Share

<2> เสียงในหัวที่ไม่ได้รับเชิญ

last update Terakhir Diperbarui: 2025-09-05 19:23:56

ความเงียบเข้าปกคลุมกระท่อมผุพังราวกับผ้าคลุมหน้าศพ กงหยางเหวินนั่งแหมะอยู่บนพื้นดินเย็นเฉียบ สมองขาวโพลนไปชั่วขณะ จิตใจล่องลอยเคว้งคว้างอยู่ในสุญญากาศแห่งความสิ้นหวัง สิ่งเดียวที่ตอกย้ำว่าเขายังไม่ได้เสียสติไปคือตัวเลขนับถอยหลังสีแดงฉานที่มุมสายตา มันลดลงทีละวินาทีอย่างเที่ยงตรงไร้ความปรานี เป็นดั่งนาฬิกาทรายจากยมโลกที่กำลังนับถอยหลังสู่จุดจบของเขา

เขาคือผู้เขียน พระเจ้าผู้สร้างโลกใบนี้ขึ้นมากับมือ แต่บัดนี้ เขากลับกลายเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งบนกระดานที่ตัวเองสร้าง ถูกกำหนดให้ต้องถูกกำจัดทิ้งเพื่อเปิดทางให้ตัวละครที่สำคัญกว่าได้เฉิดฉาย ช่างเป็นเรื่องตลกร้ายที่หัวเราะไม่ออกโดยแท้

“นี่ เจ้าเอไอ” เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบโหยราวกับคนใกล้ตาย “ในเมื่อเจ้าเป็นระบบสุดยอดซะขนาดนั้น ทำไมไม่เสกให้ข้าเก่งขึ้นเลยล่ะ? เพิ่มค่าสถานะให้เต็มหลอด หรือไม่ก็มอบพรสวรรค์ระดับพระเจ้าให้สักอย่างสองอย่างก็ได้ แค่นี้ก็สิ้นเรื่องแล้วไม่ใช่รึไง”

หน้าจอสีฟ้ากระพริบตอบสนองต่อคำถามของเขา

[การเปลี่ยนแปลงค่าสถานะพื้นฐานของโฮสต์โดยตรง เป็นการแทรกแซงโชคชะตาที่รุนแรงเกินไป จะทำให้กฎแห่งโลกเกิดความปั่นป่วน และอาจถูกเจตจำนงของลาสบอสตรวจพบได้ การปล่อยให้โฮสต์พัฒนาตัวเองผ่านภารกิจ คือแนวทางที่ปลอดภัยและสมดุลที่สุด]

“ตรรกะวิบัติสิ้นดี!” กงหยางเหวินแผดเสียงอย่างเหลืออด “จะให้ข้าไปทำภารกิจบ้าบออะไรได้ในเมื่ออีกไม่ถึงสองวันข้าจะต้องกลายเป็นอาหารหมาป่าอยู่แล้ว! นี่มันเหมือนสั่งให้คนขาด้วนไปแข่งวิ่งมาราธอนชัด ๆ!”

[ระบบเข้าใจในความคับข้องใจของท่าน แต่ทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอ]

“ทางออกเหรอ ทางออกสู่ปรโลกน่ะสิไม่ว่า!” เขาสบถอย่างหัวเสีย ก่อนจะถอนหายใจยาวเหยียด “ช่างเถอะ จะเรียกเจ้าว่าระบบ AI ผู้สร้างสรรค์มันยาวเกินไป ข้าจะเรียกเจ้าว่า เสี่ยวซ่า ก็แล้วกัน มาจากคำว่าซ่า ที่แปลว่ากวนประสาท หาเรื่อง และทำตัวน่าถีบนั่นแหละ”

[ติ๊ง! ยืนยันการตั้งชื่อเล่น เสี่ยวซ่า]

