แพรวพราวยอมรับนะว่าเสียใจไม่พอ หล่อนยังเสียตัวให้ไอ้พ่อหมอนั่นไปถึงสองครั้งสองคราอีกต่างหาก คราวแรกก็ตอนที่เขาหวังล่อลวงเพื่อกำจัด คราวนี้ก็เพราะเธอไปปลุกปล้ำเขาเสียเอง ความประทับใจแรกเริ่มนั้นไม่เคยมีอยู่ในความสัมพันธ์ของเธอกับเขา แพรวพราวไม่ใช่สาวพรหมจารีย์ตามจารีตประเพณี แต่ถึงแบบนั้นก็ว่ากันว่าผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะใช้หัวใจในการร่วมหลับนอนกับใครสักคน แต่ผู้ชายกลับทำมันราวกับเป็นส่วนหนึ่งในกิจวัตรประจำวันและเสร็จสมออกมาได้ทั้งๆ ที่เกลียดชังผู้หญิงคนนั้นสุดหัวใจ แค่เพราะถูกกระตุ้นอารมณ์ทางเพศเท่านั้นเอง
แม้แต่ผู้หญิงที่มีแต่คนต้องการมารุมรักอย่างเธอ ก็ใช้ใจในการร่วมรัก ปะปนกับความหิวโหยที่เพิ่มพูนแบบทวีคูณเช่นกัน เธอไม่ได้หน้ามืดตามัวไปปลุกปล้ำใครที่ไม่ใช่เขา หัวใจเธอมีแต่นับสิบ และเขาที่คล้ายคลึงกัน
แต่แพรวพราวกลับสับสนกับตนเอง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเธอ หากแต่มันไม่เพียงพอต่อความต้องการเลยสักนิด การสูบพลังชีวิต กินอาคมของพ่อครูยังไม่พอที่จะสนองให้หล่อนรู้สึกพึงพอใจ ดวงตาสีทับทิมวาววับท่ามกลางความมืดมิดของคืนเดือนดับที่ไร้แม้แต่แสงจันทราสาดส่อง ดวงไฟสีแดงก่ำในลูกตาของหล่อนทำให้สุนัขอาคมนั้นตกตะลึง
นี่มัน...
“ฉันหิว... หิวเหลือเกินโรเบิร์ต” เสียงหวานคร่ำครวญ สติของนางอาจจะหลุดไปแล้วที่มองว่าเขาเองก็น่ารักดี ทั้งที่เปลือยท่อนล่างแต่ไม่มีความอับอายเจือปนอยู่ในความรู้สึกนั้นเลยแม้แต่นิด แพรวพราวเหลียวกลับไปมองเขา สุนัขอาคมที่หล่อนตั้งชื่อว่าโรเบิร์ต เขาคือเด็กหนุ่มใสซื่อที่มองเรือนกายของอิสตรีอย่างไม่ประสีประสา ดวงหน้าคมคายนั้นแดงก่ำราวกับลูกตำลึงสุก
“คะ... แค่เจ้ามิเป็นกระไรหนักหนาจากอาคมของพ่อครู ข้าก็ดีใจมากพอแล้ว” เด็กหนุ่มพยายามเอาซิ่นคลุมไปบริเวณหน้าตักขาวผ่องที่มีอารยะความงดงามซุกซ่อนอยู่ เขาทำเหมือนไม่อยากมองทั้งที่มันดึงดูดเหลือแสน น้ำคาวขุ่นบางอย่างไหลออกมาจากอวัยวะส่วนนั้น เจิ่งนองทั่วผืนหญ้า ชวนให้เขารู้สึกเหมือนสติกำลังจวนจะระเบิดออกมา สุนัขอาคมไม่เคยร่วมเสพสวาทกับหญิงใด ไม่เคยมีความรัก เขาเกิดด้วยความตายและจบด้วยการตายเมื่อไร้ประโยชน์ นั่นราวกับเป็นแรงกระตุ้นให้เขารู้สึกอยากมีชีวิตด้วยเหตุผลอื่นที่ไม่ใช่เป็นเพียงทาสอาคม “สวมใส่เสื้อเถิด ข้าใส่อาภรณ์สตรีมิเป็นดอก”
