LOGIN“ฉันไล่แกออก!ไสหัวไปเลยนะจะไปไหนก็ไป”
“ขะขอโทษครับคุณหนู” “อะไรกันอีกยายวี นี่ลูกไล่คนขับรถออกอีกแล้วหรอ เดือนนี้คนที่สี่เข้าไปแล้วนะ อะไรนักหนานะลูกคนนี้” ก็จะอะไรกันเล่าคนขับรถที่คุณพ่อหามาให้ฉันแต่ละคนมีแต่ดีๆทั้งนั้นจนฉันอดไม่ไหวได้ไล่กราดออกให้หมดๆไป คนนึงแก่มาเชียวพูดอะไรบอกอะไรก็ไม่ค่อยได้ยินจนฉันรำคาญไล่ออกไปแล้ว อีกคนก็พูดมากขี้โม้เก่งอย่างนู้นเก่งอย่างนี้ ถ้าเก่งมากจะมาเป็นคนขับรถทำไมก็ไปหาอย่างอื่นทำเสียสิ คนล่าสุดที่ฉันเพิ่งไล่ออกสาเหตุก็มาจากฉันเกลียดสายตาจาบจ้วงละลาบละล้วงของมัน เกลียดเวลาที่มันชอบมองฉันเหมือนอยากจะถอดเสื้อผ้าฉันออกอย่างนั้น ช่างไม่เจียมตัวเอาซะเลย “ไม่รู้ล่ะคุณพ่อหาคนขับรถมาให้วีใหม่ก็แล้วกัน ภายในสองชั่วโมงนี้เลยด้วยเพราะอีกเดี๋ยววีจะออกไปช็อปปิ้ง” “ยายวี...แล้วพ่อจะไปหาจากไหนมาให้แกทันเวลานี้ ทำไมถึงเอาแต่ใจตัวเองนักนะ” ทำไมพ่อต้องส่ายหน้าทำเหมือนฉันเป็นตัวปัญหาตลอดเวลาอย่างนั่นล่ะ ที่ฉันเป็นแบบนี้มันก็เป็นเพราะใครกันล่ะ “ก็มันเป็นเพราะใครกันล่ะที่ทำให้วีต้องเป็นแบบนี้” ฉันสะบัดหนีเพราะไม่อยากจะเถียงกับท่านอีก “ยายวี...ยายวี” ฉันชื่อวีร่าเป็นลูกสาวคนโตของพ่อ ส่วนแม่ก็ตรอมใจจากไปเมื่อสี่ปีแล้ว เมื่อก่อนฉันก็เป็นเด็กดีว่านอนสอนง่ายนะ แต่พอรู้ว่าพ่อแอบซุกเมียน้อยแถมยังมีลูกด้วยกันอีกเอาไว้หลังจากแม่เสียไปได้ไม่นาน นั่นก็ทำให้ฉันรู้ว่าที่แม่ตายสาเหตุมาจากใครกันแน่ ฉันเกลียดเขาเกลียดที่เขามักมากจนทำให้แม่ตาย เกลียดนังผู้หญิงคนนั้นและลูกของมันที่มาแย่งพ่อของฉันไป แต่เกลียดแสนเกลียดยังไงสุดท้ายเราก็ต้องอยู่ด้วยกันอยู่ดี แต่แรงเกลียดนี้มันผลักดันให้ฉันกลายเป็นคนร้ายๆไปโดยปริยาย โชคดีของฉันที่คุณพ่อท่านมีเงินมากมายให้ฉันไว้ถลุงเล่นเวลาอารมณ์ไม่ดี ไม่อย่างนั้นชีวิตฉันคงอาภัพแย่เลยเชียวล่ะ สองชั่วโมงต่อมา “คุณพ่อแล้วคนขับรถของวีมารึยัง วีจะออกไปข้างนอกแล้ว” สาเหตุที่ต้องมีคนขับรถตลอดก็เพราะฉันขับรถไม่เป็นไงล่ะเวลาไปไหนมาไหนก็เลยจำเป็นต้องมีคนคอยขับรถให้ แต่ที่ผ่านมาหลายปีรู้สึกว่าจะเปลี่ยนคนขับรถเป็นว่าเล่น บ้างก็มาทำได้เดือนนึงบ้างก็หนึ่งอาทิตย์ ถ้าหากไม่โดนไล่ออกเองก็มาขอลาออกเองเพราะทนกับความเจ้าอารมณ์ของฉันไม่ได้ เป็นไงล่ะสุดๆไปเลยไหมล่ะฉันน่ะ... “อือโน่นพี่เขามารอแล้ว” “ดีค่ะ งั้นวันนี้วีขอเงินสักล้านนึงนะคะ” “อะไรกันยายวีเมื่อวานเพิ่งขอไปล้านนึงหมดแล้วหรือไงทำไมใช้เงินเก่งขนาดนี้ห๊ะ” “คุณพ่อจะบ่นไรนักหนาคะให้ๆมาเถอะค่ะแค่นี้ขนหน้าแข้งคงไม่ร่วงหรอกหรือจะเก็บเอาไว้ให้ลูกเมียน้อยกับแม่มันใช้เท่านั้น” “ยายวี...” คนเป็นพ่อครางชื่อลูกเสียงอ่อนใจ คุณวัลลภผู้เป็นพ่อจำต้องกดมือถือโอนเงินเข้าบัญชีให้ลูกสาวหนึ่งล้านตามที่ขอเพราะไม่อยากมีปัญหาให้ปวดหัวอีก “ก็แค่นี้...วีไปนะคะ” “เดี๋ยว” “อะไรอีกคะ” ฉันก็หันไปทำหน้าเหวี่ยงใส่พ่อเฉย “แกจะออกไปชุดนี้หรอ” ชุดนี้ของพ่อก็คือเสื้อสายเดี่ยวอวดเต้าอวบอิ่มมาครึ่งเต้าโชว์เอวลอยกับกระโปรงผ้าสั้นลอยเหนือเข่ามาคืบนึงเอง “ก็ค่ะ ทำไมคะมันไม่สวยหรอคะ” “ไปเถอะแกจะไปไหนก็ไปเถอะ” คุณวัลลพขี้เกียจเถียงกับเด็กไม่รู้จักโตเลยโบกมือไล่ให้ไป‘อ้าวแล้วไหนล่ะคนขับรถที่คุณพ่อว่า’
ฉันมองๆรอบๆบ้านเพื่อมองหาคนขับรถคนใหม่ที่คุณพ่อหามาให้จนไปเห็นร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งยืนหันหลังให้อยู่ “นี่ นาย...นายนั่นแหละเป็นคนขับรถคนใหม่ใช่ไหม? มานี่สิฉันจะไปข้างนอกแล้วเร็วๆร้อน!” ฉันสั่งๆอย่างหงุดหงิดแต่พอเขาหันหน้ามา คุณพระ!หัวใจฉันมันเต้นไม่เป็นจังหวะเลยจริงๆ “ครับ” เขาตอบกลับมาสั้นๆก่อนจะเดินมาเปิดประตูให้ฉันเข้าไปนั่งฝั่งผู้โดยสารด้านหลัง “ไปห้างxxxxนะฉันจะไปช๊อปปิ้ง” “ครับ” เขาหล่อมากนะตั้งแต่มีคนขับรถมาไม่เคยเจอใครหล่อเหลาขนาดนี้มาก่อนเลย แต่ว่าหน้านิ่งๆท่าทางหยิ่งผยองนั่นมันทำให้ฉันหงุดหงิดเหลือเกิน แต่ก็ช่างเถอะหล่อแค่ไหนเขาก็เป็นได้แค่คนขับรถนี่แหละ “ตามฉันมาถือของด้วย” เมื่อรถมาจอดถึงในห้างฉันก็หันไปสั่งสั้นๆแล้วเดินเข้าไปในโดยมีเขาเดินตามหลังมาสีหน้าราวกับเบื่อหน่าย “นี่นายโดยใครบังคับมารึไง ถ้าไม่เต็มใจก็ลาออกไปซะสิ” ฉันอดไม่ได้ที่จะหันไปโวยวายใส่เขาเสียงดัง “เปล่าครับ หน้าผมก็เป็นอย่างนี้เองเชิญคุณไปทำธุระของคุณให้เสร็จเถอะ” “จิ๊ะ!” ฉันจิ๊ปากใส่แล้วเดินหนีไปยังโซนข้างของเครื่องใช้ของเด็กๆเลือกซื้อแพมเพิรสใส่รถเข็นเอาทุกไซส์ ขนมนมเนยหลายอย่างรวมทั้งของเล่นเด็ก