การตอบรับที่ราบเรียบไร้อารมณ์ของมันยิ่งทำให้กงหยางเหวินอยากจะเอาหัวโขกฝาให้ตาย ๆ ไปเสียตรงนั้น เขาพยายามสงบสติอารมณ์ที่กำลังเดือดพล่านราวกับน้ำในกาต้มน้ำ ความโกรธเกรี้ยวไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น ในสถานการณ์ที่ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายเช่นนี้ เขาต้องเค้นสติปัญญาออกมาเพื่อหาทางรอดให้ได้

“เอาล่ะ เสี่ยวซ่า” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้น “ไหนลองว่ามาสิ ไอ้ภารกิจที่เจ้าพูดถึงน่ะ มันคืออะไร แล้วมันจะช่วยให้ข้ารอดพ้นจากชะตากรรมเฮงซวยนี่ได้ยังไง”

ราวกับรอคำถามนี้อยู่ หน้าจอของเสี่ยวซ่าก็เปลี่ยนไปทันที

[ภารกิจคือบททดสอบที่โลกมอบให้เพื่อเปิดโอกาสให้ท่านได้เปลี่ยนแปลงโชคชะตา ทุกครั้งที่ทำภารกิจสำเร็จ ท่านจะได้รับค่าประสบการณ์ แต้มเอาตัวรอด และรางวัลพิเศษเป็นการตอบแทน]

[ค่าประสบการณ์ ใช้สำหรับเพิ่มเลเวลและค่าสถานะ]

[แต้มเอาตัวรอด สกุลเงินพิเศษ ใช้สำหรับแลกเปลี่ยนไอเทม ทักษะ หรือข้อมูลสำคัญจากร้านค้าระบบ]

แววตาของกงหยางเหวินทอประกายขึ้นมาวูบหนึ่ง

“ร้านค้าระบบ? แสดงว่ามีของดี ๆ ขายสินะ อย่างเช่นดาบในตำนาน เกราะเทพ หรือยาอมตะอะไรทำนองนั้น?”

[มีสินค้าทุกประเภทตามระดับเลเวลและจำนวนแต้มเอาตัวรอดของท่าน แต่ระบบขอแนะนำให้ท่านตรวจสอบสถานะของตัวเองในปัจจุบันก่อนที่จะฝันกลางวัน]

สิ้นเสียงของเสี่ยวซ่า หน้าจอใหม่ก็ปรากฏขึ้น มันคือหน้าต่างสถานะของตัวเขาในปัจจุบัน

[ชื่อ: กงหยางเหวิน]

[เลเวล: 1]

[เผ่าพันธุ์: มนุษย์ (ตัวประกอบ)]

[พลังชีวิต: 30/30]

[พลังเวท: 15/15]

[ค่าสถานะ: พละกำลัง: 5 ความว่องไว: 6 สติปัญญา: 7 ความทนทาน: 4 โชค: 1

[ทักษะ: ไม่มี]

[ฉายา: ว่าที่เหยื่อหมาป่า]

กงหยางเหวินจ้องมองตัวเลขบนหน้าจอด้วยอาการปากอ้าตาค้าง ค่าสถานะที่น่าสมเพชเหล่านี้ราวกับเป็นคำประกาศิตว่าเขาเกิดมาเพื่อเป็นมดปลวกให้คนอื่นเหยียบย่ำ พละกำลังแค่ 5 หน่วยนี่คงยกถังน้ำเปล่ายังลำบาก ส่วนความทนทาน 4 หน่วยนั่นอีก โดนลมพัดแรง ๆ อาจจะกระดูกหักได้เลยมั้ง!

แต่ที่น่าเจ็บปวดใจที่สุดคือค่าโชคที่มีแค่ 1 แต้มถ้วน นี่มันระดับตัวซวยเดินได้ชัด ๆ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ชะตากรรมของไอ้หนุ่มคนนี้ถึงได้น่าอนาถขนาดนั้น

และไอ้ฉายา ว่าที่เหยื่อหมาป่า นั่นอีก นี่เจ้าจงใจจะตอกย้ำชะตากรรมของข้าใช่ไหมหา?!

“นี่มันค่าสถานะของสไลม์เลเวลหนึ่งชัด ๆ!” เขาโอดครวญ “แล้วแบบนี้จะเอาปัญญาที่ไหนไปทำภารกิจกันเล่า!”

