“ลูกต้องการให้องครักษ์เหยียนไปทำเรื่องอันใด”
นี่คือสิ่งที่รั่วฮูหยินปิงเซียวหลันอยากรู้เหตุผลการร้องขอของบุตรสาวในครั้งนี้
“ลูกต้องการไปเอายาถอนพิษมาให้น้องหญิงเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นรึ ได้สิ แม่จะเรียกองครักษ์ตู้มาเดี๋ยวนี้”
กล่าวจบรั่วฮูหยินจึงหันไปสั่งทางสายตากับทิงโยให้ไปตามเหยียนตู้มาพบ
“ขอบคุณท่านแม่ เช่นนั้นลูกขอตัวเข้าไปเก็บของก่อนนะเจ้าคะ”
“เก็บของ ลูกจะเก็บของไปที่ใด”
“ลูกต้องเดินทางไปที่ตลาดมืดกับองครักษ์เหยียนเจ้าค่ะ”
“ตลาดมืด”
“ว้าย! ฮูหยิน!”
รั่วฮูหยินได้ยินคำกล่าวของบุตรสาวถึงกับแข้งขาอ่อนทรุดตัวลง โชคดีที่ยังเหลือสาวใช้อยู่ใกล้จึงรับร่างรั่วฮูหยินได้ทัน
“ท่านแม่! พาท่านแม่ไปพักที่ศาลานั้นก่อน”
รั่วอิงเหยาสั่งพลางช่วยพยุงมารดาไปั่งยังศาลาสระบัว
“ท่านแม่ใจเย็น ๆ ก่อนเจ้าค่ะ”
รั่วอิงเหยาทั้งบีบทั้งนวดให้รั่วฮูหยินเพื่อให้เลือดไหลเวียนเลี้ยงสมองและคืนสติ
“เหยาเอ๋อร์”
“ลูกอยู่นี่”
รั่วอิงเหยารีบคว้ามือมารดามากุมไว้เมื่อเสียงเรียกหานางนั้นแผ่วเบาจนน่าเป็นห่วง
“ให้เหยียนตู้ไปที่นั่นคนเดียวไม่ได้หรือลูก”
น้ำเสียงแสนห่วงใย ในนัยน์ตาสั่นระรัวสบมองบุตรสาวเชิงขอร้อง
“ยาที่ลูกต้องการ มีเพียงลูกเท่านั้นที่รู้”
“แต่เหยียนตู้ก็มีความรู้เรื่องสมุนไพร”
รั่วฮูหยินยังคงหาเหตุผลมาเกลี้ยกล่อมบุตรสาว
“องครักษ์เหยียนรู้เรื่องสมุนไพรก็จริง แต่ลูกชำนาญกว่าเขามาก ท่านตาเคยชมต่อหน้าท่านเลย”
ปิงเซียวหลันมีเหตุผลของนาง แต่รั่วอิงเหยาก็มีเรื่องมาเอาชนะการเจรจาจนได้
“เหยียนตู้คำนับฮูหยิน คุณหนูใหญ่”
องครักษ์เหยียนตู้เข้ามาได้จังหวะพอดี
รั่วอิวเหยาเห็นตัวช่วยปรากฎกายตรงหน้ารีบลุกขึ้นยืนข้างกายกำยำนั้นทันที
“ฮูหยินเรียกข้าน้อยยามดึกเช่นนี้มีเรื่องสำคัญอันใดให้ทำขอรับ”
เหยียนตู้เป็นชายชาตรีรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลากว่าชาวบ้านทั่วไป แถมยังเป็นคนมีรอยบุ๋มที่ก้มซ้ายยามยิ้มจึงดูมีเสน่ห์
“ข้าเอง ข้ามีเรื่องให้เจ้าช่วย”
รั่วฮูหยินยังทำใจไม่ได้เรื่องตลาดมืด รั่วอิงเหยาจึงส่งเสียงเจื้อยแจ้วสนทนาตอบเหยียนตู้เอง
“คุณหนูใหญ่มีเรื่องอะไรให้ข้ารับใช้”
อยู่ต่หน้าคนหมู่มาก เหยียนตู้จะเคารพรั่วอิงเหยาในฐานะ ข้ารับใช้กับคุณหนู แต่ยามที่อยู่ลำพัง เขาจะต้องทำตามใจรั่วอิงเหยาห้ามเรียกนางว่าคุณหนูเด็ดขาด
