แชร์

5. มาเฟียหนุ่ม

ผู้เขียน: Badberry
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-20 16:39:57

[5]

มาเฟียหนุ่ม

"ไอ้โรคจิต ทำไมถึงไม่ใส่กางเกงใน ฮะ!"

ภูมิพูดขึ้นเสียงดังพลางชี้นิ้วไปยังร่างเล็กที่นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงข้ามกัน ทั้งพยายามละสายตาจากสิ่งตรงหน้าด้วยการมองเลยไปทางด้านหลังของฟีฟ่า

"แล้วพี่จะตกใจทำไมล่ะ ก็เมื่อคืนพี่เป็นคนเร่งฟ่าให้เร็ว ๆ เองนี่ ฟ่าก็ใส่ไม่ทันนะสิ แต่โล่ง ๆ แบบนี้ก็สบายดีนะ" ฟีฟ่าสวมกางเกงวิ่งขาสั้นกับเสื้อยืดตัวโคร่งซึ่งเจ้าตัวมองยังไงก็เรียบร้อย เขาลุกถกขากางเกงขึ้นจนแก้มก้นขาวโผล่ คนพี่ทนดูไม่ไหวต้องสั่งให้รีบเอาลง

"อย่าถก เอาลงเดี๋ยวนี้!"

เมื่อคืนฟีฟ่ากลัวโดนทิ้งจึงรีบแต่งตัวเลยไม่ทันได้สวมกางเกงชั้นใน และกางเกงวิ่งสมัยนี้ก็สั้นเหลือเกิน ขนาดไข่เล็ก ๆ ของไอ้ฟ่าก็ปิดแทบไม่มิด ไหนจะด้านข้างก็เป็นเพียงผ้าซ้อนทับกันไว้เพื่อความคล่องตัวของนักวิ่ง ตัวหนึ่งก็ไม่ใช่ถูก ๆ ซับในก็เสือกไม่มีอีก นั่งทีก็เปิดจนเห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว

"ที่จริงมันมีกางเกงซับในนะ แต่ฟ่ารำคาญมันสีกับไข่เลยไปเอาออก"

"ฉันไม่ได้ถาม ถ้านายจะใส่ไอ้กางเกงขาสั้นแบบนี้ก็สู้แก้ผ้าไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ ไข่เล็ก ๆ ยังปิดไม่มิดเลย"

"เสียมารยาท ไข่ฟ่าไม่ได้เล็ก ๆ สักหน่อย และอีกอย่างชุดนี้ก็ของมียี่ห้อไม่ใช่ถูก ๆ"

ฟีฟ่าโชว์เสื้อยืดราคาหลักพันปลาย ๆ และกางเกงขาสั้นให้ดูด้วยความภูมิใจ ภูมิถึงกับกุมขมับก่อนเดินกลับเข้าไปในห้องและหยิบชุดขาวออกมาโยนให้ฟีฟ่า

"ไปเปลี่ยนเป็นชุดนั้น"

ฟีฟ่าคลี่ชุดในมือออกก็ทำหน้ายี้ นะ..นี่มันเป็นเสื้อและกางเกงขายาวสีขาวเข้าชุดกันสำหรับใส่ปฏิบัติธรรมไม่ใช่เหรอ

"นี่มันชุดกินเจนี่นา ไม่เห็นจะเท่เลย ไม่เอาฟ่าไม่ใส่"

ทำท่าจะโยนทิ้งพอเจอใบหน้าถมึงทึงของอีกฝ่ายก็รีบเปลี่ยนทันที

ฟีฟ่าตั้งใจแก้ผ้าต่อหน้าภูมิเพราะข้างนอกฟ้ายังมืดจึงไม่กล้าลงไปเปลี่ยนที่ห้องน้ำ และเป็นผู้ชายเหมือนกันจึงไม่อาย แต่ดันลืมไปว่าไอ้ผู้ชายคนนี้น่ะเคยเป็นผัวตัวเองมาก่อน

กางเกงขาสั้นถูกถอดออกจากร่างเล็กเผยสะโพกกลมกลึงต่อสายตาจึงถูกมือหนาฟาดไปทีหนึ่งจนขึ้นเป็นรอยแดงรูปฝ่ามือ ฟีฟ่าหันกลับไปมองภูมิตาเขียวปั๊ด

"ใส่กางเกงในด้วย!" ภูมิสั่งเสียงเข้ม คิดว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะอ่อยเขาเหมือนคืนวันนั้น ฮี่ม..ไม่มีทางซะหรอก อย่าหวังว่าจะเห็นหุ่นอันแสนเพอร์เฟกต์ของเขาอีกเป็นครั้งที่สองเลย

"ทีตัวเองยังแต่งตัวหล่อได้เลย เอาเปรียบกันชะมัด" ฟีฟ่ามองร่างสูงสวมเสื้อเชิ้ตสีเข้มกางเกงสแลคและรองเท้าหนัง มองตัวเองในชุดสีขาวก็ไม่พอใจ อีกฝ่ายยังส่งย่ามให้อีก

