ลัลนาสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงกุกกักอยู่ด้านนอกประตู ยกข้อมือดูนาฬิกาเมื่อเห็นเวลาก็ตกใจเล็กน้อย ทีแรกตั้งใจว่าจะนั่งพักในห้องนั่งเล่นสักสิบนาทีแล้วค่อยขึ้นห้องไปนอน เนื่องจากวันนี้เธอมีถ่ายละครตั้งแต่เช้า บวกกับรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวตั้งแต่เมื่อวาน พอวันนี้กลับมาถึงห้องก็ล้มตัวลงนอนโดยไม่คิดอะไร ไม่คิดว่าจะเพลินจนเวลาล่วงเลยมาเกือบเข้าวันใหม่
ลัลนาสูดหายใจรวบรวมแรงลุกขึ้นจากโซฟากว้าง เปิดประตูห้องนั่งเล่นออกไปตั้งใจดูที่มาของเสียง เมื่อเห็นคนรูปร่างคุ้นตายืนหันหลังอยู่เค้าน์เตอร์ในครัวก็เลิกคิ้วแปลกใจ
"คุณพีร์?"
มาได้ไง
"ขอโทษทีผมนึกว่าคุณอยู่ข้างบน" รพีภัทรเอ่ยขอโทษอย่างรู้สึกผิด เมื่อเห็นดาราสาวเดินออกมาจากห้องนั่งเล่นด้านล่างใกล้ห้องครัว
"ไม่เป็นไรค่ะ...พอดีฉันเผลอหลับไป" ลัลนาตอบกลับเสียงเบา เสหลบตาอย่างเกร็งๆ เล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกในรอบสองอาทิตย์ได้ หลังจากที่แต่งงานกัน ที่เธอและเขาได้มาเจอกัน
ตรงตามที่เขาพูดก่อนแต่งงานไม่มีผิด ทั้งเธอและเขาต่างใช้ชีวิตกันเหมือนเดิม เหมือนก่อนที่จะแต่งงานกัน มีเพียงนิ้วมือด้านซ้ายของเธอและเขา ที่ยังมีแหวนประดับอยู่ เหมือนเป็นเครื่องเตือนใจว่าเราทั้งคู่แต่งงานแล้ว
เขาน่าจะกลับไปพักที่คอนโดใกล้โรงพยาบาลตามที่เคยออกปากไว้ ส่วนเธออาศัยอยู่ในเพนท์เฮ้าส์หรูแห่งนี้คนเดียวเหมือนตอนที่เธออยู่คอนโดก่อนแต่งงานอย่างที่แล้วมา
พอวันนี้กลับมาเจอกันก็อดรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้
"เสียงดังใช่ไหม พอดีผมหิวเลยทำอะไรกินง่ายๆ" เธอเบนสายตามองข้าวไข่เจียวที่เขาทำไว้ เหมือนตั้งท่าจะนั่งกินแล้วด้วย แต่พอดีเธอเดินออกมาก่อน
"ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าอย่างนั้นคุณตามสบายเลยฉันขอขึ้นห้องก่อน" เธอตอบรับสั้นๆ พร้อมเอ่ยขอตัว ยิ่งยืนอยู่ยิ่งดูแปลกๆ กันทั้งคู่ เหมือนคนที่ไม่รู้จักกันต้องมาอาศัยอยู่ห้องเดียวกัน ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วทั้งคู่เป็นคู่สามีภรรยากัน
"คุณเป็นอะไรรึเปล่า ดูหน้าซีดๆ นะ" รพีภัทรเอ่ยถามตามวิสัยหมอ เมื่อเห็นอาการภรรยาในนาม
"ไม่เป็นไรค่ะฉันตื่นเช้าเลยเพลียๆ" ลัลนาตอบกลับสั้นๆ ก่อนจะเอ่ยขอตัวอีกรอบ แต่เมื่อเดินไปถึงบันไดกำลังจะก้าวขาขึ้น อยู่ๆ ความรู้สึกวิงเวียนเข้าจู่โจมในหัว ยืนทรงตัวไม่อยู่จนต้องเอื้อมมือจับราวบันไดไว้
"คุณนาว!" เธอได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองแว่วๆ ก่อนภาพตรงหน้าจะดับมืดลงกะทันหัน ถึงอย่างนั้นยังรู้สึกถึงอ้อมแขนแข็งแรงที่โอบรับเธอไว้
"ยังปวดหัวไหม" ลัลนาหันมองไปตามเสียงพูดของรพีภัทรที่เพิ่งเปิดประตูเข้าห้องมา หลังจากที่เธอเพิ่งตื่นเพียงไม่กี่นาที เรียกได้ว่ายังไม่หายมึนงงกับตัวเอง "โอเครึเปล่า" เธอมองตามตั้งแต่เขาก้าวเท้าเข้าประตูมา วางถ้วยอาหารไว้บนโต๊ะ ก่อนจะหันมาเลิกคิ้วถามเธอด้วยความสงสัย เมื่อไม่ได้ยินการตอบรับ
"คุณ..มาได้ไง?"
