คนทั้งกองถ่ายเกร็งจนทำงานแทบไม่ได้ จากความวุ่นวายที่ฮ่องกงเมื่ออาทิตย์ก่อนทำให้คราวนี้กองต้องมาถ่ายทำที่สาขาย่อยของแบรนด์ในเมืองปักกิ่งแทน
แต่มันคงจะดีกว่านี้ถ้าที่นี่ไม่ได้มีฟาหยางมาเฟียแผ่นดินจีนคนนั้นด้วย...
"ชุดนี้ก็ถ่ายตอนอยู่ฮ่องกงหรือ?" คนตัวสูงขมวดคิ้วพร้อมกอดอกถามผู้กำกับ ส่วนคนโดนถามนั้นกลืนน้ำลายแทบจะกลั้นหายใจไปด้วย
"คะ...ครับ" เขากลัวเหลือเกินว่าคำพูดจะไปขัดหูของฟาหยางเข้า
"แล้วต้องโอบกันด้วยเหรอ"
"คือ...ครับ" สีหน้าของผู้กำกับเริ่มซีดลงทุกที
"เปลี่ยนได้ไหม"
"ครับ ได้ครับ" ไม่ต้องคิด เขาจัดการตอบรับคำแล้วบรีฟงานกับลูกน้องใหม่ทันที ส่วนเยว่ซินนั้นถอนหายใจดูคนที่ขอติดมาดูงานด้วยกำลังแผลงฤทธิ์
"คุณหนูเยว่ช่วยด้วยค่ะ" ฝ่ายครีเอเตอร์เข้ามาหาเธอพร้อมใบหน้าไม่สู้ดี เพราะทุกท่าที่ตรงใจกับคุณซุน หงเจ้าของแบรนด์นั้นได้รับการยืนยันมาหมดแล้วหากอยู่ๆจะมาเปลี่ยนก็ทำให้ผังงานทุกอย่างพังได้
การถ่ายครั้งนี้ดูเหมือนหวง ต้าเฟิงและฉางตี๋จะเว้นระยะกับเธอพอสมควรนั่นทำให้เยว่ซินพอเบาใจ ไม่รู้เพราะสำนึกผิดหรือใครไปทำอะไรกันแน่
"คุณหยางคะ" ฟาหยางหันกลับมาหาเสียงเรียก พบเป็นคุณหนูเยว่ในชุดเดิมกับตอนถ่ายที่ฮ่องกงซึ่งฟาหยางได้เห็นในรูปพลันทำให้คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแน่น
งดงามสมกับเป็นคุณหนูหลี่ เยว่ซินแต่ฟาหยางไม่ต้องการให้ใครได้เชยชมยกเว้นเขาผู้เดียว
"คุยกันหน่อยได้ไหมคะ?" ฟาหยางยอมเดินออกจากหน้าจอมอนิเตอร์ซึ่งทำให้ผู้กำกับพอจะหายใจโล่งขึ้น เยว่ซินเดินนำมายังด้านหลังซึ่งห่างไกลจากเดิมอยู่พอสมควร
"ไหนบอกว่าจะแค่มานั่งดูคะ?" เยว่ซินช้อนตามองคนตัวสูงกว่าแล้วเอ่ยถาม ทั้งๆที่เขาบอกว่าจะมาดูโดยไม่ก้าวก่ายการทำงานของคนอื่นแล้วแท้ๆ
"พอเห็นชุดกับท่าที่คุณหนูเยว่ถ่ายตอนไปฮ่องกงแล้วมันอดไม่ได้" ฟาหยางยอมรับตามตรง มือหนาประดับรอยสักนั้นยกขึ้นวางแทบบนแก้มนุ่มอย่างถือวิสาสะ ครั้นพอเห็นคุณหนูเยว่ในระยะนี้แล้วมันอดใจไม่ได้เสียจริงๆ
"ฉันค่อนข้างจะขี้หวงน่ะ" เยว่ซินนิ่วหน้าพอได้ฟังเช่นนั้น แล้วฟาหยางจะมาหวงเธอทำไมกัน?
"ยังไงตอนนี้ทุกคนก็เกร็งจนทำงานยากหมดแล้ว ถ้าอยากให้ฉันเสร็จงานไวๆ คุณฟาหยางแค่นั่งดูเฉยๆดีไหมคะ?"
