“ลมพายุมาเธอจะมาเดินอ้อยอิ่งอะไรเล่า?” เขาดูเหมือนหงุดหงิดไม่ใช่น้อย บ้าบอ! คนอุตส่าห์มาช่วยยังจะมาลีลาอะไรอีก เขาไม่มีเวลามากมายขนาดนั้นหรอกนะ
“ฝุ่นเข้าตาหนูจ้ะ มองไม่ชัดจริง ๆ ” น้ำค้างยังคงเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ เธอเจ็บมากจนเผลอยกมือขึ้นขยี้ตา ท่ามกลางเสียงลมฝนอื้ออึงมา เธอก็อยากเดินเร็วอยู่หรอก แต่กลัวสะดุดล้มเอาแถมยังเจ็บตาจนไม่อยากทำอย่างอื่น “เธอนี่” เขาเอ่ยจิ๊จ๊ะอย่างคนไม่พอใจ แต่ไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้แล้วสินะ หลังจากนี้มันคือการจำใจแล้ว เขาไม่ได้อยากทำ “อ๊ะ! พี่กล้า” เสียงร้องตกใจเมื่อจู่ ๆ ร่างของเธอก็ถูกอุ้มลอยหวือขึ้นกลางอากาศ คนตัวโตที่แข็งแรงกว่าเธอหลายเท่าจับเธออุ้มพาดบ่าด้วยแขนข้างเดียว ทั้งยังเอ่ยเสียงติดจะดุ ๆ “อย่าขยี้ตานะ เอามือลง ไม่งั้นฉันจะโยนเธอลง” เขาว่าจบก็สาวเท้าเข้าไปยังกระท่อมกลางนาทันที เพราะตอนนี้ฝนลงเม็ดเป็นที่เรียบร้อย เขาพาเธอเข้ามาหลบฝนก่อนจะควานหาน้ำในไหมาให้เธอล้างตาก่อน แถมยังช่วยเธอจับขันน้ำอีกต่างหาก นี่ไม่เรียกว่าการใส่ใจแต่เขาแค่…แค่อะไรก็แค่นั้นแหละ เอาเป็นว่าเห็นเธอเจ็บแล้วมันขัดหูขัดตา “พะ พอแล้วจ้ะพี่กล้า” เธอดันขันน้ำออก ก่อนจะกระพริบตาถี่ ก็ปรากฏว่าเศษฝุ่นที่เข้าตาออกไปแล้ว ทำให้เธอหายเจ็บและลืมตาได้ปกติ ก่อนจะหันมาสบตาเข้ากับเจ้าของร่างที่ก้มมองเธออยู่ “ออกรึยัง” “ออกแล้วจ้ะพี่ ขอบคุณมากนะจ๊ะ” เธอส่งยิ้มให้เขาทั้งยังเอ่ยขอบคุณอย่างจริงใจ แม้ว่าเขาจะยังคงคิ้วขมวดเป็นยักษ์ก็เถอะ แต่อย่างน้อยเขาก็มาช่วยเธอ เธอไม่มีทางไม่ขอบคุณเขาเด็ดขาด “อือ แค่ผ่านมาเท่านั้นแหละ ไม่ได้ตั้งใจมาช่วยซะหน่อย” เขาแทบจะตะโกนกรอกหูเธออยู่แล้ว ยิ่งฝนตกหนักกลบเสียงทุกอย่างแต่ไม่สามารถกลบเสียงเขาได้จริง ๆ เขาน่ะมันระดับหอกระจายข่าว พูดทีนึกว่ามีไมค์ติดปากเป็นสิบตัว เขาเป็นคนตัวใหญ่และเสียงดัง อีกอย่างก็ไม่ได้ใหญ่แค่ตัวหรอกนะ อย่างอื่นก็ใหญ่เหมือนกันแหละ… “แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณพี่อยู่ดี” “อะ ๆ ก็แล้วแต่่เธอแล้วกัน” ก็ถ้าจะบอกว่าไม่ต้องขอบคุณเธอก็คงจะทำตรงกันข้าม เขารู้ดีว่าเธอมีนิสัยที่ขี้เกรงใจ บ้างก็ขี้อาย ไปไหนคนก็รักใคร่เอ็นดู ต่างจากเขาที่โหวกเหวกโวยวายเก่ง ไปไหนมาไหนมีแต่คนหวาดหวั่นซ้ำยังโดนหมั่นไส้อีกต่างหาก