“ไม่จำเป็นแล้วล่ะ” เสียงหวานเอ่ยปฏิเสธอย่างมั่นใจ พลันนั้นก็รั้งแขนเด็กหนุ่มลงจนเขาถูกหล่อนที่ใช้พละกำลังมหาศาลขึ้นคร่อมทับกายแกร่งเปลือยล่อนจ้อนอย่างสมบูรณ์แบบ คมเขี้ยวโผล่พ้นออกมาจากไรฟันของหญิงสาวโฉมสะคราญ สุนัขอาคมได้แต่มองหล่อนราวกับถูกมนตราอาคมสะกด ส่วนสำคัญนั้นผงาดขึ้นชี้โด่ราวกับต้องการยั่วยุกัน
แต่ก่อนที่หญิงสาวจะได้ขย้ำเหยื่ออย่างสุนัขตัวน้อยใต้ร่างสำเร็จ ก็บังเกิดแสงสว่างขึ้นเป็นวงรอบต้นคอของหล่อน วงจักรนั้นแคบลงและกำลังบิดคอของนางให้ขาดอากาศหายใจจนล้มลงตัวเกร็ง
“อั่ก ค่อก!” ปรากฏร่างสูงใหญ่ขึ้นเหนือกระไดเรือน พรานสมิงไม่ได้หลับสนิทและเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เขาเฝ้าดูจนแน่ใจว่าแพรวพราวมีอาการคลุ้มคลั่งต้องการเลือดและเนื้อหนังของสุนัขอาคม เพราะไม่อยากให้ผู้หญิงที่สนใจลงมือคร่าชีวิตอันไร้ตัวตนนั้นไปจึงได้ปรามหล่อนไว้ด้วยอาคมสยบสมิงพราย
“กรี๊ด!!” เสียงกรีดร้องดังกึกก้องรอบสารทิศ แพรวพราวรู้สึกเหมือนจะขาดอากาศหายใจ หล่อนหอบเหนื่อยดิ้นทุรนทุรายด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี จนโดนสะกดวิญญาณเอาไว้ ร่างเล็กเลยล้มลงไปนอนกองกับพื้นหญ้าชื้นๆ ในสภาพร่างกายที่เปลือยท่อนล่างแบบไม่เหลือความน่าดู
“มิน่าเชื่อว่านางจักเป็นสิ่งที่ข้าตามหามาตลอด” พรานสมิงก้าวลงมาจากกระไดเรือนพร้อมยกร่างเล็กนั้นขึ้นอุ้มทั้งตัว พึมพำอย่างปิติปรีดา ปราดสายตามองไปยังสุนัขอาคมที่นั่งตัวสั่นอยู่บนพื้นหญ้า เขากระตุกยิ้มหยัน “นางสมิงพรายตนนี้ชอบรสเนื้ออาคมที่ดำมืดของมึงมากทีเดียว แม้แต่เจ้านายมึงหล่อนก็กินอาคมเข้าไปจนต้องไปสั่งสมเอาใหม่ หญิงผู้นี้หากมิมีผู้ใดที่ปรามกำลังนางได้ ก็มิมีสิทธิ์เข้าหานางทั้งนั้น”
“...”