"นายคิดจะอ่อยฉันล่ะสิ อย่าหวังว่าคราวนี้จะสำเร็จเลย ถ้าคืนนั้นนายไม่วางยาปลุก รับรองขนสักเส้นของฉันนายไม่มีทางได้เห็นหรอก"

พูดจบร่างสูงก็ลากตัวฟีฟ่าลงจากเรือนเพราะตอนนี้ไม่มีใจจะนั่งสมาธิแล้ว สัมผัสจากก้อนเนื้อเด้งดึ๋งยังติดปลายนิ้วอยู่เลย ทำให้นึกถึงเรื่องเมื่อคืนนั้นขึ้นมาอีกจนได้ จึงสะบัดศีรษะเพื่อไล่ความทรงจำบ้า ๆ นั้นออกไป

"พะ..พี่จะพาฟ่าไปไหนเหรอ?"

"ไม่ต้องถามมาก ตามมาเดี๋ยวก็รู้เองแหละ"

ภูมิพาฟีฟ่าเดินผ่านหลุมศพไร้ญาติเพื่อลัดเลาะไปยังหลังวัด ทางที่ภูมิใช้เป็นคนละทางกับที่หลวงปู่พาฟีฟ่าไปเรือนไม้สีขาว ทั้งสั้นและใช้เวลาน้อยกว่า

ตลอดทางฟีฟ่าเดินหลับตาตัวติดกับภูมิไม่ยอมห่างเพราะกลัวจะเห็นบางอย่างเข้า ทั้งที่เกิดมายังไม่เคยเห็นผีสักครั้งแต่เพราะประสบการณ์วัยเด็กที่เคยถูกเพื่อนแกล้งทำให้กลัวจนฝังใจมาทุกวันนี้ ตอนนี้ถ้าขี่คออีกฝ่ายได้ไอ้ฟ่าคงทำไปแล้ว

พอมาถึงที่หมายภูมิก็ยืนรออยู่ตรงนั้นกระทั่งเห็นชายผ้าเหลืองมาแต่ไกลจึงดันตัวฟีฟ่าออกและก้มลงกราบ ฟีฟ่าเห็นก็ทำตาม

"มากันนานแล้วเหรอ" หลวงปู่ทักขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น สายตาทอดมองทั้งสองคนสลับไปมา พร้อมรอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากเล็กน้อย

"เพิ่งมาครับหลวงปู่" ภูมิตอบกลับไปก่อนลุกขึ้นยืนและฉุดร่างเล็กให้ลุกขึ้นด้วย

"สีหน้าดีขึ้นนะโยม"

"ครับ" ภูมิตอบรับ เป็นเพราะเมื่อคืนหลับสนิท แม้จะไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม

"ดีแล้ว ถ้าอย่างนั้นเราไปกันเถอะ" พูดกับภูมิเสร็จหลวงปู่จึงหันไปบอกกับฟีฟ่า ในขณะอีกฝ่ายยังไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องไปไหนและทำอะไรต่อ

"ไปไหนหรือครับ?"

"หลวงปู่ต้องไปบิณฑบาต ส่วนนายมีหน้าที่เดินตามและช่วยท่านถือของ เสร็จแล้วให้กลับมารอตรงนี้ ไว้ฉันจะมารับ" เสียงทุ้มบอกกับฟีฟ่า

"อะ..อะไรนะ บิณฑบาตเหรอ"

ที่ให้ฟีฟ่าใส่ชุดขาวสะพายย่ามก็เพื่อให้ไปช่วยหลวงปู่ถือของที่ชาวบ้านนำมาใส่บาตร หลวงปู่จะเดินเท้าไปตามถนนไม่ได้ยืนนิ่ง ๆ รับบาตร ระยะทางไม่ใช่ใกล้ ๆ จึงต้องมีคนตามไปช่วยถือของทุกครั้ง

ถ้าเบญจเพสมันจะลำบากขนาดนี้ ไอ้ฟ่าขอว้าปไปตอนอายุยี่สิบหกเลยได้มั้ย รู้ว่าทั้งรู้ว่าเป็นไปไม่ได้และเพื่อจะให้มีชีวิตรอดฟีฟ่าจำต้องตามหลวงปู่ไป ดีนะที่ไอ้หัวหยิกยังให้เขาสวมรองเท้าไม่ต้องเดินเท้าเปล่าเหมือนหลวงปู่

หลังฟีฟ่าไปแล้วภูมิไม่ได้กลับเรือนไม้สีขาวแต่กลับเดินลึกเข้าไปยังป่าช้าด้านในสุดที่มีศพที่มีจำนวนไม่น้อยถูกฝังอยู่แทบจะทุกตารางนิ้ว บรรยากาศรอบตัวชวนให้ขนหัวลุก แต่ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกกลัวสักนิด ร่างสูงเดินตรงไปยังตะเคียนต้นใหญ่และยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น กระทั่งมีเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้

"มาแล้วเหรอ?"

