Beranda / โรแมนติก / เมื่อรักออกเดินทาง / Episode-02 ความสุขส่วนตัว

Share

Episode-02 ความสุขส่วนตัว

last update Terakhir Diperbarui: 2024-12-17 14:54:58

หลายวันผ่านไป

ฉันซักเสื้อให้พี่ทิวแล้วนะคะ ตั้งใจไว้ว่าจะเอามาคืนแต่ยังหาจังหวะไม่ได้สักที จนกระทั่งถึงวันกีฬาสีไอ้จูนกับป๊อปมันแข่งวิ่งค่ะ ฉันมาเชียร์พวกมัน แน่นอนว่าชัยชนะเป็นของพวกเรา

“สุดยอด! กูไม่เคยรู้มาก่อนว่าพวกมึงจะวิ่งเร็วขนาดนี้” เอ่ยแซวมันสองคนค่ะ

“กูวิ่งหนีแม่บ่อย” ไอ้จูนเอ่ย

“หนีทำไมวะ”

“กวนตีนเขาไง แต่เขาไม่ได้วิ่งตามกูนะ ใช้รองเท้าขว้างมาแทน”

“ฮ่า ๆ สมควรแล้ว”

“แล้วเอ็งกับไอ้หมูล่ะได้ลงแข่งวอลเล่ย์บอลหรือเปล่า” ป๊อบถามขึ้นมาบ้าง

“ข้าลง ไอ้หมูเป็นตัวสำรอง”

“เออ แข่งกี่โมงวะ”

“สิบเอ็ดโมงมั้ง”

รอบนี้เป็นรอบชิงชนะเลิศ เอาจริง ๆ มันโคตรกดดันเลย โชคดีที่ถูกฝึกมาตั้งแต่ประถมไม่ได้จะอวดว่าเก่งนะ แต่ก็พอตัวแหละ ฮ่า ๆ 

“สู้ ๆ เว้ย แพ้ก็ไม่เป็นไร แต่ไม่แพ้เลยจะดีมาก” ไอ้หมูมันว่าขึ้น แต่ฟังแล้วรู้สึกกดดันยังไงไม่รู้

“นี่ให้กำลังใจอยู่ใช่ไหม”

“ฮ่า ๆ เออ”

การแข่งขันกำลังจะเริ่มขึ้นในไม่กี่นาทีข้างหน้านี้แล้ว ฉันไม่ได้โฟกัสอะไรเลยนอกจากตัวเองในสนามเท่านั้น ถ้าไม่มีสมาธิขาดไหวพริบทุกอย่างคือจบค่ะ 

แมตช์แรกชนะ แมตช์ที่สองแพ้ เท่ากับเสมอกันหนึ่งต่อหนึ่งจึงทำให้แมตช์ที่สามกลายเป็นแมตช์กดดันไปเลย แม้แต่แต้มเดียวก็พลาดไม่ได้ 

“ห้ามแพ้นะโว้ย”

“ไอ้ตาลพี่ทิวมา” เสียงแหกปากตะโกนของพวกมันดังเข้ามาในหูฉัน เหลือบไปมองเป็นกลุ่มเพื่อนพี่ทิวจริงด้วยค่ะ เห็นแบบนั้นแล้วประหม่าแปลก ๆ แต่ก็ต้องเรียกสติตัวเองกลับมาใหม่ ในสนามต้องจดจ่ออยู่กับคู่ต่อสู้เท่านั้น แต่เสียงใครบางคนกลับทำให้สติของฉันกระเจิงไปในชั่วพริบตา

“สู้ ๆ นะ” 

“...” เขาไม่ได้เจาะจงบอกฉันหรอกค่ะ ก็พูดเชียร์สีตัวเองตามปกตินั่นแหละ แต่ว่านาทีนี้ขอเข้าข้างตัวเองก่อนแล้วกัน

เซตนี้เป็นอะไรที่สนุกมาก โต้กันไปมาไม่มีใครยอมใคร กว่าจะจบเกมส์เสียพลังงานไปเยอะเลยทีเดียว

“กรี๊ด...!! มันต้องอย่างงี้” ไอ้จูนค่ะ

“กรี๊ดได้ตอแหลมาก” 

“โทษทีกูดีใจจนลืมตัว”

“ดีใจทำไม ไม่เห็นมีส่วนได้ส่วนเสียกับเขาเลย” 