"..." ฟาหยางเงียบ คิดตามคำพูดของร่างบาง
"นะคะ?" เยว่ซินย้ำอีกครั้งจนคนตัวสูงถอนหายใจ
"อืม" สุดท้ายแล้วก็ทำได้เพียงรับคำ อย่างไรเสียเขาก็ไม่อยากให้คุณหนูหลี่ เยว่ซินนั้นหงุดหงิดเหมือนคราวก่อน
"ขอบคุณค่ะ" นางแบบคนงามและมาเฟียแผ่นดินจีนเดินคู่กันกลับมายังที่ถ่ายทำอีกครั้ง แต่คราวนี้ฟาหยางนั้นเดินไปหยุดนั่งที่เก้าอี้ เขายกขาขึ้นไขว่ห้างแล้วทอดมองนิ่งๆ
หวง ต้าเฟิงและฉางตี๋แทบจะลีบเล็กไปกับผนัง ต้าเฟิงนั้นยังมีความขุ่นเคืองกับฟาหยางอยู่ แต่เพราะวันก่อนที่พ่อเขารู้ว่าฟาหยางเรียกเขาไปพบก็โดนสอบสวนครั้งใหญ่
สุดท้ายแล้วตอนนี้เขาจึงโดนคุมเข้มห้ามสร้างเรื่องสร้างราวอีก
"น้องต้าเฟิงคะ"
"ครับ" นายแบบตระกูลหวงหลุดออกจากภวังค์เมื่อทีมงานเข้ามาสะกิดเขา
"จะเริ่มแล้วค่ะ ไปเตรียมตัวหน้าตู้กระจกได้เลย" เขาพยักหน้ารับแล้วก้าวเท้าตามเธอไป
เยว่ซินค่อนข้างแปลกใจที่อยู่ๆต้าเฟิงนัดเธอคุยวันนั้นแต่กลับยกเลิกเสียดื้อๆ ไม่รู้ว่าเขาติดงานจริงๆหรือรู้สึกผิดจนไม่กล้าสู้หน้ากันแน่
แต่เยว่ซินคิดว่าอย่างหลังคงไม่ใช่...
การถ่ายทำเริ่มขึ้นโดยที่เยว่ซินสลัดเรื่องอื่นๆออกจากสมอง เธอยังคงทำงานได้ดีเยี่ยมจนผู้กำกับอดชมเสียไม่ได้หรือแม้กระทั่งต้าเฟิงเองก็เช่นเดียวกัน
"พี่เยว่ซินครับ" คนตัวสูงกว่าเอ่ยออกมาก่อน
ท่าต่อไปเป็นท่าที่ต้าเฟิงต้องยืนแล้วโน้มตัวไปวางแขนกับตู้กระจกด้านหน้าส่วนเยว่ซินนั้นต้องเอียงหาเขาแล้วใช้มือด้านขวาโชว์โปรดักส์นาฬิกาแบรนด์หรูโดยการจับไปที่ไหล่ของเขา
"หืม?" เยว่ซินขานรับ มองคนอายุน้อยกว่าที่ย่อตัวลงมากระซิบกัน
"ผมว่าท่านี้มันไม่ค่อยสมูธเท่าไหร่ พี่ตัวเล็กกว่าผม" เยว่ซินคิดตาม
"พี่มายืนแทนผมแล้วผมจะเป็นคนอ้อมแขนมาเองครับ" เยว่ซินไม่ทันได้ตอบอะไรก็ถูกต้าเฟิงจัดท่าให้
เธอยืนอยู่ในตำแหน่งของเขา มือเรียวทั้งสองข้างนั้นวางลงบนตู้กระจกใส ส่วนต้าเฟิงยืนทางด้านขวาเขาใช้มือที่สวมนาฬิกานั้นถือวิสาสะเชิดคางของคุณหนูตระกูลหลี่ขึ้น
แสงแฟลชรัวขึ้นทันทีโดยเยว่ซินไม่ทันได้ตั้งตัว ผู้กำกับนั้นดูชอบอกชอบใจเสียเหลือเกินจนไม่ได้สั่งคัทหรือสั่งเบรกในตอนที่นายแบบนางแบบเขานั้นเปลี่ยนท่าตามอำเภอใจ