“เจ้ายินดีจะเดินทางไปตลาดมืดหนานเหอกับข้าหรือไม่”
“ตลาดมืดหนานเหอมีอันตรายรอบด้าน หากคณหนูใหญ่ต้องการสิ่งใดบอกข้าน้อยได้เลย”
รั่วฮูหยินเห็นด้วยกับคำพูดของเหยียนตู้จึงรีบเสริม
“เชื่อมือองครักษ์เหยียนเถอะลูก เขาไม่เคยทำสิ่งใดไม่สำเร็จ”
มือเหี่ยวย่นตามวัยห้าสิบของรั่วฮูหยินจับมือแน่งน้อยของบุตรสาวมากุมไว้ ดวงตาที่ยังเหลือน้ำใส ๆ เกาะอยู่สบมองรั่วอิงเหยาอย่างขอร้อง
“อิงเหยาทราบความห่วงใยและกังวลของท่านแม่ แต่เรื่องนี้สำคัญต่อการกระทำของและชีวิตของเชียนเชียนเจ้าค่ะ”
รั่วอิงเหยายืนยันหนักแน่นนาดนี้ คนเป็นมารดาจะขัดขวางต่อได้เยี่ยงไร
“เหยียนตู้ ดูแลคุณหนูใหญ่เจ้าให้ดี อย่าให้มีรอยขีดข่วนแม้เส้นเดียว”
“ฮูหยินไม่ต้องเป็นห่วง ชีวิตของข้าน้อยเป็นของคุณหนูใหญ่ขอรับ”
รั่วฮูหยินได้ยินองครักษ์คนสำคัญกล่าวสัตย์เช่นนี้ก็ยิ้มได้ขึ้นมา
“ดี พ่อของเจ้าต้องภูมิใจเป็นแน่”
รั่วฮูหยินนึกถึงเหยียนฉีบิดาของเหยียนตู้ที่เสียชีวิตเพราะคำสัตย์เช่นเดียวกับบุตรชายเมื่อครู่
เขาว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น เหยียนฉียอมสละชีวิตปกป้องปิงอู๋เสวียนท่านตาของรั่วอิงเหยา ลูกชายของเขาย่อมเอาเยี่ยงอย่างบิดาผู้กล้าหาญเช่นกัน
“นี่ก็เลยเวลามามากแล้ว ลูกต้องออกเดินทางแล้วเจ้าค่ะ”
แม้จะวางใจไปส่วนหนึ่ง แต่หัวอกคนเป็นแม่จะไม่ให้กังวลความปลอดภัยลูกเลยใครจะทำได้
“จำไว้นะเหยาเอ๋อร์ ช่วยเชียนเชียนก็สำคัญ แต่ชีวิตลูกสำคัญกว่า”
สอนสั่งบุตรสาวไป น้ำตาที่เกือบจะแห้งก็ไหลออกมาอาบแก้มอีกระรอก
“ลูกจดจำไว้แล้ว”
รั่วอิงเหยาสวมกอดมารดาอีกครั้งเพื่อกล่าวลา
“ลูกไปก่อนนะเจ้าคะ ทิงโย ดูแลท่านแม่ให้ดี ๆ”
“เจ้าค่ะคุณหนู”
เมื่อบอกลาเสร็จแล้ว รั่วอิงเหยาก็เดินออกมาจากศาลาสระบัวพร้อมหยียนตู้อย่างไม่หวนกลับไปมองมารดาสักเสี้ยวเดียว
“บรรพบุรุษคุ้มครองเหยาเอ๋อร์ด้วย”
นี่คือเสียงสุดท้ายที่รั่วอิงเหยาได้ยินตามหลังมาก่อนจะขึ้นหลังม้าพร้อมองครักษ์เหยียน