[ติ๊ง! ท่านได้รับภารกิจสำหรับมือใหม่]

ยังไม่ทันที่เขาจะได้คร่ำครวญจบ เสียงแจ้งเตือนก็ดังขึ้นอีกครั้ง หน้าต่างภารกิจเด้งขึ้นมาบดบังหน้าต่างสถานะที่น่าหดหู่จนมิด

[ภารกิจสำหรับมือใหม่: ก้าวแรกสู่การเอาชีวิตรอด]

[รายละเอียด: ในฐานะตัวประกอบที่ไม่มีใครจดจำ การหาเลี้ยงชีพคือสิ่งสำคัญที่สุด จงแสดงให้โลกเห็นว่าท่านไม่ได้ไร้ค่าจนเกินไป ด้วยการหาเงินให้ได้ 1 เหรียญทองแดงภายในเวลาที่กำหนด]

[เงื่อนไข: ห้ามใช้วิธีการขโมยหรือขอทาน]

[จำกัดเวลา: 6 ชั่วโมง 00 นาที 00 วินาที]

[รางวัลเมื่อสำเร็จ: กล่องของขวัญสำหรับมือใหม่ x1 แต้มเอาตัวรอด +10]

[บทลงโทษหากล้มเหลว: ค่าสถานะทั้งหมดลดลง 1 แต้ม]

กงหยางเหวินอ่านรายละเอียดภารกิจซ้ำไปซ้ำมาสามรอบเพื่อความแน่ใจ หาเงิน 1 เหรียญทองแดง?

ภารกิจแรกในต่างโลกของเขา ไม่ใช่การออกล่ามอนสเตอร์ ไม่ใช่การตามหาสมบัติในตำนาน แต่เป็นการหาเงินแค่เหรียญเดียวเนี่ยนะ

มันอาจจะดูเหมือนเป็นภารกิจที่แสนจะง่ายดาย แต่สำหรับเขาในตอนนี้ที่ไม่มีทั้งเงินติดตัว ไม่มีทักษะใด ๆ แถมยังอยู่ในร่างของเด็กหนุ่มกำพร้าที่ไม่มีใครรู้จัก มันก็ไม่ต่างอะไรจากการงมเข็มในมหาสมุทร แถมบทลงโทษหากล้มเหลวยังโหดร้ายอย่างยิ่งยวด การโดนลดค่าสถานะที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินอยู่แล้วลงไปอีก ก็ไม่ต่างอะไรจากการผลักเขาให้เข้าไปใกล้ปากเหวแห่งความตายเร็วขึ้นอีกก้าว

เขาเหลือบมองเวลานับถอยหลังสู่ความตายของตัวเองที่มุมจอ ก่อนจะหันกลับมามองเวลานับถอยหลังของภารกิจที่กำลังเดินไปอย่างไม่หยุดยั้ง

เอาวะ! ยังไงก็ต้องตายอยู่แล้ว สู้ลองดิ้นรนเฮือกสุดท้ายดูสักตั้งก็ไม่เสียหายอะไรนี่นา

กงหยางเหวินสูดหายใจเข้าลึก ๆ กำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน แววตาที่เคยเต็มไปด้วยความสิ้นหวังเมื่อครู่ บัดนี้ฉายแววของความดื้อรั้นและไม่ยอมจำนนต่อโชคชะตาขึ้นมาแทนที่

“ก็ได้ เสี่ยวซ่า” เขากล่าวกับหน้าจอโปร่งแสง “ในเมื่อเจ้าอยากจะเล่นเกมกับข้านัก ข้าก็จะเล่นด้วย!”

“หนึ่งเหรียญทองแดงก็หนึ่งเหรียญทองแดง ข้าจะหามาให้ได้ดู!”