ใช้เวลาเลือกซื้อรวมทั้งไปจ่ายเงินและขนขึ้นรถก็กินเวลาไปเกือบสองชั่วโมงเต็ม โดยที่เขาซึ่งเป็นคนขนก็ไม่บ่นสักคำเหมือนกัน แต่เขาก็อาจจะแอบบ่นในใจก็ได้นี่ใครจะกล้าบ่นต่อหน้าเจ้านายอย่างฉันกันเล่า เนื่องจากข้าวของที่ขนซื้อมาเยอะจนเต็มคันรถดังนั้นฉันเลยจำต้องระเห็จมานั่งข้างหน้ากับเขาแทน “ไปบ้านเด็กกำพร้าxxxเลยรู้ทางไหม” “รู้ครับ” “ดี!” ระหว่างนั่งไปภายในรถก็นิ่งเงียบงันจนฉันรู้สึกอึดอัดจนต้องแสร้งหยิบมือถือขึ้นมาเล่นแทน หน้าจอกดเข้าแอพอินสตราแกรมแล้วกดรูปเลื่อนลงดูแก้เหงา สักพักข้อความDmก็เด้งขึ้นเป็นข้อความจากเพื่อนสนิทฉันเอง ‘อีวีนี่ใช่ผัวมึงรึเปล่า’ (ส่งรูปภาพ) ในภาพที่ส่งมาเป็นรูปของผู้ชายที่หน้าตาคุ้นเคยเพราะกำลังคบกันอยู่ได้สามเดือนกว่าๆและดูท่าจะไปได้ดีถ้าไม่ติดว่ามีรูปนี้หลุดมาซะก่อนกับอีกผู้หญิงอีกคนที่เห็นหน้าไม่ชัดกำลังเดินกอดกันอยู่ ‘เออใช่ มึงเจอที่ไหน’ มือฉันก็รีบพิมพ์จิ้มไปตามทันที ‘ก็ม่านรูดแถวบ้านกูแหละ’ “ระยำ” ช่วยไม่ได้ที่ฉันเผลอสบถหยาบคายออกมาจนนายคนขับรถสะดุ้งโหยงเลยทีเดียว ‘ขอบใจมากนะมึงที่ช่วยไม่ให้กูเป็นคนโง่’ ‘เออๆเพื่อนกัน มึงก็อย่าคิดมากล่ะเหี้ยๆอย่างนี้ปล่อยมันไปตายโลด’ ‘เออนั่นสิ’ แค่นี้ฉันไม่รู้สึกอะไรหรอกเพราะตลอดชีวิตที่ฉันเจอมา แค่นี้ยังถือว่าจิ๊บๆผ่านมาก็ถือเสียว่าค่าโง่แล้วกัน จิ้มมือถือไปมาก็ชักจะเวียนหัวแล้วฉันเลยเลิกเล่นแล้วเก็บมันเข้ากระเป๋าแทน นั่งมองสองข้างทางไปเรื่อยจนเผลอไปมองใบหน้าคมสันนั้นได้ยังไงก็ไม่รู้ คนอะไรจมูกโด๊งโด่งจนฉันชักอิจฉาก็จะอะไรล่ะขนาดของฉันยังต้องไปเสริมเพิ่มเลยไม่งั้นจะสวยได้ขนาดนี้หรอ แต่ของเขาคาดว่าคงธรรมชาติให้มาล้วนๆดูยังไงก็ไม่ใช้สิริโคนหรอก นั่นขนตาหรือว่ากันสาดกันนะทำไมทั้งดกดำแถมยังงอนจนทำให้บางครั้งเขาก็กลายเป็นผู้ชายหน้าหวานในบางมุม แต่เพราะหนวดเคราที่ขึ้นบางๆตรงสันกรามก็ทำให้เขาดูเป็นผู้ชายคมเข้มเจ้าเสน่ห์ไปเลย จ้องไปจ้องมาเพลินรู้ตัวอีกทีก็สบตาเข้ากับดวงตาสีคาราเมลเข้าเสียแล้วจนต้องถอนสายตาหนีดวงตาเจ้าเสน่ห์คู่นั้น “เป็นผู้หญิงแบบไหนกันแอบมองผู้ชายอยู่ได้” หืม...