“ไม่ได้ ๆ เราจะแพ้ไม่ได้” พูดคุยหยอกล้อกันตามประสาก่อนจะพากันเดินไปโรงอาหาร

“มึง... เมื่อกี้พี่ทิวมาเชียร์ด้วยแหละ” ไอ้หมูมันกระซิบใส่พร้อมกับบิดเร้าไปมาประหนึ่งว่าตัวเองถูกสารภาพรัก

“ข้าเห็นเขาก็ดูไปทั่ว เราอย่าเข้าข้างตัวเองเกินความเป็นจริงดีกว่านะ” มันต้องมีพื้นที่สำหรับเซฟความรู้สึกตัวเองด้วยฉันคิดแบบนั้น

“ก็ชอบอะเลยอยากคิดเข้าข้างตัวเอง” มันว่าพลางป้องปากหัวเราะอย่างชอบใจ

เข้ามาด้านในพลอยก็จองโต๊ะไว้ก่อนแล้วค่ะ 

“กูได้ข่าวว่าสนามวอลเล่ย์บอลดุเดือดมาก”

“ข่าวมึงไวเนอะพลอย”

“นี่ใคร? นี่เจ้พลอยไงคะ”

“จ้า ๆ” 

ในแก๊งพวกเรามีทั้งหมดสิบคนค่ะ อย่างที่บอกว่าสนิทสุดก็คือไอ้จูนกับหมูเพราะว่ามันสองคนไม่เคยว่าหรือพูดอะไรให้ฉันเสียความมั่นใจเลยสักครั้ง นี่คงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ฉันสนิทใจมากขึ้น

“เดี๋ยวกูไปซื้อข้าวเอง มึงเอาไรกูอยากกินกระเพราไข่ดาว” อีต้นหันมาพูดกับฉันพร้อมกับยื่นเงินค่าน้ำให้

“เออ เหมือนกันเลย กูไปซื้อข้าวเองมึงไปซื้อน้ำละกัน”

“เออ”

เอากระเป๋าวางไว้ที่โต๊ะ จากนั้นก็แยกกันไปซื้อข้าวซื้อน้ำ ฉันมากับไอ้จูน เราต่อคิวเข้าแถวตามปกติแต่ว่าคิวก่อนหน้าฉันเขาซื้อให้เพื่อนหลายคนค่ะ เลยรอนานหน่อย

“น้อง! ทำไมไม่สั่งล่ะยืนบื้ออยู่ได้” น้ำเสียงไม่พอใจดังมาจากด้านหลัง แน่นอนค่ะว่าฉันหันกลับไปมองหน้าเขา เป็นรุ่นพี่มอสาม

“ก็เห็นอยู่ว่ายังไม่ถึงคิวนี่คะ จะให้สั่งอะไร” 

“แหกตาดูค่ะว่าคนข้างหน้าเขาสั่งเสร็จแล้ว ไม่เห็นเหรอว่าคนอื่นเขาก็รอเหมือนกัน”

... : แล้วตัวเองทำไมไม่รู้จักรอบ้างล่ะ มีเงินอย่างเดียวไม่ได้นะ ต้องมีมารยาทด้วย 

“...” ฉันกับไอ้จูนมองหน้ากันนิ่ง ๆ เพราะประโยคเมื่อครู่นี้ถูกเอ่ยออกมาจากปากของพี่ทิว ซึ่งเขาเองก็กำลังต่อคิวอยู่เหมือนกันค่ะ ส่วนพี่มอสามคนนั้นก็เดินออกไปเลย ไม่รู้ว่าไม่พอใจหรืออายกันแน่

หันหน้าไปทางพี่ทิวอีกครั้งพร้อมกับก้มศีรษะให้เล็กน้อยเป็นเชิงขอบคุณเขา

“สั่งเผื่อกูด้วยนะเอาเหมือนมึง” สรุปกินเหมือนกันหมด ที่มันเดินตามมาด้วยเพื่อจะช่วยถือเท่านั้นเอง

ตัดมากิจกรรมช่วงบ่ายเลยแล้วกันนะคะ ทุกสีจะต้องขึ้นสแตนเชียร์เพราะกีฬาประเภทสุดท้ายก็คือฟุตบอลนั่นเอง พวกเรานั่งเชียร์กันปกติ พี่สตาฟก็จะคอยเอาน้ำกับขนมมาแจกให้

“ตาล ไปสีเขียวเป็นเพื่อนกูหน่อย” 

“ไปทำไมวะ”

“เอาขนตาปลอมไปให้อ้อ มันฝากไว้ในกระเป๋ากูลืมหยิบให้”

“ไปดิ”

ลงจากสแตนเชียร์ก็เดินเลาะไปด้านหลัง ฉันยืนรออยู่ห่าง ๆ ให้ไอ้จูนมันเดินเข้าไปคนเดียว และจังหวะนี้เองก็เห็นพี่ทิวนั่งพักอยู่ มองซ้ายมองขวาไม่มีใครสนใจฉันจึงเดินตรงไปหาเขา

“หนูเอาเสื้อมาคืนพี่ ซักให้หลายวันแล้วแต่ไม่มีโอกาสสักที” ฉันว่าพลางหยิบเสื้อที่อยู่ในกระเป๋านักเรียนออกมาให้เขา

“ครับ” เหลือบมองฉันแวบหนึ่งก่อนจะหยิบเสื้อไป

“พี่... สู้ ๆ นะคะ” ไม่รู้ว่าเอาความมั่นใจที่ไหนมาถึงได้กล้าพูดกับเขาไปแบบนั้น พี่ทิวไม่ได้พูดอะไรแค่พยักหน้าให้พร้อมรอยยิ้ม 

ตึกตัก! ตึกตัก!

ใจเต้นแรงเป็นบ้าเลยค่ะ ใครจะกล่าวหาว่าอ่อยหรือแย่งซีนคนอื่นฉันไม่สนหรอกนะ ฉันแค่มีความสุขในพื้นที่ของตัวเองก็เท่านั้น

“อะแฮ่ม! เบาได้เบา กูเผลอแป๊บเดียวมาแอบส่งยิ้มให้เฉยเลยนะ” 

“ส้นตีนเถอะ! กูแค่เอาเสื้อมาคืนเขา มึงอย่ามั่ว”

“เสื้ออะไรวะ”

“ไม่บอกอย่าหลอกถาม”

“เออ... จำไว้นะ! เพื่อนป่ะล่ะ”

“กูเกลียดคำนี้”

หลังจากไม่ได้คำตอบอะไรมันก็ไม่เซ้าซี้ต่อ พวกเราเดินกลับสแตนเชียร์เหมือนเดิม ผลการแข่งขันสีส้มชนะค่ะ 

กิจกรรมต่อไปคือการวิ่งเด็กสมบูรณ์ ในความหมายของคุณครูก็คงมองว่ามันน่ารักปุ๊กปิ๊กอะไรแบบนี้ แต่สำหรับฉันมันไม่ได้รู้สึกสนุกด้วยเลย เหมือนถูกวางลงสนามแล้วกลายเป็นตัวตลกมากกว่า

“น้องชื่ออะไร ลงวิ่งสิทำเพื่อสีเราหน่อย” พี่สตาฟคนหนึ่งบอกฉันพร้อมกับรั้งแขนให้ฉันลุกขึ้น

“ไม่ลงค่ะ สนามฟุตบอลตั้งกว้างหนูวิ่งไม่ไหวหรอก”

“เขาวิ่งผลัดกัน นะ ๆ ลงสนามให้หน่อย สีเรามีแต่คนหุ่นดี ๆ น้องแหละเหมาะสุดแล้ว” รู้สึกหน้าชามาก สายตาหลายคู่เอาแต่มองมาทางฉัน ถึงจะไม่มีใครพูดอะไรแต่คนตรงหน้าก็พูดออกไปแล้วอยู่ดี “น้อง! ให้ตายเถอะกูไม่เคยอ้อนวอนใครขนาดนี้เลยนะเนี่ย” เขาหันไปพูดกับเพื่อนด้วยน้ำเสียงติดตลก และนั่นก็ทำให้ฉันรู้สึกแย่เข้าไปอีก

“เขาเอาคนที่สมัครใจนะ พี่ก็ไปหาคนอื่นสิคนเขาไม่เต็มใจยังจะมาพูดจาแบบนี้อีก” ไอ้จูนพูดแทรกขึ้นมาบ้าง

“แหกตาดูเพื่อนก่อนค่ะน้อง ค่อยพูดแบบนี้น่ะ”