"จำไม่ได้เหรอ เมื่อคืนเรายังคุยกันอยู่เลย" รพีภัทรเลิกคิ้วแปลกใจ เดินมาใกล้คนตัวเล็กที่นอนซมอยู่บนเตียง ยกมืออังหน้าผากเพื่อวัดอุณหภูมิ "ทำไมไข้ไม่ลด" ก่อนจะบ่นพึมพำเอื้อมมือไปหยิบปรอทวัดไข้ ที่วางอยู่หัวเตียง
"จำได้ค่ะ ฉันหมายถึงตอนนี้..คุณไม่ไปทำงานเหรอคะ" ลัลนาถามด้วยความแปลกใจ ที่เห็นเขายังอยู่ตรงนี้ไม่ออกไปทำงาน
"ลากยาวเป็นอาทิตย์แล้ว หมออีกคนที่ลาไปกลับมาแล้ว" เขาอธิบายสั้นๆ ให้เธอเข้าใจ คงจะหมายถึงสองอาทิตย์ที่หายไป เพราะหมออีกคนลา เขาถึงต้องเหนื่อยอยู่เวรแทนเลยแทบไม่ได้กลับบ้าน
"ถ้าอย่างนั้นคุณไปพักผ่อนเถอะค่ะ ไม่ต้องห่วงฉัน" เธอรีบบอกให้เขาไปพักผ่อนด้วยความเกรงใจ เหนื่อยมาเป็นอาทิตย์กลับมายังต้องมาดูแลเธออีก
"ดีกว่าเมื่อคืนแต่ยังมีไข้อยู่" เขามองตัวเลขที่แสดงผลบนเครื่องวัด ก่อนจะบ่นพึมพำเสียงเบา
"หมอพีร์คะคุณไปพักผ่อนเถอะ" คนไม่อยากเป็นภาระเริ่มพูดเสียงดังขึ้น เมื่อคนที่ยืนอยู่ข้างเตียง ไม่สนใจที่เธอพูดสักนิด
"คุณเรียกผมว่าอะไร"
"คะ?"
"เมื่อกี้คุณเรียกผมว่าอะไร" เขาถามย้ำอีกครั้ง
"ก็...หมอพีร์" เธอกะพริบตาตอบเขามึนงง ไม่เข้าใจว่าเขาจะถามเธอแบบนี้ทำไม
"นั่นแหละ ผมเป็นหมอไง" เมื่อเข้าใจที่เขาสื่อคนตัวเล็กก็เงียบไป ด้วยความเป็นหมอพอเห็นคนป่วยก็คงอดไม่ได้ที่จะต้องมาดูแลรักษา
"ฉัน..เกรงใจ"
"คุณพักผ่อนน้อยนะ ร่างกายเลยอ่อนเพลีย แล้วก็เป็นหวัดด้วย เดี๋ยวกินข้าวเสร็จก็รีบกินยา" เขาทำเหมือนเธอเป็นคนไข้ บอกอาการพร้อมออกคำสั่งตามวิสัยหมอ ไม่สนใจที่เธอบอกว่าเกรงใจ
"ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวฉันกินข้าวเสร็จจะกินยา" เธอมองไปยังถ้วยข้าวต้มที่ส่งกลิ่นหอมอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นความอยากอาหารแทบไม่มีอยู่ ตั้งใจให้เขาออกไปก่อนแล้วจะค่อยๆ ฝืนกิน
"อืม" เขาตอบรับสั้นๆ ก่อนจะเลื่อนโต๊ะที่วางถ้วยข้าวต้มอยู่มาข้างเตียง "กินไหวไหม? หรือต้องให้ป้อน"
"ไหวค่ะ" ลัลนาตอบรับเสียงเบา ความตั้งใจเดิมที่จะให้เขาออกไปก่อนหายไป ลากถ้วยอาหารมาใกล้ตัวแทน คงต้องฝืนกินก่อนที่เขาจะป้อนจริงๆ อย่างที่พูดไว้
"ทำไมไม่โทรหา?"
"คะ?" คนตัวเล็กยังไม่ทันได้กินต้องเงยหน้าตอบรับด้วยความมึนงง เมื่ออยู่ๆ เขาถามขึ้นไม่มีปลี่มีขลุ่ย
"ทำไมไม่โทรหาผม?"
"เรื่องอะไรคะ"
"ก็ที่ป่วยนี่ไง เป็นมานานแล้วใช่ไหม"
"ก็...ค่ะ" ทีแรกตั้งใจจะโกหก แต่มาคิดอีกทีเขาเป็นหมอ โกหกไปก็เท่านั้น เขาคงจะดูอาการเธอไม่ยากว่าเป็นมาสองสามวันแล้ว
"ทีหลังก็โทรมาสิ" รพีภัทรบ่นคนตัวเล็กสั้นๆ ยอมรับว่าตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นภรรยาตนเองล้มลงหมดสติ ดีที่สังเกตอาการอยู่แล้ว เมื่อเห็นท่าทีโงนเงนของเธอ รพีภัทรจึงรีบประชิดตัวอย่างรวดเร็ว ถึงอย่างนั้นก็อดหงุดหงิดไม่ได้ ที่คนตรงหน้าไม่รู้จักดูแลตนเอง ปล่อยให้ตัวเองป่วยจนเป็นลมหมดสติไปขนาดนี้
ถ้าเมื่อวานเขาไม่กลับมาจะเป็นยังไง!
"ฉันไม่มีเบอร์คุณนี่..."
ลัลนาที่กำลังอ่านบทอยู่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อคุณหมอหนุ่มที่ก่อนหน้าเธอเห็นเขาวุ่นวายอยู่ในครัว ย้ายตัวมาโอบกอดเธอด้านหลัง ก่อนที่เจ้าตัวจะแทรกกายลงมานั่งซ้อนหลังเธอ ใบหน้าคลอเคลียอยู่ตรงซอกคอเธอ"อะไรคะคุณพีร์""ข้าวเสร็จแล้ว""นาวขออีกแป๊บได้ไหมคะ เหลืออีกตอนเดียว" ลัลนาก้มหน้าอ่านบทต่อในมือถือปากกาขีดเขียนลงในหน้าจอไอแพดเมื่อวิเคราะห์อารมณ์ตัวละครในบทนั้น"หืม...แล้วทำไมต้องไปง้อมัน""คะ?" ลัลนาที่กำลังใช้สมาธิอยู่เอียงคอมองคนตัวสูงที่กำลังเพ่งมองหน้าจอไอแพดเธออยู่"ไอ้นี่อะ" เขาชี้ไปยังที่เธอวงกลมไว้ "ทำไมต้องไปง้อมัน" ก่อนจะถามย้ำประโยคเดิมอีกครั้ง"ก็...คนนี้ฤดีรักพระเอกนี่คะ พอรู้ว่าพระเอกจะไปรักคนอื่นก็เลยง้อ" เธอกล่าวถึงบทฤดี นางร้ายละครเรื่องต่อไปที่เธอต้องรับบทเล่น"ก็ปล่อยมันไปสิ! ทำไมต้องไปรักมัน" ลัลนาปรายตามองคนตัวสูงที่ขมวดคิ้วจริงจัง"คุณพีร์ นาวจะอ่านบท อย่ากวนค่ะ" เธอดุคนรักเสียงเข้ม รพีภัทรจึงก้มใบหน้าหอมแก้มเธอ ไม่พูดอะไร แต่ก็ไม่ลุกออกไปไหน เธอจึงอ่านตอนที่เหลือต่อ ลัลนาขีดเส้นใต้ เขียนอารมณ์ความรู้สึกของบทตัวเองไปเรื่อย ก่อนจะสะดุ้งตกใจอีกหน เมื่อคนที่นั่งซ้อนหลังโว