“เพราะนางจักขย้ำมึงกินจนไม่เหลือแม้แต่กระดูก จงจำใส่กบาลมึงเอาไว้”
พรานสมิงทิ้งประโยคนั้นเอาไว้หวังสั่งสอนพวกอวดดี ที่แม้แต่ไอ้คันศรยังไม่สามารถสยบกำลังนางได้ ตั้งแต่ไหนแต่ไรมันก็ไม่เคยสู้อาคมที่แกร่งกล้าของเขาได้อยู่แล้ว มันเป็นรองเขาเสมอไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนๆ
แต่มันกลับได้เป็นที่หนึ่งเมื่อผู้หญิงคนนี้ก้าวเข้ามา
นางสมิงพรายตนนี้ต้องกินคนไปมากกว่าร้อยคนแน่นอนถึงได้พละกำลังกล้าแกร่งเช่นนี้
อยากได้
อยากได้มาเป็นทาสรับใช้เหมือนชาวบ้านสมิงพวกนั้นเสียเหลือเกิน
แพรวพราวลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น เธอพบว่าตนเองนอนอยู่บนฟูกนอนในเรือนใหญ่พร้อมกับพรานสมิงที่กกกอดหล่อนเอาไว้แนบแผงอกแกร่งราวกับเช้าวันต่อมาหลังคืนสยิวก็มิปาน ดวงตากลมโตที่สะลึมสะลือแหงนมองไปทางบานหน้าต่าง หล่อนเห็นก้อนเมฆสีขาวปุย และฟ้าสว่างบ่งบอกว่าเมฆฝนได้จากไปได้สักพักแล้ว
แต่... พรานสมิงกล้าดียังไงมานอนกกกอดเธอทั้งคืน แล้วพ่อครูไปไหน จำได้ว่าเมื่อคืนน่าจะร่วมรักกับเขาจนสลบไป
ความทรงจำเมื่อคืนมันเลือนหายไปส่วนหนึ่ง แพรวพราวจำไม่ได้ว่าตนเองมีพละกำลังมหาศาลมากจนสามารถต้านแรงผู้ชายตัวใหญ่กว่าหลายคืบได้อย่างไร รวมถึงการโดนสลัดรักจากพ่อหมอหลังเสร็จกิจอีกด้วย เธอยกแขนที่หนักอึ้งของชายหนุ่มผมยาวหยักศกรูปหล่อออกจากเรือนกายของตนเอง พร้อมกับหยัดตัวลุกขึ้นอย่างกระปรี้กระเปร่าราวกับได้เติมกำลังด้วยเครื่องดื่มชูกำลังมาในเช้าของวันก็ไม่ปาน
สดชื่นจนเหมือนกับได้สูบเอาพลังชีวิตของใครสักคนมาเลย
สรีระเปลือยเปล่านั้นช่างงดงามเมื่อได้จ้องมองตนเองหน้าคันฉ่อง แต่ภาพนั้นกลับทำให้สาวเจ้าชะงักไป แล้วอ้าปากกรีดร้องออกมา
“กรี๊ด!!”
ทำไมเธอถึงล่อนจ้อนอยู่บนฟูกแถมยังอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายที่ไม่ได้ชอบล่ะ!
หรือว่า... ในค่ำคืนที่หน้ามืดขึ้นคร่อมเขา หลังจากนั้นเธอก็ถูกความกำหนัดครอบงำจนมองเห็นเขาเป็นผู้ชายที่หลงรักงั้นหรือ
แต่หารู้ไม่ว่านั่นเป็นเพียงกลอุบายของพรานสมิงที่ต้องการให้หล่อนตกอยู่ในความสับสนระหว่างเขากับพ่อครูคันศร ถึงปากหล่อนจะบอกว่ารักเพราะอีกฝ่ายหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงคนที่เธอรักในอดีตชาติ แต่ความรู้สึกริษยายามเมื่อรู้ว่าหล่อนคือนางสมิงพรายตัวร้ายที่ตามหามาตลอดนั้นทำให้เขาไม่อยากเป็นที่สองในศึกครานี้
พรานสมิงเกิดมาด้วยเป้าหมายชีวิตหนึ่งเดียวคือเพื่อตามหานางสมิงพราย เขาหลงใหลในความพิศวงของอสุรกายนามว่าสมิงพราย ที่สามารถจำแลงกายเป็นหญิงสวยงามหากแต่ร่างจริงกลับเป็นเสือตัวใหญ่มหึมาตัวเมียที่มีพละกำลังมหาศาล จึงเริ่มฝึกวิชาอาคมเพื่อสะสมเหล่าสมิงปลายแถวเป็นบริวารของเขา ในขณะที่ไอ้คันศรนั้นมีความหลงใหลในอาคมและต้องการปลุกปั่นช่วยเหลือชาวบ้าน