“แหกแล้วค่ะ!! ทั้งตาซ้ายตาขวา ก็เห็นอยู่ว่ามันไม่ได้สมัครใจยังมายืนว่าฉอด ๆ อยู่อีก เพื่อนตัวเองแต่ละคนก็ไม่ใช่น้อย ๆ สมบูรณ์กันทั้งนั้นไม่ไปตามมาวิ่งล่ะ เขาไม่ได้จำกัดสักหน่อยว่ามอต้นหรือมอปลาย” ไอ้จูนมันร่ายประโยคยาว ๆ เสียงดังฟังชัด จนคนอื่นได้ยินเกือบทั้งแสตนเชียร์เลยทีเดียว 

“เออ ๆ ไม่วิ่งก็ไม่วิ่ง แค่นี้ต้องโวยวาย” พูดจบเขาก็ลงไปหาเพื่อนเพื่อดึงตัวไปวิ่ง มันเป็นวิ่งผลัดน่ะค่ะสีละหกคน ไม่จำกัดระดับชั้น

“ใจเย็น ๆ มึงอย่าเพิ่งของขึ้น” 

“กูเกลียดฉิบหายเลยคนส้นตีนแบบนี้ มันมีวิธีพูดอีกมากมายนะไม่ให้คนอื่นดูแย่อ่ะ”

“เออ ช่างแม่งมันเหอะ” แน่นอนว่าอีพี่คนนั้นจะกลายเป็นศัตรูในสายตามันตลอดไป ฮ่า ๆ

หลังจากนั้นเด็กสมบูรณ์ก็ลงสนามค่ะ ล้มลุกคลุกคลานกันเลยทีเดียว บางคนก็วิ่งไม่ไหว สะดุดล้มก็มี เพราะว่าน้ำหนักตัวเยอะไง กิจกรรมวิ่งแข่งมันเลยไม่เหมาะ 

รอบตัวฉันมีแต่เสียงหัวเราะเต็มไปหมด ต่างจากฉันที่รู้สึกว่ามันไม่น่าขำเลยสักนิด  ใครจะคิดยังไงไม่รู้แหละ ... ฉันคนหนึ่งที่ไม่ชอบ! 

พรึบ!

“ฝากของแป๊บนะ” ระหว่างที่ฉันกำลังใช้ความคิด กระเป๋านักเรียนใบหนึ่งก็วางลงบนตักฉันก่อนที่เจ้าของมันจะพูดขึ้นแล้วรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ฉันได้แต่นั่งงงและมองมันอยู่แบบนั้น

“อะไรของเขาวะ”

“ทำไมพี่ทิวฝากกระเป๋าไว้กับเอ็งล่ะ” เพื่อนต่างห้องเอ่ยถามขึ้น

“ไม่รู้ เขาบอกฝากแป๊บหนึ่งแล้วก็วิ่งไปเลย” 

“สงสัยรีบไปเข้าห้องน้ำมั้ง สภาพแบบนี้ถ้าพี่ทิวชอบกูก็หมดคำพูดว่ะ” ประโยคหลังมันหันไปพูดกับเพื่อนตัวเองค่ะ ถึงเสียงจะเบาแต่ฉันก็ได้ยินอยู่ดี 

ไม่นานพี่ทิวก็วิ่งกลับมา ฉันยื่นกระเป๋าคืนให้เขา พี่ทิวรับไปและยื่นขนมมาให้ฉันแทน

“ให้หนูเหรอ”

“อืม” 

“ขอบคุณค่ะ” รับมาแบบงง ๆ มันเป็นคุกกี้รสช็อกโกแลต พี่ทิวไม่ได้ลุกไปไหนเขานั่งดื่มน้ำอยู่ที่เดิมจนเพื่อนเขาตะโกนเรียก

“ไอ้สัสทิว กรุณาลงมาช่วยพวกกูด้วยครับ”

“พวกมึงเป็นประธานสีก็ทำไปสิ กูเป็นนักกีฬาขอโทษด้วย” น้ำเสียงกวนอารมณ์ตอบกลับ

“แล้วไม่ทราบว่าไปนั่งทำเหี้ยอะไรบนนั้นครับ มึงดูหน้าน้องด้วยเขากลัวมึงกันหมดแล้ว”