ปกติรั่วเชียนชิงไม่ได้ติดพี่สาวถึงแตะเนื้อต้องตัวกันเช่นตอนนี้ แถมน้ำเสียงที่สนทนากันกลับมีแต่ความจริงใจและเชื่อใจกัน"พี่หญิง ใบหน้าท่าน..."รั่วเชียนชิงเพิ่งสังเกตรอยช้ำแดงที่แก้มขวาของพี่สาว"แค่เล็กน้อย" รั่วอิงเหยาคลี่ยิ้มให้น้องสาว"เพราะข้า ข้าทำให้ทุกคนเข้าใจพี่หญิงผิด"ความรู้สึกผิดกัดกินหัวใจของรั่วเชียนชิง บ่อน้ำตาที่ตื้นเขิน ค่อย ๆ หลังหยาดน้ำใสออกมาท่วมขอบกั้น"อย่าโทษตัวเอง เพราะเมื่อก่อนพี่ร้ายกับคนอื่นไว้มาก ไม่แปลกที่ใครเห็นเหตุการณ์ตอนนั้นจะเข้าใจเป็นอย่างอื่น"คำพูดยืดยาวที่ไม่มีความประชดประชันทำให้รั่วหนานเฉินมองบุตรสาวคนโตด้วยความประหลาดใจ"เจ้า...ไม่ได้วางยานางจริง?"ควรเป็นเพียงเสียงนึกคิดในหัว แต่รั่วหนานเฉินกลับลืมตัวเอ่ยเป็นเสียงถามออกมา"อิงเหยาไม่ได้ทำ แต่ก็ไม่เชิง""เหยาเอ๋อร์พูดอะไรลูก"ปิงเซียวหลันไม่เข้าใจบุตรสาว จะปฏิเสธแต่กลับทิ้งท้ายเหมือนตนเองทำ"เรื่องนี้ลูกจะต้องสืบสาวราวเรื่องและนำตัวคนผิดมาให้ท่านพ่อลงโทษ""พูดจาโอหัง เจ้าเป็นเพียงสตรีธรรมดา จะไปืบหาความจริงด้วยวิธีอันใด"สายตาที่รั่วหนานเฉินมองนางนั้นมีแต่ความขบขันและเหยียบย่ำความคิดเกินตัว"ลู
: ต่อจากนี้ไปพี่จะปกป้องเจ้าเอง :เรือนเชียนเชียนรั่วหนานเฉินรีบมาที่เรือนของบุตรสาวคนรองอย่ารีบร้อนพลางดีใจ"ลูกพ่อ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง"เห็นรั่วเชียนชิงกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนตั่งนอนจึงรีบถามไถ่พร้อมเดินไปช่วยพยุงนางขึ้นมานั่ง"ท่านพ่อ ลูกหายแล้วเจ้าค่ะ"คนที่ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่สาวเอ่ยตอบอย่างยิ้มแย้มหลังจากตื่นจากผงเจ็ดราตรี รั่วเชียนชิงเหมือนถูกขังอยู่ในป่าหนาม ร่างกายนางเจ็บปวดและอ่อนแรงแม้กระทั่งยามหายใจความทุกข์นี้รั่วเชียนชิงไม่เคยเอ่ยบอกบิดาหรือผู้อื่นเพราะเกรงจะโยนความผิดไปที่พี่สาว"โชคดีที่หมอหลวงอวิ่นมาทันเวลาจึงถอนพิษให้เจ้าทัน"รั่วเชียนชิงเพิ่งฟื้นจึงมีอาการสะลึมสะลือ พอได้ยินบิดาเอ่ยถึงหมอหลวงในวังจึงแปลกใจว่าเขามาเกี่ยวข้องเรื่องนี้ได้อย่างไร"เมื่อครู่ท่านพ่อหมายถึงหมอหลวงอวิ่นหยูหรือเจ้าค่ะ""จะเป็นผู้ใดได้อีก"ยิ่งฟังบิดากล่าวอย่างชื่นชมหมอหลวงผู้นี้ รั่วเชียนชิงยิ่งรู้สึกมึนงง สุดท้ายจึงนึกถึงคนสำคัญขึ้นมาได้"พี่หญิง พี่หญิงอิงเหยาเล่าเจ้าคะ"ได้ยินชื่อที่เป็นอัปมงคลคิ้วเข้มของรั่วหนานเฉินก็ขมวด ใบหน้าเคร่งขรึม ลมหายใจฟึดฟัดก่อนเอ่ย"เจ้าไม่ต้องห่วง
