรเสียคนผู้นั้นไม่มีทางตัดใจจากสวีอี้ฝานได้โดยง่าย เขาจึงยังมีความหวาดระแวงเกรงว่าหวางจื่อชางอ๋องจะกลับมาแย่งชิงสวีอี้ฝานไปจากเขาอยู่ยามนี้เจ้าเด็กแฝดทั้งสองคนอายุได้หนึ่งหนาวแล้ว เป็นเด็กอ้วนท้วนรูปร่างแข็งแรง พวกเขามีชื่อว่าเปาอี้เฉิงและเปาอี้หาน ยิ่งโตขึ้นก็ยิ่งได้เห็นพัฒนาการทางด้านหน้าตาทำให้ได้รู้ว่าเด็กๆทั้งสองคนถอดแบบจากคนเป็นพ่อแม่มาคนละครึ่ง ดูเป็นความแตกต่างที่สร้างสรรค์กันอย่างลงตัว คนที่ดูจะดีใจพอๆกับเปาอี้ส่วงที่เจ้าก้อนแป้งทั้งสองได้ถือกำเนิดขึ้นดูจะไม่พ้นเป็นฮูหยินผู้เฒ่า นับตั้งแต่ตอนที่เด็กๆเกิดมาจนถึงตอนนี้ ฮูห

  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   ตอนพิเศษ 1 อยากกินของเปรี้ยว

    ยามนี้สวีอี้ฝานตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว หน้าท้องกลมนูนขยายใหญ่ออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัด ตอนที่ส่องกระจกทองเหลืองนางได้แต่ทอดถอนลมหายใจออกมาเบาๆ ไม่นึกเลยว่าการตั้งครรภ์ช่างลำบากยากเข็ญยิ่งนัก นอกจากรูปร่างที่เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมากแล้ว เวลาจะเดิน นั่งหรือนอนก็ไม่รวดเร็วเหมือนเมื่อก่อน ดีแต่ว่าเมื่ออายุครรภ์มากขึ้น อาการแพ้ท้องที่มีค่อยๆทุเลาลงไปมากแล้ว จากเดิมที่มักจะคลื่นเหียนเวลาที่ได้กลิ่นอาหาร แต่ตอนนี้นางกลับเจริญอาหารมากกว่าเดิมเพราะตอนนี้กำลังตั้งครรภ์ เปาอี้ส่วงจึงสั่งห้ามไม่ให้นางออกไปข้างนอกโดยที่ไม่มีเขาไปด้วย ทุกๆวันสวีอี้ฝานจึงได้แต่นั่งๆนอนๆอยู่ที่จวนสกุลเปาอย่างเบื่อหน่าย ยังดีที่ว่าหลี่อ้ายซีผู้เป็นมารดากับสวีหยางโปผู้เป็นบิดามักจะแวะเวียนมาเยี่ยมนางอยู่บ่อยๆ"ฮูหยินเจ้าขา ผลไม้มาแล้วเจ้าค่ะ" หลิงหลิงเดินเข้ามาพร้อมกับสาวใช้ในมือถือถาดใส่อาหารเข้ามาวางไว้ที่โต๊ะกลม สวีอี้ฝานที่นอนเล่นอยู่บนเตียงค่อยๆหยัดกายลุกขึ้น "หลิงหลิงเอามาให้ข้าที่เตียง" นางเอ่ย หลิงหลิงจึงรีบยกมาให้ตามคำบอก ร่างบางกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง บนตักวางถาดใส่ผลไม้พลางหยิบมันเข้าปากทว่ากินไปได้ไม่ก