“ไม่ขึ้นมานั่งบนนี้จะเห็นเหรอว่ามึงกำลังหน้าม่ออยู่”

“ไอ้สัสอย่าเสียงดังเดี๋ยวเด็กกูได้ยิน”

“เด็กมึงไม่ใช่เด็กกู”

กิจกรรมทุกอย่างจบลง ตอนนี้ถึงเวลาประกาศรับถ้วยรางวัลค่ะ ใครแข่งอะไรคนนั้นก็ลงไปรับ จนกระทั่งถึงชื่อฉัน

“ยินดีด้วยนะ”

เป็นประโยคแผ่วเบาที่ลอยเข้ามาในหูอีกเช่นเคย ไม่ได้สนใจที่จะมองก่อนจะรีบเดินตามเพื่อนในทีมไปรับรางวัลกัน

ตอนนี้เป็นเวลาห้าโมงเย็นแล้วค่ะ กว่าจะจบกิจกรรมวันนี้ก็คือโคตรเหนื่อย ดีนะว่าเป็นวันศุกร์พรุ่งนี้จะนอนตื่นสายได้ 

“เพื่อนไปไหนหมด” เป็นพี่ทิวอีกแล้วค่ะ 

“กลับประตูหน้าโรงเรียนค่ะ”

“แล้วทำไมเรากลับประตูหลังคนเดียวล่ะ” 

“หนูกลับวินอะ ถ้าขึ้นรถเมล์มันก็ต้องต่อวินเข้าบ้านอีกทีเลยเลือกทางนี้สะดวกกว่า”

“อ๋อ...”

“แล้วพี่กลับยังไง”

“ไอ้ริวไปส่ง รถยางรั่วรอเปลี่ยนอยู่ฝั่งโน้นไง” มองตามไปพี่ริวกำลังช่วยช่างเปลี่ยนยางอยู่ค่ะ อย่างที่รู้ว่าอู่ซ่อมรถจะเต็มไปด้วยวัยรุ่นและตอนนี้หลายคนก็กำลังมองมาทางฉันกับพี่ทิวเช่นกัน

“วินมาแล้ว งั้นหนูไปก่อนนะ”

“อืม” 

จากโรงเรียนมาบ้าน ไม่เกินสิบห้านาทีก็ถึงแล้ว โยนกระเป๋าไว้บนที่นอนแล้วอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะกลับมาเปิดกระเป๋าเพื่อหยิบขนมที่พี่ทิวให้ไว้มากิน 

ไม่คิดมาก่อนเลยว่าวันนี้จะได้คุยกับเขาด้วย ก็อย่างที่บอกค่ะ ฉันแค่แอบชอบ ไม่ได้คาดหวังว่าเราจะต้องเป็นแฟนกัน แบบนี้ก็ดีเหมือนกันค่ะ อย่างน้อยก็มีความสุขได้เต็มที่

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เมื่อรักออกเดินทาง   Episode-52 ตอนพิเศษ ชีวิตหลังแต่งงาน

    ชีวิตหลังแต่งงานเป็นอะไรที่มีความสุขมาก ทอฝันเลี้ยงง่ายไม่อ้อนเลย ตอนนี้เพิ่งสิบเดือนเริ่มเกาะยืนแล้ว ดูท่าทางอีกไม่นานคงวิ่งจับไม่ไหวแน่นอน“คนสวย แม่ไปทำงานแล้วนะคะ หนูอย่างอแงกับพ่อนะ” พูดจบก็ก้มไปฟัดแก้มลูกสาวจนหนำใจเลยทีเดียว “หอมแต่ลูก ไม่หอมพ่อของลูกบ้างเหรอครับ”“ไม่ค่ะ!” ปากบอกปฏิเสธแต่ก็หอมครับ ว่านอนสอนง่ายจะตาย วันนี้เป็นวันหยุดผม หลังจากส่งน้องเสร็จก็แวะมาบ้านไอ้ริวต่อเลย รับปากมันไว้ว่าจะเข้ามาไง “เมื่อก่อนพกเมีย เดี๋ยวนี้พกลูก” ไอ้แบคเอ่ยแซวทันทีที่เห็นผมกับน้องทอฝัน“แล้วมึงเมื่อไหร่จะมี”“ทักได้เจ็บใจมาก” มันอยากมีครับ แต่ไอ้เกตุไม่ท้องสักที “น้ำยาไม่ดีก็แบบนี้แหละ”“ขยี้กันเข้าไป ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ”... : ฮ่า ๆ“ไอ้ริว แล้วลูกมึงไปไหน”“อยู่ในเปลโน่น สองขวบกว่าแล้วยังติดเปลอยู่เลย ไปโรงเรียนกูว่าร้องตาย” น้ำเสียงมันเหมือนสิ้นหวังมากเลย“เอาน่ะค่อย ๆ ฝึกให้นอนพื้นทีหลังก็ได้”“ไม่หรอก ลูกกูอารมณ์แปรปรวนเก่งมาก แต่ไม่ซนนะ”“เป็นยังไงวะอารมณ์แปรปรวน”“อยู่ดี ๆ ก็ร้องไห้ ร้อง ๆ อยู่ก็เปลี่ยนเป็นหัวเราะได้อีกด้วย บางวันเดาอารมณ์ไม่ถูกเลย”“ไม่ลองปรึกษาหมอวะน่าจะช่วยได้