"คุณหนูใหญ่ฟื้นแล้ว ไปเรียนราชครูเร็ว"เสียงคนคุยกันเบา ๆ ดังอยู่ด้านหลัง รั่วอิวเหยาจึงค่อย ๆ หันหน้ากลับไปมองพร้อมเอ่ยถาม"ชิงเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง"นางอยากรู้วิชาแพทย์ของสกุลปิงเก่งกาจสมคำร่ำลือหรือไม่"คุณหนูรองได้ท่านหมอหลวงจากในวังมาช่วยไว้แล้วเจ้าค่ะ"แม้จะมีหางเสียงแต่น้ำเสียงที่ตอบคุณหนูใหญ่นั้นอย่างกระแทกแดกดันจากความเข้าใจผิดก่อนหน้าว่านางทำร้ายคุณหนูรองแสนบอบบาง"หมอลวงจากในวัง"คนในวังจะรู้เรื่องนี้และมาได้จังหวะเหมาะเหม็งเช่นนี้เชียวหรือ"คุณหนูใหญ่ฟื้นแล้วเชิญท่านคุกเข่ารอท่านราชครูมาแจงโทษเถิดเจ้าค่ะ"นางถูกคนลอบทำร้ายกลับไม่มีใครสนใจ แม้พอฟื้นสาวใช้ยังจะให้นางทำตามคำสั่งรั่วหนานเฉินที่สั่งไว้ตอนนั้นอีก หากนี่ไม่ใช่นิยายที่นางแต่งเองกับคงคิดว่ารั่วอิงเหยาถูกเก็บมาเลี้ยงแล้ว"ท่านราชครู"คิดน้อยใจตัวเองได้ไม่ทันไร รั่วหนานเฉินก็มาถึงที่ ด้านหลังมีปิงเซียวหลันตามมาห่าง ๆ หากแต่เหมือนถูกสั่งห้ามยื่นมือมาสอดจึงได้แต่มองบุตรสาวด้วยความเป็นห่วง"ดียิ่งนัก! คิดว่าฮ่องเต้โปรดปรานเลยปีกกล้าขาแข็งวางยาพิษซ้ำกับน้องสาว!"เสียงข่มต่ำ แววตาแข็งกร้าว จ้องมองบุตรสาวอย่างกรุ่นโกรธ"ข้
:: ข้าบริสุทธิ์ ::รั่วเชียนชิงได้แต่หลับตาลง กัดฟันแน่น พร้อมร้องเจ็บปวดในใจ"พี่จะใช้เข็มแรกเปิดจุดระบายพิษให้ออกทางเหงื่อเพื่อป้องกันพิษแล่นเข้าสู่หัวใจ"รั่วอิงเหยาเอ่ยจบก็เริ่มฝังเข็มลงไปบนร่างกายเชียนชิง ทีละจุด ๆนี่คือความสามารถของรั่วอิงเหยาในนิยายของนาง หากแต่ทำไมอิงอิงถึงไม่แต่งด้านดี ๆ ออกมากันนะ"เจ็บหรือไม่"หลังจากฝังเข็มเพื่อระบายพิษทางเหงื่อครบทุกจุดแล้วจึงค่อย ๆ สังเกตอาการของเชียนชิงไปด้วย"ไหว...ไหวเจ้าค่ะ"ได้ยินคำตอบน้องสาวที่ต่อสู้กับความเจ็บปวดอยู่ใจนางก็หวั่นไหวตาม แต่ต้องอดทนไม่อ่อนแอตามน้องสาว"ต่อไปจะเจ็บกว่านี้ เจ้าต้องอดทน""เจ้าค่ะ"เชียนชิงกัดฟันแน่นเป็นหนที่สอง มือแน่งน้อยกำจิกอาภรณ์ไว้แน่นหวังว่าจะช่วยลดความกลัวและเจ็บปวดได้"อึก!"เข็มแหลมคมฝังลงบนฝ่ามือทั้งสองข้า ตามเส้นเลือดเพื่อระบายพิษเลือดคลั่งนี้ให้รวมกันขึ้นที่สูง"เข็มสุดท้ายแล้ว เจ้าจะรู้สึกแน่นหน้าอกจนเหมือนจะาดใจ ร่างกายภายในจะเจ็บปวดราวแตกสลาย แต่เมื่อพี่ถอนเข็มนี้ออกเจ้าจะหายดี""เชิญพี่หญิงลงมือ"ต่อให้เจ็บปางตายเพียงใด หากพี่สาวรักษานางหายได้ เป็นใครจะไม่ยินยอม"โอ๊ย...กึก!"รั่วเชียนช