"ดีครับ! ค้างไว้" เหล่าทีมงานนั้นพากันซุบซิบกรี๊ดกร๊าดอดชื่นชมเคมีที่ดูเข้ากันของทั้งสองคนเสียไม่ได้
ฉางตี๋ที่ยืนดูต้าเฟิงคนในสังกัดของตัวเองนั้นรู้สึกเสียวสันหลังวาบราวกับมีเมฆครึ้มอยู่บนหัว เขาหันไปมองฟาหยางที่ไม่ได้ละสายตาจากคุณหนูเยว่ซินไปไหน ด้านข้างยังมีองครักษ์คนนั้นที่เขาพอจะทราบชื่อแล้วว่าชื่อ อาโป ยืนอยู่ข้างๆกัน
มือหนาประดับรอยสักประจำตระกูลยกขึ้นลูบริมฝีปากตัวเองเบาๆ ในตาสีรัตติกาลนั้นดูมืดครึ้มกว่าเดิมหลายส่วน
"เอ่อ...ต้าเฟิง" เมื่อเห็นว่าช่างกล้องรัวแฟลชได้เยอะแล้ว เยว่ซินจึงเอ่ยขึ้น เธอผละออกจากนายแบบรุ่นน้องแล้วยิ้มแหยๆให้
"ผมก็แค่อยากให้งานออกมาดีที่สุดน่ะครับ" หวง ต้าเฟิงพูดแล้วยกยิ้มเล็กน้อย ในตาสีน้ำทะเลนั้นยังฉายแววขี้เล่นซุกซนจนเยว่ซินกุมขมับ
เอาเถอะ...ยังไงก็เป็นงานนี่นะ
ผู้กำกับสั่งคัทเพื่อรอสำหรับถ่ายในซีนสุดท้าย โชคดีหน่อยที่ซีนนี้เยว่ซินและต้าเฟิงต้องถ่ายแยกกัน
ซูเม่ยเดินเข้าหาเจ้านายตนเองที่กำลังโดนซับหน้าเซ็ทผมอยู่ เธอยกมือป้องปากแล้วกระซิบเสียงเบา
"คุณหยางดูอารมณ์ไม่ค่อยดีนะคะ" เยว่ซินหันไปมองตาม ซึ่งไอเย็นรอบตัวเขาที่รู้สึกได้จากระยะไกลก็ทำเอาเธอหวั่นๆอยู่เช่นเดียวกัน
ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ฟาหยางในตอนนี้ แม้กระทั่งอาโปที่ถอยออกจากเจ้านายตัวเองไปหลายก้าวเช่นเดียวกัน
"คุณหยางคะ" เยว่ซินยอมเป็นคนเริ่มบทสนทนาก่อน เธอเดินไปหาฟาหยางพร้อมกับวาดรอยยิ้มงามบนใบหน้า ดวงตาสีรัตติกาลนั้นช้อนขึ้นเพื่อสบตากัน ฟาหยางไม่เอ่ยคำพูดใดเพียงแต่ยื่นมือมาตรงหน้าคุณหนูตระกูลหลี่เท่านั้น
"...?" เยว่ซินขมวดคิ้ว มองมือนั้นสลับกับใบหน้าหล่อเหลาของมาเฟียแผ่นดินจีนที่ดูไม่สบอารมณ์เอาเสียเลย
"มาสิ...เดินมาหาฉัน"
"..."
"เข้ามาใกล้ๆหน่อยอาเยว่" เยว่ซินยอมยื่นมือออกไป
ทันทีที่ฟาหยางจับเธอได้ก็ตวัดเอวบางเข้าชิดจนเยว่ซินเบิกตาโตด้วยความตกใจ
ฟาหยางยังคงนั่งอยู่ในท่าเดิมด้วยท่าทีสง่า มือหนาประดับรอยสักนั้นโอบเอวบางของนางแบบสาวให้ขยับเข้ามาใกล้ เขากางอาณาเขตให้คนนอกได้รับรู้ว่านี่คือที่ของฟาหยาง
"พูดอะไรหน่อยได้ไหม" เสียงทุ้มเอ่ยพูด
"..."