นี่เขากำลังว่าฉันอยู่ใช่ไหม “แล้วทำไมนายเป็นเทวดาหรือไงฉันถึงมองไม่ได้” “ก็ไม่ใช่ แต่คุณเป็นผู้หญิงจะมามองจ้องผู้ชายแบบนี้ไม่ได้มันน่าเกลียด” “คุณพ่อฉันยังไม่เคยว่าแล้วนายเป็นใครถึงต้องมายุ่ง” “ก็เพราะคุณนิสัยแบบนี้ไงใครๆเขาถึงไม่อยากจะยุ่งด้วย” “เอ๊ะนี่นาย!...” “ถึงแล้วครับ” ก่อนที่ฉันจะโมโหเขาไปมากกว่านี้ เขาก็ตัดบทด้วยการบอกว่าถึงที่ต้องการมาแล้ว อารมณ์หมั่นไส้ที่มีมากทำให้ฉันสะบัดหน้าหนีเขาไปอย่างไว “พี่วีมาแย้ว” “ซาหวัดดีค่า” “เย้ๆพี่วีมาแย้วพวกเราคิดถึงพี่วีมั่กๆเยย” เมื่อมาถึงเสียงเล็กๆฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างก็วิ่งออกมาต้อนรับกันอย่างอึกทึกครึกโครม น่าแปลกที่ว่าคุณหนูอารมณ์ร้ายอย่างฉันกลับไม่รู้สึกหงุดหงิดหรือรำคาญแม้แต่นิดเลย แต่กลับรู้สึกดีลึกๆมันมีความสุขแปลกๆที่ได้แบ่งปันความสุขให้เด็กๆบ้าง เหลือบมองไปเห็นนายนั่นเดินหิ้วของพะรุงพะรังมาเต็มสองมือพร้อมกับคุณครูที่คอยดูแลเด็กๆอีกสามสี่คนช่วยกันหิ้วข้าวของมา “สวัสดีค่ะแม่ครู” “ไหว้พระเถอะลูก วันก่อนก็เพิ่งมาไม่ใช่หรือลูกทำไมรีบมาอีก” “อ๋อพอดีวันก่อนครูพี่ดาวบอกว่าแพมเพิรสของเด็กๆหมดวีเลยซื้อมาเพิ่มให้น่ะค่ะ” “ครูดาวก็ไปรบกวนหนูวีอีกแล้วเงินที่หนูวีให้ไว้เมื่อวันก่อนยังมีอยู่เลย” “ไม่เป็นไรค่ะแม่ครูวีเต็มใจ ไปค่ะเด็กๆไปแกะของเล่นกันค่า” เด็กๆก็วิ่งมาจูงมือฉันพากันไปแกะของเล่นหลายๆอย่างที่ฉันขนซื้อมาให้เด็กๆไว้เล่นด้วยกันรวมทั้งพวกเครื่องเขียนและสมุดวาดรูป เล่นกันอยู่พักใหญ่โดยมีนายคนขับรถที่พักหลังๆแอบมองฉันด้วยสายตาแปลกๆก็มาร่วมเล่นกับเด็กๆด้วยอย่างสนุกสนานจนกระทั่งถึงเวลาต้องกลับบ้านแล้ว . . .วันต่อมาผมก็พาพี่ปรางกลับบ้านที่มีลูกชายเธอและเพื่อนสนิทผมนั่งหน้าบอกบุญไม่รับรออยู่ก่อนแล้ว“แม่ไปไหนมาทำไมไม่กลับบ้านแล้วนี่ไปไหนกันมา”เมื่อมาถึงคิวก็เดินดุ่มๆเข้ามาถามสีหน้าและแววตาเกรี้ยวกราดสุดฤทธิ์คนเป็นแม่ได้แต่ก้มหน้านิ่งเพราะรู้ว่าตัวเองผิดจริงๆ“ว่าไงไอ้โจ้มึงพาแม่กูไปไหนมาทั้งคืนทำไมถึงเพิ่งกลับมากันป่านนี้”“คือ..ว่าไอ้คิวมึงฟังกูพูดก่อนนะคือ..” ผมเองก็ยังหวาดๆกับสีหน้าเกรี้ยวกราดของมันจนถึงขั้นตัวลีบเลยทีเดียว“ฟังเหี้ยอะไร!