เพื่อนพี่ชาย : 2

“กูกาบบก่อนนาา” เสียงไอ้พุฒิที่พูดยานครางจนฟังแทบไม่รู้เรื่องบอกก่อนจะทำท่าสตาร์ทรถทำให้ผมต้องไปรั้งมันเอาไว้

“พอเลยไอ้เวร!เดี๋ยวกูไปส่งเองให้มึงกลับวันนี้คงไม่ถึงบ้านหรอก ลุงโจ้ครับผมรบกวนช่วยยกรถไอ้พุฒิขึ้นรถกระบะให้ผมที” หลังจากไหว้วานให้ลูกน้องพ่อที่ไร่ยกรถขึ้นให้เสร็จผมก็ประคองตัวมันไปขึ้นรถกระบะสี่ประตูคันโปรดของผม ตั้งใจว่าส่งเสร็จแล้วก็จะกลับมานอนที่บ้าน

เรื่องของเรื่องก็คือว่าเพื่อนผมคนนี้มันดันอกหักจับได้ว่าแฟนแอบปันใจไปให้คนอื่นเสียใจฟูมฟายแวะมาชวนผมกินเหล้าที่บ้านแล้วดันเมาไม่ได้สติอีก ผมชื่อทอยส่วนมันชื่อไอ้พุฒิเรียนอยู่มหาลัยเดียวกันแต่คนละคณะ สถานะเอาเป็นว่าก็สนิทนะแต่ยังไม่เคยไปบ้านมันเลยสักที จำได้ว่ามันเคยเล่าให้ฟังอยู่ว่าบ้านอยู่ตรงไหนซอยอะไรก็เลยไม่ใช่ปัญหาในการขับมาส่งมันถึงบ้าน

ขับมาเรื่อยๆจนกระทั่งถึงหลังที่คาดว่าจะเป็นบ้านมันนั่นหล่ะหน้าบ้านเปิดไฟสว่างโร่ รออยู่สักพักถึงมีคนมาเปิดประตูบ้านดู ทันทีที่ประตูบ้านเปิดแสงไฟจากหน้าบ้านที่สาดส่องทำให้ผมได้เห็นเด็กผู้หญิงคนนึงรูปร่างนี้สะบึมอย่าบอกใครเลยเชียว คงเป็นน้องสาวไอ้พุฒินี่แหละหน้าคล้ายๆกัน

ผมเปิดประตูรถลงไปเห็นยิ่งเธอเดินเข้ามาใกล้และชะงักไปนิดนึง สองเต้าที่เบียดดีดส่ายไปมาพร้อมกับจุกเล็กๆที่ชูชันออกมาทำให้ผมรู้ว่าเธอโนบราแน่ๆ

“เอื้อก” แอบกลืนน้ำลายลงคอเอื้อกใหญ่เลยล่ะทีนี้

...ท่อนลำกลางกายขยายตั้งแน่นเต็มกางเกงไปแล้วเวลานี้

แม่งเซ็กซี่ชิบหายแม้จะไม่ได้แต่งหน้าแถมยังหน้าสดอีกต่างหากไม่ได้ทำให้น้องสาวไอ้พุฒิเซ็กซี่น้อยลงเลย

ถึงว่าสิ!มีน้องสาวสวยขนาดนี้มันถึงไม่อยากชวนเพื่อนมาเที่ยวบ้านเลยสักครั้งไอ้ขี้หวงเอ้ย!

...นับว่าเป็นบุญของเขาที่มันดันเมาและเขาได้โอกาสมาส่ง

เหมือนน้องจะรู้ว่าผมมองอะไรแต่เธอก็ไม่ได้สนใจเดินไปเปิดประตูลากพี่ชายลงมาจากรถ โดยมีผมที่กระวีกระวาดเข้าไปช่วยเธอประคอง

“อุ๊ย”

แต่ว่าเหมือนทางตรงนั้นมันต่างระดับหรือว่าเธอรับน้ำหนักไอ้พุฒิไม่ไหวก็ไม่รู้ทำให้เธอเซเหมือนจะล้มผมเลยต้องป่ายมือเข้าไปรั้งไว้แล้วปลายนิ้วก็ไปปัดป่ายเข้าให้ที่เม็ดยอดชูชันเข้าจนเธอสะดุ้งเฮือก

“เอ่อ..ขอโทษครับพี่ไม่ได้ตั้งใจ”

“มะ..ไม่เป็นไรค่ะ”