"ครับ ขอโทษที่ให้รอนะครับคุณภพ"

ร่างสูงในชุดสูทสีเข้มดูไม่เข้ากับสถานที่ทักทายภูมิด้วยอีกชื่อหนึ่ง พลางก้มศีรษะเล็กน้อยแสดงความเคารพ

"เอาของไปเก็บที่เรือนไม้แล้วใช่มั้ย"

"เรียบร้อยแล้วครับ"

ภูมิ หรือ ภพ คือชื่อของชายหนุ่มร่างสูงสง่าคนนี้ ชื่อเต็มของเขาคือ ภพภูมิ ภูวเดชเดชา แม้จะเป็นลูกชายคนเล็กแต่ก็เป็นถึงทายาทอันดับหนึ่งของมาเฟียตระกูลใหญ่เลยทีเดียว

"เรื่องที่ให้สืบไปถึงไหนแล้ว"

"ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเลยครับ ผมส่งคนไปจับตาดูศัตรูของนายใหญ่ที่เข้าข่ายน่าสงสัยทั้งหมดแล้ว หลังตรวจสอบข้อมูลที่ได้มาก็พบว่าพวกมันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบยิงนายใหญ่สักคน ตอนนี้พวกมันก็เริ่มรู้ตัวกันแล้ว ช่วงนี้เลยไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร" ชายหนุ่มรายงานให้ภพภูมิฟัง

"จับตาดูมันต่อไป"

"ครับ"

นายใหญ่หรือคุณพ่อของภพภูมิถูกรถขับไล่ตามประกบยิงจนรถที่นั่งมาตกหน้าผาและเสียชีวิตคาที่ ซึ่งตอนนั้นภพภูมิก็อยู่ในรถคันเดียวกันแต่ก็รอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด

ฟังเช่นนี้แล้วเขาก็พอจะเดาเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้ มันเป็นอย่างที่เขาคิดจริง ๆ ที่คุณพ่อของเขาตายไม่ใช่ฝีมือของคนนอกแค่เป็นคนในพรรค เพราะตั้งแต่ท่านคิดจะวางมือจากงานสีเทาและทำทุกอย่างให้โปร่งใสก็มีหัวหน้าพรรคบางส่วนไม่เห็นด้วยและพยายามขัดขวางมาตลอด กระทั้งมาเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น ถึงตอนนี้ก็ยังหาตัวคนบงการไม่ได้เลย

ขณะถามถึงความคืบหน้า ดวงตาคู่คมได้มองไปรอบตัวด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด ท่ามกลางหลุมฝังศพจำนวนมากภพภูมิมองเห็นกลุ่มควันที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ สีขาวบ้างสีดำบ้างลอยผ่านหน้าไปมา

ภพภูมิมองเห็นพลังงานเหล่านี้มาตั้งแต่เด็ก และสิ่งนี้แหละที่ทำให้เขารอดชีวิตจากอุบัติเหตุมาได้แต่ก็ได้รับผลกระทบที่คาดไม่ถึงเช่นกัน เพราะนอกจากเขาจะกลายเป็นโรคนอนไม่หลับแล้วยังไม่สามารถมองเห็นพลังงานเหล่านี้ได้อีก น่าเจ็บใจที่ดันมาหายไปในเวลาสำคัญแบบนี้ มิเช่นนั้นป่านนี้เขาคงรู้ตัวคนบงการฆ่าคุณพ่อแล้วว่าคือใคร

และนี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ภพภูมิต้องมาปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดกับหลวงปู่ นอกจากเพื่อความปลอดภัยแล้วก็เพื่อจะกลับไปมองเห็นพลังงานเหล่านั้นได้อีกครั้ง ทั้งที่ทุกอย่างกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี แต่เพราะฟีฟ่าทำให้ทุกอย่างที่ทำมาล้มเหลวทั้งหมด

"คุณภพสีหน้าดูดีขึ้นนะครับ"

ชายหนุ่มทักขึ้นเมื่อสังเกตเห็นขอบตาที่ดำคล้ำของภพภูมิดูสดใสขึ้นแม้จะแค่นิดหน่อยก็ตาม อารมณ์ก็เสถียรขึ้นไม่หงุดหงิดง่ายเหมือนช่วงก่อน

พอถูกทักเป็นครั้งที่สองทำให้ภพภูมิอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ ได้นอนแค่ไม่กี่ชั่วโมงจะเปลี่ยนแปลงจนเห็นได้ชัดขนาดนี้เชียวเหรอ ทั้งที่ตัวเขาเองไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองนอนมากกว่าเดิมเท่าไหร่เลย ที่ผ่านมาในแต่ละวันเขานอนไม่เคยเกินหนึ่งชั่วโมง ซ้ำยังหลับไม่สนิทอีกด้วย

"คงเพราะอยู่ที่นี่แล้วนอนได้มากขึ้นล่ะมั้ง"