"อาฟาอารมณ์ไม่ดีเสียเลย" ดวงตานั้นยังมืดครึ้มไปด้วยความขุ่นเคือง แน่นอนว่านี่ถ้าไม่ใช่เพราะเยว่ซินเขาคงพังที่นี่ไปแล้ว
"คุณหยางคะ" เสียงหวานพูดอย่างไม่แน่ใจ เธอค่อนข้างทำตัวไม่ถูกที่ฟาหยางแสดงอาการเช่นนี้ใส่กัน
"อืม" ฟาหยางขานรับในลำคอ ยามที่คุณหนูเยว่อยู่ใกล้จนได้กลิ่นหอมประจำตัวเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายลงหลายส่วน
"เมื่อครู่ฉันทำได้ดีหรือเปล่าคะ" เยว่ซินดึงสถานการณ์ตรงหน้าให้ดีขึ้นด้วยการถามเรื่องงานแทน ยอมรับเลยว่าตอนนี้เธอคิดอะไรไม่ออกไปเสียแล้ว
"ดี"
"คุณหยางคิดว่าอย่างไรบ้างคะ"
"ชอบ"
"คะ?" เยว่ซินหวังคำตอบที่ยาวกว่านี้แต่ดูเหมือนว่าอีกคนจะไม่ให้ความร่วมมือเอาเสียเลย
"แค่บอกว่าชอบไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกดีใจขนาดนั้น คุณทราบใช่ไหมคะ?" เมื่อโดนกระต่ายในอาญัติตนเองขู่ฟ่อมีหรือที่ฟาหยางจะอยู่นิ่ง
เขาช้อนสายตาขึ้นสบกับดวงตากลมโตของเยว่ซิน ยอมผ่อนลมหายใจลงพร้อมกับมือหนาที่เกลี่ยแผ่นหลังเบาๆราวปลอบประโลม
"ดีสิ...งดงามสมกับเป็นคุณหนูเยว่ ไม่ว่าจะขยับตัวทำอะไรก็น่ามองไปเสียหมด"
"..." ครั้นพอได้คำตอบยาวๆกลับเป็นเยว่ซินเสียเองที่ทำตัวไม่ถูก ริมฝีปากสวยเม้มเข้าหากันแล้วเบือนหน้าหนี ฝั่งฟาหยางที่เห็นเช่นนั้นถึงกับหลุดหัวเราะ อารมณ์ที่เคยขุ่นเคืองก่อนหน้าค่อยๆคลายลง
"เหลืออีกแค่นิดเดียวแล้ว คุณหยางเบื่อหรือยังคะ" ฟาหยางยอมปล่อยแขนลงเมื่อเยว่ซินผละออกแล้วเปลี่ยนเป็นนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆกัน ตอนนี้เป็นคิวของต้าเฟิงก่อนสำหรับการถ่ายแยก
ทางผู้กำกับนั้นก็หายใจหายคอโล่งขึ้นเมื่อตอนนี้ความสนใจของฟาหยางทั้งหมดตกอยู่ที่เยว่ซินเพียงคนเดียว
"ไม่เบื่อ ฉันรอคุณหนูเยว่ได้ทั้งวัน" เยว่ซินหัวเราะ
"ขอบคุณค่ะ ลำบากคุณหยางเกินไปแล้วจริงๆ"
ซูเม่ยมองเจ้านายตนเองยามที่อยู่กับฟาหยาง ถึงแม้ไม่อยากจะยอมรับแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่าพอหลี่ เยว่ซินอยู่ข้างๆมาเฟียแผ่นดินจีนคนนั้นแล้วเขาแสดงอาการคนละแบบราวกับเป็นคนละคนไปเสียเลย
ก่อนหน้านี้เธอสังเกตอาการของฟาหยางอยู่ตลอดการถ่าย ใบหน้าเรียบเฉยติดไปทางดุดันนั้นทำให้เหล่าทีมงานแทบไม่กล้าเดินเฉียดที่นั่งของเขา ผิดกับตอนนี้ยามที่คุณหนูเยว่อยู่ข้างๆ
มันปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่าในอนาคตคุณหนูเยว่ซินของเธอคงต้องลำบากอีกหลายเท่าทั้งๆที่ตอนนี้ซูเม่ยพยายามทำให้เธอเหนื่อยน้อยที่สุด
ใช่...ถึงแม้เธอได้ทำงานกับคุณหนูเยว่เพียงไม่นานแต่เพราะนิสัยต่างๆที่มีให้กันนั้น ซูเม่ยไม่สามารถหูเบาเชื่อข่าวลือต่างๆได้อีกต่อไป กลับกันเธออยากที่จะปกป้องผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้เอาไว้ ซึ่งจางลี่นั้นพูดกับเธออยู่เสมอ
'เยว่ซินเห็นแบบนั้นก็ไม่ได้เลวร้ายมากหรอกค่ะ ตอนพ่อขับไสออกจากตระกูลสื่อข่าวก็เล่นข่าวกันสนุก ฉันเองก็คิดว่าอย่างคุณหนูเยว่คงไม่ร้องไห้เสียอีก แต่ผิดคาดที่ยัยคุณหนูของเราเปราะบางกว่าที่คิดเล่นเอาฉันตกใจอยู่เหมือนกัน' เธอยังจำคำพูดของจางลี่ได้ดี เพราะซูเม่ยเองก็เข้าใจยามที่คนอื่นมองเราร้ายกาจแต่ความจริงด้านในอาจกำลังร้องไห้อยู่ก็ได้
ดังนั้นเธอจึงเป็นกังวลกับคุณฟาหยางคนนั้น เขาจะช่วยโอบรับคุณหนูเยว่ไว้ในอ้อมแขนหรือสุดท้ายแล้วจะทำร้ายกันเหมือนคนอื่นๆที่คุณหนูเยว่เคยเจออีกนะ?