เขามันแน่อยู่แล้ว “เดี๋ยว ๆ นั่นเธอจะไปไหน?” “จะไปเอาถุงมาคลุมตัวจ้ะ หนูจะไปรับลูก” “นี่เธอจะบ้าหรือไงน้ำค้าง ฝนตกขนาดนี้จะไปยังไง” เขาถึงกับร้องตาโต เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายซึ่งเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ไม่กลัวแม้กระทั่งลมฝน เธอควานหาถุงพลาสติกใบใหญ่มาเป็นเสื้อกันฝนแบบจำเป็น หากเป็นเมื่อก่อนเธอก็คงนึกกลัวต้องหาที่กำบังแต่เพราะตอนนี้เป็นแม่คนแล้ว เธอกลัวอะไรไม่เป็นอยู่แล้ว “เปล่าบ้านะจ๊ะ ต้นไผ่ไม่ชอบฝนไม่ชอบเสียงฟ้า” เธอเอ่ยอย่างจริงใจ ก่อนจะเตรียมเดินออกไปนอกกระท่อม แม้ฝนตกไม่แรงมากแต่ก็มีลมกระโชกอยู่บ้าง ต่อให้ไม่กลัวฝนก็กลัวลมหน่อยเถอะแม่คุณ “พูดไม่รู้เรื่อง” เขาตั้งใจจะดึงตัวเธอเข้ามา แต่เพราะแรงที่ใช้อาจจะมากไปหน่อยทำให้ตัวเธอหมุนกลับอย่างแรงจนเสียหลัก และเซถลาเข้าหาร่างของเขา ทำให้ใบหน้าของทั้งคู่อยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ… “…” “…” ไร้ซึ่งเสียงพูดคุยเสวนา มีเพียงเสียงลมฝนดังกลบทุกอย่าง ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นราวกับฉากในหนัง ใกล้กันจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนที่เป่ารด ดวงตากลมประสานเข้ากับดวงตาคู่นั้น แม้ดูแข็งกร้าวแต่ทว่าก็น่าค้นหา ไม่นานนักริมฝีปากหนาก็เผลอประกบลงบนเรียวปาก ทำเอาหญิงสาวเบิกตาโต! ปึก! พอสติเข้าที่คนที่เป็นฝ่ายถูกผลักดันเป็นเธอซะนี่ เขาเป็นคนจูบเธอแท้ ๆ แต่ทว่ากลับผลักเธอออก เขาไม่ได้ผลักแรงก็จริง แต่เธอที่ไม่ทันตั้งตัวดันเซหลังชนเสา เดี๋ยวดึงเดี๋ยวผลัก เพราะเขารังกียจหรือนึกหวาดหวั่นอะไรกันแน่! “อึก!” แรงกระแทกทำให้เธอจุกในอก พออีกฝ่ายรู้ตัวว่าทำอะไรลงไปก็รีบลนลานคว้าเธอหมายจะขอโทษ แต่ครั้งนี้น้ำค้างกลับหลบหลีก เธอเบี่ยงตัวออกไปเพราะเข้าใจว่าอีกฝ่ายรังเกียจจูบเมื่อก่อนหน้านี้ จูบที่รู้สึกดีได้เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น “อะ เอ่อ ฉัน…ฉัน” “ฝนซาแล้วฉันไปก่อนนะจ๊ะ” น้ำค้างไม่กล้าฝืนใจอยู่ต่อจริง ๆ เขามาเจอเธอวันแรกแม้จะดีใจมากก็ตาม แต่ทว่าเขากลับอารมณ์แปรเปลี่ยนฉับพลันจนเธอนั้นทำตัวไม่ถูก เหมือนจะพูดไม่น่าฟัง? แต่ก็ไม่ถึงกับใจร้าย? แต่เหมือนจะเข้าถึงได้กลับดูเหมือนชิงชังรังเกียจ “เดี๋ยว ๆ สิ” เขาเพิ่งตั้งสติได้จริง ๆ ก่อนหน้ายอมรับว่าเผลอใจเพราะมองเห็นริมฝีปากที่เขาเคยเป็นคนครอบครอง