เราสองคนช่วยกันประคองไอ้พุฒิไปไว้บนที่นอนฟูกหนานุ่มแล้วน้องสาวไอ้พุฒก็ก้มลงลากผ้าห่มมาปูให้พี่ แต่เหมือนเธอยังลืมไปว่าไม่ได้ใส่บราอยู่ เวลาที่เธอก้มลงห่มผ้าให้พี่ชายผมแทบจะเห็นยันไส้ติ่งเธอแล้ว

หลังจากนั้นเธอก็ถามผมว่าขับรถกลับไหวไหมสุดท้ายผมก็ตัดสินใจนอนที่นี่เลยทั้งที่แต่แรกตั้งใจว่าส่งเสร็จแล้วจะกลับ แต่ตอนนี้เป้าหมายผมเปลี่ยนแล้ว

หลังจากหอบที่นี่มาปูให้ผมนอนข้างๆไอ้พุฒิที่หลับไม่รู้เรื่องเสร็จแล้วเธอก็ขอตัวจะกลับไปนอน แต่โดนผมขอร้องให้นั่งคุยเป็นเพื่อนก่อน ไม่รู้เหมือนกันนะว่าใจผมตอนนั้นมันคิดอะไรอยู่ รู้แค่ว่าอยากได้กลิ่นกายหอมอ่อนๆแบบนี้ตลอดทั้งคืนเลย

ผมก็ชวนเธอคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ก่อนจะเผลอเล่าให้เธอฟังเรื่องที่ไอ้พุฒิมันอกหักนั่นแหละ แล้วก็เลยถามถึงเรื่องส่วนตัวของเธอบ้างนู่นนี่นั่นจนกระทั่งเธอหลับคอพับและล้มตัวลงนอนบนที่นอนผมแทน

ครับหลับ...แถมหลับสนิทเลยด้วย!

เรียกยังไงก็ไม่รู้สึกแถมพี่ชายก็ยังเมาหลับไม่รู้เรื่องเข้าทางเลยสิอีหรอบเนี้ย ผมลองสะกิดอีกทีเธอก็ยังนิ่ง หันไปสะกิดไอ้พุฒิมันก็นิ่งเหมือนกัน ผมก็เลยลองปัดผ้าห่มเธอออกแล้วค่อยๆปลดกระดุมชุดนอนเธอออกช้าๆทีละเม็ด

คุณพระ!หน้าอกที่ว่าโนบราแล้วท่อนล่างก็ยังโนกางเกงในอีกต่างหาก...

เล่นเอาเหงื่อผมแตกพลั่กๆเลยทีเดียว

ผมแตะฝ่ามือลองขยำสองเต้าใหญ่โตมโหฬารดูก็พบว่ามันนุ่มและเด้งดึ๋งสู้มือดี เมื่อลองขยี้เขี่ยตรงปลายยอดชูชันมันก็แข็งสู้มือดีเหลือเกินเสียงครางอืออาในลำคอทำให้ผม ‘แข็ง’ จนปวดไปหมด

หลังจากเล่นหัวนมจนพอใจผมก็ลองใช้ปากชิมดูบ้าง ก่อนจะผิวปากครางถูกใจเมื่อพบว่ามันทั้งหอมทั้งหวานถูกใจจริงๆ ‘ส้มโอ’ นมเธอใหญ่เหมือนขื่อจริงๆแถมยังหวานล้ำเกินใครอีกด้วย

ได้รับทั้งกลิ่นหอมๆและรสหวานๆก็ทำให้ผมพลั้งปากดูดหนักไปหน่อยจนมันขึ้นสีแดงระเรื่อเป็นจุดจ้ำๆ ไม่รู้ว่เช้ามาเธอจะรู้หรือสงสัยหรือเปล่าว่าตัวไปโดนอะไรมา

แต่ก็นะมันสุดจะทนจริงๆ แต่ผมก็ยังไม่ได้ทำอะไรเธอมากกว่านี้นะ ผมก็แค่ถอดกางเกงของตัวเองลงแล้วใช้นมสองเต้าของเธอรูดท่อนเนื้ออวบยาวของผมเอาไว้ถูไถให้ปลายหนังหุ้มมันถอกเข้าถอกออกช้าๆจนครางอู้วเลยทีเดียว