ลูกน้องคนสนิททอดสายตามองไปรอบบริเวณที่มีแต่หลุมศพและซากสัตว์จำนวนไม่น้อยด้วยหัวใจที่เต้นระทึก บรรยากาศชวนหลอนแบบนี้เจ้านายยังหลับลงไปได้เขาล่ะนับถือจริง ๆ เป็นเขาคงนอนไม่หลับแน่ ๆ

"แล้วไอ้เท็นล่ะ ช่วงนี้มันหายหัวไปไหน" เขาถามถึงพันธมิตรในวงการหรือก็คือเพื่อนสนิทที่คบกันมาแต่เด็ก หลังประสบอุบัติเหตุเขาได้เท็นมะช่วยเหลือไว้ไม่น้อย

"คุณเท็นมะตามดูพฤติกรรมของคุณคินกับคุณภีมอยู่ครับ"

"งั้นเหรอ"

พอรู้ข่าวคราวของคนในพรรคแล้วภพภูมิจึงให้ลูกน้องคนสนิทกลับไปก่อน ส่วนตัวเขาต้องไปรับฟีฟ่าที่หลังวัดเพราะใกล้เวลาที่หลวงปู่จะกลับจากบิณฑบาตแล้ว ร่างสูงเดินลัดเลาะกลับไปตามทางเดิมที่สั้นกว่า พอมาถึงก็พบฟีฟ่ายืนรออยู่พร้อมถุงอาหารที่หลวงปู่แบ่งมาให้กินกับเขา

"ทำไมมาช้าจัง ฟ่ารอตั้งนานแล้วเนี่ย"

พอเห็นร่างสูงเดินออกมาจากหลังเจดีย์เก็บอัฐิฟีฟ่าก็ตรงเข้าไปต่อว่าทันที

เขาเพิ่งเคยเดินตามพระบิณฑบาตเป็นครั้งแรกหลวงปู่จึงไม่ได้พาไปไกลนักเพราะกลัวจะเดินไม่ไหว แต่ถึงอย่างนั้นก็มีชาวบ้านที่นับถือท่านต่างมายืนรอใส่บาตรกันไม่น้อย แค่นี้มือของฟีฟ่าก็ถือของแทบไม่ไหวแล้ว พูดแล้วจะหาว่าบาปของส่วนใหญ่หลวงปู่จะเป็นคนถือเองมากกว่า เห็นท่านอายุเกือบเจ็ดสิบแต่ร่างกายยังแข็งแรงไม่ต่างจากพระหนุ่มเลยทีเดียว กล้ามแขนนี่แน่นกว่าของเขาเสียอีก

"มารับก็ดีเท่าไหร่แล้ว พูดมากเดี๋ยวก็ให้กลับเองหรอก"

"อ๊ะ..พี่ภูมิจะไปไหน รอฟ่าก่อนสิ เห็นมั้ยว่าของมันหนักไม่คิดจะช่วยถือบ้างเหรอ ถ้าไม่ช่วยเดี๋ยวก็ไม่แบ่งให้กินหรอก"

ฟีฟ่าเร่งฝีเท้าเดินตามร่างสูงกลับเข้าไปในป่าช้า แม้จะเป็นเวลาเช้าแต่บรรยากาศก็ยังน่ากลัวไม่ต่างกับตอนกลางคืน ทั้งที่ตอนอยู่ในบริเวณวัดทุกอย่างก็ดูปกติ แต่พอย่างเท้ากลับเข้ามาที่ตรงนี้ทีไรเหมือนหลุดเข้ามาอีกโลกหนึ่งทุกที

กลับมาถึงเรือนไม้สีขาวฟีฟ่าก็วางถุงอาหารลงบนแคร่ใต้ต้นไม้ใหญ่ มีดอกไม้สีขาวปลิวจากต้นหล่นลงมาบนพื้นจึงแหงนหน้าขึ้นไปดู พบเป็นลีลาวดีต้นใหญ่ปลูกอยู่ เมื่อวานด้วยความตกใจจึงไม่ทันได้สังเกต

"จานชามอยู่ตรงนั้น ไปหยิบเอานะ"

ภพภูมิชี้ไปยังใต้ถุนเรือนที่มีครัวแบบเปิดอยู่ ตรงนั้นมีจานชามที่ล้างและคว่ำอยู่ในกะละมังเรียบร้อย หลังบอกฟีฟ่าแล้วร่างสูงก็เดินขึ้นเรือนไป ไม่ช่วยแกะถุงอาหาร ฟีฟ่าเข้าไปหยิบจานชามมาแกะอาหารที่หลวงปู่แบ่งมาให้เทใส่ลงไป ปากก็บ่นอุบอิบไปด้วย ไม่ช่วยถือของไม่พอยังไม่ช่วยแกะอีก

"คนไม่ทำงานก็ไม่มีข้าวกิน เชอะ!"

