LOGINออกจากบ้านเด็กๆมาประมาณห้าโมงเย็นโดยที่ฉันก็นั่งข้างหน้าคู่มากับนายนั่นโดยที่ไม่ทันรู้ตัว แต่พอนั่งมาแล้วก็เลยขี้เกียจเปลี่ยนกลับไปนั่งข้างหลังอีกก็เลยตามเลย
การที่ได้มาหาเด็กๆมันทำให้ฉันมีความสุขทุกครั้งได้เห็นรอยยิ้มสดใสที่ดูใสซื่อและบริสุทธิ์ สำหรับคนอื่นอาจดูเหมือนฉันเป็นนางร้าย แต่กับพวกเด็กๆฉันเป็นดั่งนางฟ้าของพวกแกเลยนะจะบอกให้ ฉันรักเด็กทุกคนยกเว้นลูกอีเมียน้อยที่ฉันเกลียดและไม่เคยมองหน้ามันเต็มตาเลยสักครั้งเดียวแม้ว่ามันจะเรียกฉันว่าพี่ๆก็ตาม “นี่นาย...” “...” “นาย!ฉันเรียกไม่ได้ยินหรอ” “คุณมีไรก็พูดมาสิ” “ฉันอยากเข้าห้องน้ำ...” “...” “นี่!ฉัน-บอก-ว่า-ฉัน-จะ-เข้า-ห้อง น้ำ!!” “เออๆเดี๋ยวแวะให้!” เห้ย!ฉันถูกคนขับรถทำหน้ารำคาญใส่อ่ะ ให้ตายนี่พ่อฉันไปขุดเอานายคนนี้มาจากไหนถึงได้พูดจาโผงผางป่าเถื่อนกับฉันที่สุด! “นี่...คุณไม่คิดจะหัดขับรถเองบ้างเลยหรือจะไม่ได้ไม่ต้องคอยเป็นภาระใครเค้า” อยู่ๆนายนั่นก็หันมาถามฉัน “เอ๊ะนายเลิกกวนประสาทฉันเสียทีได้ไหม!” เป็นบ้าอะไรของเขาไม่เคยมีใครกล้าพูดกับฉันหรือแม้แต่ต่อปากต่อคำกับฉันแบบนี้สักคน “ผมเปล่ากวน...ก็แค่คิดว่าการที่คุณขับรถเองเป็นมันน่าจะเป็นผลดีต่อตัวคุณเองมากกว่านะ” บอกตามตรงเลยว่าตั้งแต่เกิดมาจนอายุยี่สิบสามปีเรียนก็จบแล้วแต่ยังไม่ทำงานทำการอะไรนอกจากการเที่ยวเล่นและผลาญเงินพ่อไปวันๆ การหัดขับรถเองก็ไม่เคยอยู่ในหัวฉันเลยสักครั้ง เพราะอะไรน่ะหรอ...ก็แค่ขี้เกียจ! “แล้วถ้าฉันจะหัดขับนายจะช่วยสอนให้ฉันรึไง” ฉันแกล้งถามเล่นๆ “อืม” ตอบสั้นได้ใจมากไม่รู้แล้วว่าใครนายใครลูกน้อง “งั้นก็หัดตอนนี้เลยเป็นไง” ฉันถามเพราะเห็นว่าแถวนี้ก็ชนบทไม่ค่อยมีรถพลุ่งพล่านเหมาะแก่การหัดขับอย่างยิ่ง “ก็ได้นะ...” เขาพนักหน้าก่อนจะเบี่ยงรถไปจอดชิดขอบทาง “นายไม่ต้องลงหรอก” ฉันรีบบอกเมื่อเห็นว่าเขาเตรียมจะลงจากรถมานั่งฝั่งฉันแทน “อ้าวถ้าไม่ลงแล้วคุณจะขับยังไง?” เขาเลิกคิ้วถามสีหน้าสงสัย “ฉันก็จะนั่งตักนายไง นายจะบ้าหรอฉันไม่เคยขับรถเลยสักครั้งอยู่ๆจะให้นั่งแล้วขับไปเลยเกิดฉันพลาดชนเสาไฟฟ้าตายขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ” ฉันก็กลัวตายเป็นเหมือนกันเด้อ “คุณแน่ใจนะว่าจะนั่งตักผมจริงๆ” “อือ!” “งั้นก็แล้วแต่คุณเลยแล้วกัน” ฉันก็เปิดประตูรถลงไปแล้วก้าวขึ้นไปนั่งบนตักของเขานั่งขยับจนได้ท่าทางที่ถนัดแล้วฉันก็หันมาสนใจฟังเขาอธิบายถึงขั้นตอนต่างๆในการขับรถ “เข้าใจหรือยัง” ตอนที่เขาถามฉันว่าเข้าใจรึยังน้ำเสียงเขาฟังดูสั่นๆชอบกล “อือเข้าใจแล้ว” ฉันพยักหน้าแล้วเหยียบเบรคเข้าเกียร์เตรียมจะขับออกไป ลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดต้นคอฉันมันชวนให้วาบหวิวเสียเหลือเกินจนฉันอดขยับยุกยิกไม่ได้ “อยะ..อย่าขยับนักสิ” “ทำไมอ่ะ...ก็ฉันไม่ค่อยถนัดนี่” “งั้นไว้วันหลังค่อยมาหัดขับดีไหม” “ไม่เอาจะหัดวันนี้” เอี๊ยด!เอี๊ยด! เสียงรถเบรคกระทันหันเมื่อฉันเผลอเหยียบเบรคแทนคันเร่ง เมื่อลองขับรถออกไปได้หน่อยฉันก็เผลอเหยียบเบรกบ้างเหยียบคันเร่งบ้างจนรถมันกระตุก นาทีที่เผลอเหยียบเบรกแรงไปหน่อยตัวฉันก็ลอยลงมากระแทกกับหน้าตักของเขาจนรู้สึกว่ามีของแข็งบางอย่างมันทิ่มตรงก้นฉันอยู่ “อ๊ะ อุ๊ย!” มีบางอย่างแข็งๆกำลังทิ่มแทงบริเวณบั้นท้ายฉันอยู่ “....” เสียงลมหายใจของเขาหอบกระชั้น “นะ..นาย มันมีอะไรทิ่มก้นฉันไม่รู้” “มะ..ไม่มีอะไรหรอกคุณขับต่อไปเถอะ” เขาตอบเสียงสั่นๆ “อ๋าา” เผลอขมิบช่วงล่างอย่างไม่ตั้งใจเมื่อมีอะไรๆมันพยายามล่วงล้ำเข้ามา ขนอ่อนลุกวาบไปทั้งตัวไม่รู้เป็นเพราะแอร์ที่เปิดเย็นเกินไปหรือเพราะอะไรกันแน่ เพราะตอนที่ฉันก้าวขึ้นมานั่งแล้วกระโปรงที่ใส่มันคลุมหน้าตักฉันไว้เรียบร้อยดีแต่ว่า... กระโปรงผ้าส่วนล่างมันกลับเลิกขึ้นเองซะงั้นทำให้ตอนนี้เท่ากับว่าฉันนั่งทับบนตักเขาโดยมีแต่ชั้นในบางเบาขวางกั้นแค่นั้นเอง... แล้วถ้างั้นอะไรกันล่ะที่มันดุนดันเหมือนพยายามจะมุดเข้ามาในตัวฉันให้ได้ เกิดมาจนอายุยี่สิบสามแม้เพื่อนจะเรียกแฟนฉันว่าผัวๆแต่บอกเลยนะว่าสำหรับฉันมากสุดๆก็แค่จูบเท่านั้น เห็นร้ายๆแบบนี้โนทฤษฎีโนปฏิบัติจ้ะ พอลองขับไปได้สักพักฉันก็เริ่มจับจังหวะในการขับได้... ผ่านเส้นทางคอนกรีตมาจนถึงถนนยางมะตอยเข้าสู่เขตชุมชนก็พบกับลูกระนาดใหญ่ที่เขามักนิยมใช้สำหรับให้รถลดความเร็วลงในเขตพื้นที่ชุมชน ในยามที่รถโดดข้ามลูกระนาดมานั้นตัวฉันก็ลอยขึ้นตามแรงโยกของรถแล้วตกลงไปกระแทกบนตักแกร่ง “อ๊ะ..