LOGIN"แม่หนู ตื่นเถิด ข้ามีเรื่องจะบอก" เสียงของชายชราดังขึ้นที่ข้างหูของมู่ฝานทำให้เปลือกตาที่ปิดสนิทอยู่ในตอนแรกค่อยๆเปิดขึ้น
หญิงสาวหันมองรอบกายอย่างงุนงง บรรยากาศเต็มไปด้วยหมอกขาวขึ้นปกคลุมดูวังเวงน่ากลัว เบื้องหน้าของนางมีชายชราท่าทางใจดีผู้หนึ่งยืนอยู่
"ท่านตาเป็นใครกัน" ถามเสียงห้วน มือบางควานหาดาบประจำตัวแต่ก็พบเพียงแค่ความว่างเปล่า
"เดี๋ยวๆ ใจเย็นก่อน ข้าเป็นท่านเทพมาเพื่อมอบโอกาสสำคัญให้กับเจ้า"
มู่ฝานได้ยินเช่นนั้นจึงมั่นใจได้ทันทีว่าตอนนี้นางได้สิ้นชีพไปแล้วจริงๆ และนางคาดว่าที่ตรงนี้ที่นางอยู่คงเป็นโลกของวิญญาณสินะ
"โอกาส? โอกาสอะไรกัน"
"โอกาสในการมีชีวิตอีกครั้งของเจ้าอย่างไรเล่า"
"ท่านเทพจะปลุกให้ข้าฟื้นคืนชีพหรือ" ถามด้วยความตื่นเต้น นางยินดีเป็นอย่างยิ่งหากได้โอกาสนั้นกลับคืนมา
"เปล่า ข้าทำให้เจ้าฟื้นคืนชีพไม่ได้หรอก ยามนี้ร่างของเจ้าถูกฝังลงในสุสานไปแล้ว หากเจ้าฟื้นคืนชีพขึ้นมา ผู้คนคงตกใจแตกกระเจิงไปทั้งเมือง"
มู่ฝานทำหน้ายู่ ส่งเสียงชิออกมาเบาๆ "แล้วท่านเทพจะทำอย่างไร"
ชายชราคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย ยกมือขึ้นปิดปากส่งเสียงกระแอมเบาๆ จากนั้นจึงเอ่ยต่อว่า
"ข้าต้องบอกก่อนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นรวมถึงชีวิตของพวกเจ้าทุกคนเป็นเพียงบทบาทในนิยายเรื่องหนึ่งเท่านั้น"
"นิยายงั้นหรือเจ้าคะ" หัวคิ้วเรียวขมวดมุ่นเข้าหากัน ถามด้วยความไม่เข้าใจนัก
"ใช่ มู่ฝานเป็นเพียงแค่ตัวประกอบ นักเขียนสร้างตัวตนของนางขึ้นมาเพื่อทำให้การตายของนางเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้พระเอกกับตัวร้ายทะเลาะกันเท่านั้น"
"..." มู่ฝานกะพริบตาปริบๆ ชีวิตของนางมีค่าเป็นเพียงแค่ตัวประกอบไร้ค่าบทน้อยที่สิ้นชีพตั้งแต่เริ่มเรื่องคนหนึ่งเท่านั้นเองหรือ
"ข้ารู้สึกเห็นใจที่เจ้ายังไม่ได้ใช้ชีวิตเป็นของตัวเองจริงๆจังๆแต่กลับต้องมาตายจากไปเสียแล้ว ข้าจึงจะมอบโอกาสให้เจ้า แต่เจ้าต้องเข้าไปรับบทเป็นนางรองในนิยายเรื่องนี้"
"ข้าขอเป็นนางเอกไม่ได้หรือเจ้าคะ" หญิงสาวถามอย่างมีความหวัง ได้โอกาสให้มีชีวิตใหม่ทั้งทีขอเป็นนางเอกเลยไม่ได้หรือ ทว่าท่านเทพกลับส่ายศีรษะไปมาปฏิเสธ
"ไม่ได้หรอก มีเพียงแค่บทนางรองเท่านั้นที่ว่างในตอนนี้ เหตุเพราะนางรองตัวจริงเพิ่งจากไปหลังจากป่วยเป็นไข้ป่า"