มันเป็นชายที่ต้องการการยอมรับมากที่สุดในโลก
เมื่อก่อนเขา ไอ้คันศร และดอกรักนั้นเป็นเพื่อนสมัยเด็ก กินนอนละเล่นตัวติดกันเสมอ หากแต่เมื่อเติบใหญ่ขึ้น ความรู้สึกของหนุ่มสาวเข้ามาแทนที่ เป้าหมายถูกช่วงชิงด้วยความรักที่ทำให้หูดับตาบอด พรานสมิงและคันศรหลงรักผู้หญิงคนเดียวกัน หากแต่คนแรกของหล่อนดันเป็นมัน
พรานสมิงสับสนกับหนทางที่มีต่อดอกรัก เขาใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อตามหานางสมิงพรายมาเป็นบริวาร แต่ดอกรักกลับต้องการใช้ชีวิตธรรมดาฉันท์ผัวเมียมากกว่า ซึ่งแน่นอนว่านั่นไม่ใช่เส้นทางที่พรานสมิงมองหา เขาเลยตีตัวออกห่าง แยกทางจากหล่อนเพื่อเดินตามจุดมุ่งหมายของตัวเอง ปล่อยเธอเอาไว้ให้ตกเป็นภริยาของพ่อครูคันศร เขายอมทิ้งผู้หญิงที่รักไปเพื่อความฝันอันยิ่งใหญ่กว่า
เมื่อรับรู้ข่าวที่ว่าเธอตายหลังจากคลอดวาดรักออกมา เขาก็เลือกที่จะตัดความรู้สึกและกิเลสทั้งหมดทิ้งอีกครั้ง ไม่คิดจะหวนกลับไปหาและก้าวออกมาจากตรงนั้นแบบไม่สามารถหันหลังย้อนกลับมาได้อีก มันผิดกับพ่อครูคันศรที่เอาแต่เฝ้าจมปลักกับอดีตที่ยากจะลืมเลือน อดีตที่ตามมาหลอกหลอนว่าเขาไม่เคยเป็นที่ต้องการของใครจริงๆ เลย เขามันเป็นที่สองเสมอ แม้แต่ผู้หญิงที่รัก กายอยู่กับตัว หลับนอนมีลูกด้วยกันแท้ๆ แต่ใจหล่อนยังเป็นของคนอื่นแม้กระทั่งวาระสุดท้าย
แต่เมื่อเขาตัดขาดพันธะเหล่านั้นได้ นางสมิงพรายก็ปรากฏกายขึ้น หล่อนปรากฎตัวในสภาพของโสเภณีนางหนึ่งที่หลอกตัวเองว่าเป็นเพียงหญิงธรรมดาที่ต้องการอำนาจจากผู้ชาย ความชั่วร้ายทำให้เงาที่ฉายลำธารในวันนั้นที่เขาลงไปล่อนจ้อนอาบน้ำกับกานพลู ปรากฏเป็นร่างเสือโคร่งเพศเมียตัวใหญ่มโหฬารที่กายชุ่มไปด้วยเลือด
นั่นคือบาปที่ทำให้ยมบาลเรียกวิญญาณหล่อนจากชาติภพอื่นเพื่อกลับมาชดใช้กรรมที่มีในภพนี้ ในคืนนั้นเขาถึงชักชวนให้ลงมาชำระกายในลำธารที่ชำระบาปของหล่อนด้วยกัน
แต่นางสมิงนั้นไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าหล่อนเป็นตัวอะไร เธอแปลงกายหลังจากกลับมาที่เรือนนี้ ในยามค่ำคืน ร่างกายของหล่อนมีพละกำลังมหาศาล ท่ามกลางฉากเสพสังวาสด้วยความหิวโหยของแพรวพราวกับพ่อครูคันศร พรานสมิงกลับรู้สึกว่าสิ่งที่เขาไขว่คว้ามาตลอด มันส่องสว่างอยู่ตรงหน้าเขานี่เอง
ยิ่งเธอแสดงความคลุ้มคลั่งด้วยความหิวโหย และสามารถกินอาคมของพ่อครูคันศรจนอีกฝ่ายที่อีโก้สูงเสียดฟ้าถึงกับต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนกลับเรือน มันทำให้เขายิ่งมั่นใจว่าหล่อนนี่แหละคือนางสมิงพรายที่มีพลังแก่กล้าในตำนานที่เขาตามหา