"เราจะกินข้าวก่อนหรือเดินซื้อของก่อนดีคะ" ลัลนาเอ่ยถามคนรักหลังจากที่เดินเข้ามาในห้าง วันนี้พวกเธอมีแพลนซื้อของขวัญให้คุณแม่ซึ่งอาทิตย์นี้จะจัดงานเลี้ยงวันเกิด "ผมว่าซื้อก่อนก็ได้" คนตัวสูงจับมือคนตัวเล็ก เดินไปยังโซนช็อปแบรนด์เนม"อ้าว ไหนว่าคุณแม่ไม่เอาของแบรนด์ไงคะ" ลัลนาท้วงอย่างประหลาดใจ จำได้ว่าเขาบอกว่าหลายปีมานี้ คุณแม่สั่งห้ามเด็ดขาด ว่างดรับของแบรนด์เนมทุกชนิด เธอคิดว่าคุณแม่สามีคงจะมีเยอะ ซื้อเองจนครบหมดแล้ว เลยไม่อยากให้ใครมาซื้อให้อีก"ก็...ลองเดินดูก่อน" เขาตอบเธอเสียงเบา ลัลนามองท่าทางเลิ่กลั่กแปลกๆ ของสามีหนุ่ม ถึงอย่างนั้นก็ไม่ท้วงอะไร เดินตามแรงจูงไป เมื่อเดินเข้าไปในช็อปดัง BA คนเดิมที่เคยมารับรองเธอกับคุณหญิงรจณีก็เดินออกมาต้อนรับ คล้ายเตรียมตัวไว้อยู่แล้ว ลัลนาเดินตามแรงจูงอย่างงงๆ เมื่อเขาลากเธอไปยังห้องด้านใน"อะไรกันคะคุณพีร์?""พอดีผมอยากให้นาวช่วยเลือกกระเป๋าให้ก่อน" ลัลนามองพนักงานคนเดิมที่ถือกระเป๋ามา ก่อนจะหันมองเขาอย่างมึนงง"เลือกกระเป๋าเหรอคะ""ใช่ช่วยเลือกให้หน่อย ผมเลือกไม่ค่อยเก่ง" ลัลนาคิดว่าเขาอาจจะต้องซื้อให้เพื่อน หรือคนสำคัญระดับหนึ่งถึงต้องมา
"หมอที่นี่มันยังไงวะ หยุดงานทีไร อารมณ์ดีทุกที" รพีภัทรเงยหน้ามองเพื่อนสนิทตนเองทั้งสองคนที่เดินตามกันเข้ามาสีหน้าเบื่อหน่าย ก่อนจะก้มหน้าไถหน้าจอสมาร์ทโฟนต่อไม่สนใจ"กูว่าน่าจะมีคนดีใจที่ได้เสียเงินห้าแสน" อวัศย์เอ่ยเสริมทัพอย่างอารมณ์ดีที่ชนะพนันไอ้เพื่อนตัวดีได้ ตั้งใจมาเยาะเย้ยโดยเฉพาะ"ไงมึงไอ้พีร์ หน้าบานอะไรขนาดนั้น" ธารณ์เดินอ้อมไปด้านหลังเพื่อนที่นั่งอยู่ ก้มหน้าดูหน้าจอโทรศัพท์ที่เพื่อนดูค้างไว้ "โหไอ้พีร์ มึงน่าจะหนักกว่าไอ้หมอก นั่งดูรูปไปยิ้มไปเนี่ยนะ!""เห้ย! อะไรของพวกมึงเนี่ย" รพีภัทรเบี่ยงหน้าจอหนีเพื่อนสนิททั้งสองคนที่พร้อมใจกันกรูเข้ามาดูโทรศัพท์ตนเอง"ไหนๆ ดูอะไร" อวัศย์พยายามชะโงกหน้าดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น"พอๆ ไปไกลๆ ตีนกูเลยพวกมึง""หึ! ไม่ต้องปิดหรอก กูเห็นหมดแล้ว มึงนั่งดูรูปคุณนาวในไอจีอย่างกับโรคจิต" ธารณ์พูดขึ้นอย่างหมั่นไส้ เมื่อรู้ว่าที่เพื่อนตัวเองยิ้มหน้าบานอย่างกับคนบ้าเพราะนั่งหลงรูปเมียตัวเองอยู่"โรคจิตอะไร นี่เมียกู""เต็มปากเต็มคำเชียวนะมึง" ไทม์ยังไม่วายเหน็บแนมเพื่อน"อ๋ออ...