เขาผลักประตูไม้ที่ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดราวกับเสียงโอดครวญของคนชราให้เปิดออก แสงแดดเจิดจ้าสาดส่องเข้ามาจนต้องหยีตา เมืองชิงเย่ที่เขาเคยบรรยายไว้ในนิยาย บัดนี้ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาในรูปแบบที่สมจริงที่สุด

กงหยางเหวินก้าวเท้าออกจากกระท่อมที่อยู่ในสภาพที่ใกล้จะผุพัง ก้าวเข้าสู่โลกที่เคยมีอยู่แค่ในจินตนาการของเขาอย่างเต็มตัว เมืองชิงเย่ในความเป็นจริงนั้น มีชีวิตชีวาและเปี่ยมด้วยสีสันยิ่งกว่าตัวอักษรใด ๆ ที่เขาเคยรจนาขึ้น ถนนดินอัดแน่นทอดยาว สองข้างทางเรียงรายไปด้วยอาคารไม้สไตล์ยุโรปยุคกลางที่เขาเคยค้นคว้าภาพมาประกอบการเขียน กลิ่นหอมกรุ่นของขนมปังที่อบใหม่ ๆ ลอยมาจากร้านเบเกอรี่ ผสานกับเสียงค้อนเหล็กที่กระทบกันดังกังวานมาจากโรงตีเหล็กของลุงเคราดกที่ปลายถนน เสียงพูดคุยจอแจของผู้คน เสียงต่อรองราคาสินค้า และเสียงร้องทักทายกันอย่างเป็นมิตร ทุกสิ่งผสมปนเปกันจนกลายเป็นกลิ่นอายของชีวิตที่เขาไม่เคยได้สัมผัสในห้องพักสี่เหลี่ยมแคบ ๆ ของตัวเอง

—————

เชิงอรรถ;

หลังจากนี้ไปจะบรรยายตัวละครของนายเอก โดยการบรรยายชื่อของตัวละครที่ข้ามมาเข้าร่างแล้วเลย หรือใช้ศัพท์สำนวนจีนต่าง ๆ  เพื่ออรรถรสในการอ่าน

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เมื่อผมดันทะลุมิติมาเจอพระเอกนิยายในดันเจี้ยน   <35> แผนการสอบตก

    “ผู้สมัครคนต่อไป... กงหยางเหวิน แห่งเมืองชิงเย่!”ณ มุมหนึ่งหลังเสาหิน ร่างที่พยายามทำตัวลีบเล็กที่สุดสะดุ้งเฮือก กงหยางเหวินหลับตาปี๋ ก่นด่าโชคชะตาในใจเป็นรอบที่ล้าน แต่แล้วเขาก็ลืมตาขึ้น‘เดี๋ยวนะ ข้าจะกลัวอะไร?’ความคิดหนึ่งพลันสว่างวาบขึ้นในสมองที่กำลังตื่นตระหนก เขานึกย้อนไปถึงวันที่เขาตื่นขึ้นมาในกระท่อมผุพัง วันที่เขาได้เห็นหน้าต่างสถานะของตัวเองเป็นครั้งแรก‘พละกำลัง 5 ความว่องไว 6 สติปัญญา 7 ความทนทาน 4 โชค 1’ ใช่แล้ว นี่มันค่าสถานะของสไลม์เลเวลหนึ่งชัด ๆ เขามันคือตัวประกอบที่ไร้ซึ่งพรสวรรค์ใด ๆในสถานการณ์อื่น นี่อาจจะเป็นเรื่องที่น่าสิ้นหวังที่สุด แต่สำหรับวินาทีนี้มันคือใบเบิกทางสู่อิสรภาพ มันคือตั๋วเที่ยวเดียวที่จะพาเขาหลุดพ้นจากพันธนาการของเจิ้งเฟิงเยวี่ย“ฮ่า ๆๆ” เขาแทบจะหัวเราะออกมา “สวรรค์มีตา! เจิ้งเฟิงเยวี่ยสอบผ่านเพราะเขาเก่งกาจ แต่ข้า! ข้าจะสอบตกเพราะข้ามันกาก!”นี่คือแผนการที่สมบูรณ์แบบที่สุด ‘แผนการสอบตก’ เขาไม่ต้องแสร้งทำเป็นอ่อนแอ เพราะเขาอ่อนแอจริง ๆกงหยางเหวินสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก้าวเท้าออกจากที่ซ่อนด้วยความรู้สึกที่เปี่ยมล้นด้วยความหวัง เขาเดินไปยังกลางลานป