ตำนานที่ได้ยินมาตลอด บัดนี้สำแดงอยู่ตรงหน้าแล้ว
เมื่อสุดท้ายเขาต้องจากกับเธอ ทั้งความตายที่เคยเป็นคำสาปแช่งที่มาจากอคติ ทั้งความรู้สึกชิงชังในวันนั้น ที่ในวันนี้มันกลายเป็นเพียงคำหลอกลวง เพราะเขานั้นหลงรักอีแพรวตั้งแต่แรกเจอแรกเริ่มอาจจะเป็นเพราะดวงหน้าที่คล้ายคลึงกับดอกรัก จนรู้สึกไปเองว่านั่นอาจเป็นความชิงชังที่ดูคล้ายกับยาพิษอันหอมหวาน ความรู้สึกในตอนที่ร่วมรักกับเธอ นั่นราวกับการมอบพรหมจรรย์ให้กับโอกาสสุดท้ายที่ก้าวเข้ามา ไม่ว่าหล่อนจะเป็นใครแปลงกายมากันแน่ทุกวันเขาบอกตนเองว่า ดอกรักไม่มีจริง คนที่คล้ายคลึงกับดอกรักเองก็ไม่มีจริงเช่นเดียวกัน ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านั้น ไม่ใช่ดอกรัก เธอเป็นเพียงสัตว์ประหลาด ที่หน้าตาคล้ายกับคนอัครที่เขาเคยรักเท่านั้นการปฏิบัติตัวที่ผ่านมากับแพรวพราวนั้น ราวกับเป็นการชดเชยในสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำกับดอกรักมาโดยตลอด ที่เธอเคยปฏิเสธเขา ที่เธอทำท่ารังเกียจรังงอนเขา ที่เธอไม่แม้แต่จะมอบดวงใจให้เป็นของเขา เขาใช้ความรู้สึกน่ารังเกียจด้านมืดเหล่านี้ ส่งต่อให้กับแพรวพราวซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับไร ในเรื่องราว ระหว่างเขา และอดีตคนที่เขาแอบรักมาโดยตลอดเลยสักนิดแต่เมื่อรู้ว่าหล่อนไม่ใช่มนุษย์ อคตินั้นยิ่งบ
“แพรว ข้า...” ฝ่ามือหยาบหนานั้นกำหมัดแน่นจนสั่นเทิ้ม เขาแค้นใจและนึกอาฆาตเธอมาตลอดทั้งเรื่องราว แต่ทันทีที่เธอยอมรับความคิดนั้นของเขาและยอมที่จะตายโดยไม่มีข้อแม้ เขากลับรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งหัวใจ “ข้า... ไม่กล้าพอที่จักฆ่าเจ้า ข้าจึงใช้สังวรีราพณ์เป็นข้ออ้างเท่านั้น”“แล้วมันต่างกันตรงไหน?”“วันนี้ข้ารู้แล้วว่าเจ้าคือสิ่งสำคัญ ข้าไม่ได้อยากขอโอกาสจากเจ้า ข้ารู้ว่ากำลังถูกหลอกใช้ แต่ข้า... กลับใช้สิ่งนั้นเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจเพียงเพื่อที่จะกำจัดเจ้า เจ้าจักไปจากข้าก็ได้ แต่ขออย่างเดียวให้ข้าได้แก้ไขในสิ่งที่ข้าเคยทำผิดพลาดไปด้วยเถิด” พ่อหมอไม่ได้เข้าใจความรู้สึกของตนเองอย่างถ่องแท้หรอก เขาก็แค่กลัวว่าจะเสียเธอไปทั้งอย่างนี้เท่านั้น เพราะความรู้สึกในตอนที่เห็นว่าไม่มีเธออยู่ตรงนั้น และห้องอันว่างเปล่านั่นทำให้เขาทรมานยิ่งกว่าตอนที่ดอกรักตายจากไปในอ้อมแขนของเขาเสียอีกอาจจะเพราะหล่อนหน้าตาคล้ายกับเมียที่ตายจากไปแล้วก็ได้ ผู้หญิงที่เขาจะไม่มีวันได้ครอบครอง ผู้หญิงที่ทั้งหัวใจมีเพียงแค่พรานสมิงเท่านั้น ผู้หญิงที่แม้แต่ลูกที่เขาเฝ้าดูแล ยังไม่ใช่ลูกที่เกิดมาจากเลือดเนื้อของเขาด้วยซ้ำเขาทำลา