  • เมื่อรักออกเดินทาง   Episode-51/2 บทส่งท้าย

    หลายเดือนผ่านไปใกล้ได้เห็นหน้ากันแล้วครับ แอบกระซิบหน่อยว่าท้องใหญ่มาก และด้วยขนาดหน้าท้องที่ใหญ่เกินตัวจึงมีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของน้องพอสมควร เหนื่อยง่ายทำอะไรไม่สะดวกเหมือนเมื่อก่อน “หนูลาคลอดเมื่อไหร่”“ยังเลยค่ะ หนูว่าจะทำจนคลอดเลย”“ว่าไงนะ” ไม่ได้หูฝาดไปแน่ ๆ ครับ“หมายถึงทำจนเจ็บท้องใกล้คลอดเลยค่ะ ลาได้เก้าสิบวันหนูอยากอยู่กับลูกนาน ๆ นี่ถ้าลาล่วงหน้าเป็นเดือนกลัวได้ใช้เวลาอยู่กับลูกน้อย” เห็นไหมครับ ไม่ได้มีแค่ผมสักหน่อยที่เห่อลูก“เข้าใจ แต่พี่อยากให้พักเดินจะไม่ไหวอยู่แล้วนะ”“แต่หนู...”“คุณแม่ดื้อเหรอครับ?”“ก็ได้ค่ะ” กำหนดคลอดเดือนหน้าแต่อะไรมันก็เกิดขึ้นได้เสมอ อาจจะคาดเคลื่อนก็ได้ต้องเตรียมตัวเอาไว้ก่อนครับพวกเราย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านใหม่แล้วและรับแม่กับยายมาอยู่ด้วยชั่วคราวเพราะไม่อยากให้น้องอยู่คนเดียวไง ไม่ต้องห่วงนะครับว่าผิดที่ผิดทางแล้วยายผมจะเหงา เพราะเพื่อนบ้านก็มีคุณตาคุณยายอายุไล่เลี่ยกัน คุยกันถูกคอประหนึ่งว่ารู้จักมานานแรมปี“พี่ทิว”“ครับ?”“หนูอยากกินไข่ปลาทอด” ฉีกยิ้มกว้างอย่างมีความหวังเชียว“มันหาซื้อได้ที่ไหน” ไข่ปลาน่ะรู้จักครับ แต่มันไม่ได้ม