"พี่ซูเม่ย" เสียงหวานช่วยดึงเธอให้หลุดออกจากภวังค์ ซูเม่ยรีบก้าวไปหาเจ้านายตนเองทันทีที่เธอเอ่ยเรียก
"เดี๋ยวตอนกลับพี่นั่งรถกับอาโปนะคะ เมื่อคืนพี่อยู่ทำงานจนดึกอีกแล้วใช่ไหมคะ? คุณฟาหยางจะขับรถไปกับฉัน ส่วนพี่ก็งีบสักหน่อยระหว่างทางแล้วกันนะคะ เหลือไปประชุมอีกที่เดียวแล้วเราไปทานข้าวกัน คุณหยางอยากเป็นเจ้ามือน่ะค่ะ" ประโยคสุดท้ายนั้นฟาหยางหัวเราะเบาๆ เขาหันไปหาซูเม่ยแล้วพยักหน้าว่าตามที่คุณหนูเยว่นั้นพูดมาเป็นความจริงทั้งหมด
ซูเม่ยโค้งตัวให้ทั้งคู่ เธอยกความคลางแคลงใจออก ยังไงในตอนนี้คุณฟาหยางก็ดีกับเจ้านายตนเองมากจริงๆ งั้นเธอก็ควรจะเชื่อใจเขาเช่นเดียวกับคุณหนูเยว่ใช่หรือเปล่า?
"คุณหนูเยว่ ได้เวลาแล้วค่ะ" เสียงของทีมงานเรียกตัว เยว่ซินลุกขึ้นแล้ววาดรอยยิ้มให้กับทั้งสองคนก่อนจะเดินออกไป ทิ้งให้ทั้งฟาหยางและซูเม่ยนั้นมองตามด้วยแววตาเอ็นดูอย่างถึงที่สุด
อืม...คุณหนูหลี่ เยว่ซินอยู่บนสุดสำหรับพวกเขาแล้วจริงๆ...
อาจูไม่ได้รับงานอื่นอีกเพราะเธอติดต่อไว้แค่กับผู้กำกับฝู ส่วนผิงผิงนั้นพอไม่ได้เป็นผู้จัดการจึงกลายเป็นคนที่คอยรับใช้ข้างตัวให้กับอาจูแทน อย่างไรเสียเพียงแค่อาจูเอ่ยปากขอ ฝั่งทางพ่อเธอนั้นก็พร้อมทำตามใจลูกสาวตนเองทันที
"อาผิง ช่วงนี้ได้ข่าวพี่ฟาบ้างไหม?" คนที่กำลังเหยียดตัวพิงไปกับเบาะโซฟาราคาแพงเอ่ยถาม ผิงผิงเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์มือถือแล้วส่ายหน้า
"นอกจากที่ฉันเคยบอกไปดูเหมือนว่าช่วงนี้คุณฟาหยางอยู่บริษัทตลอดนะคะ"
"อยู่บริษัทตลอดแต่ไม่ให้อาจูเข้าพบเหมือนเดิม? พี่ฟาแปลกๆไปหรือเปล่านะ" ร่างบางถอนหายใจยาว ช่วงนี้คุณพ่อก็ยุ่งเสียด้วยจึงไม่ได้จัดการเรื่องหมั้นหมายของเธอเสียที
"จริงสิคะคุณหนูจู เห็นเขาว่าหวง ต้าเฟิงนายแบบมาแรงคนนั้นบินมาทำงานที่จีนด้วยค่ะ" อาจูขมวดคิ้ว เธอรู้สึกจะเคยได้ยินชื่อนี้อยู่เหมือนกัน
"แล้วยังไงหรือ?"