ฟีฟ่ามองอาหารตรงหน้าแล้วเบ้ปาก ที่เขากินได้มีแค่ไข่เจียวกับแกงจืดใส่หมูสับเท่านั้น ที่เหลือมีแต่กับข้าวที่เขาไม่รู้จัก

กำลังจะตักข้าวเข้าปาก ดวงตากลมได้มองขึ้นไปบนเรือนก่อนวางช้อนลงและลุกขึ้นไปตามภูมิให้ลงมาทานด้วยกัน เพราะต้องอยู่ด้วยกันอีกหลายวันผูกมิตรไว้ก่อนดีกว่า

เดินขึ้นบันไดไปได้ไม่เท่าไรก็ได้กลิ่นหอมลอยมาแตะจมูกจึงรีบขึ้นไปดู พบชายหนุ่มนั่งไขว่ห้างจิบกาแฟยี่ห้อดังอยู่อย่างสบายอารมณ์ ถึงกับเข้าไปถามทันที

"ทำไมพี่ภูมิมีกาแฟกินด้วยล่ะ"

"แล้วทำไมฉันจะมีไม่ได้ล่ะ"

ชายหนุ่มตอบฟีฟ่าด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบและยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ บนโต๊ะไม้สักทองยังมีกล่องใส่อาหารคลีนอย่างหรูวางอยู่ด้วย

"ตัวเองได้กินของดี ๆ แต่ให้ฟ่ากินข้าววัดเหรอ จะเอาเปรียบกันไปแล้วนะ ฟ่าเองก็อยากดื่มกาแฟเหมือนกันนะ"

ฟีฟ่าบ่นอุบพลางกลืนน้ำลายลงคอเพราะอยากกินอาหารที่อยู่บนโต๊ะมากกว่าอาหารที่หลวงปู่ให้มา จะโทรให้ป๊าเอามาให้ก็ไม่ได้เพราะมือถือแบตหมดไปแล้ว ที่สำคัญเขาดันลืมเอาที่ชาร์ตมาด้วยนะสิ

ชายหนุ่มไม่สนใจที่ฟีฟ่าประท้วง ปล่อยให้คนตัวเล็กยืนมองด้วยความเจ็บใจก่อนอีกฝ่ายสะบัดหน้าเดินลงจากเรือนไปด้วยความโมโห ฟีฟ่าลงไปกินข้าววัดต่อและยังต้องแบ่งบางส่วนไว้เป็นมื้อเย็นอีกด้วย คอยดูนะถ้ามาขอจะไม่แบ่งให้สักคำเลย

หลังอาหารเช้าฟีฟ่าก็ไม่มีอะไรทำอีก ร่างเล็กจึงนอนเหยียดยาวอยู่บนแคร่ มองดอกลีลาวดีร่วงลงมาจนเต็มพื้นพลางคิดเพ้อเจ้อ ถ้าเป็นคน ผมร่วงแบบนี้คงหัวล้านไปแล้ว แต่ต้นไม้ต้นนี้กลับยังมีดอกบานอยู่เต็มไปหมด

เวลาในป่าช้าผ่านไปอย่างเชื่องช้า คนกลัวผีอย่างฟีฟ่าไม่กล้าเดินไปไหนไกลจากบริเวณเรือนไม้สีขาวเพราะกลัวสิ่งที่นอนอยู่ใต้พื้นดินจะลุกขึ้นมาจ๊ะเอ๋

ถึงอย่างนั้นบนเรือนก็ยังมีไอ้หัวหยิกอยู่พอให้อุ่นใจได้บ้าง แม้จะไม่ได้ช่วยอะไรเขามากนอกจากคอยกวนตีนก็เถอะ ขนาดตัวเขาเองยังนอนจนเบื่อและอีกฝ่ายจะไม่เบื่อบ้างหรือไงนะ

ยิ่งคิดก็อดสงสัยไม่ได้ว่าอีกฝ่ายหมกตัวทำอะไรอยู่ข้างบน นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้วยังไม่เห็นลงมาเลย อดใจไม่ไหวจึงต้องขึ้นไปแอบดูสักหน่อย

ฟีฟ่าค่อย ๆ ย่องขึ้นไปเพื่อแอบดูว่าภพภูมิกำลังทำอะไรอยู่บนเรือนถึงได้เงียบเชียบนัก เห็นอีกฝ่ายกำลังนั่งสมาธิอยู่หน้าโต๊ะทำพิธีก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจ ไม่อยากเชื่อว่าคนแบบนี้จะนั่งสมาธิเป็นด้วย เห็นแบบนี้แล้วก็อยากเอามีดไปโกนผมให้จริง ๆ

ขณะคิดบาป ฟีฟ่าบังเอิญเหลือบไปเห็นกล่องใส่อาหารคลีนบนโต๊ะไม้สักทองยังไม่ถูกเปิดกิน มองให้ดีก็เห็นแซนด์วิชไข่ของโปรดของตนอยู่ในถุงด้วย ดวงตากลมหันกลับไปมองร่างสูงที่นั่งหันหลังให้ก่อนเดินเขย่งปลายเท้าขึ้นไปเพื่อแอบหยิบของบนโต๊ะ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เมื่อผมต้องกลายเป็นหมอนข้างของมาเฟียหนุ่ม   ตอนพิเศษ - เจย์ - ภาคิน