  • เมื่อผมดันทะลุมิติมาเจอพระเอกนิยายในดันเจี้ยน   <34> การทดสอบของเจิ้งเฟิงเยวี่ย

    กงหยางเหวินรู้สึกเหมือนตนเองเป็นไก่ป่าหลงฝูงหงส์อย่างแท้จริงเขาถูกเจิ้งเฟิงเยวี่ยลากมาลงทะเบียนด้วยจนได้ และบัดนี้กำลังยืนตัวลีบซ่อนอยู่หลังเสาหินต้นหนึ่ง พยายามทำตัวให้ไร้ตัวตนที่สุด ขณะที่ผู้สมัครคนอื่น ๆ สวมใส่อาภรณ์ตระกูลที่ปักเย็บอย่างวิจิตร บ้างก็สวมเกราะหนังชั้นดี เขากลับอยู่ในชุดผ้าป่านธรรมดาที่เพิ่งซื้อมาจากเมืองชิงเย่ ดูไม่ต่างอะไรจากคนรับใช้ที่ติดตามคุณชายมาสอบ“กลุ่มต่อไป!” เสียงอาจารย์ผู้คุมสอบดังขึ้นอย่างเฉียบขาด “เจิ้งเฟิงเยวี่ย แห่งเมืองชิงเย่ ก้าวเข้าสู่ลานประลอง!”ทุกสายตาพลันจับจ้องไปที่ร่างสูงโปร่งในอาภรณ์สีเข้ม เจิ้งเฟิงเยวี่ยไม่ได้มีท่าทีตื่นตระหนกแม้แต่น้อย เขาก้าวเท้าออกจากกลุ่มผู้สมัครอย่างมั่นคง ท่วงท่าสง่างามราวนกกระเรียนที่เยื้องย่าง แผ่นหลังตั้งตรงดุจกระบี่ที่ยังไม่ถูกชักออกจากฝัก รัศมีเยียบเย็นอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา แผ่ออกมาจาง ๆ ทำให้เสียงซุบซิบโดยรอบเงียบลงไปหลายส่วน“นั่นใครน่ะ? หน้าตาหล่อเหลาเอาการ แต่มาจากเมืองชิงเย่ เมืองบ้านนอกนั่นมีคนแบบนี้ด้วยรึ?”“ดูท่าทางสงบนิ่งนั่นสิ ไม่เหมือนคนที่กำลังจะเข้าทดสอบเลย เหมือนมาเดินเล่นในสวนหลังบ้านเสียมากกว่า”

