หญิงสาวร่างบางเหม่อมองใบหน้าที่อยู่ในกระจกตู้เสื้อผ้าใบเก่า มองแล้วมองอยู่แบบนั้น ก่อนที่จะรีบสลัดความคิดบางอย่างออกจากหัวให้เร็วที่สุด
“คิดมากไปแล้ว” เธอบ่นพึมพำกับตัวเอง ตั้งแต่เมื่อวานที่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น เธอเองก็คิดวกวนไปมา แต่คิดอย่างไรก็ไม่สามารถเข้าข้างตัวเองได้จริง ๆ เขาอาจจะไม่ได้ตั้งใจ พอทำแบบนั้นไปแล้วก็คงตกใจใช่น้อย บางครั้งอาจจะนึกถึงลูกเมียเขา “เฮ้อ~~” ท้ายสุดแล้วเธอก็ได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะรีบแต่งตัวให้เสร็จเพื่อเข้าไปในเมือง วันนี้เธอจะไปซื้อของกินของใช้ และจะไปลองหางานดูเผื่อได้ หญิงสาวสวมรองเท้าผ้าใบสีขาว แม้จะเป็นคู่เดียวตั้งแต่ที่เธอเรียนอยู่ก็ตาม แต่เพราะได้รับการดูแลรักษาอย่างดีจึงยังเหมือนใหม่อยู่ วันนี้เธอสวมกางเกงขายาว บวกกับเสื้อแขนยาวสีขาวดูสุภาพเรียบร้อย จูงมอเตอร์ไซด์คันเก่าออกมาและสตาร์ทเครื่อง ช่างเป็นใจเหลือเกินเพราะครั้งนี้เจ้ารถคันเก่าไม่ได้งอแงทำเธอเสียเวลา น้ำค้างสวมหมวกกันน็อคเรียบร้อย เธอขับรถออกมาตามถนนท่ามกลางแดดในช่วงสาย คนในหมู่บ้านที่เจอเธอต่างก็ส่งยิ้มให้และเอ่ยทักทาย “เข้าเมืองเหรอน้ำค้าง?” “จ้า ไปซื้อของจ้ะป้า” เสียงใสตอบกลับก่อนจะขับผ่านไป เธอขับรถออกจากหมู่บ้านมาราว ๆ 10 กิโลเมตร กว่าจะถึงเมืองได้ก็เล่นเอาเหงื่อตก เธอตระเวนสมัครงานตรงนู้นทีตรงนี้บ้าง ส่วนมากไม่อยากได้ผู้ชายก็พนักงานเต็ม หาจนท้อ ก้มดูเวลาในโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่าหน้าจอพัง ๆ ก็เป็นเวลาบ่ายกว่า ๆ แล้ว เธอจึงรีบไปซื้อของกินของใช้ เพราะเดี๋ยวบ่ายสามก็ต้องไปรับต้นไผ่อีก “สาธุ ถ้าลูกมารอบหน้าขอให้ลูกได้งานด้วยเทอญ” เธอถึงขั้นต้องรบกวนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะเธออยากมีงานและมีรายได้ที่มั่นคง เพราะตอนนี้ค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว อีกหน่อยต้นไผ่ก็จะเข้าเรียนอนุบาลแล้ว ชุดนักเรียนก็ต้องซืื้อใหม่ น้ำค้างขับรถกลับมายังหมู่บ้าน ทั้งข้าวของพะลุงพะลัง แดดช่วงบ่ายก็ร้อนเผาหัว จู่ ๆ รถมอไซด์ก็ส่งเสียงแปลก ๆ เอาแล้ว ๆ อย่าบอกนะว่าจะพังอีกแล้ว!! เธอเพียงแค่นึกเท่านั้น แต่รถคันเก่าคู่ใจนี่ก็เหมือนได้ยินเสียงในหัว อยู่ ๆ ก็กระตุกและเครื่องดับไป โถ~~ นี่เธอต้องเข็นรถไปเกือบกิโลเลยนะกว่าจะถึงบ้านตัวเอง แค่คิดก็เหงื่อตกแล้ว “เฮ้อ~~~” เสียงถอนหายใจยาวเหยียด วันนี้เธอทั้งเดินหางาน ทั้งยังต้องมาเข็นรถที่ขยันพังนี่อีก ขี่ปุ๊บพังปั๊บ เงินจะเติมน้ำมันก็ว่าหายากแล้ว เงินซ่อมนี่นึกแล้วยังเครียดไม่หายเลย “น้องครับ ๆ หมู่บ้านวังหนานไปทางไหนเหรอครับ? พอดีพี่มาตามจับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แก้มขาว ๆ คนหนึ่ง” จู่ ๆ ก็มีมอเตอร์ไซด์คันโตขับมาข้าง ๆ เธอพร้อมกับถามทาง น้ำค้างหันไปมองเจ้าของเสียงก็ยิ้มให้อีกฝ่ายทั้งเหงื่อไหลเต็มกรอบหน้า “พี่ชัยอย่าแกล้งหนูสิ” คุณตำรวจที่ขับรถมาแกล้งถามเธอก็คือ ‘ชัย’ คนหมู่บ้านเดียวกับเธอนั่นเอง เขาเป็นรุ่นพี่เธอ เป็นเพื่อนร่วมชั้นกับพี่กล้าและพี่ก้องด้วย เธอจึงรู้จักมักคุ้นเป็นอย่างดี “ก็น่าแกล้งตลอดนี่” ก็เธอทั้งน่ารัก แก้มขาว ๆ ราวกับสาวน้อยแรกรุ่น เป็นใครจะไม่เอ็นดู “หนูน่าแกล้งตรงไหน?” เธอหยุดเดินจูงรถ ก่อนจะหันมายืนคุยกับอีกฝ่ายอย่างจริงจัง “ก็ทุกตรงนั่นแหละ รถเสียอีกแล้วเหรอ?” ชัยรีบเปลี่ยนเรื่องแต่ทว่าหน้าก็ยังยิ้มอยู่ “ใช่จ้ะ ขยันพังจริง ๆ ” เธอพูดเชิงตัดพ้อ ก็พังบ่อยจริง ๆ นี่นา กว่าเธอจะเดินไปถึงบ้านปั่นจักรยานไปรับลูกต่อก็คงเหนื่อยจนหอบเป็นแน่ “ให้พี่ไปส่งนะ” “ไม่เป็นไรจ้ะพี่ ของมันเยอะน่ะ อีกอย่างหนูกลัวด้วย” เธอกลัวที่จะนั่งซ้อนท้ายรถคันใหญ่ของเขานั่นแหละ ไม่ใช่ครั้งแรกซะหน่อยที่เขาอาสาไปส่งเธอ แต่เธอก็ปฏิเสธทุกครั้ง “เดือนหน้าพี่จะไปออกรถใหม่แล้วแหละ เผื่อน้ำค้างจะยอมนั่งกับพี่บ้าง” ชัยเอ่ยด้วยความเสียดาย เขายังไม่ทันพูดอะไรต่อก็โดนรถกระบะที่ขับตามหลังมาบีบแตรไล่ และเปิดกระจกลงมาด่า “เป็นตำรวจแบบไหนวะขับรถกลางถนน เดี๋ยวกูชนแม่งให้ตายห่า” คนที่ปากหาเรื่องขนาดนี้ทั้งหมู่บ้านทั้งตำบลก็คงมีคนเดียวนั่นแหละ ไอ้คนปากวอนตีน! “ไอ้กล้า กลับบ้านมาก็ปากดีเลยนะมึง” ชัยจอดรถเข้าข้างทางเพื่อหลบให้รถกระบะคันใหญ่ ก่อนจะยืนเท้าเอวเตรียมด่าเพื่อนสมัยเรียนสักหน่อย “มาขึ้นรถ” “…” “หูหนวกเรอะ!” เขาเริ่มเสียงดัง เป็นบ้าไปแล้วแน่ ๆ มาถึงก็หัวร้อน “พี่พูดกับหนูหรือจ๊ะ?” คะนิ้งทำหน้างง ๆ พร้อมกัับชี้นิ้วมาที่ตัวเอง “ก็ถ้าไม่ใช่ว่าพูดกับเธอแล้วจะให้ฉันพูดกับแมวที่ไหน” เขาเปิดประตูรถลงมาด้วยท่าทีหงุดหงิด ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรก็ถือวิสาสะดึงเอาถุงทั้งของกินของใช้ที่ห้อยอยู่หน้ารถเธอไปไว้หลังรถกระบะ น้ำค้างมองอึ้ง ๆ ก่อนจะได้สติ “มะ ไม่เป็นไรจ้ะพี่ นี่ก็ใกล้จะถึงบ้านแล้ว หนูจูงอีกนิดก็จะถึงบ้านแล้วจ้ะ” เธอเดินตามเขาแต่มีหรือที่เขาจะสนใจ “ไอ้ชัยมึงยกรถขึ้นดิ๊” เขาออกคำสั่งไม่สนใจว่าเพิ่งเจอกันเลยสักนิดเดียว “เอ้าไอ้ห่านี่! มึงสั่งกูยกรถมึงเป็นพ่อกูหรือไง?” “งั้นน้ำค้างก็ไปยก” “หา!!?” “มึงบ้าหรือวะ! เออ ๆ มามึงกับกูมายก” ชัยจำใจต้องไปยกรถขึ้นอย่างงง ๆ แต่ก็ทำจนเสร็จ เขาคิดว่าเพราะเป็นคนหมู่บ้านเดียวกันและเคยรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กล่ะมั้ง แถมกล้าช่วงสมัยเรียกล้าก็ยังแอบชื่นชมและเหมือนจะจีบ ๆ น้ำค้างอยู่ ก็คงเห็นว่าคุ้นเคยกันกล้าจึงเข้ามาช่วย แม้คำพูดคำจาจะไม่น่าฟังก็เถอะ “เสร็จแล้ว งั้นกูฝากมึงเอาไปส่งที่บ้านน้ำค้างด้วยนะ เดี๋ยวกูไปส่งน้องเอง น้ำค้างนั่งแป๊บเดียวได้ใช่ไหม? ไม่กลัวหรอกเนอะ” ชัยเองก็สองมาตรฐานจริง ๆ พูดกับกล้าเหมือนจะฆ่าให้ตาย พูดกับน้ำค้างล่ะก็เอาอกเอาใจขั้นสุด “ใครจะให้ไปกับมึงไอ้คุณตำรวจ” เขายืนกอดอกเสียงแข็ง น้ำค้างต้องขึ้นรถไปกับเขาเท่านั้น “โห ขนาดนี้มึงอย่าเรียกกูคุณเลยว่ะ” “ก็ได้ ไอ้ชัย” ขอมาเขาก็ไม่ขัด “ขะ ขอบคุณพี่ทั้งสองคนมากเลยนะจ๊ะ แต่ฉันเกรงใจจริง ๆ พวกพี่ไปกันเถอะจ้ะ” “เธอจะเดิน?” กล้าหันไปถามคนตัวเล็กที่สูงยังไม่ถึงไหล่เขาด้วยซ้ำ “ใช่จ้ะ หนูจะแวะไปซื้อของร้านหน้าหมู่บ้านน่ะ” เธอพูดแบบนั้นเพราะเกรงใจคนทั้งสองต่างหาก แค่เขาช่วยยกรถยกของให้ก็ดีแล้ว เธอไม่กล้ารบกวนอะไรมากไปกว่านี้แล้ว “ขึ้นรถไปเลยไป เดินตากแดดตากลมมาทั้งวันเดี๋ยวก็หน้ามืดชิแหงแก๋ลงตรงนี้ ลูกเธอคงต้องเอาไปไว้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าล่ะมั้ง”“มาแล้วจ้ะ ๆ” สาวงามที่ถูกกล่าวถึงก่อนหน้าเดินมาพร้อมกับรอยยิ้มแป้น เธอมองเห็นเขากับลูกตั้งแต่ไกล ก่อนหน้าก็เห็นยิ้มแย้มดีแต่พอเข้ามาใกล้ ๆ กลับพบว่าสีหน้าเขาดูอธิบายยากสุด ๆ“พี่กล้าเป็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะ?” เธอสังเกตเห็นความผิดปกติบนใบหน้าจึงเดินเข้ามาใกล้ ๆ เพื่อเอ่ยถาม“พ่อหึงแม่”เขายังไม่ทันเอ่ยสิ่งใดต้นไผ่ในอ้อมแขนก็บอกแม่ก่อนซะแล้ว ทำเอาคนเป็นแม่ยิ้มเขิน ก่อนจะยกมือขึ้นลูบศีรษะของเด็กชายตัวน้อยอย่างเอ็นดู“งั้นเหรอ เดี๋ยวต้นไผ่ไปหาคุณครูก่อนนะลูก ลูกต้องลงแข่งวิ่งนะ”เธอลอบมองหน้าพ่อของลูกก็อดขำไม่ได้ เวลานี้หน้าเขาบึ้งตึงมากเลยทีเดียว แต่ก็อุ้มลูกเดินไปส่งให้คุณครูดูแลต่อ หน้าที่เขาต่อจากนี้ก็คงเป็นการพาคุณเมียไปเปลี่ยนชุด และส่งคืนชุดให้ทางร้านกับช่างแต่งหน้า“ไปเปลี่ยนในห้องน้ำไหม? เดี๋ยวพี่รอ”“พี่หึงหนูเหรอจ๊ะ?” น้ำค้างแกล้งถามพลันเกาแขนแกร่งด้วยท่าทีออดอ้อน เวลานี้เธอทำเช่นนี้ได้โดยไม่อายใครเพราะไม่มีคนพลุกพล่านมากนัก“ไปเปลี่ยนชุดได้แล้ว&r
“งีบก่อนไหมถ้าถึงในเมืองเดี๋ยวพี่ปลุก” เจ้าของเสียงทุ้มที่กำลังจัดชุดและเครื่องประดับทั้งหลายของเมียสุดที่รักไว้ด้านหลังรถแล้วจึงเอ่ยถาม“ไม่เป็นไรจ้ะพี่” เจ้าของร่างที่นั่งเบาะข้างส่งยิ้มพร้อมกับมองเขาด้วยแววตาหวานเยิ้ม เธอมองเขาอย่างไม่วางตาจนอีกคนเริ่มสงสัย“ทำไมมองพี่แบบนั้นล่ะ?”“หนูดีใจ”“หืม?”“หนูดีใจที่พี่คอยดูแลหนูกับลูกไงจ๊ะ” แววตาที่สื่อออกมาล้วนไม่ผิดเพี้ยนไปจากคำพูด เธอทั้งขอบคุณและดีใจที่มีเขาอยู่ข้างกาย ตั้งแต่ได้กลับมารักกันหนนี้เขาดูแลเธอกับลูกดีมาก ชาตินี้ไม่นึกเสียดายหรือเสียใจจริง ๆ ที่ไม่เคยโกรธเคืองเขาได้ลงเลย“ก็ลูกเมียพี่ทั้งคนนี่ รักขนาดนี้จะไม่ดูแลดีได้ไง” คนตัวโตเอ่ยเสียงน่าฟังพร้อมกับยกมือขึ้นลูบเรือนผมนุ่มอย่างเบามือ คล้ายกับอยากทะนุถนอมคนข้างกายเป็นที่สุดเวลานี้เป็นแวลาตีสี่แล้ว เขาต้องพาสาวสวยลูกหนึ่งข้างกายไปแต่งหน้าเเป็นนางป้ายของหมู่บ้าน ในงานแข่งกีฬาตำบลครั้งนี้ ก็เมียเขาสวยมากนี่นา หากไม่บอกใครจะเชื่อว่ามีลูกมาแล้ว
“ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ!” น้ำค้างดิ้นหนีสุดแรงเกิด เธอใช้แรงทั้งหมดที่มีถีบชายคลั่งคนนั้นออกห่าง ก่อนจะพยายามควานหาอาวุธใกล้มือที่สุด ความกลัวทำเธอเกือบสติหลุด แต่เพราะตอนนั้นเธอต้องเอาชีวิตรอด นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้!“แม่~~”“ไผ่อย่าออกมาลูก!”ใจคนเป็นแม่หล่นวูบเมื่อเห็นร่างน้อย ๆ ของลูกชายเริ่มพลิกตัวลุกขึ้นเพราะถูกรบกวนการนอน สิ่งที่ทำให้เธอกลัวต่อจากนี้ไม่ใช่การที่ถูกไอ้คลั่งนี้ทำร้าย แต่เธอกลัวมันจะทำลูกเธอด้วย!“แม่! ปล่อยแม่นะ!”ต้นไผ่ไม่ฟังคำทักท้วง เด็กน้อยเปิดมุ้งออกมาเจอเข้ากับภาพชายท่าทางน่ากลัวกำลังลากตัวแม่อยู่ เด็กน้อยทั้งตกใจและเป็นห่วงแม่ ไม่สนสิ่งใดรีบวิ่งเข้าไปดึงแม่มา แต่ทว่าแรงเด็กก็มีน้อยนิด แรงผู้หญิงตัวเล็ก ๆ หรือจะไปสู้คนกำลังคลั่งยา ใช่! ไอ้บ้านี้เหมือนคนคลั่งยาในข่าวมาก ทั้งหน้าตาก็คุ้นซะเหลือเกิน!“ไอ้เปี๊ยกมึงนี่ตื่นไม่ดูเวลาเลยเว้ย!”ไอ้บ้านี่ไม่สนใจต้นไผ่สักนิดเพียงแต่ตวาดเสียงดัง ส่วนที่มันสนใจก็คือสาวเจ้าคุณแม่ลูกหน
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา…“ยังไม่ทันกินเบียร์เลย มึงอย่าลืมเก็บห้าลังนั้นไว้ให้กูนะไอ้กล้า”“โอเค ๆ ”เสียงพูดคุยของคุณพ่อลูกโตแล้วหนึ่งอย่างกล้า กับคุณพ่อป้ายแดงอย่างก้องที่เมียเพิ่งจะคลอดลูกสาวให้เป็นของขวัญ ก้องเพิ่งจะคุยกับกล้าได้ไม่กี่คำก็ต้องเดินไปเอาของต่อ วันนี้เป็นวันผูกข้อมือหนูน้อยสมาชิกใหม่ของบ้าน ชาวบ้านมากมายต่างมารวมตัวกัน กล้าที่นั่งอยู่มุมด้านข้างเขาเห็นหลานแล้วให้ของขวัญหลานเป็นทองเส้นหนึ่ง ตอนนี้ก็นั่งมองเมียตัวเองอุ้มเด็กสาวตัวน้อยอย่างชื่นชม เขาเองก็อดชื่นชมไม่ได้เดี๋ยวพี่เสกเข้าท้องให้อีกคนดีไหมจ๊ะ?“เอามาอีกสักคนไหมล่ะน้ำค้าง ดูท่าต้นไผ่น่าจะชอบนะนั่น”เป็นป้าจันทร์ผู้ใหญ่อีกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นเอ่ยหยอกล้อน้ำค้างด้วยความเอ็นดู ป้าจันทร์รู้ว่าตอนนี้กล้าดูแลน้ำค้างกับลูกดีมาก คงไม่ต้องห่วงว่าน้ำค้างจะเหนื่อยเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ชาวบ้านที่เห็นน้ำค้างและกล้ามาตั้งแต่ยังเล็กเห็นแล้วก็โล่งใจ แต่บางคนก็ยังหมั่นไส้กล้าไม่เลิกก็ยังมี“น่าจะไม่ไหวหรอกจ้ะป้า” น้ำค้าง