"อาจจะมาทำงานกับผู้กำกับฝูก็ได้นะคะ นอกจากจะทำงานคู่กับคุณหนูเยว่แล้วจะไม่ลองทำงานกับนายแบบดูบ้างหรือคะ?" อาจูคิดตาม หากเธอลองทำงานกับผู้ชายดูบ้างฟาหยางจะมีความคิดเช่นไรบ้างนะ?
"อืม...งั้นอาผิงช่วยลองติดต่อผู้กำกับฝูให้ฉันหน่อยนะ สอบถามเรื่องนี้ไปดู"
"ได้ค่ะคุณหนูจู" ผิงผิงรับคำ อาจูยกยิ้มดวงตาเป็นประกายขึ้นกว่าเดิม
คราวนี้เธอลองขอพบฟาหยางอีกครั้งดูดีกว่า...
เยว่ซินเหนื่อยมากจึงเผลอหลับบนรถระหว่างที่เดินทางกลับจากทานข้าวกับฟาหยาง อาจเพราะตารางงานที่ติดกันเป็นผลให้หญิงสาวได้พักน้อยกว่าที่ควร
ซูเม่ยลงจากรถที่อาโปเป็นคนขับให้ ตอนนี้อยู่หน้าบ้านของเยว่ซินแล้ว เธอเดินไปยังรถของฟาหยางที่จอดอยู่ข้างหน้ากัน ซึ่งพบว่าฟาหยางกำลังหยิบสัมภาระต่างๆของคุณหนูเยว่และส่งให้เธอ
"ไม่ต้องปลุก เดี๋ยวฉันจะอุ้มคุณหนูเยว่ขึ้นไปด้านในเอง ส่วนเธอก็เอาสัมภาระนี้ตามไปแล้วก็กลับได้เลย ฉันจะจัดการต่อเอง" แม้อยากขัดเสียเหลือเกินแต่ซูเม่ยก็ไม่กล้า เธอทำเพียงแค่ค้อมศีรษะรับคำก่อนจะรับกระเป๋าและของอื่นๆของเจ้านายตนเองมาไว้ในมือ
ฟาหยางรวบคนตัวเล็กมาไว้ในอ้อมแขน เยว่ซินขมวดคิ้วน้อยๆเมื่อโดนขัดเวลานอนแต่ก็ไม่ได้ลืมตาขึ้น เธอซบลงกับอกแกร่งยามที่ฟาหยางใช้มืออีกข้างประคองศีรษะคุณหนูเยว่ให้ซบลงมา
"นอนเถอะ" เขาพูดกล่อมคนในแขนก่อนที่ขายาวจะก้าวไปยังที่พักของเยว่ซินอย่างมั่นคง
ในห้องนอนที่คุมโทนด้วยสีอ่อนนั้น ฟาหยางได้กลิ่นหอมๆทันทีที่ก้าวเข้ามา ซูเม่ยเดินไปเปิดไฟและเครื่องปรับอากาศให้ เมื่อเยว่ซินสัมผัสกับที่นอนนุ่มๆก็ขดตัวคล้ายกระต่ายยามอยู่ในโพรง
"งั้นฉันขอตัวนะคะคุณฟาหยาง" ซูเม่ยเดินมาโค้งตัวให้อีกรอบ ฟาหยางพยักหน้ารับแต่ไม่ได้หันไปมอง เขายังคงสาละวนที่จะคลุมผ้าห่มให้กับคุณหนูเยว่
ครั้นเมื่อทั้งห้องมีเพียงเขากับเยว่ซิน มือหนาประดับรอยสักนั้นยกขึ้นทาบไปกับแก้มนุ่มแล้วเกลี่ยเบาๆ ไร้คำพูดใดๆที่จะกล่าวให้ฝันดี มีเพียงสายตาอบอุ่นอ่อนโยนที่แม้แต่เจ้าตัวก็ไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำ
และคงมีเพียงคนเดียวที่ได้รับมันคือคุณหนูหลี่ เยว่ซินเพียงผู้เดียวเท่านั้น
จางลี่กลับจากธุระกับครอบครัวก็รีบมาหาเพื่อนตนเอง ข่าวคราวการร่วมงานกันของคุณหนูตระกูลหลี่กับลูกชายตระกูลหวงเพิ่งเผยแพร่เมื่อเช้านี้เล่นเอากระแสปั่นป่วนไปเสียหมด
แน่นอนว่ามีคนไม่ชอบใจอยู่เยอะทีเดียวเชียวที่เยว่ซินได้ทำงานร่วมกับนายแบบมาแรงคนนั้น!