    ตอนพิเศษ - เจย์ - ภาคินแสงสียามค่ำคืนบนถนนบันเทิงเป็นสิ่งที่คนอย่างผมโปรดปรานมากที่สุด แม้อายุจะยังไม่ถึงยี่สิบปี แต่ผมก็สามารถตะลอนหาความสนุกได้โดยอาศัยเส้นสายของภูวเดชเดชานอกจากหน้าตาที่หล่อเหลาเหนือมนุษย์แล้วด้วยความที่เป็นทายาทคนหนึ่งของตระกูลทำให้ผมเป็นที่หมายปองของนักเที่ยวราตรีอย่างล้นหลาม สเปคของผมไม่ใช่สาวสวยหรือน่ารักแต่เป็นหนุ่มหน้าหวาน ซึ่งผมไม่เคยขาดแคลนเลย แต่ที่โปรดปรานที่สุดก็คือคนสวยขาที่ร้อนแรงและพร้อมจะถ่างขาให้ผมตลอดเวลา"อื้มม..อ๊าา..คุณคิน แรง ๆ กระแทกผมให้แรงกว่านี้อีก อ๊าา.."ทุกครั้งหลังดีลกันในผับเรียบร้อยแล้วผมจะพาพวกเขาไปเริงรักต่อยังโรงแรมระดับห้าดาว ผมเปิดห้องที่มีราคาแพงที่สุดให้กับพวกเขาเพราะเสียงครางด้วยความเสียวซ่านจะช่วยกระตุ้นอารมณ์ผมจนกระเจิง บ่อยครั้งที่ผมขยับโยกอย่างรุนแรงพวกหนุ่มหน้าหวานถึงกับเข่าทรุดไม่เป็นท่า และทุกครั้งหลังเสร็จกิจผมจะมีค่าตอบแทนให้จำนวนหนึ่งเพื่อป้องกันความยุ่งยากที่จะตามมาผมจะไม่ยุ่งกับคนเดิมซ้ำเป็นหนที่สองเว้นเสียแต่ว่าเด็ดจริง ๆ ดังนั้นจึงมีหลายคนไม่พอใจกับการถูกผมเอาและทิ้งในครั้งเดียว ฉะนั้นผมจึงค่อนข้างระวังตัวเองเป

  • เมื่อผมต้องกลายเป็นหมอนข้างของมาเฟียหนุ่ม   ตอนพิเศษ - มังกร - ภีม

    ตอนพิเศษ - มังกร - ภีมเมื่ออายุครบสิบสองปีทายาทของภูวเดชเดชาจะต้องเลือกคนคุ้มกันขึ้นมาหนึ่งคน โดยคนผู้นี้จะอยู่ข้างกายเพื่อปกป้องผู้เป็นนาย ตราบลมหายใจสุดท้ายของชีวิตก๊อก ๆ"เข้ามา""ขออนุญาตครับ ท่านผู้นำเชิญคุณภีมให้ไปพบที่ห้องทำงานครับ" ร่างสูงก้มศีรษะลงอย่างนอบน้อมผมปิดหนังสือในมือลงเมื่อคนของคุณพ่อเข้ามาภายในห้องก่อนลุกขึ้นและเดินนำเขาออกไปโดยไม่พูดอะไร เมื่อไปถึงก็พบคุณพ่อ อาธีร์ นั่งอยู่บนโซฟา ภายในห้องนั้นยังมีเด็กชายอายุรุ่นราวคราวเดียวกับผมอยู่อีกหนึ่งคน"คุณพ่อต้องการพบผม มีอะไรหรือเปล่าครับ"?"นั่งก่อนสิ"ผมเข้าไปนั่งข้างคุณพ่อ มือหนาวางลงบนศีรษะอย่างอ่อนโยนก่อนหันไปเรียกเด็กชายคนนั้นเพื่อมาแนะนำให้ผมรู้จัก"นี่คือมังกร เขาจะมาเป็นผู้คุ้มกันของลูก ลูกคิดว่าเป็นยังไงบ้างล่ะ"ผมมองสำรวจเด็กชายที่มีอายุเท่ากันตั้งแต่หัวจดเท้าก่อนลุกขึ้นประจันหน้า ส่วนสูงของเขาทำให้ผมถึงกับต้องขมวดคิ้ว คนอายุรุ่นราวคราวเดียวกับผมน้อยคนนักที่จะมีส่วนสูงมากกว่า ไหนจะกล้ามเนื้อที่โตเกินวัยและผิวที่คล้ำแดดนั่นอีก"ผมยังไงก็ได้ครับ" ผมตอบคุณพ่อไปมังกรไม่ใช่เด็กคนแรกที่คุณพ่อพามาให้ผมเลือก ก่อนห