มู่ฝานเบ้ปากเล็กน้อย นางอยากเป็นนางเอกไม่ใช่นางรองนี่ ถ้าได้เป็นนางเอกนิยายก็จะได้รับความรักทั้งพระเอกและพระรอง การที่ได้เป็นคนที่มีแต่คนมารุมรักเช่นนั้นดีจะตายไป
"เอ้า ว่าอย่างไรเล่า จะเป็นหรือไม่เป็น หากเจ้าไม่เป็นข้าจะไปหาวิญญาณดวงใหม่มารับบทนางรองแทนเจ้า" ท่านเทพพูดพร้อมทำท่าจะอันตธานหายไป มู่ฝานเห็นเช่นนั้นจึงรีบร้องห้ามเขาไว้ก่อน
"ตกลงเจ้าค่ะ ข้าเป็นนางรองก็ได้" หญิงสาวรับคำอย่างเสียมิได้ อย่างน้อยการเป็นนางรองก็คงไม่แย่เท่าเป็นนางร้ายกระมัง
"ดี! เช่นนั้นข้าจะเล่าเรื่องราวย่อๆให้เจ้าฟัง นิยายเรื่องนี้ในช่วงแรกนางรองจะต้องแต่งงานกับพระเอก แต่พระเอกไม่ได้รักนางรอง และจะมีเหตุให้พระเอกกับนางเอกได้ใกล้ชิดกัน โดยมีอุปสรรคคือตัวร้าย ตอนจบของเรื่อง นางรองเช่นเจ้าจะมีเหตุให้ต้องเลิกรากับพระเอก และพระเอกจะได้แต่งงานกับนางเอกแทน"
"ได้เจ้าค่ะ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว" นางยักไหล่ขึ้นเบาๆ เผลอๆนางจะได้ช่วยให้พระเอกกับนางเอกได้รักกันเร็วๆเสียด้วยซ้ำ นางจะได้รีบหย่ากลายเป็นอิสระเสียที คนที่ไม่เคยคิดจะแต่งงานเช่นนาง หากให้ไปใช้ชีวิตอยู่กับใครอื่นคงยากไม่น้อย
ท่านเทพได้ยินคำตอบของนางจึงผงกศีรษะรับด้วยความพึงพอใจ
"นางเอกของเรื่องคือคุณหนูสกุลหยวน ส่วนตัวร้ายก็คือหวางอ๋อง เจ้าจะดำเนินชีวิตไปตามเนื้อเรื่องในนิยายหรือจะใช้ชีวิตตามใจเจ้าก็ย่อมได้ แต่จงจำเอาไว้ว่าหากเจ้าไม่ดำเนินชีวิตไปตามที่ในนิยายกำหนด เนื้อเรื่องของนิยายก็จะเปลี่ยนไป เจ้าจะเลือกอย่างไรก็ตามใจเจ้าเถิด" พูดจบร่างของชายชราก็ค่อยๆอันตธานหายไป ปล่อยให้มู่ฝานยืนงงอยู่ในดงหมอก
"เดี๋ยวสิ! ท่านเทพกลับมาก่อนเจ้าค่ะ ท่านยังไม่ได้บอกข้าเลยว่าใครคือพระเอกที่ข้าต้องแต่งงานด้วย" หญิงสาวตะโกนขึ้นมาเสียงดัง เมื่อนึกได้ว่าท่านเทพลืมบอกสิ่งสำคัญไปหนึ่งเรื่อง
"เดี๋ยวเจ้าก็จะได้รู้เอง!" ท่านเทพไม่ได้ปรากฏกายมีเพียงแค่ส่งเสียงมาเท่านั้น พลันไม่นานร่างบางก็เปล่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเห็นแสงสีขาวสว่างวาบขึ้นก่อนที่ตัวนางจะหายเข้าไปในแสงนั้น
"ฝานฝานข้าหิวแล้วรีบไปกินข้าวกันเถิด" เขากล่าวเสียงสั่นก่อนรีบสาวเท้าเดินออกมาจากห้อง สวีอี้ฝานทำหน้ามุ่ยอย่างไม่เข้าใจนัก เขาไม่ต้องการนางแล้วหรือ ไยถึงทำท่าทางรังเกียจไม่อยากแตะต้องตัวนางเช่นนั้นเล่าทว่านางยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ สวีอี้ฝานรีบก้าวยาวๆตามสามี จับมือหนาของเขาเอาไว้และเดินไปตรงระเบียงหน้าหอนอนที่มีโต๊ะกลมวางอยู่ บนโต๊ะถูกจุดด้วยเทียนเล่มเล็กให้ความสว่างไสวอย่างสลัวๆ ที่ตรงนี้บรรยากาศดีสามารถมองเห็นวิวของสวนอุทยานในตอนกลางคืนได้อย่างชัดเจน"ท่านพี่นั่งก่อนเจ้าค่ะ" หญิงสาวผายมือให้เขาอย่างเชื้อเชิญ เมื่อเห็นชายหนุ่มนั่งลงแล้ว นางจึงเดินกรีดกรายไปนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของเขา"วันนี้เป็นวันพิเศษอะไรหรือเปล่า" เปาอี้ส่วงถามด้วยความสงสัย มองบรรยากาศรอบกายด้วยความสับสน วันนี้หาใช่วันเกิด หรือวันครบรอบแต่งงานของเขาและนาง เหตุใดนางถึงทำเหมือนว่าวันนี้มันเป็นวันพิเศษ"ถ้าไม่ใช่วันพิเศษข้าจะกินข้าวกับท่านพี่ด้วยบรรยากาศแบบนี้ไม่ได้หรือเจ้าคะ" มือบางเท้าคางจดจ้องไปยังคนตัวโตตาแป๋ว ท่าทางน่ารักน่าชังจนทำให้คนมองใจสั่นสะท้าน"แน่นอนว่าย่อมได้ ฝานฝานก็รู้ว่าข้าตามใจเจ้าเสมอ" ชายหนุ่มเ
หลายเดือนต่อมาสวีอี้ฝานได้ให้กำเนิดบุตรชายฝาแฝดแก่เปาอี้ส่วง สร้างความปีติยินดีให้แก่คนสกุลเปาและคนสกุลสวีอย่างมาก เจ็ดวันหลังจากที่เจ้าก้อนแป้งคลอด สวีอี้ฝานก็ได้รับของขวัญที่ถูกส่งมาจากหวางจื่อชางอ๋อง นับตั้งแต่ที่เขาจากไปท่องยุทธภพ นางก็ไม่ได้พบเจอกับเขาอีกเลย เปาอี้ส่วงจัดการเปิดห่อของขวัญอย่างระมัดระวังพบว่ามันคือป้ายหยกสลักลวดลายมงคลหาใช่สิ่งของที่ใช้เกี้ยวสตรีอย่างที่เขานึกกลัวจึงค่อยโล่งใจไปบ้าง แม้ตัวของหวางจื่อชางอ๋องจะจากไป แต่เปาอี้ส่วงรู้ว่าอย่างไรเสียคนผู้นั้นไม่มีทางตัดใจจากสวีอี้ฝานได้โดยง่าย เขาจึงยังมีความหวาดระแวงเกรงว่าหวางจื่อชางอ๋องจะกลับมาแย่งชิงสวีอี้ฝานไปจากเขาอยู่ ยามนี้เจ้าเด็กแฝดทั้งสองคนอายุได้หนึ่งหนาวแล้ว เป็นเด็กอ้วนท้วนรูปร่างแข็งแรง พวกเขามีชื่อว่าเปาอี้เฉิงและเปาอี้หาน ยิ่งโตขึ้นก็ยิ่งได้เห็นพัฒนาการทางด้านหน้าตาทำให้ได้รู้ว่าเด็กๆทั้งสองคนถอดแบบจากคนเป็นพ่อแม่มาคนละครึ่ง ดูเป็นความแตกต่างที่สร้างสรรค์กันอย่างลงตัว คนที่ดูจะดีใจพอๆกับเปาอี้ส่วงที่เจ้าก้อนแป้งทั้งสองได้ถือกำเนิดขึ้นดูจะไม่พ้นเป็นฮูหยินผู้เฒ่า นับตั้งแต่ตอนที่เด็กๆเกิดมาจนถึงตอนนี้
"ว้าย! ฝานฝานขึ้นไปทำอะไรบนนั้นรีบลงมาเถิด เดี๋ยวจะตกลงมานะ อันตรายจริงๆ!""ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะท่านย่า แต่ก่อนข้าเคยขึ้นไปสูงกว่านี้ด้วยซ้ำ" หญิงสาวตอบอย่างไม่สะทกสะท้านกับท่าทีตกใจของจางเข่อซินยามนี้ความสัมพันธ์ของคนสกุลสวีกับฮูหยินผู้เฒ่าดีขึ้นมาก นับว่าเปลี่ยนจากหลังมือเป็นหน้ามือเลยทีเดียว ยิ่งเมื่อฮูหยินผู้เฒ่ารู้ว่ายามนี้สวีอี้ฝานกำลังตั้งครรภ์ นางรู้สึกดีใจจนร้องไห้ออกมา หากเจ้าก้อนแป้งเกิด นางก็จะกลายเป็นท่านทวด เมื่อนึกถึงเจ้าก้อนกลมที่มีเลือดเนื้อเชื้อไขของคนสกุลเปาส่วนหนึ่งก็ยิ่งรู้สึกปลื้มอกปลื้มใจ นางมักจะสรรหาของกินอร่อยๆหรือยาบำรุงชั้นเลิศมาให้สวีอี้ฝานอยู่เสมอ ดูเหมือนว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะยินดียิ่งกว่าคนเป็นแม่อย่างนางเสียอีก"ตายแล้ว! หนิงเชา ข้าจะทำอย่างไรดี หากฝานฝานตกลงมาหลานข้าคงไม่รอดแน่ โอย" ร่างบางของจางเข่อซินถึงกับซวนเซทำท่าจะล้มลง ยิ่งได้เห็นตอนที่สวีอี้ฝานกระโดดขึ้นเกาะลำต้นไม้ใหญ่สลับต้นกันไปมา นางก็รู้สึกใจสั่นราวกับจะหลุดออกมานอกอก ห่วงทั้งเจ้าก้อนกลมที่อยู่ในท้องและแม่ของเจ้าก้อนกลมที่ดูจะดื้อรั้นมากเหลือเกินทว่าเพียงแค่ชั่วอึดใจเดียวก็มีสายลมพัดวูบผ่าน
ยามนี้สวีอี้ฝานตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว หน้าท้องกลมนูนขยายใหญ่ออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัด ตอนที่ส่องกระจกทองเหลืองนางได้แต่ทอดถอนลมหายใจออกมาเบาๆ ไม่นึกเลยว่าการตั้งครรภ์ช่างลำบากยากเข็ญยิ่งนัก นอกจากรูปร่างที่เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมากแล้ว เวลาจะเดิน นั่งหรือนอนก็ไม่รวดเร็วเหมือนเมื่อก่อน ดีแต่ว่าเมื่ออายุครรภ์มากขึ้น อาการแพ้ท้องที่มีค่อยๆทุเลาลงไปมากแล้ว จากเดิมที่มักจะคลื่นเหียนเวลาที่ได้กลิ่นอาหาร แต่ตอนนี้นางกลับเจริญอาหารมากกว่าเดิม เพราะตอนนี้กำลังตั้งครรภ์ เปาอี้ส่วงจึงสั่งห้ามไม่ให้นางออกไปข้างนอกโดยที่ไม่มีเขาไปด้วย ทุกๆวันสวีอี้ฝานจึงได้แต่นั่งๆนอนๆอยู่ที่จวนสกุลเปาอย่างเบื่อหน่าย ยังดีที่ว่าหลี่อ้ายซีผู้เป็นมารดากับสวีหยางโปผู้เป็นบิดามักจะแวะเวียนมาเยี่ยมนางอยู่บ่อยๆ "ฮูหยินเจ้าขา ผลไม้มาแล้วเจ้าค่ะ" หลิงหลิงเดินเข้ามาพร้อมกับสาวใช้ในมือถือถาดใส่อาหารเข้ามาวางไว้ที่โต๊ะกลม สวีอี้ฝานที่นอนเล่นอยู่บนเตียงค่อยๆหยัดกายลุกขึ้น "หลิงหลิงเอามาให้ข้าที่เตียง" นางเอ่ย หลิงหลิงจึงรีบยกมาให้ตามคำบอก ร่างบางกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง บนตักวางถาดใส่ผลไม้พลางหยิบมันเข้าปาก ทว่ากินไปได้