"ชิงเอ๋อร์ หลังจากดื่มยาชุบชีวิตแล้วร่างกายเจ้าก็ผิดปกติ ป่วยง่าย หอบเหนื่อยเร็ว ใช่หรือไม่"คนถูกถามตกใจเล็กน้อย ก่อนจะนึกได้ว่าพี่สาวตนยังมีสายเลือดของหมออยู่ครึ่งหนึ่ง เรื่องแค่นี้นางย่อมสังเกตออก"เป็นอย่างที่พี่หญิงกล่าว"รั่วอิงเหยาหน้าเศร้าลงมองน้องสาวอย่างเป็นห่วงระคนสำนึกผิด"เพราะพี่ไม่ดีแท้ ๆ เจ้าถึงกลายเป็นคนขี้โรคจนถูกเลื่อนงานอภิเสกออกไปอย่างไม่มีกำหนด"คำพูดของพี่สาวช่างเหมือนเข็มนับหมื่นทิ่มแทงอกรั่วเชียนชิงพร้อมกัน"ไม่ต้องห่วง พี่จะช่วยเจ้าให้กลับมาแข็งแรงโดยไวจะได้เข้าพิธีอภิเษกกับองค์ชายใหญ่เร็ว ๆ"รั่วเชียนชิงถึงกับใจหล่นวูบ รู้สึกครางแคลงใจกับคำพูดของพี่สาวจนทนเก็บความสงสัยที่เก็บซ่อนไว้ในใจไม่อยู่เอ่ยถามออกมาเสียงสั่นและแผ่วเบา"พี่หญิงไม่โกรธชิงเอ๋อร์ที่แย่งองค์ชายใหญ่มาหรือเจ้าคะ"รั่วเชียนชิงเพิ่งรู้ความจริงหลังจากที่ฟื้นจากผงเจ็ดราตรีว่าอิงเหยาต่างหากที่พบหลัวอี้เฟิงและรักเขาเป็นคนแรก นางจึงไม่โกรธที่ถูกพี่สาววางยา"ความรักมันห้ามกันไม่ได้ ต่อให้เวลานั้นข้ารักอี้เฟิงมากเพียงใด หากเขาและข้าใจไม่ตรงกัน สุดท้ายเขาก็จะเลือกหัวใจที่ตรงกับเขาอยู่ดี...นั่นคือเจ้า"
ข้าคืออิงเหยา แต่ก็ไม่ใช่อิงเหยาเรือนอิงอิงหลังจากทำแผลเรียบร้อยแล้ว รั่วอิงเหยาก็ถูกมารดาตำหนิจนหูชา แต่ในสายตานักเขียนที่ทะลุมิติมากลับรู้สึกว่าปิงเซียวหลันนั้นช่างดีแสนดี เป็นห่วงเป็นใยรั่วอิงเหยายิ่งนักทั้ง ๆ ที่รั่วอิงเหยาผู้นั้นสร้างแต่เรื่องแต่ราวให้มารดาตนเสื่อมเสียและน่าอับอาย น่าเสียดายที่ในนิยายที่อิงอิงแต่ง ปิงเซียวหลันผู้นี้กลับไม่ค่อยมีบทบาทเช่นตอนนี้เลย"พี่หญิงข้าขอเข้าไปได้หรือไม่"น้ำเสียงอ่อนหวานฟังแล้วนุ่มหูเอ่ยขึ้นด้านนอก ในมือนางถือถาดอาหารและยาบำรุงโลหิตเอาไว้มั่น"น้องหญิงเข้ามาเถิด"ตั้งแต่กลับมาจากหนานโจว นอกจากรั่วอิงเหยาจะกักตัวอยู่ในห้อง นั่งแกะสลักตุ๊กตาไม้เล่นแก้เบื่อ นางก็ไม่ได้พบเจอน้องสาวเพื่อกล่าวขอโทษเรื่องที่ผ่านมาเลย"ชิงเอ๋อร์เอายาบำรุงโลหิตกับขนมที่พี่หญิงชอบมาให้เจ้าค่ะ"รั่วอิงเหยามองนางเอกในนิยายนางด้วยแววตาเป็นประกาย คราวก่อนยังสำรวจความงามของรั่วเชียนชิงไม่หนำใจ พอตั้งใจมองยามนางมีสติจึงสมแล้วที่นางปลุกปั้นสร้างรั่วเชียนชิงให้หน้าตาจิ้มลิ้ม ดวงตากลมโต คิ้วเข้มโก่งงาม ชวนให้บุรุษที่พบเจอนางเป็นต้องหลงใหล"ลำบากเจ้าแล้ว"รั่วอิงเหยาฉีกยิ้ม