มึงพาแม่กูหายไปทั้งคืนเนี่ยนะไอ้สัสโจ้” ไอ้คิวตะคอกใส่ผมเสียงดีังลั่น“คิวใจเย็นๆก่อนนะลูกค่อยๆพูดกันก็ได้” พี่ปรางพยายามปลอบไอ้คิวเสียงอ่อนพลางลูบหลังมันเบาๆ“งั้นแม่ก็บอกมาดิว่าหายไปไหนกับมันมาทั้งคืน” ไอ้คิวตะคอกใส่พี่ปรางจนหน้าเสีย“ไอ้สัสคิวมึงอย่าตะคอกใส่แม่มึงแบบนั้นสิวะ” พอเห็นเมียผมหน้าเสียแบบนั้นก็อดสงสารไม่ได้“อย่าเสือกนี่แม่กู!”“แม่มึงแต่เมียกู!”“ไอ้สัสโจ้!”ผลั๊ว!เสียงหมัดหนักๆกระแทกเข้าที่ตรงปากและจมูกผมพอดีจนมึนไปชั่วครู่สักพักลิ่มเลือดก็ไหลออกมาจากมุมปากผมเล็กน้อย“ว๊าย!อย่านะลูกหยุดๆ” พี่ปรางร้องไห้เสียงดังพยายามรั้งแขนไอ้คิวไม่ให
บันทึกพิเศษปรางในความเย็นเยียบที่ได้รับทำให้ฉันรู้สึกหนาวจนสั่นสะท้านวาบไปทั่วทั้งร่างกายรับรู้ว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงนุ่มๆแต่ทว่า...ผ้าห่มไปไหน?รู้สึกได้ว่าตัวเองนอนเปลือยเปล่าซึ่งนั่นเป็นปกติเวลาที่ฉันเข้านอนจะชอบโนบราและแก้ผ้านอนเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ว่าทำไมคืนนี้มันหนาวผิดปกติกันนะแม้จะแปลกใจแต่มือฉันก็ปัดป่ายควานหาผ้าห่มที่คาดว่าตัวเองน่าจะถีบออกจากตัวไปอยู่มุมไหนสักที่นั่นแหละ คลำหาไปได้สักพักก็รู้สึกว่าตัวเองไปคว้าหมับเข้ากับอะไรสักอย่างที่มัน ‘ร้อนผ่าว’ และนุ่มนิ่มมือ เมื่อเห็นว่าเออจับแล้วมันก็อุ่นดีฉันก็เลยจับๆขยำๆไปเรื่อยๆสักพักอ้าวเห้ย!ทำไมมันใหญ่ขึ้นวะ?แถมมันยังแข็งและร้อนราวกับอังไฟมา รูปร่างลักษณะมันคลับคล้ายคลับคลาเหมือนกับ....ไอ้นั่นของผู้ชาย!แม้จะไม่อยากลืมตาตื่นสักเท่าไหร่แต่ความสงสัยก็ทำให้ฉันต้องตื่นลืมตามองสิ่งที่อยู่ในมือ แต่แวบแรกเลยทีเห็นคือแผงอกแกร่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามลากสายตาลงมาก็หน้าท้องหนั่นแน่นชวนให้ลูบไล้ขยำเล่นดีจังถัดมาก็เออ!นั่นแหละฉันกำลังจับไอ้นั่นของเพื่อนลูกชายอยู่ แถมไม่ได้จับธรรมดานะทั้งลูบคลึงขยำชักรูดชักลงอีกต่างหาก ให้ตายเถอะนี่เธ
โรมแรมม่านรูดไม่ไกลจากห้างดังเสียงปิดประตูรถดังปังทันทีที่เด็กรับรถรูดม่านมาปิดไว้ผมยื่นเงินค่าห้องให้เด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันกับผมพร้อมทั้งทิปแล้วดึงมือพี่ปรางลากเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็วเมื่อครู่แม้จะปลดปล่อยไปแล้วครั้งนึงแต่ทว่าตรงหน้าขาผมยังแข็งปึ๋งผงาดทิ่มเนื้อผ้ากางเกงออกมาให้ได้เห็น ปวดไปหมดสงสัยมันอยากจะทลวงเข้าไปในช่องแคบอีกครั้งเสียแล้ว“อ๊ะ..