เสียวชิบหายขนาดแค่ใช้นมสองเต้าของเธอเองนะ

หลังจากเล่นสนุกกับร่างกายส่วนบนเธอจนพอใจส่วนผมก็ปลดปล่อยอารมณ์ใคร่จนเต็มหน้าอกเธอแล้วก็รีบเข็ดทำความสะอาดให้แล้วแต่งตัวคืนให้เธอเหมือนเดิมก่อนจะอุ้มเธอเข้าไปนอนในห้องแล้วแอบนอนกอดเธอจนกระทั่งใกล้เช้าผมจึงย่องออกจากห้องเธอมานอนข้างๆไอ้พุฒิแทน

ราวๆหกโมงเช้าก็ได้ยินเสียงเธอตื่นลุกขึ้นมาทำอะไรกุกกักสักพักใหญ่จึงเดินเย้าไปในห้องแล้วหยิบเอาผ้ามาอาบน้ำในห้องน้ำ ส่วนผมก็แอบมองตามด้วยอาการหายใจไม่ทั่วท้องเลยทีเดียว

จนสายๆสักเจ็ดโมงกว่าๆพ่อกับแม่เธอก็กลับมาพร้อมกับที่ผมและไอ้พุฒิตื่นขึ้นมาพอดี พวกเขาพากันขอบอกขอบใจที่ผมอุตส่าห์ขับรถมาส่งลูกชายเค้าถึงบ้าน

แล้วถ้าเค้ารู้ว่าผมแอบทำอะไรลูกสาวเค้าล่ะจะยังชมแบบนี้อยู่ไหม?

คงจะไม่ล่ะเนอะ!

...ไม่โดนลูกปืนก็คงจะโดนกระทืบไส้แตกแน่ๆงานนี้

หลังจากกินข้าวกินปลาด้วยกันเสร็จไอ้พุฒิก็ชวนผมให้อยู่ต่ออีกวันมันชวนผมไปยิงปลาที่คลองหลังบ้าน ส่วนพ่อกับแม่มันกินข้าวกันเสร็จท่านก็เข้าไปนอนพักผ่อนเพราะหมดแรงทำงานตั้งแต่เมื่อคืนไปแล้ว

“ส้มโอไปไหนน่ะ” ได้ยินเสียงไอ้พุฒิมันตะโกนถามน้องมันเมื่อเห็นว่าเธอขึ้นไปคล่อมรถมอไซค์เตรียมสตาร์ทไปไหนไม่รู้

“ไปร้านค้าน่ะว่าจะไปซื้อไบกอนมาฉีดยุงในห้องสักหน่อยกัดเต็มตัวเค้าจนแดงไปหมดเลยเดี๋ยวไข้เลือดออกจะถามหาซะก่อนนี่”

พอได้ฟังคำนี้ผมนี่ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกแทบไม่ทันเลยเชียว

“เออๆงั้นซื้อน้ำแป๊บซี่มาให้ด้วยเอาขวดใหญ่เลยนะน้ำแข็งด้วย”

“จ้าๆ”

ไม่นานส้มโอก็กลับมาพร้อมกับมีผู้หญิงอีกคนซ้อนท้ายมาด้วย ส้มโอแนะนำกับผมว่า ‘หนูจี๊ด’ เป็นเพื่อนสนิทเธอ ทั้งสองสาวขอตามพวกเราไปดูปลาด้วย

ส้มโอเอาน้ำแข็งใส่กระติกและหิ้วกระติกไปส่วนหนูจี๊ดเดินหิ้วถุงน้ำอัดลมเดินตามหลังไป

เมื่อมาถึงสองสาวต่างวี๊ดว๊ายกันใหญ่กับน้ำเย็นๆที่เย็นเจี๊ยบในลำคลอง ฝูงปลาแหวกว่ายกันอย่างสนุกสนาน แต่ขอโทษด้วยนะมันคือห่วงโซ่อาหารที่เราจำเป็นต้องทำอ่ะเนอะ!

พวกผมใช้วิธีบ้านๆแบบที่เรียกว่าฉมวกมองส่องไปในน้ำใสที่เห็นยันตัวปลาแล้วแทงทันที แต่ต้องระวังหน่อยนะถ้ามาอยู่ใกล้กันอาจจะเผลอแทงโดนกันเองได้