  • เมื่อผมดันทะลุมิติมาเจอพระเอกนิยายในดันเจี้ยน   <33> เมืองหลวงซีหยาง

    เมื่อม่านหมอกยามเช้าจางลง ภาพที่ปรากฏแก่สายตาก็กทำให้กงหยางเหวินถึงกับลืมหายใจเบื้องหน้าของพวกเขาคือกำแพงเมืองมหึมาที่ทอดกายยาวสุดลูกหูลูกตาราวกับมังกรหินที่กำลังหลับใหล มันสูงตระหง่านเสียดฟ้า หอคอยสังเกตการณ์ตั้งตระหง่านเป็นระยะ ๆ ธงทิวโบกสะบัดอย่างองอาจ นี่ไม่ใช่กำแพงไม้ผุพังที่เขาเคยลอบมุดหนีออกมาทันทีที่ผ่านประตูเมือง กลิ่นอายของความเจริญก็ปะทะเข้าหน้าอย่างจัง คลื่นมนุษย์ที่สวมใส่อาภรณ์หลากสีสันเดินกันขวักไขว่ เสียงจอแจดังเซ็งแซ่จนแทบไม่ได้ยินเสียงความคิดของตัวเอง โรงเตี๊ยมและร้านค้าไม่ได้เป็นเพียงกระท่อมไม้ชั้นเดียวอีกต่อไป แต่กลับเป็นอาคารสูงสามชั้น สี่ชั้น ที่สลักเสลาอย่างวิจิตรงดงาม กลิ่นหอมของเครื่องเทศราคาแพงและอาหารเลิศรสลอยตลบอบอวลกงหยางเหวินตื่นตะลึงจนอ้าปากค้าง เขารู้สึกไม่ต่างอะไรกับหลิวเหล่าเหล่าเข้าสวนทัศนา[1] นี่คือเมืองหลวงซีหยางที่เขาเคยจินตนาการไว้ในหน้ากระดาษ แต่ของจริงกลับยิ่งใหญ่และมีชีวิตชีวากว่าจินตนาการของเขานับร้อยเท่าทว่าบุรุษที่ขี่ม้าอยู่ข้างกายเขากลับมีท่าทีที่แตกต่างออกไปเจิ้งเฟิงเยวี่ยยังคงสงบนิ่งดุจหินผา แม้จะอยู่ท่ามกลางความวุ่นวาย แววตาของเขากล

  • เมื่อผมดันทะลุมิติมาเจอพระเอกนิยายในดันเจี้ยน   <32> ทางลัด

    เจิ้งเฟิงเยวี่ยกระตุกบังเหียนม้าอย่างแรงจนมันร้องฮี้ สองตาของเขาที่เคยสงบนิ่งกลับทอประกายเจิดจ้าจับจ้องไปยังป่าทึบทางซ้ายมือ ราวกับเพิ่งมองทะลุกลลวงของโลกทั้งใบได้สำเร็จ‘ผู้สร้าง!’ นี่คือความคิดเดียวในหัวของเจิ้งเฟิงเยวี่ย ‘เขาพูดอีกแล้ว! เขาใช้คำว่าคนเขียน!’คำพูดเมื่อครู่ไม่ใช่การตัดพ้อต่อโชคชะตา แต่มันคือการประกาศิต มันคือการชี้แนะจากผู้สร้างที่ทนเห็นหุ่นเชิดเช่นเขาเดินทางผิดพลาดบนเส้นทางที่เขียนไว้ไม่ดีอีกต่อไปไม่ได้“ท่านหยางเหวิน!” เจิ้งเฟิงเยวี่ยหันขวับมา สีหน้าของเขาจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “ทางลัดมันอยู่ในป่านี้ใช่หรือไม่?”กงหยางเหวินที่เพิ่งรู้ตัวว่าเผลอทำลายกฎแห่งความเงียบของตัวเองไปเสียแล้ว ถึงกับแข็งทื่อเป็นหิน‘ฉิบหาย ข้าพูดอะไรออกไป!!’“เอ่อ... ข้า...” กงหยางเหวินอ้าปากพะงาบ ๆ พยายามจะแก้ตัว “ข้าแค่พูดไปเรื่อยเปื่อย อากาศมันร้อนน่ะ ท่านอย่า...”“ข้าเข้าใจแล้ว” เจิ้งเฟิงเยวี่ยตัดบทด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เขากระแทกส้นเท้าเข้ากับสีข้างม้า “ในเมื่อท่านชี้แนะแล้ว ข้าจะลังเลได้อย่างไร!”สิ้นเสียงนั้น ม้าศึกคู่ใจของเขาก็พุ่งทะยานออกจากถนนหลวง เปลี่ยนทิศทางบุกฝ่าพงหนามและ