คำพูดของพรานสมิงทำให้แพรวพราวได้ฉุกคิด ที่ผ่านมาเธออาจไม่อยากยอมรับความจริงที่ว่าที่เธอรักนับสิบ และคิดว่าเขาคือคนที่อยู่เคียงข้างเธอ แสนดีกับเธอมาโดยตลอด อาจจะเป็นความรู้สึกถึงชัยชนะที่เธอมีต่อฟ้าลดา ผู้หญิงที่เป็นที่ต้องการของแม่มากกว่าเธอ เมื่อเธอตั้งท้องและคันศรไม่ต้องการกัน ทำให้แพรวพราวรู้สึกเหมือนถูกปฏิเสธอีกครั้ง เธอเสียใจ และเมื่อเขาพาวาดรักเข้ามา เธอจึงรู้สึกเหมือนถูกเหยียบย่ำตัวตนของตนเองจนลบเลือนหายไปที่บอกว่าการไม่มีแม่ก็ไม่เห็นเป็นไรที่จริงแล้วเธออาจจะโกหกตัวเอง การที่เธอบอกว่าเธอรักนับสิบอาจจะเพราะว่ามันคือชัยชนะที่โหยหามาโดยตลอด กับผู้ชายที่ฟ้าลดาหลงรัก แพรวพราวไม่มีวันลืมวันที่เธอก้าวเข้าหาเขา เพราะว่าข่าวลือที่ฟ้าลดาคนนั้นชอบพอกับคนในวงการเดียวกันที่เล่นละครด้วยกันเป็นคู่พระนางตลอดมาเหมือนที่ฟ้าลดาเป็นที่ต้องการของแม่มากกว่าเธอผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ทำอะไรผิด เธอไม่รู้เรื่องราวการมีอยู่ระหว่าง DNA ของแม่กับแพรวพราวด้วยซ้ำ นับสิบเองก็ไม่ได้ผิดที่หลงรักเธอ มันก็แค่ความเห็นแก่ตัว และต้องการเรียกร้องความรักจากแม่ของเธอเท่านั้นมันก็แค่ความอิจฉาที่น่ารังเกียจของเธอเอง... ค
“นึกสงสัยขึ้นมาได้แล้วหรือแม่หญิงของข้า?”แต่ทว่าในขณะที่กำลังจมอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง ท่ามกลางร่างใหญ่มหึมาของกานพลูนั้นปรากฏร่างของชายผู้หนึ่งโผล่ตัวขึ้นมาเหนือกายยักษ์ของช้างเชือกนั้น“... พรานสมิง” แพรวพราวยอมรับตามตรงว่าตกใจ ก็ไหนว่าเขาหนีหายออกไปแล้วยังไงล่ะ เพราะว่ารับไม่ได้ที่เธอตั้งท้องกับคันศร หรือว่าผัวเธอโป้ปดกันอีกแล้ว?“คิดถึงข้าหรือไม่” เขาไถ่ถาม โดยไม่ดูสถานการณ์ว่าหล่อนกำลังเข้าตาจนอยู่เลยสักนิด“นะ... ไหนพี่ศรบอกว่านายหนีไปแล้ว?”“ข้าแค่แวะไปหาลูกเท่านั้นแล” ชายหนุ่มทำได้แค่เพียงยักไหล่ปัดป้องและบอกความเป็นจริง “โดนทิ้งมาอีกแล้วสินะ”หากแต่ประโยคต่อมากลับทำให้เธอรู้สึกเจ็บที่หัวใจดวงน้อยๆ โดยไม่มีสาเหตุ จะว่าอย่างนั้นก็ไม่เชิง หรือจะยอมรับว่ามันไม่ใช่ก็ได้ เพราะเธอเป็นคนตัดสินใจหนีออกมาด้วยตัวเองต่างหาก… แต่นั่นก็เพราะว่าคนๆ นั้นแสดงออกว่าไม่ต้องการกันแล้วไม่ใช่หรือยังไง ก็เลยเจ็บใจเหมือนโดนแทงใจดำกันอย่างช่วยไม่ได้“พูดบ้าๆ ฉันต่างหากที่อุ้มท้องหนีออกมาเพราะเขาพาคุณวาดรักกลับมาที่เรือนนั่น” หญิงสาวคิดว่าเธอไม่จำเป็นต้องโกหกผู้ชายตรงหน้าหรอก เขาเห็นสภาพน่าสมเพชน
