Home / แฟนตาซี / เยว่หัว แม่ครัวจิ๋วแสบสะท้านภพ / บทที่ 22 เซียนน้อยแห่งหุบเขาธิดาสวรรค์(1)

Share

บทที่ 22 เซียนน้อยแห่งหุบเขาธิดาสวรรค์(1)

last update Last Updated: 2025-02-21 23:00:55

บทที่ 22 เซียนน้อยแห่งหุบเขาธิดาสวรรค์(1)

“...” 

ท่ามกลางห้วงแห่งความว่างเปล่า ดวงจิตของเย่หัวตื่นขึ้นมาบนห้วงอากาศที่สูงขึ้นไปเหนือท้องฟ้า ที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่ก้อนเมฆรูปร่างต่างๆ เต็มไปหมด แต่ไม่มีอะไรมากหรือน้อยไปกว่านั้น

“สงสัยอะดิ ว่าที่นี่คือที่ไหนแล้วมึงมาทำอะไรตรงนี้...”

“ไอ้ชา!”

“ ‘ไอ้ชา!’ มึงจะตะโกนเรียกชื่อกูแบบนี้ใช่ไหมล่ะ แต่กูบอกเลยว่านี่เป็นระบบอัตโนมัติที่จะทำงานในตอนที่มึงใช้พลังไปจนหมดเป็นครั้งแรก ในกรณีที่มึงไม่ยอมฝึกฝนลมปราณเลย” 

“แล้ว...”

“กูรู้ว่ามึงมีเรื่องมากมายที่จะถาม แต่ก็เหมือนกับจดหมายที่เคยเขียนหรือตอนที่กูส่งมึงมาที่นี่ กูมีเวลาจำกัดมากๆ เพราะฉะนั้นแล้วกูของให้มึงช่วยฟังได้อย่างเดียวสได้ไหม ถือว่ากูขอละกัน ช่วยตั้งใจฟังกูสักเดี๋ยว กูรู้ว่ามึงอยากด่ากูเยอะเลย แต่กูไม่มีเวลาจริงๆ”

“กูไม่ได้อยากด่ามึงสักหน่อย...กูจะขอบใจมึงด้วยซ้ำ” เย่หัวหรือทิพย์บ่นอุบอิบอยู่คนเดียวเบาๆ เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้โต้ตอบด้วย

“อย่างแรกเลยร่างกายมึงเป็นของคนในโลกนี้ แต่เดิมมันถูกพิษจนไม่สามารถทำอะไรได้มาก แค่เดินยังเหนื่อยเลย แต่ว่าในตอนที่กูส่งมึงมากูรักษาให้หมดแล้ว และมึงจะกลับไปสู่สภาวะสูงสุดตามพ่อแม่ที่ให้กำเนิดมึง...

เพราะฉะนั้นแล้วถ้าหากมึงฝึกฝนเคล็ดวิชาที่กูให้ไปอย่างน้อยที่สุดมึงก็จะประสบความสำเร็จเร็วกว่าคนทั่วไปหากว่ามึงตั้งใจ”

“...”

“กูรู้ว่าด้วยนิสัยของมึงอยากอยู่อย่างสงบๆ ไม่ได้อยากไปตีรันฟันแทงกับใครเขา แต่มึงจำคำกูเอาไว้นะ...”

“...”

 “โลกนี้ไม่ได้เป็นเหมือนกับบ้านเราที่พวกเราจากมา ที่นั่นถึงผู้คนจะห่วยแตกยังไง แต่ก็ยังมีกฎหมายที่พอจะช่วยให้เราสามารถใช้ชีวิตอย่างสงบๆ แบบที่มึงชอบ โดยที่ไม่ต้องไปวุ่นวายกับใครได้ แต่ในโลกใบนี้มันไม่ใช่นะมึง”

“...”

“ถ้าไม่มีพลังแล้วไม่มีเหตุต้องใช้ก็ไม่เป็นไร

ถ้ามีพลังแล้วแล้วมีเหตุให้ต้องใช้มันก็ไม่เป็นไร

แต่ถ้าไม่มีพลังแล้วมีความจำเป็นที่จะต้องใช้มัน

มึงจะต้องเป็นคนที่มานั่งเสียใจที่สุดนะไม่ใช่กูหรือใครทั้งนั้น

เพราะว่าคำว่า “ถ้าหากว่า” มันเป็นเพียงแค่คำปลอบใจ และในโลกที่หรือโลกไหนๆ ก็ไม่มียาอะไรที่จะสามารถรักษาความเสียใจของมึงได้ทั้งนั้น”

“กูรู้ว่ากูอาจจะพูดหนักไป แต่ถ้าหากมึงยังไม่ยอมฝึกจริงๆ มึงก็จะเอาของออกจากตู้เย็นมากกว่านั้นเลยไม่ได้นะ กูบอกเลยว่ากูเอาอะไรใส่ไว้ในนั้นมากมายกว่าที่มึงคิดเชียวละ”

“...”