อื้อ อ๊าา” เผลอสะดุ้งครางเสียงสั่นเมื่อตอนที่ตกลงมากระแทกกับหน้าตักเขานั้นบางอย่างที่แข็งๆมันขูดลากไปกับติ่งกระสันต์จนฉันเสียววูบที่ช่องท้องขึ้น อาการแปลกๆเริ่มมาเยือนฉันหน้าท้องน้อยหดเกร็ง บางอย่างที่ยาวเหยียดตึงมันกำลังบดบี้ขยี้กับจุดกระสันต์ของฉันเข้าอย่างจังจนเผลอครางออกมาอีกครั้ง “อ่าาา” นี่เสียงฉัน “ซี๊ดดด” แล้วนั่นเสียงใคร ...ฉันว่าฉันคงหูแว่วไปว่าได้ยินเสียงเขาครางเบาๆที่ข้างหู ลูกระนาดลูกที่สองที่สามก็ตามมาคราวนี้มือไม้ของเขากลับไม่อยู่นิ่งเมื่ออยู่ๆเขาลากฝ่ามือมาแถวบริเวณหน้าม้องฉันลูบไล้มันเบาๆแล้วไต่สูงขึ้นๆจนถึงเนินอกแล้ววนกลับไปที่แผ่วหลัง เขาใช้ปลายนิ้วสะกิดตะขอบราของฉันทีเดียวหลุดผึงตกลงมากองที่เอว “อ่าาซี๊ด” เขาลากเสียงครางเบาๆราวกับไปกินของเผ็ดร้อนมา “อ๊ะ..จะ ทำอะไร” “ฮึ่มมม..ขับไปเฉยๆเถอะน่า” เขากระซิบข้างหูในขณะที่มือก็เคล้นคลึงหน้าอกฉันไปด้วยอย่างเมามัน แต่ขาเขาทำหน้าที่เหยียบคันเร่งและแตะเบรคแทนฉันแล้ว “อ๊ะ อ๊า” ในขณะที่ฉันร้องครางไปตั้งสติไปในการบังคับพวงมาลัยรถให้ขับตรงเส้นทาง เพราะเวลานี้เริ่มจะสลัวขึ้นเสียแล้วเนื่องจากพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ถึงแม้ว่ามันจะทำได้ยากก็ตามในเมื่อตอนนี้ร่างกายฉันเหมือนถูกสูบเรี่ยวแรงไปจนหมดสิ้น ลมหายใจหอบกระชั้นราวกับว่าไปวิ่งที่ไหนไกลๆมาสักที่ หัวใจสาวเต้นถี่จนกลัวว่ามันจะกระเด็นออกมานอกเบ้าเหลือเกิน ขึ้นลูกระนาดอีกลูกช่วงจังหวะที่ฉันเด้งตัวขึ้นก่อนจะตกมากระแทกตักเขาฉันก็รู้สึกได้ว่าเขาละมือจากหน้าอกแล้วลอดใต้หว่างขาเบี่ยงชั้นในตัวจิ๋วของฉันให้หลบไปอย่างรวดเร็วแล้วสอดอะไรบางอย่างที่มันทั้งแข็งและนุ่มนิ่มในเวลาเดียวกันเข้ามาถูไถตรงติ่งกระสันต์ใต้หว่างขาฉัน “อ๊ะ อ๊ะ อ๊าาา” ภายในช่องท้องวูบโหวงเมื่อความเสียวกระสันต์แล่นพล่านตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้า “ซี๊ด เสียวสุด” เขาครางเสียงสั่นข้างๆหู ขึ้นลูกระนาดไม่หมดสักที ขึ้นลงแต่ละทีขนอ่อนฉันชูชันไปหมดแข้งขาอ่อนแรง ข้างบนก็ถูกขยำขยี้นิ้วเรียวยาวของเขาก็บีบบี้หัวนมของฉันอย่างสนุกสนาน ในขณะที่ช่วงล่างเขาก็ถูไถไปตรงเนินเนื้อฉ่ำน้ำของฉันตามจังหวะลูกระนาด “นะ..