"ใครเขาหากระแสกันเล่า ก็เจ้าของแบรนด์เขาจ้างต่างหาก" จางลี่อดหงุดหงิดเสียไม่ได้ที่เพื่อนตนเองโดนกล่าวว่าว่าทำตัวหากระแส
อย่างคุณหนูเยว่เนี่ยนะ? ไม่ต้องหากระแสก็มีเข้ามาทุกวันอยู่แล้วไม่ว่าจะทางบวกหรือลบ
โชคดีหน่อยที่หลังๆนั้นมีกระแสบวกเพิ่มขึ้นต่างจากเมื่อก่อนที่มีแต่ข่าวเสียหายเพียงอย่างเดียว
"เอาหน่าจางลี่ ก็คนเขาไม่รู้นี่นา" คนเป็นข่าวดูไม่ทุกข์ร้อน ทำเพียงยกน้ำชาขึ้นจิบด้วยท่าทีผ่อนคลาย
"ยิ่งไม่รู้ก็ยิ่งไม่ควรพูด มีอย่างที่ไหนไม่รู้แต่กลับต่อว่ากันเสียแล้ว" เยว่ซินหลุดหัวเราะเมื่อได้ยินเช่นนั้น จางลี่ยามหงุดหงิดนั้นช่างน่าเอ็นดูเสียเหลือเกิน
"พี่ซูเม่ยเปลี่ยนแก้วน้ำชาให้จางลี่หน่อยค่ะ ยิ่งดื่มน้ำร้อนจะยิ่งหงุดหงิดเอา เปลี่ยนเป็นเครื่องดื่มใส่น้ำแข็งดีกว่านะคะ"
"นี่คุณหนูเยว่ ถึงจะกินเป้าปิงฉันก็หงุดหงิดอยู่ดี!" (เป้าปิง=น้ำแข็งไส)
"งั้นวางโทรศัพท์แล้วมาคุยกันดีไหม? ไหนบอกไม่ให้ฉันเข้าอ่าน แต่แกเข้าอ่านเสียเองนี่?" เยว่ซินเลิกคิ้ว ซึ่งพอจางลี่ได้ยินเช่นนั้นก็ยอมทำตาม อีกคนยกชาขึ้นจิบบ้าง
"ฮู่ ฉันจะลืมๆที่อ่านไปแล้วกัน แล้วนี่เป็นไงบ้าง ของที่ไปซื้อกับฉันวันนั้นได้ให้คุณฟาหยางหรือยัง"
"อืม...ให้แล้ว แต่ก็ไม่เคยเห็นเขาใส่ อย่างไรเสียคุณภาพมันก็ต่างจากโค้ทที่คุณหยางมีอยู่แล้ว ฉันไม่โทษเขาหรอก" เยว่ซินพูดยาว นอกจากนี้เธอก็ไม่ได้เจอเลขาหลิงเลยด้วยจึงไม่รู้ว่าอีกคนนั้นได้สวมหรือยัง
"แล้วกับคุณหยวน อี้ล่ะ?"
"หืม คุณหยวนทำไมหรือ?"
"ก็ไม่เห็นพูดถึง ได้เจอกับเขาบ้างหรือเปล่า" เยว่ซินส่ายหน้า
"คุณหยวนเขายุ่งๆน่ะ มีติดต่อผ่านพี่ซูเม่ยมาบ้างแต่ฉันก็ยุ่งเช่นกันเลยไม่ได้ติดต่อกลับ" จางลี่พรูลมหายใจ
"เช่นนี้แล้วเพื่อนฉันจะลงเอยกับคนไหนกันนะ?" เยว่ซินขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายพูด
"คุณหยางก็ดีแต่คุณหยวนก็ดีเช่นกัน"
"อะไรของแกน่ะจางลี่ แค่งานฉันก็หนักพออยู่แล้วนะ" ร่างบางตอบ ช่วงนี้ขอเก็บเงินให้ได้เยอะๆก่อนแล้วกัน
"ค่าๆ แม่คนคิวทอง" เยว่ซินคร้านจะใส่ใจเพื่อนตนเองอีก ตอนนี้เธอกำลังเช็คข่าวของโฆษณาลิปสติกที่ถ่ายคู่กับอาจูซึ่งจะเปิดตัวเร็วๆนี้
จะว่าไปแล้ว ช่วงนี้ความสัมพันธ์ของอาจูกับฟาหยางจะเป็นเช่นไรบ้างนะ?