“สุดท้ายนี้ไม่ว่ามึงจะเลือกที่จะฝึกหรือไม่ฝึกก็แล้วแต่มึง แต่กูอยากให้มึงจำเอาไว้ว่าหากมีความจำเป็นและไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว มึงต้องยอมรับความเชื่อของมึงเองให้ได้นะ เพราะจะมีเพียงแค่ตัวมึงเท่านั้นที่สามารถช่วยเหลือตัวมึงเองได้ ไม่ว่ามึงจะมีใครอยู่ข้างกายก็ตาม...โชคดีมึง”

.

.

.

ในห้วงแห่งความฝันนั้นอาจจะเป็นเพียงแค่ไม่นานสำหรับเย่หัว แต่ว่าสำหรับโลกภายนอกนั้นมันแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง เพราะตอนนี้จากที่ดวงตะวันอยู่กลางท้องฟ้า ในตอนนี้เวลาล่วงเลยไปจนตอนนี้ดวงตะวันแทบจะหายไปในทิวเขาแล้ว เท่ากับว่าเหลือเวลาอีกเพียงแค่ราวๆ ครึ่งชั่วยามก่อนที่จะมืดค่ำ

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ก่อนที่เย่หัวนั้นจะหลับกลางอากาศไปนั้น มีชาวบ้านหลายคนที่มองเห็นความอ่อนล้าความอิดโรยของเด็กหญิงได้อย่างชัดเจน แต่ถึงอย่างนั้นเด็กหญิงก็จะทำเพียงแค่ยิ้มให้พวกเขาและกล่าวว่า

‘ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ อีกเพียงแค่เดือนเดียวก่อนจะเข้าหน้าหนาว ข้าไม่รู้ว่าหน้าหนาวในปีนี้จะมาเร็วหรือช้า แต่อย่างน้อยที่สุดขอให้ข้าได้ช่วยมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างน้อยข้าก็หวังให้หน้าหนาวในปีนี้เป็นหน้าหนาวที่เป็นช่วงเวลาดีๆ ของเด็กๆ ทุกคนเจ้าค่ะ’

และแล้วก็เป็นไปตามคาดของหลายๆ คน เมื่อเห็นวัตถุดิบกองโตที่อยู่ในบ้านลามออกไปหลังบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเนื้อ หรือกองมันกองโตที่มีทั้งกองที่ถูกเตรียมเอาไว้เพื่อเป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ และกองที่ต้องเตรียมเอาไว้เพื่อเป็นอาหารให้คนจำนวนมาก 

ยังไม่รวมกับลูกอมจำนวนมากพอที่จะให้เด็กๆ และผู้ใหญ่ไปอดเล่นในระหว่างการทำงาน เพื่อไม่ให้อ่อนแรงในระหว่างวัน

สุดท้ายแล้วนางก็ล้มลงต่อหน้าผู้คนมากมาย จนกลายเป็นความวุ่นวายอยู่นานพอดู เพราะสำหรับผู้คนส่วนใหญ่แล้วนางนั้นเปรียบได้ดั่งเซียนตัวน้อยที่ลงมาโปรดพวกเขา ทำให้แทบจะทุกคนนั้นต่างก็เป็นห่วงเป็นใยเป็นเดือดเป็นร้อนแทนนางกันยกใหญ่...

จะมีก็แต่คนกลุ่มหนึ่ง ที่เฝ้ารอให้ความวุ่นวายแบบนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว...

“ตอนนี้แหละ!!”

 .................................