  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทส่งท้าย

    ระหว่างที่สวีอี้ฝานกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นปานใจจะขาด ประตูห้องที่ปิดสนิทลงในตอนแรกก็ถูกเปิดออก ร่างสูงของเปาอี้ส่วงก้าวเข้ามาร่างกายเต็มไปด้วยเกล็ดขาวของหิมะ"ทุกคนมาทำอะไรที่ห้องของข้าขอรับ" ชายหนุ่มถามด้วยความงุนงง ก่อนจะรีบสาวเท้าก้าวเข้าไปหาภรรยา เมื่อได้เห็นหยาดน้ำตาของนาง หัวใจของเขาราวถูกบีบรัดอย่างรุนแรง"ฝานฝานเป็นอะไรไป ใครรังแกเจ้า" เขาถามพลางหันไปมองฮูหยินผู้เฒ่ากับหนิงเชา"ข้าเปล่านะ" จางเข่อซินรีบส่ายศีรษะไปมา ก่อนจะหันไปพยักเพยิดกับหนิงเชาเดินออกไปจากห้องเพื่อปล่อยให้สามีภรรยาได้อยู่ด้วยกันตามลำพังสวีอี้ฝานปาดน้ำตาออกจากใบหน้าอย่างลวกๆ มองสามีอย่างงอนๆ เดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของเขาพลางส่งสายตามองสำรวจทั่วตัว"ท่านพี่ท่องยุทธภพกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ""ท่องยุทธภพอะไรกัน" คิ้วกระบี่ขมวดเข้าหากัน เปาอี้ส่วงถามด้วยความไม่เข้าใจ"ท่านพี่หนีข้ามาจากจวนสกุลสวีเพราะจะออกไปท่องยุทธภพมิใช่หรือเจ้าคะ""ใครบอกเจ้ากัน""หมิงหมิงบอกเจ้าค่ะ"เปาอี้ส่วงได้ยินเช่นนั้น เขาเปล่งเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นด้วยความขบขัน เขาบอกสวีชางหมิงว่าจะไปส่งหวางจื่อชางอ๋องไปท่องเที่ยวทั่วยุทธภพต่างหากไ

  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทที่ 34 จะกินเต้าหู้หรือกินข้า​

    "ฝานฝานไม่ต้องกินเต้าหู้ก็ได้ เปลี่ยนมากินข้าแทนเถิด" เขาจัดการพลิกคนร่างบางให้นอนหงาย ก้มหน้าลงหมายจะจุมพิตที่ปากจิ้มลิ้มอีกหน ทว่าสวีอี้ฝานกลับอาศัยจังหวะที่เขาเผลอ ทันทีที่ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนต่ำลงมาใกล้ นางก็ใช้มือดันใบหน้าของเขาออกห่าง จากนั้นจึงตวัดกายลุกขึ้นนั่งคร่อมหยิบหมอนใบใหญ่มากระหน่ำฟาดไปยังคนใต้ร่าง"ข้ากำลังโกรธท่านอยู่มิใช่หรือ ไยถึงได้ยังกล้าทำตัวลามกอีกเล่า""โอ๊ยๆ ฝานฝานให้อภัยข้าเถิด ข้าไม่ได้ตั้งใจแต่ข้าสะกดกลั้นอารมณ์ไม่ไหวจริงๆ" มือหนายกมือขึ้นปัดป้อง สวีอี้ฝานจัดการเขาด้วยหมอนใบใหญ่จนเหนื่อยหอบ นางจึงหยุดพักนั่งหอบหายใจสะท้านโดยที่ยังนั่งคร่อมคนตัวโตอยู่"อึ่ก!" สวีอี้ฝานรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ดุนดันออกมาผ่านเนื้อผ้าและตอนนี้มันกำลังทิ่มแทงไปที่กลางกายของนาง"ฝานฝาน ข้า..." เปาอี้ส่วงขานเรียกชื่อคนตัวเล็กเสียงเบา ดวงตาจับจ้องไปยังแก่นกลางกายที่นางกำลังนั่งทับอยู่สวีอี้ฝานก้มลงมองตามสายตาของเขาจึงได้เห็นแท่งหยกอันใหญ่ตั้งแข็งชี้โด่ขึ้น"ว้าย!" หญิงสาวอุทานร้องลั่นรีบปีนลงจากตัวเขาวิ่งไปหยุดยืนอยู่ข้างโต๊ะกลมเปาอี้ส่วงหยัดกายลุกขึ้นตาม เขาเดินตามเข้ามาใกล้