เมื่อคิดถึงตรงนี้เยว่ซินหยิบโทรศัพท์ขึ้นกดหาฟาหยางก่อนที่เธอจะรู้สึกตัวเสียอีก ร่างบางลุกขึ้นออกจากโต๊ะเพื่อให้ห่างจากจางลี่และซูเม่ยเล็กน้อย
'สวัสดีค่ะ' ครั้นได้ยินเสียงของผู้หญิงแล้วเยว่ซินอดคิดไม่ได้ว่าเป็นอาจูหรือ?
'คุณหนูเยว่หรือคะ เลขาหลิงพูดสายค่ะ' คนตัวเล็กเผลอถอนหายใจออกมา แล้วเธอจะโล่งใจทำไมกันล่ะเนี่ยทั้งๆที่เธอก็อยากให้อาจูคู่กับฟาหยางดั่งในนิยายแท้ๆ
"เลขาหลิงได้รับเสื้อหรือยังคะ"
'อ้อ...ได้รับแล้วค่ะ ขอบคุณคุณหนูเยว่มากๆนะคะ ฉันเพิ่งสวมมันเมื่อวันก่อน' เยว่ซินยกยิ้ม
'ว่าแต่คุณหนูเยว่โทรมาหาฉันเพื่อจะถามเรื่องนี้หรือคะ?' เยว่ซินยกโทรศัพท์ออกจากหู เธอกดเบอร์ฟาหยางไม่ใช่หรือ?
"อ้าว...ฉันนึกว่ากดเบอร์คุณหยางเสียอีก ขอโทษนะคะ" กลายเป็นว่าเธอกดผิดจริงๆ
'ไม่ใช่ปัญหาค่ะ แต่ตอนนี้คุณหยางมีแขกอยู่น่ะค่ะ ไว้ฉันจะบอกให้ตอนเสร็จแล้วดีไหมคะ?' เยว่ซินรู้สึกโชคดีที่ไม่กดโทรหาฟาหยางในตอนที่เขามีแขก แต่อีกใจก็อดคิดเสียไม่ได้ว่าแขกที่ว่านั่นจะคืออาจูหรือเปล่านะ? ตอนนี้เธออยากรู้ว่าความเป็นไปของเรื่องยังตามแบบในนิยายอยู่หรือไม่
"ถ้าฉันจะขอเสียมารยาทถามได้หรือเปล่าคะ ไม่ทราบว่าคุณหยางคุยอยู่กับเอ่อ..." เยว่ซินลังเลที่จะถามแต่พอมาถึงขนาดนี้เลขาหลิงก็เข้าใจว่าคุณหนูเยว่ต้องการจะทราบอะไร
'ค่ะ...คุณหยางบอกให้ฉันไม่ปิดบังกับคุณหนูเยว่เวลาที่อยากรู้อะไรน่ะค่ะ แน่นอนว่าฉันบอกได้' เธอค่อนข้างแปลกใจที่มีคำสั่งแบบนั้นอยู่ด้วย?
'เป็นคู่ค้าจากแถบยุโรปค่ะ' อืม...คู่ค้านี่เอง งั้นตอนนี้เยว่ซินก็ไม่รู้ว่าเรื่องยังดำเนินไปตามนิยายหรือเปล่า
"ขอบคุณนะคะเลขาหลิง ฉันรบกวนแค่นี้ค่ะ" เลขาหลิงกล่าวลาอีกเล็กน้อยก่อนจะวางสายไป เยว่ซินครุ่นคิดกับตนเอง
หากท้ายที่สุดแล้วเธอทำให้ฟาหยางไม่สั่งสอนเธอจนกลายเป็นคนเสียสติ แล้วเนื้อเรื่องจะเปลี่ยนไปเช่นไร? จะดำเนินต่อไปได้ไหมหรือต้องมีใครมาแทนบทของเธอกันแน่?