หลังจากได้ปลาตัวใหญ่มาสามสี่ตัวเหมาะสำหรับทำมื้อเย็นได้แล้ว พวกเราก็เลิกแทงปลาโดยพี่ผมก็ว่ายน้ำเล่นบนห่วงยางส่วนไอ้พุฒิมันลากตาข่ายไปดักปลาอยู่อีกด้านนึง แต่ดูท่าทางไอ้พุฒิมันเหมือนจะไม่ค่อยชอบหนูจี๊ดสักเท่าไหร่ดูจากสายตาที่มองแบบเอือมระอาแล้วก็แปลกใจเพราะหนูจี๊ดเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆน่ารักจะตายแต่ทำไมมันต้องทำท่าเหมือนรังเกียจด้วยก็ไม่รู้

ดูจากสายตาสองสาวกำลังวิดน้ำใส่กันอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะไอ้เสื้อสีขาวตัวบางที่ทั้งส้มโอและหนูจี๊ดเลือกใส่ลงน้ำราวกับนัดกันมาก็ยิ่งทำให้ผมหายใจติดขัดมากขึ้น หนูจี๊ดนี่ผมไม่ค่อยคิดมากเท่าไหร่เพราะเธอตัวเล็กแบนเรียบเป็นกระดานโต้คลื่นเลยล่ะ แต่คนที่ทำให้ผม ‘ขึ้น’ ก็คืออีกคนที่เล่นน้ำดี๊ด๊าอยู่อย่างสนุกสนานจนนมกระเพื่อมพั่บๆ...

ถึงแม้ว่าผมจะว่ายน้ำเป็นแต่ก็ยังต้องพึ่งห่วงยางอยู่ดีเป็นยางในรถยนต์ที่เอามาเป่าลมและปะรูรั่วเอาไว้อย่างดีข้างๆกันไม่ไกลมากก็มีสองสาวพากันว่ายตีน้ำเล่นตรงที่ไม่ได้ลึกและสามารถยืนได้สักพักผมก็สังเกตุเห็นสองสาวรอบสบตากันแล้วพยักหน้าให้กันเหมือนกำลังวางแผนจะทำอะไรกันสักอย่างนี่แหละ

สักพักก็เห็นส้มโอว่ายน้ำแยกออกมาทางผม ส่วนหนูจี๊ดค่อยๆย่องไปหาไอ้พุฒิที่กำลังเอาตาข่ายมากางดักปลาอยู่อีกด้านนึง

“พี่ทอย...คือว่า” แล้วส้มโอก็พูดตะกุกตะกักในขณะที่ผมชะงักและรอฟัง

“ส้มโอมีอะไรหรือเปล่าครับ”

“สอนหนูว่ายน้ำหน่อยได้ป่ะคือหนูว่ายน้ำไม่เป็นอ่ะ”

“ได้สิครับว่าแต่ทำไมไม่ให้ไอ้พุฒิมันสอนอ่ะ”

“เห้อ!ขอร้องมันตั้งหลายรอบเดี๋ยวสอนๆมาหลายปีแล้วเนี่ย” ส้มโอถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะกรอกตาบนใส่อย่างระอาคนเป็นพี่

“ฮ่าๆๆๆงั้นเดี๋ยวพี่สอนให้เอง” ผมบอกน้องแล้วจัดแจงพาเธอมายืนอยู่บนฝั่งที่ไม่ลึกมากและเท้าสามารถยืนได้จากนั้นก็ให้เธอลองใช้ขาตีน้ำโดยให้เธอจับต้นแขนผมเอาไว้

เสียงน้ำแตกกระจายพร้อมกับสองขาของส้มโอที่ตีแรงๆก่อนจะพยุงตัวเองบนผืนน้ำได้ผมจึงบอกให้เธอลองปล่อยแขนผมดู

“ถ้าปล่อยแล้วหนูจะจมไหมล่ะ!” ส้มโอตะโกนถามขณะตีน้ำไปด้วย

“พี่ไม่ปล่อยให้เราจมหรอกน่า”

เมื่อได้ฟังที่ผมบอกส้มโอก็เลยปล่อยมือออกจากแขนผมแล้วกางแขนกางขาตีน้ำอย่างแรง แต่คงเพราะเธอเพิ่งลองหัดครั้งแรกก็เลยอาจจะกลัวๆอยู่ล่ะมั้ง เพราะไม่กี่นาทีต่อมาร่างเธอก็ดิ่งลงไปในน้ำเสียเฉยๆก่อนจะทะลึ่งพรวดขึ้นแล้วตะเกียกตะกายร้องให้ผมช่วยเสียงดัง

“ใจเย็นๆมันยืนได้...” ผมร้องบอกเธอแต่ดูเหมือนนาทีนี้เธอไม่มีแก่ใจจะฟังอะไรแล้วล่ะ

.

.