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เยว่หัว แม่ครัวจิ๋วแสบสะท้านภพ   บทที่ 84 แปดเซียนสองเทวะหนึ่งอรหันต์(1)

    บทที่ 84 แปดเซียนสองเทวะหนึ่งอรหันต์(1)จากแสงของดวงตะวันที่เริ่มอ่อนแรงลงในยามโพล้เพล้ เปลี่ยนเป็นแสงสว่างที่สาดกระทบลงมาทั่วหุบเขาในเสี้ยวพริบตา ทำให้ชาวบ้านทุกคนตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น จนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไปโดยเฉพาะความรู้สึกเคารพ นอบน้อม และหวั่นเกรงต่อแสงสว่างเหล่านั้น แม้ว่าพวกเขาทุกคนจะไม่สามารถมองเห็นต้นเหตุของแสงสว่างเหล่านั้นได้ แต่ว่าความรู้สึกของพวกเขาทุกคน แทบจะไม่แตกต่างกันเลยและในเวลาเดียวกัน สายตาของทุกคนก็หันมองไปทางนางเซียนน้อยของพวกเขา ผู้ซึ่งนำพาแสงสว่างอันศักดิ์สิทธิ์สงบร่มเย็นมายังหุบเขาแห่งนี้ ที่ตอนนี้แม้แต่ตัวนางเองก็ยังมองไปยังฟากฟ้าไม่แตกต่างจากทุกคน...ส่วนที่แตกต่างกันนั้นก็คงจะเป็นภาพ ที่ปรากฏอยู่ในดวงตาของเยว่หัวนั้น มันเป็นกลุ่มก้อนรูปร่างคล้ายคลึงกับมนุษย์โปร่งใส แต่มีขนาดและสีสันต์ที่แตกต่างกันไป ตั้งแต่ตัวเล็กๆ กว่าปลายเข็ม ไปจนกระทั่งตัวโตจนสูงกว่ายอดเขาที่สูงที่สุดด้วยซ้ำ...“ไม่อยากจะเชื่อ ตกลงว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่...”เยว่หัวมองไปยังภาพที่ปรากฏตรงหน้าของนาง ด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย แต่ยังไม่ทันที่นางจะได้คิดไปไกลเกินกว่านั้น

  • เยว่หัว แม่ครัวจิ๋วแสบสะท้านภพ   บทนำเล่มสาม ดินแดนแห่งชีวิต...หุบเขาธิดาสวรรค์

    บทนำเล่มสาม ดินแดนแห่งชีวิต...หุบเขาธิดาสวรรค์อีกไม่นานหลังจากนี้...ดินแดนแห่งนี้จะเป็นที่กล่าวถึงของผู้คนมากมายดินแดนแห่งนี้ที่เคยเป็นดินแดนแห่งความตายดินแดนแห่งนี้ที่ผู้คนเคยหลีกหนีดินแดนแห่งนี้ที่เคยถูกทอดทิ้งโดยผู้คนมากมายดินแดนแห่งนี้ ที่แทบจะไม่เหลือใครในอีกไม่กี่ปีต่อมา ถ้าหากไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆดินแดนแห่งนี้ ที่ผู้คนภายนอกส่วนใหญ่ต่างมองว่า มันคือดินแดนที่ตายไปแล้วดินแดนแห่งนี้คือหุบเขาที่มีเพียงแค่ความแห้งแล้ง ที่มีเพียงแค่ซากแห่งชีวิต ที่ค่อยๆ แห้งเหือดลงไปในทุกทุกขณะมันคือดินแดนแห่งความสิ้นหวัง ที่ไม่มีใครอยากจะไปเข้าใกล้มัน เพราะไม่ว่าจะเป็นพื้นดินที่แห้งแล้ง ไม่ว่าจะเป็นหุบเขาที่เต็มไปด้วยสัตว์อสูร แล้วยังมีความลับต่างๆมากมาย ที่เคยพรากชีวิตผู้คนไปนับไม่ถ้วนในตลอดระยะเวลา 10 ปี จนทำให้ภูเขาแห่งนี้ เป็นที่ที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกไปโดยสมบูรณ์ เพราะว่าแม้แต่คนภายในเองก็ยังพยายามที่จะหลีกหนี พวกเขาพยายามที่จะกระเสือกกระสนเอาชีวิตรอดออกมาจากดินแทนแห่งนั้น…แต่อยู่มาวันหนึ่ง...ดินแดนที่เคยไร้ซึ่งชีวิตและความหวัง ก็ได้เกิดปรากฏการณ์สะเทือนฟ้าสะเทือนดิน จนผู้คนที่พบ

  • เยว่หัว แม่ครัวจิ๋วแสบสะท้านภพ   บทที่ 82 บทพิเศษ “เราไม่ลงนะรกแล้วผู้ใดจักลงนรก” (2)