อยู่ดีๆ เมื่อรู้ว่าหล่อนได้หนีหายออกไปหลังจากที่เขาได้พาวาดรักกลับมาและปลดแอกทุกอย่าง คันศรที่เคยมั่นอกมั่นใจว่าเขาเกลียดชังหล่อนเหลือเกิน และต้องการจะฆ่าหล่อนมากที่สุด กลับรู้สึกเจ็บปวดกับการที่ไม่มีเธออยู่ในห้อง และได้รับรู้ว่าเธอหนีออกไปแล้วเพราะทนอยู่ร่วมกันไม่ได้อีกต่อไป การตามหาเธออาจจะยากเย็นเพราะว่าอีกฝ่ายไม่ใช่มนุษย์ แถมยังเป็นอสุรกายในตำนานอีกต่างหาก ยิ่งอีกฝ่ายต้องการจะหนีหน้าเขาด้วยแล้ว คงสามารถลบกลิ่นอายของเดรัจฉานได้จนไม่เหลือร่องรอยเป็นแน่ทำไมเขาถึงได้เพิ่งมารู้สึกตัวเอาป่านนี้?ทำไมถึงเพิ่งมารู้สึกได้ว่าเธอและลูกสำคัญกับเขาเพียงไหน ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าลูกในท้องนั้นอาจจะไม่ใช่เด็กคนหนึ่ง แต่จะเป็นยาพิษเสียด้วยซ้ำ“ภูติผีทุกตนที่กูมีอยู่ในขณะนี้ จงออกไปตามหานางแลพานางกลับมาหากูให้ได้ ไม่ว่าจะเจอนางในสภาพไหน ก็จงบอกนางว่ากู...” ท้ายประโยคเขากลืนน้ำลายเพียงอึกเดียวด้วยความยากเย็นที่จะกล้าก้าวผ่านทิฐิที่สูงเสียดฟ้า เผลอลืมตัวไปว่าเคยพูดว่าเกลียดเธอขนาดไหน ก่อนที่จะกลั้นใจโพล่งขึ้นประกาศิตออกมา “ต้องการนาง”เงามืดจำนวนมากหลุดพ้นออกไปจากเขตอาคมของเขา และออกตามหาหญิงสาวที่เ
“อย่างไรลูกก็รู้สึกไม่ดีเจ้าค่ะ ที่ราวกับว่าจะเข้ามาคั่นกลางระหว่างพ่อกับเมียของท่านเช่นนี้”วาดรักโพล่งขึ้นมาหลังจากที่คันศรเข้ามาดูแลเธอด้วยการนวดปลายนิ้วเท้าที่ชาวางลงกับขันรองน้ำอุ่น คอยนวดส่วนไม่งามและอาจผิดครูให้ลูกที่ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของตนทั้งที่ไม่จำเป็นเลยด้วยซ้ำแน่นอนว่าเขาเองไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ถึงเข้ามาทำเช่นนี้โดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย หลังเห็นว่าลูกสาวที่พากลับมาที่บ้านกำลังพยายามนวดปลายนิ้วเท้าของตนเอง อาการชาน่าจะมาจากท้องที่ใหญ่โตเกินร่างกายไปกระมังแม้นิสัยจะไม่ใช่คนที่มีความละเอียดอ่อนอะไรนัก แต่เขาเองก็พอเคยดูแลเมียท้องแก่ที่ไม่ได้รักเขาเลยอยู่บ้าง จะให้มาดูแลลูกเลี้ยงที่ไม่มีแม้แต่เลือดเนื้อของตนเองเลยอีกก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลยนี่ก็แค่... อาจเพราะว่าดวงของเขาดึงดูดมาแต่คนที่ไม่ได้เป็นของตัวเองมาทั้งชีวิตก็ได้ล่ะมั้งหากแต่สิ่งเดียวที่ชัดเจนในวันนี้... คือหลังจากที่วาดรักได้กลับมาที่นี่ ความรู้สึกสงบในจิตใจจึงได้หวนคืนกลับมาอีกครั้ง อาจเพราะได้เจอกับผู้หญิงคนนั้นชีวิตที่ผ่านมาจึงปั่นป่วนรวนเร ทั้งความรู้สึกแย่ๆ จิตใจอันคิดลบและความฟุ้งซ่านเกี่ยวกับอดีตที่เลวร