ระหว่างที่สวีอี้ฝานกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นปานใจจะขาด ประตูห้องที่ปิดสนิทลงในตอนแรกก็ถูกเปิดออก ร่างสูงของเปาอี้ส่วงก้าวเข้ามาร่างกายเต็มไปด้วยเกล็ดขาวของหิมะ"ทุกคนมาทำอะไรที่ห้องของข้าขอรับ" ชายหนุ่มถามด้วยความงุนงง ก่อนจะรีบสาวเท้าก้าวเข้าไปหาภรรยา เมื่อได้เห็นหยาดน้ำตาของนาง หัวใจของเขาราวถูกบีบรัดอย่างรุนแรง"ฝานฝานเป็นอะไรไป ใครรังแกเจ้า" เขาถามพลางหันไปมองฮูหยินผู้เฒ่ากับหนิงเชา"ข้าเปล่านะ" จางเข่อซินรีบส่ายศีรษะไปมา ก่อนจะหันไปพยักเพยิดกับหนิงเชาเดินออกไปจากห้องเพื่อปล่อยให้สามีภรรยาได้อยู่ด้วยกันตามลำพังสวีอี้ฝานปาดน้ำตาออกจากใบหน้าอย่างลวกๆ มองสามีอย่างงอนๆ เดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของเขาพลางส่งสายตามองสำรวจทั่วตัว"ท่านพี่ท่องยุทธภพกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ""ท่องยุทธภพอะไรกัน" คิ้วกระบี่ขมวดเข้าหากัน เปาอี้ส่วงถามด้วยความไม่เข้าใจ"ท่านพี่หนีข้ามาจากจวนสกุลสวีเพราะจะออกไปท่องยุทธภพมิใช่หรือเจ้าคะ""ใครบอกเจ้ากัน""หมิงหมิงบอกเจ้าค่ะ"เปาอี้ส่วงได้ยินเช่นนั้น เขาเปล่งเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นด้วยความขบขัน เขาบอกสวีชางหมิงว่าจะไปส่งหวางจื่อชางอ๋องไปท่องเที่ยวทั่วยุทธภพต่างหากไ
หญิงสาวรับแผ่นกระดาษใบเล็กมาจากสาวใช้ก่อนจะเปิดคลี่ออกอ่าน เนื้อความในจดหมายเปาอี้ส่วงเขียนถึงนางไว้ว่า'ฝานฝาน เจ้าคงเกลียดและผิดหวังในตัวข้ามากที่ข้าไม่เชื่อใจเจ้า ข้าผิดไปแล้วจริงๆ ทว่าข้ารู้ว่าต่อให้ข้ากล่าวคำขอโทษซ้ำๆเจ้าก็คงยากที่จะให้อภัยข้า เดิมทีข้าคิดว่าหากข้าง้องอนเจ้า เจ้าคงจะให้อภัยข้าได้ไม่ยาก แต่ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าข้าคิดผิด ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้ารำคาญ ต่อจากนี้ไปข้าจะไม่มากวนใจเจ้าอีก'สวีอวี้ฝานขมวดคิ้วมุ่น "คนบ้า! ข้ารำคาญท่านเสียที่ไหนกัน แค่นี้ก็ดูไม่ออกหรือว่าข้าแกล้งทำเพราะอยากทดสอบความอดทนของท่านเท่านั้น"หญิงสาวรู้สึกผิดหวังไม่น้อยที่เปาอี้ส่วงถอดใจจากนางอย่างง่ายดาย แต่เมื่อเห็นถ้อยคำทิ้งท้ายที่เขาเขียนไว้ในจดหมาย จากความรู้สึกผิดหวังน้อยใจก็เปลี่ยนเป็นตกใจทันที'เจ้าจะอยู่ในความทรงจำของข้า ไม่ว่าเจ้าจะเป็นสวีอี้ฝานหรือมู่ฝาน ข้าก็จะรักเจ้าตลอดไป'สวีอี้ฝานรู้สึกใจหายวาบ นิ่งอึ้งไปหลายวินาที จ้องข้อความในจดหมายตาไม่กะพริบ ทางฝ่ายหลิงหลิงเห็นเจ้านายเงียบไปนางก็รู้สึกใจคอไม่ดีเท่าใดนัก นางสงสารฮูหยินเหลือเกิน อีกทั้งยังไม่เข้าใจท่านแม่ทัพเปาว่าเหตุใดเขาถึงทอดทิ้งฮู