กูว่าแล้ว ที่สมัครไอจีเนี่ยเพราะเมียเลย" อวัศย์พูดขึ้นบ้าง ความจริงเ
รพีภัทรนั่งมองคนตัวเล็กที่นอนขุดคู้อยู่บนเตียง ลมหายใจผ่อนเป็นจังหวะสม่ำเสมอ คนตัวสูงเอื้อมมือสัมผัสแก้มนิ่มของคนที่นอนนิ่งอยู่ ก่อนจะก้มใบหน้าจูบซับน้ำตาที่ซึมออกมา คาดว่าเธอน่าจะฝันร้ายอยู่ใบหน้าหวานเริ่มคลายปมที่คิ้วเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอ่อนโยนที่ได้รับ ก่อนริมฝีปากจะแย้มยิ้มนิดๆ เมื่อฝันร้ายจางหายไปร่างสูงเอนตัวพิงหัวเตียงกึ่งนั่งกึ่งนอน มือหนาเอื้อมมือลูบศีรษะคนตัวเล็ก ย้อนคิดถึงสิ่งที่เธอเล่าให้ฟัง หลังจากที่เขารู้เรื่องจากอชิระก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าเธอมีปัญหาในครอบครัว แต่ไม่คิดว่ามันจะขนาดนี้ ฟังจากที่เธอเล่า หลังจากนั้นเธอและแม่พากันออกมาอยู่ข้างนอก เท่ากับแม่คงจะเป็นทั้งชีวิตของเธอ แต่...ก็ยังมาโดนทิ้งไปไหนจะเรื่องวันนั้นที่ไอ้เพื่อนทั้งสองคนเล่าให้ฟัง ว่าเห็นอาการแปลกๆ ของเธอวันที่น้ำตาลจมน้ำ ตอนนั้นเขาห่วงพี่สะใภ้เพราะรู้ว่าว่ายน้ำไม่เป็น ส่วนภรรยาตนเองว่ายน้ำเก่งอยู่แล้ว ไม่คิดว่าร่างกายเธอจะไหวแต่จิตใจอ่อนแอ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกผิดในใจ วันที่เธอต้องการใครสักคนที่สุด แต่ตัวเขากลับไม่อยู่ข้างๆ "คุณพีร์.." รพีภัทรก้มใบหน้ามองคนตัวเล็กที่งัวเงียสะดุ้งตื่น "ขอโทษ ผมทำนาวตื่นเล
"หมอพีร์คุณไม่ต้องไปทำงานเหรอ?" ลัลนาเอ่ยถามร่างสูงที่วางจานผลไม้ลงข้างเธอ ก่อนที่เจ้าตัวจะนั่งลงบ้าง ระยะห่างเริ่มขยับมาใกล้ขึ้นจากวันแรกที่เขามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์แล้วที่เขาเกาะติดเธอแจ ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นมานั่งเฝ้าตลอด แต่หากเธออยู่ที่บ้าน เขาก็จะเรียกช่างมาคุย ส่วนตัวเองปรับปรุงนู่นนี่นั่นไปเรื่อย ซ่อมก๊อกน้ำ ยันรั้วบ้าน แต่ถ้าหากเห็นเธอตั้งท่าออกจากบ้านเมื่อไหร่คนตัวสูงก็จะละทิ้งทุกอย่างในมือ มาสแตนด์บายรอหน้าบ้านอย่างหน้ามึน เธอไม่ให้ไปก็จะตามไป บอกว่าขอเดินตามห่างๆ ก็ยังดีก็เป็นซะอย่างนี้!"