  • เมื่อผมต้องกลายเป็นหมอนข้างของมาเฟียหนุ่ม   ตอนพิเศษ - เรือนไม้สีขาว

    ตอนพิเศษ - เรือนไม้สีขาว..พ่อยอดขวัญยอดดวงใจของพี่แก้ว พี่จะรอพ่ออยู่ ณ ที่แห่งนี้ ตลอดไป..สายลมพัดเอื่อยผ่านมาทางเรือนไม้สีขาว กระทบกระดิ่งลมเกิดเป็นเสียงกังวานฟังเพราะเสนาะหูเรือนไม้สีขาวหลังน้อยปลูกอยู่อย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางแมกไม้นานาพันธุ์ โดยเฉพาะแก้วเจ้าจอมที่ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่ว ด้านหลังเป็นป่าไผ่ต้นสูงท่วมหัว ถัดออกไปมีบึงน้ำขนาดใหญ่ผ่านอยู่ไหลสายหนึ่งด้วยสุขภาพที่ไม่แข็งแรงทำให้ผมต้องมาอาศัยอยู่ ณ สถานที่แห่งนี้เพียงลำพัง อากาศที่บริสุทธิ์จะช่วยให้อาการป่วยของผมไม่หนักหนาเหมือนตอนอยู่พระนครในแต่ละวันของผมผ่านไปอย่างเชื่องช้าและเงียบเหงานอกจากอ่านตำราและวาดภาพ การไปเดินเล่นริมบึงหลังป่าไผ่ยังไม่สามารถคลายความเบื่อหน่ายนี้ลงไปได้ทิวาผันผ่านล่วงเข้าสู่รัตติกาลแห่งวัน ณ ที่แห่งนี้ยังคงมีเพียงผมเช่นเดิม ผมเคยคิดอยู่บ่อยครั้งว่าจะต้องจบชีวิตอยู่ที่เรือนสีขาวแห่งนี้เพียงลำพัง แต่อย่างน้อยก่อนจะถึงวันนั้นขอให้ความอ้างว้างในใจผมได้เบาบางลงสักนิดก็ยังดีและในที่สุดคำขอก็เป็นจริง เมื่อวันหนึ่งสายลมได้พัดพาคนผู้นั้นเข้ามาในชีวิตของผม"เห็นเดินมาทางนี้นี่นา หายไปไหนแล้วล่ะ""ทางนั้

  • เมื่อผมต้องกลายเป็นหมอนข้างของมาเฟียหนุ่ม   23. คิดถึงนะ |END.|

    [23] คิดถึงนะ "มองอะไรอยู่ไอ้ฟ่า ไปกันได้แล้ว" เลิฟเรียกฟีฟ่าที่เอาแต่ยืนมองไปรอบกุฏิของหลวงปู่ ทั้งที่คนอื่น ๆ นั่งรออยู่ในรถกันหมดแล้ว หลังกราบลาหลวงปู่และได้รับพรมาชุดใหญ่ทุกคนจึงเดินทางกลับกรุงเทพฯ คิดว่าฟีฟ่าจะกระดี๊กระด๊ารีบไปให้ไว ที่ไหนได้กลับอิดออดไม่ยอมขึ้นรถสักที "จะไม่มาส่งจริง ๆ เหรอเนี่ย" ฟีฟ่าเริ่มถอดใจเมื่อไม่เห็นเงาหัวของภพภูมิโผล่ออกมาให้เห็น จนได้ยินเสียงเพื่อนเลิฟตะโกนเรียกอีกครั้งจึงรีบเดินไปขึ้นรถ เพราะหากมีครั้งที่สามจะต้องเป็นเสียงเฮียยูโรแน่ "ไอ้คนใจดำ จำไว้เลย ถ้ามาง้อทีหลังไอ้ฟ่าจะไม่ให้ยกโทษให้แน่ คอยดูสิ!!" เขาต่อว่าภพภูมิก่อนมุดตัวเข้าไปในรถและยังแช่งให้คนพี่นอนไม่หลับ ตั้งใจว่าต่อไปจะไม่เป็นหมอนข้างให้อีกแล้ว ยูโรขับรถพาทุกคนมุ่งหน้าเข้าสู่กรุงเทพฯ ตลอดทางราบรื่นไร้อุปสรรค ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงบ้านสวนบรรยากาศร่มรื่นที่มีพื้นที่เล็ก ๆ ไว้สำหรับปลูกต้นไม้ขาย ฟีฟ่าฝากให้ป๊าช่วยปลูกต้นไผ่ที่ได้รับมาไว้ที่หลังบ้าน ซึ่งจุดนั้นตรงกับระเบียงห้องของยูโรพอดี ราวกับถูกจัดเตรียมไว้ล่วงหน้า แม้ไม่ชอบใจแต่ยูโรก็ไม่ได้ขัดอะไร "วันนี้ไม่ออกไปสมัครงานเหรอ