มันก็อดใจไม่ไหวซะนี่ เขาตกใจตัวเองไม่ใช่น้อยจึงเผลอผลักเธอออกห่าง น้ำค้างคงไม่โกรธเขาใช่ไหม? แต่ถ้าโกรธจริงเขาก็ไม่เห็นต้องสนใจนี่ เขาไม่ได้อยากสานต่ออะไรกับเธออยู่แล้ว อดีตก็คืออดีต ต่อให้เธอเลิกกับผัวเก่าซึ่งก็คือเพื่อนสนิทที่กินต่อจากเขาเเล้วก็เถอะ แต่เขาไม่มีวันกลับไปกินของเก่าแน่นอน เชื่อสิ… “ก็แค่เผลอจูบเปล่าวะ ไม่ได้ตอกนี่” เขาพูดกับตัวเองต่างหาก โชคยังดีที่แค่จูบ หากห้ามไม่อยู่เผลอทำมากกว่านี้ไม่แหกอกชกตาตัวเองเลยหรือไง“มาแล้วจ้ะ ๆ” สาวงามที่ถูกกล่าวถึงก่อนหน้าเดินมาพร้อมกับรอยยิ้มแป้น เธอมองเห็นเขากับลูกตั้งแต่ไกล ก่อนหน้าก็เห็นยิ้มแย้มดีแต่พอเข้ามาใกล้ ๆ กลับพบว่าสีหน้าเขาดูอธิบายยากสุด ๆ“พี่กล้าเป็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะ?” เธอสังเกตเห็นความผิดปกติบนใบหน้าจึงเดินเข้ามาใกล้ ๆ เพื่อเอ่ยถาม“พ่อหึงแม่”เขายังไม่ทันเอ่ยสิ่งใดต้นไผ่ในอ้อมแขนก็บอกแม่ก่อนซะแล้ว ทำเอาคนเป็นแม่ยิ้มเขิน ก่อนจะยกมือขึ้นลูบศีรษะของเด็กชายตัวน้อยอย่างเอ็นดู“งั้นเหรอ เดี๋ยวต้นไผ่ไปหาคุณครูก่อนนะลูก ลูกต้องลงแข่งวิ่งนะ”เธอลอบมองหน้าพ่อของลูกก็อดขำไม่ได้ เวลานี้หน้าเขาบึ้งตึงมากเลยทีเดียว แต่ก็อุ้มลูกเดินไปส่งให้คุณครูดูแลต่อ หน้าที่เขาต่อจากนี้ก็คงเป็นการพาคุณเมียไปเปลี่ยนชุด และส่งคืนชุดให้ทางร้านกับช่างแต่งหน้า“ไปเปลี่ยนในห้องน้ำไหม? เดี๋ยวพี่รอ”“พี่หึงหนูเหรอจ๊ะ?” น้ำค้างแกล้งถามพลันเกาแขนแกร่งด้วยท่าทีออดอ้อน เวลานี้เธอทำเช่นนี้ได้โดยไม่อายใครเพราะไม่มีคนพลุกพล่านมากนัก“ไปเปลี่ยนชุดได้แล้ว&r
“งีบก่อนไหมถ้าถึงในเมืองเดี๋ยวพี่ปลุก” เจ้าของเสียงทุ้มที่กำลังจัดชุดและเครื่องประดับทั้งหลายของเมียสุดที่รักไว้ด้านหลังรถแล้วจึงเอ่ยถาม“ไม่เป็นไรจ้ะพี่” เจ้าของร่างที่นั่งเบาะข้างส่งยิ้มพร้อมกับมองเขาด้วยแววตาหวานเยิ้ม เธอมองเขาอย่างไม่วางตาจนอีกคนเริ่มสงสัย“ทำไมมองพี่แบบนั้นล่ะ?”“หนูดีใจ”“หืม?”“หนูดีใจที่พี่คอยดูแลหนูกับลูกไงจ๊ะ” แววตาที่สื่อออกมาล้วนไม่ผิดเพี้ยนไปจากคำพูด เธอทั้งขอบคุณและดีใจที่มีเขาอยู่ข้างกาย ตั้งแต่ได้กลับมารักกันหนนี้เขาดูแลเธอกับลูกดีมาก ชาตินี้ไม่นึกเสียดายหรือเสียใจจริง ๆ ที่ไม่เคยโกรธเคืองเขาได้ลงเลย“ก็ลูกเมียพี่ทั้งคนนี่ รักขนาดนี้จะไม่ดูแลดีได้ไง” คนตัวโตเอ่ยเสียงน่าฟังพร้อมกับยกมือขึ้นลูบเรือนผมนุ่มอย่างเบามือ คล้ายกับอยากทะนุถนอมคนข้างกายเป็นที่สุดเวลานี้เป็นแวลาตีสี่แล้ว เขาต้องพาสาวสวยลูกหนึ่งข้างกายไปแต่งหน้าเเป็นนางป้ายของหมู่บ้าน ในงานแข่งกีฬาตำบลครั้งนี้ ก็เมียเขาสวยมากนี่นา หากไม่บอกใครจะเชื่อว่ามีลูกมาแล้ว
“ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ!” น้ำค้างดิ้นหนีสุดแรงเกิด เธอใช้แรงทั้งหมดที่มีถีบชายคลั่งคนนั้นออกห่าง ก่อนจะพยายามควานหาอาวุธใกล้มือที่สุด ความกลัวทำเธอเกือบสติหลุด แต่เพราะตอนนั้นเธอต้องเอาชีวิตรอด นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้!“แม่~~”“ไผ่อย่าออกมาลูก!”ใจคนเป็นแม่หล่นวูบเมื่อเห็นร่างน้อย ๆ ของลูกชายเริ่มพลิกตัวลุกขึ้นเพราะถูกรบกวนการนอน สิ่งที่ทำให้เธอกลัวต่อจากนี้ไม่ใช่การที่ถูกไอ้คลั่งนี้ทำร้าย แต่เธอกลัวมันจะทำลูกเธอด้วย!“แม่! ปล่อยแม่นะ!”ต้นไผ่ไม่ฟังคำทักท้วง เด็กน้อยเปิดมุ้งออกมาเจอเข้ากับภาพชายท่าทางน่ากลัวกำลังลากตัวแม่อยู่ เด็กน้อยทั้งตกใจและเป็นห่วงแม่ ไม่สนสิ่งใดรีบวิ่งเข้าไปดึงแม่มา แต่ทว่าแรงเด็กก็มีน้อยนิด แรงผู้หญิงตัวเล็ก ๆ หรือจะไปสู้คนกำลังคลั่งยา ใช่! ไอ้บ้านี้เหมือนคนคลั่งยาในข่าวมาก ทั้งหน้าตาก็คุ้นซะเหลือเกิน!“ไอ้เปี๊ยกมึงนี่ตื่นไม่ดูเวลาเลยเว้ย!”ไอ้บ้านี่ไม่สนใจต้นไผ่สักนิดเพียงแต่ตวาดเสียงดัง ส่วนที่มันสนใจก็คือสาวเจ้าคุณแม่ลูกหน
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา…“ยังไม่ทันกินเบียร์เลย มึงอย่าลืมเก็บห้าลังนั้นไว้ให้กูนะไอ้กล้า”“โอเค ๆ ”เสียงพูดคุยของคุณพ่อลูกโตแล้วหนึ่งอย่างกล้า กับคุณพ่อป้ายแดงอย่างก้องที่เมียเพิ่งจะคลอดลูกสาวให้เป็นของขวัญ ก้องเพิ่งจะคุยกับกล้าได้ไม่กี่คำก็ต้องเดินไปเอาของต่อ วันนี้เป็นวันผูกข้อมือหนูน้อยสมาชิกใหม่ของบ้าน ชาวบ้านมากมายต่างมารวมตัวกัน กล้าที่นั่งอยู่มุมด้านข้างเขาเห็นหลานแล้วให้ของขวัญหลานเป็นทองเส้นหนึ่ง ตอนนี้ก็นั่งมองเมียตัวเองอุ้มเด็กสาวตัวน้อยอย่างชื่นชม เขาเองก็อดชื่นชมไม่ได้เดี๋ยวพี่เสกเข้าท้องให้อีกคนดีไหมจ๊ะ?“เอามาอีกสักคนไหมล่ะน้ำค้าง ดูท่าต้นไผ่น่าจะชอบนะนั่น”เป็นป้าจันทร์ผู้ใหญ่อีกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นเอ่ยหยอกล้อน้ำค้างด้วยความเอ็นดู ป้าจันทร์รู้ว่าตอนนี้กล้าดูแลน้ำค้างกับลูกดีมาก คงไม่ต้องห่วงว่าน้ำค้างจะเหนื่อยเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ชาวบ้านที่เห็นน้ำค้างและกล้ามาตั้งแต่ยังเล็กเห็นแล้วก็โล่งใจ แต่บางคนก็ยังหมั่นไส้กล้าไม่เลิกก็ยังมี“น่าจะไม่ไหวหรอกจ้ะป้า” น้ำค้าง