เบาๆ หน่อยสิชั้นเจ็บนะ” พี่ปรางดุเบาๆ ในตอนที่ถูกผมดันร่างเธอเข้ากับพื้นผนังเย็นเยียบอย่างแรง“ขอโทษ...ผมทนไม่ไหวต้องตายแน่ๆ ถ้าไม่ได้กระแทกพี่ตอนนี้” ผมงึมงำเบาๆ ขณะริมฝีปากไล่ขบเม้มซอกคอเนียนหอมละมุน“ซี๊ดดดดด~~บ้าเวอร์ไปล่ะไปอดอยากจากไหนมาห๊ะ...”“ฮื้มม~ตัวพี่หอมจัง...พี่ไม่รู้หรอที่จริงผมอยากแล้วก็แข็งตั้งแต่เห็นพี่ที่สระว่ายน้ำแล้ว” เสียงผมสั่นกระเส่าอยากไม่อาจห้ามได้ ยิ่งได้กลิ่นหอมอ่อนลอยมามังกรยักษ์ก็อยากโผล่หัวมาทักทายเหยื่อสาวเสียแล้ว“หมายความว่าเมื่อคืนเธอแอบดูพี่ที่สระด้วยหรอ” พี่ปรางดันหน้าผมออกจากเนินอกเธอแล้วถามเสียงเข้ม“อื้ม..ก็เมื่อคืนผมนอนไม่หลับกะว่าจะไปเดินเล่นเฉยๆ ใครจะไปรู้ว่าจะได้เจอเงือกสาวแสนสวยใส่บิกินี่
คืนนั้นหลังจากถูไถแค่ภายนอกจนเสร็จสมอารมณ์หมายด้วยกันทั้งคู่ดึกๆช่วงตีสี่กว่าๆผมก็ย่องออกมานอนที่ห้องของตัวเองที่ไอ้คิวมันจัดไว้ให้แล้วหลับต่อไปยันสายตรู่ทั้งผมทั้งไอ้คิวต่างตื่นสายด้วยกันทั้งคู่โชคดีที่วันนี้เป็นวันเสาร์เราไม่ต้องรีบตื่นไปเรียน ส่วนแม่ไอ้คิวผมยังไม่เห็นเลยนะสงสัยจะเขิน“ไงมึงหลับสบายดีไหมบ้านกู” เสียงไอ้คิวถามพลางยิ้มอารมณ์ดี แน่ล่ะสิเมาหลับไปตั้งแต่หัวค่ำละมั้ง“อืม..ดีมากกูหลับสนิทเลย” เสียไปตั้งหลายน้ำจะไม่หลับได้ยังไง!“มากินข้าวก่อนนี่แม่กูทำข้าวต้มปลาไว้ให้มึงจะเอากาแฟไหมกูจะได้ให้พี่สมพรไปชงมาให้”“เออเอาก็ได้” ผมพยักหน้ารับรู้สึกอยากได้คาเฟอีนเข้ามาในร่างกายเหมือนกันเพราะเช้านี้รู้สึกไร้เรี่ยวแรงจริงๆฝีมือทำกับข้าวของแม่ไอ้คิวก็อร่อยดีนะ ส่วนคนทำไม่รู้หนีหายไปไหนแล้วผมมองๆหาก็ไม่ยักจะเห็นเลย“เออแล้วนี่แม่มึงไปไหนหรอวะ”“ไม่รู้เหมือนกันว่ะสงสัยอยู่บนห้องมั้งว่าแต่มึงเถอะวันนี้จะไปไหนต่อเปล่า”“ไม่รู้ว่ะเบื่อๆคงนอนอยู่บ้านแหละกูขี้เกียจออก”“ไปดูหนังกับกูไหมล่ะพอดีกูชวนแม่ไปดูหนังรอบบ่ายมึงไปเป็นเพื่อนกูหน่อยดิไปกับแม่สองคนกูอาย” ไอ้คิวมันบอกในขณะที่ผมนึกขำ