เป็นเวลาเกือบค่ำแล้ว บรรยากาศช่วงนี้กำลังดีเหมาะแก่การนั่งกินแบบสบาย ๆ กล้าจูงมือเมียสุดสวยส่วนน้ำค้างก็จูงมือลูกชายตัวน้อยเดินเข้ามาพร้อมกัน เธอไม่รู้ว่าต้องสั่งอะไรยังไงมีแค่เขาเท่านั้นจัดการให้ทุกอย่าง กระทั่งรับบทคนย่างคนตักก็ล้วนเป็นเขาคนเดียว เธอมีหน้าที่แค่ป้อนลูก และมองดูลูกกินอย่างเอร็ดอร่อย“อร่อยไหมลูก?” ผู้เป็นแม่เอ่ยถาม มือก็ป้อนเนื้อให้ลูกกินไม่หยุด“อร่อยมากครับ^^”“กินเยอะ ๆ นะ จะได้โตมาหล่อเหมือนพ่อ”“…”ต้นไผ่โยกหน้าไปมองพ่อที่นั่งฝั่งขวาของแม่ก็ถึงกับส่ายหัวไปมา แต่เพราะอาหารที่แม่ป้อนยังเต็มปากต้นไผ่จึงไม่โต้ตอบ ได้แต่เคี้ยวแก้มตุ้ย ๆ อย่างน่าเอ็นดู“ไม่เถียงแสดงว่าจริง” กล้าเอ่ยยิ้ม ๆ เข้าข้างตัวเองซะใหญ่โต“ลูกเคี้ยวอยู่จ้ะพี่” เป็นน้ำค้างที่สะกิดเขาทั้งยังหัวเราะ เธอดูสดใสและมีความสุขมากกว่าเมื่อก่อน แววตามีประกายทุกครั้งที่มองเขาและลูก เขาอยากเห็นภาพแบบนี้ไปนาน ๆ จังน้ำค้างยังคงป้อนลูกต่อ ยิ่งเห็นต้นไผ่ชอบเธอยิ่งป้อนไม่หยุด ก
“พี่กล้าพอเถอะจ้ะ”น้ำค้างเพียงเอ่ยเตือนเขาสั้น ๆ แต่คำเตือนนั้นเหมือนกับคำสั่งซะมากกว่า กล้าหุบปากทันที ก่อนจะสะกิดเอวน้ำค้างเพื่อบอกเธอว่า เขาอยากอุ้มต้นไผ่เหมือนกับไอ้ชัยบ้าง ต้นไผ่เข้าใกล้เขาก็แค่่เวลาเล่นของเล่น เวลาปกติเหมือนกลัวเห็บหมัดจากเขากระเด็นเข้าตัวซะอย่างนั้น“ต้นไผ่เป็นลูกพ่อกล้าจริงเหรอครับ?” ชัยไม่สนใจคุยกับกล้าต่อ เขาถามลูกชายน้ำค้างคนสวยของเขา แวบแรกก็แค่สงสัยแต่ไม่ชอบสอดรู้เรื่องชาวบ้านส่วนมากก็ทำแต่งาน ไม่ค่อยพักอยู่บ้านจึงไม่รู้เรื่องราวเท่าที่ควร“…” ต้นไผ่ไม่ตอบ แต่กลับไม่ปฏิเสธในทันที เด็กชายพยักหน้ายอมรับแบบขอไปที ทำเอาคนเป็นพ่อตัวจริงหัวเราะก็ไม่ได้ร้องไห้ก็ไม่ออก อย่างน้อยก็ดีกว่าต้นไผ่บอกว่าเขาไม่ใช่พ่ออยู่หรอก ถึงอย่างนั้นหลักฐานทาง DNA ที่ปรากฏบนใบหน้าก็คงจะเถียงขาดใจแน่ ๆ“งะ งั้นเหรอครับ” ชัยที่ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าแอบชมชอบแม่ของเด็กน้อยหน้าหล่อคนนี้ คราวก่อนเขากลับไปเคลียร์งานเร็วไปหน่อย ยังไม่ถามไถ่อะไรเยอะแยะ อยากคุยกับน้ำค้างก็ไม่ได้คุยด้วยซ้ำ มาคราวนี้ไอ้กล้าก็มาประ