  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทที่ 33 แกล้งสามี

    ข่าวเรื่องจอมโจรชุดดำแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวง สีหน้าของบรรดาเหล่าชาวเมืองต่างเต็มไปด้วยความสุข พวกเขาต่างพากันเปล่งวาจาชื่นชมแม่ทัพเปาอี้ส่วงอย่างไม่ขาดปาก จอมโจรชุดดำเปรียบเสมือนหนามยอกตำใจของชาวเมืองแคว้นฮั่นมาหลายปี พวกเขาต้องคอยอยู่อย่างหวาดผวาเพราะกลัวจอมโจรชุดดำออกอาละวาด ทว่ายามนี้ไม่ต้องคอยอยู่อย่างหวาดกลัวอีกต่อไปแล้ว ในเมื่อหัวหน้าจอมโจรชุดดำถูกจับตัวได้แล้ว อีกทั้งแหล่งกบดานของพวกมันยังถูกแม่ทัพเปาอี้ส่วงทำลายจนไม่เหลือซากฉีกังหรืออดีตท่านอาจารย์ฉีคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหล่าจอมโจรชุดดำนี้ เมื่อทุกคนรู้ว่าเขาเป็นใครต่างพากันตกใจไม่น้อย ไม่นึกว่าคนที่สุภาพเปี่ยมไปด้วยความรู้และคุณธรรมอย่างท่านอาจารย์ฉีจะกลายเป็นคนร้ายตัวจริงไปเสียได้ ทว่าคนผิดก็ต้องได้รับโทษ หลักฐานที่มีมัดตัวฉีกังจนดิ้นไม่หลุด ยามนี้เขาถูกคุมขังไว้ที่คุกมืดเพื่อรอการตัดสินโทษต่อไปหวางฮ่องเต้พระราชทานรางวัลมากมายให้เปาอี้ส่วง ทว่าเขาไม่ขอรับความดีความชอบนี้ไว้เพียงผู้เดียว เพราะสวีชางหมิงก็มีส่วนช่วยให้เขาปราบจอมโจรชุดดำได้สำเร็จเช่นกันวันนี้ที่จวนสกุลสวีจึงมีรถม้าคันใหญ่หลายคันทยอยเข้าออก เบื้องหน้า

  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทที่ 32 ช่วยสามี

    เช้ามืดเปาอี้ส่วงได้เคลื่อนกำลังพลไปยังป่ามืดที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองหลวง เวลาผ่านไปเพียงหนึ่งชั่วยามก็ไปถึงแหล่งกบดานของพวกจอมโจรชุดดำ เปาอี้ส่วงสั่งให้กองกำลังซุ่มอยู่บริเวณแนวเขารอบๆ ก่อนจะจัดการยิงธนูไฟไปที่กระโจมของพวกมันจนไฟติดพรึ่บฟ้ายังไม่ทันสางดีก็บังเกิดเปลวเพลิงขนาดใหญ่โหมกระหน่ำไปทั่วกระโจมของพวกมัน เสียงร้องโหวกเหวกโวยวายดังขึ้น บรรดาจอมโจรชุดดำต่างวิ่งวุ่นพากันช่วยดับไฟ เปาอี้ส่วงอาศัยช่วงจังหวะชุลมุนส่งสัญญาณให้กองทัพเคลื่อนลงไปโจมตีพวกมันในขณะที่กองทัพของแม่ทัพเปาอี้ส่วงกำลังเป็นต่อกลับมีกองกำลังของคนอีกกลุ่มหนึ่งปรี่เข้ามาห้อมล้อมคนของเปาอี้ส่วงเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง เปาอี้ส่วงจำได้ว่าหัวหน้ากองกำลังผู้นั้นคือบ่าวรับใช้ผู้ติดตามของท่านอาจารย์ฉีกัง"คิดไว้ไม่มีผิดจริงๆ แท้ที่จริงแล้วท่านอาจารย์ฉีก็เป็นหัวหน้ากลุ่มโจรชุดดำจริงๆ""รู้แล้วท่านแม่ทัพจะทำอย่างไรได้ ป่านนี้ท่านอาจารย์ฉีคงพาพวกบรรดาเหล่าคุณชายไปถึงไหนต่อไหนแล้ว" ซุนเชากล่าวอย่างยิ้มเยาะในทุกๆปีท่านอาจารย์ฉีกังจะทำการคัดเลือกบรรดาคุณชายสกุลต่างๆไปที่วัดบนภูเขาอันเป็นแหล่งกบดานชั้นดีอีกที่หนึ่ง โดยนำวิชา

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status