  • เมื่อผมต้องกลายเป็นหมอนข้างของมาเฟียหนุ่ม   22. ลาก่อนเรือนไม้สีขาว

    [22] ลาก่อนเรือนไม้สีขาว ภพภูมิยืนอยู่ท่ามกลางวงล้อมของกลุ่มมือปืนที่ต่างกำลังจดจ่อวัตถุสีดำมาทางเขา มือหนากำแน่นจนสั่นด้วยความเจ็บใจที่มองไม่เห็นหนทางที่จะช่วยฟีฟ่าเพราะตอนนี้แม้แต่ตัวเองยังเอาไม่รอดเลย "เจอกันชาติหน้านะครับคุณภพ ป่านนี้คุณพ่อคุณคงรอจนเมื่อยแล้ว" รอยยิ้มเหี้ยมปรากฏขึ้นบนใบหน้าของธีร์ก่อนจะสั่งให้ลูกน้องกระหน่ำยิงคนตรงหน้า เมื่อตอนรถตกเหวไปพร้อมกับอดีตนายใหญ่ยังอุตส่าห์รอดชีวิตมาได้ คราวนี้ถ้าไม่ตายก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว "อย่ายิงนะ..พี่ภูมิ!!" ฟีฟ่าตะโกนห้ามแต่ไม่ทันเสียแล้ว สมุนของธีร์ลั่นไกแทบจะพร้อมกัน โดยมีเป้านิ่งคือภพภูมิ ปัง! ปัง! ปัง! เอี๊ยดดดดด!! เสียงปืนรัวขึ้นดังจนหูแทบดับแต่ช้ากว่ารถยนต์ติดกระจกกันกระสุนที่ขับพุ่งเข้ามาขวางด้านหน้าของภพภูมิเอาไว้ ร่างสูงย่อตัวลงเพื่อหลบคมกระสุนที่ยิงเลยหลังคารถมาได้อย่างหวุดหวิด "รอพี่นานมั้ยจ๊ะที่รัก" คนในรถลดกระจกลงพลางยักคิ้วข้างหนึ่งทักทายภพภูมิ มือหนาดันแว่นตากันแดดขึ้นพลางขยิบตาให้ "เงียบปากไปเลยไอ้เท็นมะ แล้วไอ้เจย์ล่ะ!" "ไอ้เจย์ไปจัดการข้างบนแล้ว เห็นมันว่าจะไปดูหน้าเมียมันด้วย ช่วงนี้ได้ข่าวว่าติดเ

  • เมื่อผมต้องกลายเป็นหมอนข้างของมาเฟียหนุ่ม   21. คนบงการ

    [21] คนบงการ"ผมขอเสนอให้คุณธีร์เป็นผู้นำคนต่อไป"เสียงทุ้มพูดชัดเจนทำให้เกิดเสียงฮือฮาขึ้นภายในห้องประชุมขนาดใหญ่ ธีร์แสดงท่าทีลำบากใจเมื่อถูกคะยั้นคะยอให้ยอมรับ ฝ่ายที่สนับสนุนธีร์ต่างแสดงเจตจำนงชัดเจนว่าเขาเหมาะสมกับตำแหน่งนี้ที่สุดทางด้านฝ่ายที่สนับสนุนอดีตนายใหญ่ต่างหันมองกันด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าจะมีคนกล้าเสนอชื่อธีร์ให้ขึ้นเป็นผู้นำคนต่อไป แต่เสียงของผู้ที่สนับสนุนเขาก็ยังดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง"ผมเห็นด้วยที่จะให้คุณธีร์เป็นผู้นำคนใหม่""ผมก็เหมือนกัน""ทุกท่านกรุณาคิดให้ดี ๆ ก่อนนะครับ ผมคิดว่าตัวผมไม่มีความสามารถขนาดนั้นหรอกนะครับ" ธีร์ลุกขึ้นยืนและบอกทุกคนในห้องอย่างถ่อมตนในขณะที่หลายคนพยายามผลักดันให้เขาขึ้นรับตำแหน่งให้ได้"คุณธีร์ติดตามอดีตนายใหญ่มานาน ฝีไม้ลายมือย่อมดีกว่าพวกเด็กเมื่อวานซืนเยอะ เพื่อความก้าวหน้าของพรรค ผมขอสนับสนุนคุณธีร์อีกเสียงครับ""ใช่แล้ว ถ้าไม่ใช่คุณธีร์ก็ไม่มีใครเหมาะสมแล้ว"ฝ่ายที่เชียร์ธีร์ต่างส่งเสียงสนับสนุนเขาเต็มที่ เมื่อเทียบกับคนที่ไม่เห็นด้วยแล้วมีจำนวนมากกว่าทำให้ฝ่ายสนับสนุนอดีตนายใหญ่ต้องนั่งเงียบ อยากจะลุกจากเก้าอี้แต่ก็อยากรู้ข้อความ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status