เป็นเวลาเกือบค่ำแล้ว บรรยากาศช่วงนี้กำลังดีเหมาะแก่การนั่งกินแบบสบาย ๆ กล้าจูงมือเมียสุดสวยส่วนน้ำค้างก็จูงมือลูกชายตัวน้อยเดินเข้ามาพร้อมกัน เธอไม่รู้ว่าต้องสั่งอะไรยังไงมีแค่เขาเท่านั้นจัดการให้ทุกอย่าง กระทั่งรับบทคนย่างคนตักก็ล้วนเป็นเขาคนเดียว เธอมีหน้าที่แค่ป้อนลูก และมองดูลูกกินอย่างเอร็ดอร่อย“อร่อยไหมลูก?” ผู้เป็นแม่เอ่ยถาม มือก็ป้อนเนื้อให้ลูกกินไม่หยุด“อร่อยมากครับ^^”“กินเยอะ ๆ นะ จะได้โตมาหล่อเหมือนพ่อ”“…”ต้นไผ่โยกหน้าไปมองพ่อที่นั่งฝั่งขวาของแม่ก็ถึงกับส่ายหัวไปมา แต่เพราะอาหารที่แม่ป้อนยังเต็มปากต้นไผ่จึงไม่โต้ตอบ ได้แต่เคี้ยวแก้มตุ้ย ๆ อย่างน่าเอ็นดู“ไม่เถียงแสดงว่าจริง” กล้าเอ่ยยิ้ม ๆ เข้าข้างตัวเองซะใหญ่โต“ลูกเคี้ยวอยู่จ้ะพี่” เป็นน้ำค้างที่สะกิดเขาทั้งยังหัวเราะ เธอดูสดใสและมีความสุขมากกว่าเมื่อก่อน แววตามีประกายทุกครั้งที่มองเขาและลูก เขาอยากเห็นภาพแบบนี้ไปนาน ๆ จังน้ำค้างยังคงป้อนลูกต่อ ยิ่งเห็นต้นไผ่ชอบเธอยิ่งป้อนไม่หยุด ก
“พี่กล้าพอเถอะจ้ะ”น้ำค้างเพียงเอ่ยเตือนเขาสั้น ๆ แต่คำเตือนนั้นเหมือนกับคำสั่งซะมากกว่า กล้าหุบปากทันที ก่อนจะสะกิดเอวน้ำค้างเพื่อบอกเธอว่า เขาอยากอุ้มต้นไผ่เหมือนกับไอ้ชัยบ้าง ต้นไผ่เข้าใกล้เขาก็แค่่เวลาเล่นของเล่น เวลาปกติเหมือนกลัวเห็บหมัดจากเขากระเด็นเข้าตัวซะอย่างนั้น“ต้นไผ่เป็นลูกพ่อกล้าจริงเหรอครับ?” ชัยไม่สนใจคุยกับกล้าต่อ เขาถามลูกชายน้ำค้างคนสวยของเขา แวบแรกก็แค่สงสัยแต่ไม่ชอบสอดรู้เรื่องชาวบ้านส่วนมากก็ทำแต่งาน ไม่ค่อยพักอยู่บ้านจึงไม่รู้เรื่องราวเท่าที่ควร“…” ต้นไผ่ไม่ตอบ แต่กลับไม่ปฏิเสธในทันที เด็กชายพยักหน้ายอมรับแบบขอไปที ทำเอาคนเป็นพ่อตัวจริงหัวเราะก็ไม่ได้ร้องไห้ก็ไม่ออก อย่างน้อยก็ดีกว่าต้นไผ่บอกว่าเขาไม่ใช่พ่ออยู่หรอก ถึงอย่างนั้นหลักฐานทาง DNA ที่ปรากฏบนใบหน้าก็คงจะเถียงขาดใจแน่ ๆ“งะ งั้นเหรอครับ” ชัยที่ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าแอบชมชอบแม่ของเด็กน้อยหน้าหล่อคนนี้ คราวก่อนเขากลับไปเคลียร์งานเร็วไปหน่อย ยังไม่ถามไถ่อะไรเยอะแยะ อยากคุยกับน้ำค้างก็ไม่ได้คุยด้วยซ้ำ มาคราวนี้ไอ้กล้าก็มาประ