    บทที่ 82 บทพิเศษ “เราไม่ลงนะรกแล้วผู้ใดจักลงนรก” (2)“…!!”ในทันทีที่ชาได้สติขึ้นมา มองไปยังใบหน้าของพระปัจเจกพุทธเจ้าพระองค์นั้น ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างออก ปากอ้าหุบอ้าหุบพะงาบพะงาบราวกับต้องการจะพูดบางสิ่งบางอย่างออกไป แต่เขารู้ดีว่าความหวังของเขามันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ต่อให้ใบหน้านั้นจักคุ้นเคยและคล้ายคลึงกับคนที่เขาเฝ้าตามหามาช่วยชีวิตสักแค่ไหน แต่มันก็เป็นไปไม่ได้อย่างเด็ดขาดที่ใครสักคนหนึ่งจะมีใบหน้าเหมือนอีกคน ขนาดนี้จะเป็นคนคนเดียวกัน...‘บางทีอาจเป็นข้าเองที่จำผิด...’เขาพยายามปลอบใจตัวเอง แล้วดึงสติกลับมาในเหตุการณ์ปัจจุบันอีกครั้ง สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น และเขาจะช้าไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว…“พระคุณเจ้าขอรับ...”“เรารู้ว่าเจ้ามหาเราทำไม พูดออกมาเถิดเพราะว่าเจ้าคงจะรู้ดีอยู่แล้วว่าเรานั้นสามารถทำอะไรได้หรือไม่ได้”สิ่งที่พระปัจเจกพุทธเจ้าพระองค์นั้นกล่าวออกมานั้นไม่ผิดเลย สำหรับคนที่เคยเข้าเฝ้าพระปัจเจกพุทธเจ้าและพระพุทธเจ้ามาแล้วมากมายนับไม่ถ้วน สำหรับเขาที่มีชีวิตอยู่มานานมากขนาดนั้น มีหรือที่เขาจะไม่รู้ในข้อนี้เพราะว่าสำหรับพระที่บรรลุอรหันต์แล้ว

  • เยว่หัว แม่ครัวจิ๋วแสบสะท้านภพ   บทที่ 81 บทพิเศษ “เราไม่ลงนะรกแล้วผู้ใดจักลงนรก” (1)

    บทที่ 81 บทพิเศษ “เราไม่ลงนะรกแล้วผู้ใดจักลงนรก” (1)#บทนี้เป็น บท ย่อยแยกอีกบทหนึ่งนะครับ#ย้อนกลับไปในตอนก่อนที่เขาจะมอบระฆังธรรมให้กับเพื่อน ในขณะนั้นชาได้สังเกตเห็น ถึงความตั้งใจที่จะสั่งสอนธรรมะของเพื่อน แต่ด้วยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา การที่นางไม่สามารถจดจำข้อธรรมใดๆ ได้มากนักก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไรเนื่องจากว่าการที่เขาได้ทำการล้วงเอาจิตของนางขึ้นมาจากนรกนั้น มันเป็นเรื่องที่ทำการฝืนชะตากรรมของคนคนหนึ่ง และการที่เขา เรียกดวงจิตเดิมของนางที่ควรจะแตกดับไปนานแล้ว ตลอดไปจนถึง สัญญาสังขารและวิญญาณแต่เดิมของนาง ในภพแรกที่พวกเขาทั้ง 2 คนได้เจอกันโดยวิธีการเปิดพระธรรมคำสั่งสอนจากระฆังธรรม ให้ดวงจิตที่แตกสลายของนางได้ฟังซ้ำไปซ้ำมาครั้งแล้วครั้งเล่า ยาวนานนับหมื่นปีกว่าที่ดวงจิตของนางจะสามารถเรียกสติกลับคืนมาได้อีกครั้ง ซึ่งมันก็เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เหล่าสัตว์นรกบางส่วนที่พอมีฤทธิ์สามารถแทรกออกมายังบนโลกอีกครั้ง...และนั่นก็คือเหตุผลที่ว่าทำไมจู่ๆ นางถึงเหมือนกับว่า สามารถอธิบายข้อธรรมคำสั่งสอนทั้งหลาย ออกมาได้ราวกับเคยศึกษามันมาอย่างถ่องแท้ ทั้งๆ ที่ตัวนางแทบจะไม่เคยศึกษาเรื่องราวในแน

  • เยว่หัว แม่ครัวจิ๋วแสบสะท้านภพ   คุยกันแบบจริงจังก่อนขึ้นเล่มสาม(เนื้อเรื่องที่แท้จริง)