  • เมื่อรักออกเดินทาง   Episode-51/1 บทส่งท้าย

    บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยความรู้สึกอบอุ่นแบบที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ถ้าพ่ออยู่ตรงนี้ด้วยก็คงจะดี... ตอนแรกตั้งใจจะเชิญแค่ญาติคนสนิทแต่ตากับยายคัดค้านค่ะ ให้เหตุผลว่าแม่เป็นลูกคนเล็กญาติทางนั้นก็สำคัญ ญาติทางนี้ก็สำคัญ ป้าบ้านนั้น น้าบ้านนี้ เยอะแยะไปหมด เป็นคนเก่าคนแก่ที่มีคนรู้จักนับถือเยอะก็อย่างนี้แหละ ไม่เป็นไรเอาที่ตากับยายสบายใจเลย พี่แบคกับพี่เต้อาสาเป็นพิธีกรให้ และไม่วายถูกตั้งคำถามประหลาด ๆ ตามเคย“เจ้าบ่าวครับ เห็นคุณผู้หญิงโต๊ะนั้นไหมครับ?” พี่แบคเอ่ยพลางชี้ไปที่คนกลุ่มหนึ่ง เป็นรุ่นน้องที่ทำงานของพี่ทิวนั่นแหละค่ะ“เห็นครับ”“สวยไหม?”“สวย”“คุณ! นี่งานมงคลของคุณนะครับ คุณกล้าชมผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าภรรยาเชียวเหรอ” คำถามกวนอารมณ์ถูกเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้ม“ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร มองแล้วเห็นว่าเป็นคนสวยปกติก็คือเป็นคนสวยเท่านั้นเอง กลับกันถ้าเราอยู่ใกล้คนที่เราชอบต่อให้หน้าตาธรรมดายังไงในสายตาเราเขาก็สวยที่สุดอยู่ดี” ประโยคหลังพี่ทิวหันมาพูดกับฉันทำเอาผู้คนในงานเอ่ยแซวเสียงดังไปทั่วบริเวณ“เจ้าสาวครับ”“ค่ะ”“คุณผู้ชายโต๊ะนั้นหล่อไหมครับ”“หล่อค่ะ”“แล้วระหว่างทางนั้นกับทางนี้ ใครหล

  • เมื่อรักออกเดินทาง   Episode-50 ครอบครัวของเรา

    ก่อนหน้านี้ประจำเดือนฉันมาสามวันค่ะ ปกติจะห้าหรือไม่ก็เจ็ดวัน แต่ไม่ได้คิดอะไรเพราะเป็นคนมีรอบเดือนไม่ปกติอยู่แล้ว แต่คราวนี้คงปล่อยผ่านไม่ได้แล้วแหละเลิกงานฉันซื้อที่ตรวจครรภ์มาด้วยห้าอัน อันละยี่ห้อไปเลยค่ะ มาถึงบ้านอาบน้ำเสร็จก็ตรวจเลย คุณหมอแนะนำมาว่าควรเป็นฉี่แรกของวันเพื่อผลที่แม่นยำ แต่มันตื่นเต้นไงอยากรู้จึงลองตรวจดูก่อนในความคิดฉันถ้าท้องจริงตรวจตอนไหนคงขึ้นสองขีดเหมือนกัน อันนี้คิดเอาเองนะคะลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะจุ่มที่ตรวจลงไป ใจเต้นแรงเป็นบ้าเลยค่ะ วินาทีที่แถบสีชมพูเริ่มเห็นชัดขึ้น ...“สะ สองขีด” เหมือนหยุดหายใจไปชั่วขณะ ขีดที่สองมันจางมากแต่มองผ่าน ๆ ก็คือเห็นว่าเป็นสองขีด ไม่ใช่ว่าไม่ดีใจนะคะแค่ไม่คิดว่าจะมาเร็วแบบนี้ฉันเพิ่งหยุดกินยาคุมเมื่อสองเดือนก่อนเอง ใครจะคิดว่าจะติดรวดเร็วทันใจขนาดนี้ล่ะ แล้วต้องทำยังไงต่อต้องบอกใครเป็นคนแรก?เช้าอีกวัน ตื่นขึ้นมาพร้อมกับความหิว ใช่ค่ะ! หิวจริง ๆ ลืมตามาก็อยากกินข้าวเลย ทำธุระส่วนตัวเสร็จออกมาข้างนอกเห็นแม่ทำกับข้าวอยู่ก่อนแล้ว“วันนี้ไม่ไปใส่บาตรเหรอ” “หนูตื่นสายเลยไม่ได้ไป แม่...”“ว่า?”“...”“เรียกแล้วไม่พูดนะ” พูด