  • เมื่อผมดันทะลุมิติมาเจอพระเอกนิยายในดันเจี้ยน   <31> การเดินทาง

    ทว่าสำหรับกงหยางเหวินแล้ว ฉายานี้หนักอึ้งราวกับภูเขาไท่ซานกดทับบ่า“ข้าตัดสินใจแล้ว” เขาบอกกับตัวเองในใจ ขณะที่ม้าคู่ใจเริ่มย่างก้าวออกจากเขตเมือง มุ่งหน้าสู่ถนนหลวงสายหลัก “นับแต่นี้ต่อไป ข้าจะยึดมั่นในคติพูดมากยากนาน ข้าจะเป็นดั่งปลาในห้วงน้ำลึก จะไม่ปริปากพูดสิ่งใดที่ไม่จำเป็นอีกต่อไป!”นี่คือแผนการเอาตัวรอดขั้นสูงสุดของเขา หลังจากพิสูจน์แล้วว่าทุกคำพูด ทุกคำบ่น แม้กระทั่งการจาม ล้วนสามารถนำไปสู่ความเข้าใจผิดที่พลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินได้ ดังนั้น หนทางเดียวที่จะรอดพ้นจากวังวนแห่งความเข้าใจผิดนี้ ก็คือการปิดปากเงียบเสียเจิ้งเฟิงเยวี่ยที่ควบม้าอยู่ข้าง ๆ สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไป สหายร่วมทางของเขาที่ปกติมักจะมีท่าทีล่อกแล่กหรือบ่นพึมพำ บัดนี้กลับนิ่งขรึม ดวงตาจับจ้องไปยังเส้นทางเบื้องหน้าอย่างแน่วแน่ ไม่ไหวติง‘เขากำลังเข้าสู่สภาวะสงบนิ่งสยบความเคลื่อนไหว’ เจิ้งเฟิงเยวี่ยครุ่นคิดในใจด้วยความเลื่อมใส ‘บรรยากาศรอบตัวเขาดูสงบเย็นยิ่งนัก นี่คือจิตของผู้บรรลุธรรมโดยแท้’ความจริงแล้ว กงหยางเหวินแค่กำลังเกร็งจนแทบหยุดหายใจ เขาพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่พูดอะไรออกมาเสียงกีบม้าดังกระทบพื้นด

  • เมื่อผมดันทะลุมิติมาเจอพระเอกนิยายในดันเจี้ยน   <30> แพ้เกสรดอกไม้

    หลังจากจัดการกับภัยคุกคามจากโจรภูเขาที่เหลือรอดจนสิ้นซากแล้ว การเดินทางของทั้งสองก็กลับสู่ความสงบสุขครั้งหนึ่ง เจิ้งเฟิงเยวี่ยดูจะยิ่งให้ความเคารพยำเกรงในตัวอาจารย์ผู้ซ่อนเร้นของเขามากขึ้นไปอีกหลายส่วน ทุกการกระทำของหยางเหวินไม่ว่าจะเล็กน้อยเพียงใด ล้วนถูกตีความไปในเชิงปรัชญาอันลึกซึ้งได้เสมอส่วนกงหยางเหวินนั้นเขาเริ่มจะปลงตกกับชีวิตแล้ว เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนักแสดงตลกที่ถูกโชคชะตาผลักให้ขึ้นไปแสดงบนเวทีละครโศกนาฏกรรม ไม่ว่าจะพยายามเล่นมุกตลกแค่ไหน คนดูก็ยังคงร้องไห้และซาบซึ้งไปกับการแสดงอันลึกซึ้งของเขาอยู่ดีหลายวันต่อมา พวกเขาได้เดินทางเข้าสู่แคว้นที่มีชื่อเสียงด้านความอุดมสมบูรณ์ของพืชพรรณและสัตว์วิเศษหายาก ที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งในหมู่บ้านเล็ก ๆ พวกเขาได้ยินข่าวลือที่น่าสนใจเข้าโดยบังเอิญ“พวกท่านได้ยินหรือไม่ ว่ากันว่าเมื่อคืนมีคนเห็นบุปผาจันทราบานสะพรั่งอยู่ในทุ่งทางตะวันออกของหมู่บ้านด้วยล่ะ” พ่อค้าคนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้น“จริงรึ! บุปผาจันทราในตำนานนั่นน่ะนะ ว่ากันว่ามันจะเบ่งบานเฉพาะในคืนที่แสงจันทร์สาดส่องลงมาอย่างเต็มที่เท่านั้น และน้ำค้างที่เกาะอยู่บนกลีบของมันก

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status