    ก่อนอื่นเลยที่สำคัญที่สุดต้องขอบคุณมากๆ เลยนะครับ ที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้(น่าจะเหลือไม่ถึง1/10ของคนที่หลงเข้ามาที่จะเดินมาจนถึงจุดนี้) ดีใจที่เดินทางมาด้วยกันจนถึงจุถดเริ่มต้นที่แท้จริงของนิยายเรื่องนี้ครับใช่แล้วครับ…ตั้งแต่บทนำมาจนถึงตอนนี้เพิ่งจะเป็นส่วนที่ปูจุดเริ่มต้นของ เย่หัว-เยว่หัว ให้ทุกคนได้รู้จักตัวตนและสภาพแวดล้อมของนาง โลกที่นางอยู่ ผู้คน สังคม รายละเอียดที่จะทำให้เข้าใจเนื้อหาหลัก และเหตุผลของการกระทำต่างๆ ที่นางจะทำต่อจากนี้ไป จนบางครั้งอาจจะเป็นการกระทำที่ “โหดเหี้ยม” แบบไร้เหตุผลเลยก็มี เล่ม1-2จะเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวในส่วนของ “บทนำ” แต่หลังจากเล่ม 3 เป็นต้นไปก็จะเข้าสู่ปฐมบทที่แท้จริง ตามชื่อบทของบทนี้ครับ เราจะคุยกันแบบจริงจังกับเนื้อเรื่องที่แท้จริงกันครับ อย่างแรกเลยก็คือหลังจากนี้จะต้อนรับเข้าสู่โลกแห่งความแฟนตาซีที่แท้จริง ของแม่ครัวตัวจิ๋วที่รักในการทำอาหารให้ผู้คนได้ลิ้มรส เป็นหนึ่งในความสุขของนาง และเป็นสิ่งสำคัญที่จะคอยยึดเหนี่ยวตัวนางเอาไว้ ส่วนยึดนางจากอะไรนั้นต้องไปติดตามในเนื้อเรื่องครับอย่างที่สองก็คือเรื่องของความแฟนตาซีและโลกในจินตนาการที

  • เยว่หัว แม่ครัวจิ๋วแสบสะท้านภพ   บทที่ 80 เลี้ยงส่ง(จบ)

    บทที่ 80 เลี้ยงส่ง(จบ)หลังจากที่เยว่หัวสามารถเรียกสติของผู้คนกลับมาได้อีกครั้ง ตลอดช่วงเช้าไปจนถึงเที่ยง นางก็ทำการจัดแจงแบ่งกลุ่มคนออกเป็นกลุ่มๆ โดยที่ไม่ลืมนำวัตถุดิบจำนวนมากออกมา แล้วจัดแจ้งเตรียมการฝึกซ้อมทั้งหมด กว่าที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางก็ปาเข้าไปจนถึงช่วงเที่ยงแล้วซึ่งในระหว่างที่ทำการฝึกซ้อมปรุงอาหารชนิดต่างๆ นั่นเอง เหล่าแม่บ้านและเด็กๆทุกคนต่างก็ได้ลองชิมอาหารกันอย่างเต็มอิ่ม และเมื่อเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว ทุกคนเลยหยุดพักกันในตอนเที่ยงพอดิบพอดี และถือเป็นการพักท้องอีกครั้ง เนื่องจากในตอนนี้ทุกคนแทบจะท้องแตกเสียแล้วส่วนฝั่งของจางหลงที่เป็นฝ่ายจัดเตรียมสถานที่ ซึ่งพวกเขาทุกคนก็ทำเต็มที่ในหน้าที่ของตนเอง แต่ด้วยข้อจำกัดของหลายๆสิ่งหลายๆอย่าง โดยเฉพาะเวลาที่มีอยู่เพียงแค่ไม่กี่ชั่วยามเท่านั้น พวกเขาจึงตกลงกันใหม่ว่า จะจัดเป็นโต๊ะไม้ยาวๆ ขนาด 6 ถึง 8ที่ แทนที่แผนการจะทำโต๊ะชุดวงกลม และโต๊ะทั้งหมดจะหันหน้าเข้าหาเวที ด้านเดียว ส่วนตัวเวทีเองก็จะสร้างขึ้นมา โดยการขุดดินมาถมเป็นเนินสูงขึ้นประมาณหัวเข่า ใช้ดินเหนียวในการป้ายโดยรอบเพื่อไม่ให้หน้าดินพัง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status