  • เมื่อรักออกเดินทาง   Episode-49 การเดินทางของเราสองคน

    หลังจากทริปทะเลจบลงพวกเราก็กลับสู่บทบาทหน้าที่ตัวเองกันอีกครั้ง แอบเขินไปหลายวันเลยเรื่องที่เข้าใจผิด อย่างที่บอกเป็นใครก็ต้องคิดจริงไหม? ส่วนไอ้อาการหน้ามืดโลกหมุนของฉันก็ดีขึ้นมากแล้ว พี่ทิวดูแลดียิ่งกว่าหมอซะอีก“พอแล้วมั้งคะ” ถึงกับต้องเอ่ยปรามขึ้นเมื่อเห็นเขาหยิบผลไม้ใส่รถเข็นจนเยอะแยะไปหมด“อันนี้มีประโยชน์”“รู้... แต่หนูไม่ชอบนี่แค่อันนี้อย่างเดียวก็พอค่ะ” ฉันว่าพลางชี้มือไปที่กล่องสตอวเบอร์รี่“ครับ ซื้อเข้าห้องไปเลยแล้วกันเผื่อพรุ่งนี้พี่เลิกดึก”“โอเคค่ะ”ทุกครั้งที่เงินเดือนออกเราจะซื้อของเติมตู้เย็นเสมอ ค่าใช้จ่ายต่อเดือนในส่วนเฉพาะของสดประมาณสองพันบาท ค่าน้ำ ค่าไฟอีกสองพันบาท จิปาถะยิบย่อยรวมทั้งหมดแล้วประมาณห้าพันอันนี้ฉันคำนวณเองนะ ส่วนค่าน้ำมันรถหรือของที่จำเป็นอื่น ๆ ยังไม่ได้คิดค่ะ ที่กล่าวมานี้อยู่ในความรับผิดชอบของพี่ทิวทั้งหมดฉันเคยบอกแล้วว่าเรื่องในครัวฉันรับผิดชอบเองได้แต่เขาไม่ยอมและให้เหตุผลว่าผู้นำครอบครัวเขาไม่มาแบ่งจ่ายกันหรอก ในเมื่อค้านอะไรไม่ได้ก็เลยใช้วิธีแยกซื้อต่างหากโดยที่พี่ทิวไม่รู้ ตั้งแต่คบกันมาสาบานได้ว่าฉันไม่เคยก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเขาเ

  • เมื่อรักออกเดินทาง   Episode-48 มากกว่ารัก

    หมดกันเซอร์ไพรส์ของผม แอบรู้สึกผิดเหมือนกันนะเนี่ยทำน้องร้องไห้ไปหลายวันเลย ผมไม่ได้ตั้งใจ ที่ตั้งใจจริง ๆ คือบ้านต่างหากที่ดินตรงนั้นผมซื้อมันตั้งแต่ก่อนไปญี่ปุ่นหลายเดือนแล้วแต่ไม่ได้บอกน้องเพราะตั้งใจจะปลูกบ้านก่อน บวชแล้วค่อยแต่งไง แต่มันผิดแผนนิดหน่อย ปิดมาได้ตั้งนานดันมาตกม้าตายตอนบ้านเสร็จซะงั้น ครืด...ครืด…“ว่าไง”(จะเพิ่มเติมตรงไหนอีกหรือเปล่ากูจะได้บอกช่างถูก)“แก้ตรงสีไม่เสมออย่างเดียวก็พอ”(เออ ผัวกูถามว่ามึงจะเข้ามาดูไหม)“เข้าแหละ น่าจะพรุ่งนี้บ่าย”(กูถามจริงแฟนมึงไม่สงสัยบ้างเหรอ ถ้าเป็นกูคงจับได้ตั้งแต่ผัวกลับบ้านไม่ตรงเวลาละ)“จะเหลือเหรอ”(ฮ่า ๆ กูว่าแล้วเซอร์ไพรส์ไม่เคยสำเร็จ แล้วเขาว่าไง)“เปล่าหรอก เข้าใจผิดนิดหน่อย”(ไม่ใช่คิดว่ากูเป็นกิ๊กมึงหรอกนะ)“ประมาณนั้น”(ฉิบหาย!)“เกือบได้ฉิบหายจริง ๆ แต่ตอนนี้คุยกันเข้าใจแล้ว ไว้พรุ่งนี้กูพาไปด้วยเลย ไหน ๆ ก็รู้แล้วนี่”(เออ ไว้เจอกัน)ลูกหว้าเป็นเพื่อนร่วมงานครับ เราอยู่ทีมเดียวกันแต่คนละฝ่าย รู้จักกันตั้งแต่ฝึกงานไม่มีอะไรมากไปกว่านี้เลย ส่วนที่น้องคิดไปไกลคงเป็นเพราะพฤติกรรมของผมมากว่า เรื่องนี้แม่กับยายก็รู้นะครั

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status