ผมพักร้อนไง""พักได้ขนาดนี้เลยเหรอคะ" ลัลนาหรี่ตามองคล้ายไม่เชื่อ ใช่อยู่ตามกฎหมายเขาก็มีสิทธิ์นั่นแหละ แต่เนื่องด้วยบุคลากรทางการแพทย์เป็นที่ขาดแคลนอยู่ตอนนี้ เขาไม่น่าจะมีเวลาว่าง หรือโรงพยาบาลจะยอมให้เขาลาได้ขนาดนี้ยกเว้นแต่ว่า..."ไปใช้อำนาจมืดมาอีกแล้วสิท่า" ลัลนาหรี่ตามองจับผิด ในขณะที่คนตัวสูงหน้ามึนตอบอย่างไม่สนใจ"ไม่ใช่อำนาจผมซะหน่อย อำนาจไอ้หมอกมัน"ต่างกันตรงไหน ใช่อยู่หมอหมอกเป็นถึงลูกชายเจ้าของโรงพยาบาล แต่การที่ตัวเขาได้อภิสิทธิ์ขนาดนี้ น่าจะบังคับข
ลัลนาที่เพิ่งก้าวลงบันไดมาเห็นคนตัวสูงยืนยิ้มแฉ่งรออยู่ด้านล่าง โดยมีอาหารเช้าวางอยู่บนโต๊ะอาหาร คุณหมอหนุ่มรีบวางจานในมือลงบนโต๊ะ ถอดผ้ากันเปื้อน ก่อนจะสาวเท้าเดินมาหาคนตัวเล็กที่ยืนมองอยู่"กินข้าวเลยไหมนาว""ป้าใจกับจ้อยละคะ" ลัลนาไม่สนใจที่เขาเอ่ยชวน ถามหาคนดูแลบ้านและหลานชายที่ปกติจะมาหาเธอทุกเช้า"วันนี้วันพระป้าใจเลยไปวัดเช้าหน่อย กินข้าวเช้าก่อนสิเดี๋ยวผมพาตามไปที่วัดก็ได้""ไม่เป็นไรค่ะ" ลัลนาไม่สนใจของที่ถูกตระเตรียมไว้ เขาน่าจะลงมาตั้งแต่เช้ามืด เพราะเวลานี้ยังเช้ามากอยู่เลย แต่อาหารบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว"คุณกินข้าวก่อนเถอะ ถ้าไม่กินข้าวเช้าเดี๋ยวปวดหัวนะ" ลัลนาแสร้งไม่สนใจคนที่เอ่ยเรียก ถึงแม้จะใจเต้นไม่น้อยที่เขาจำเรื่องของเธอได้ว่าต้องกินข้าวเช้า ไม่อย่างนั้นจะเวียนหัว"...""นาว" คุณหมอหนุ่มทำได้เพียงเรียกคนตัวเล็กที่เดินผ่านเลยไปอย่างไม่สนใจ ทั้งอาหารและคนทำ "จะไปไหนครับ" ลัลนาปรายตามองมือร้อนที่จับแขนรั้งเธอไว้ เมื่อเห็นแบบนั้นคนตัวสูงจึงรีบปล่อยมือ ยกมือสองข้างคล้ายยอมแพ้ "ผมแค่อยากรู้ว่าคุณไปไหน" เขาบอกเธอเสียงอ่อย"ไม่เกี่ยวกับคุณค่ะ ถ้ายังอยากอยู่ที่นี่ก็อย่าล้ำเส้