หญิงสาวผมเผ้าหลุดรุ่ยเนื้อตัวเปลือยเปล่ามองหนุ่มรุ่นลูกตาปรอยเนื้อตัวสั่นระริกราวกับจะอ้อนวอนขอให้เด็กหนุ่มช่วยเติมเต็มสิ่งที่เธอขาดหายไปหลายสิบปีให้หน่อย เด็กหนุ่มหลุบตามองริมฝีปากอิ่มเอิ่มที่แย้มออกดูเย้ายวนชวนให้คลุกเคล้าดื่มด่ำความหวานหอมในโพลงปากนุ่มเหลือเกิน“อื้อออออออ” เสียงหวานครางกระเส่าในลำคอเมื่อถูกเด็กหนุ่มบดจูบอย่างดูดดื่ม เรียวลิ้นอุ่นชื้นพลิกไล้ไปตามไรฟันขาวสะอาดเลาะเล็มน้ำหวานตามโพลงปากด้านในจนน้ำลายของทั้งสองคนไหลย้อยออกมาตามมุมปาก“ชอบไหม?ชอบให้ผมสัมผัสแบบนี้ไหมครับ” เสียงทุ้มแหบพร่าของเพื่อนลูกดังขึ้นอีกครั้งที่ข้างใบหูพร้อมกับลมร้อนที่เขาเป่าใส่อย่างยั่วเย้าหลังจากที่เขาละริมฝีปากออกปล่อยให้เธอได้หายใจหายคอออกบ้างหลังจากที่ถูกจูบดูดวิญญานเข้าไปหลายนาทีจากนั้นก็ลากริมฝีปากลงมายังซอกคอขาวเนียนดูดกลืนผิวเนื้ออ่อนหอมละมุนจนมันขึ้นสีคล้ำเป็นจ้ำแล้วก็ลากลงมาไซร์เนินอกอวบอิ่มเบียดชิดชูชันตั้งตะหง่านอีกครั้ง“อื้มมมมม” มีเพียงเสียงครางอื้ออึงไม่ได้สรรพ์ดังตอบรับการกระทำแค่นั้น นาทีนี้หัวสมองเธอว่างเปล่าไปหมดครุ่นคิดอะไรไม่ออกแม้แต่นิด“แม่ครับ...ผมขอเลียหน่อยนะครับ” คำพูด
ร่างขาวโพลนในชุดบิกินี่ตัวจิ๋วที่กำลังดำผุดดำว่ายอยู่ในสระท่ามกลางไฟที่สาดส่องพอให้เห็นสลัวๆชวนให้ผมนึกจินตนาการถึงนางเงือกแสนสวยที่แหวกว่ายวนไปมาขาเรียวขาวได้รูปไร้ไขมันปะปนที่กำลังตีขาบนน้ำก็ดูน่าหลงใหลชวนให้นึกถึงเวลาที่ขาเรียวงามสองข้างมาพาดบนบ่ากว้างของผมมันคงให้ความรู้สึกดีไม่น้อยเลยทีเดียวบิกินี่สีแดงสดช่างขับผิวของแม่ไอ้คิวได้ดีเหลือเกินเพราะเมื่อมันทาบลงบนร่างอรชรยิ่งทำให้ตัดกับสีผิวขาวผ่องไปทั้งตัวจริงๆ สายเส้นเล็กๆที่เกาะต้นคอเนียนนั่นดูเกะกะตาดีเหลือเกินเห็นแล้วผมอยากกระตุกมันออกทิ้งไปไม่นานเหมือนว่าแม่ไอ้คิวคงจะว่ายน้ำจนเหนื่อยแล้วมั้ง ร่างบอบบางของเธอจึงเดินขึ้นมานั่งบนขอบสระ หลังจากนั้นเธอก็ทำในสิ่งที่ผมไม่คาดคิดว่าจะได้มาเจอวันนี้นั่นก็คือแม่ไอ้คิวปลดบิกินี่ทั้งท่อนบนและท่อนล่างออกจนเหลือแต่เนื้อตัวเปลือยเปล่าท้าสายลมจากนั้นก็หยิบเสื้อคลุมมาสวมช้าๆราวกับว่าไม่ได้รู้สึกอะไรที่อยู่ๆก็แก้ผ้าท้าลมหนาวเช่นนี้ขนผมลุกซู่หอบหายใจรัวเลยล่ะรู้สึกว่าหัวใจทำงานหนักมากเวลานี้ ไม่ใช่แต่ขนนะที่ลุก ‘อย่างอื่น’ ผมก็ลุกเช่นกัน‘ให้ตายเถอะนี่แม่เพื่อนนะไอ้โจ้ท่องไว้แม่เพื่อน...แม่เพื่