นายฉันมะไม่ไหวแล้ว” บอกเขาเมื่อรู้สึกว่าไม่อาจบังคับพวงมาลัยให้ไปต่อได้อีกแล้ว “อดทนอีกแป๊บนะ...” เขาว่าพลางจูบแก้มเบาๆแล้วละฝ่ามือออกมาบังคับพวงมาลัยแทนฉัน รถวิ่งมาถึงจุดที่ไม่ค่อยมีคนสัญจรผ่านไปมาสักเท่าไหร่ นายนั่นขับรถเลี้ยวเข้าไปในซอยๆนึงแล้วดับไฟหน้ารถแต่ยังติดเครื่องรถเปิดแอร์เอาไว้ “ขอจูบได้ไหม” เขากระซิบถาม แหม...มาขนาดนี้ยังกล้าถามอีกนะในเมื่อเสียบมาซะขนาดนี้แม้จะยังไม่ได้เข้ามาในตัวฉันแบบเสร็จสมบูรณ์ก็ตามที . . .วันต่อมาผมก็พาพี่ปรางกลับบ้านที่มีลูกชายเธอและเพื่อนสนิทผมนั่งหน้าบอกบุญไม่รับรออยู่ก่อนแล้ว“แม่ไปไหนมาทำไมไม่กลับบ้านแล้วนี่ไปไหนกันมา”เมื่อมาถึงคิวก็เดินดุ่มๆเข้ามาถามสีหน้าและแววตาเกรี้ยวกราดสุดฤทธิ์คนเป็นแม่ได้แต่ก้มหน้านิ่งเพราะรู้ว่าตัวเองผิดจริงๆ“ว่าไงไอ้โจ้มึงพาแม่กูไปไหนมาทั้งคืนทำไมถึงเพิ่งกลับมากันป่านนี้”“คือ..ว่าไอ้คิวมึงฟังกูพูดก่อนนะคือ..” ผมเองก็ยังหวาดๆกับสีหน้าเกรี้ยวกราดของมันจนถึงขั้นตัวลีบเลยทีเดียว“ฟังเหี้ยอะไร!มึงพาแม่กูหายไปทั้งคืนเนี่ยนะไอ้สัสโจ้” ไอ้คิวตะคอกใส่ผมเสียงดีังลั่น“คิวใจเย็นๆก่อนนะลูกค่อยๆพูดกันก็ได้” พี่ปรางพยายามปลอบไอ้คิวเสียงอ่อนพลางลูบหลังมันเบาๆ“งั้นแม่ก็บอกมาดิว่าหายไปไหนกับมันมาทั้งคืน” ไอ้คิวตะคอกใส่พี่ปรางจนหน้าเสีย“ไอ้สัสคิวมึงอย่าตะคอกใส่แม่มึงแบบนั้นสิวะ” พอเห็นเมียผมหน้าเสียแบบนั้นก็อดสงสารไม่ได้“อย่าเสือกนี่แม่กู!”“แม่มึงแต่เมียกู!”“ไอ้สัสโจ้!”ผลั๊ว!เสียงหมัดหนักๆกระแทกเข้าที่ตรงปากและจมูกผมพอดีจนมึนไปชั่วครู่สักพักลิ่มเลือดก็ไหลออกมาจากมุมปากผมเล็กน้อย“ว๊าย!อย่านะลูกหยุดๆ” พี่ปรางร้องไห้เสียงดังพยายามรั้งแขนไอ้คิวไม่ให
บันทึกพิเศษปรางในความเย็นเยียบที่ได้รับทำให้ฉันรู้สึกหนาวจนสั่นสะท้านวาบไปทั่วทั้งร่างกายรับรู้ว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงนุ่มๆแต่ทว่า...ผ้าห่มไปไหน?รู้สึกได้ว่าตัวเองนอนเปลือยเปล่าซึ่งนั่นเป็นปกติเวลาที่ฉันเข้านอนจะชอบโนบราและแก้ผ้านอนเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ว่าทำไมคืนนี้มันหนาวผิดปกติกันนะแม้จะแปลกใจแต่มือฉันก็ปัดป่ายควานหาผ้าห่มที่คาดว่าตัวเองน่าจะถีบออกจากตัวไปอยู่มุมไหนสักที่นั่นแหละ คลำหาไปได้สักพักก็รู้สึกว่าตัวเองไปคว้าหมับเข้ากับอะไรสักอย่างที่มัน ‘ร้อนผ่าว’ และนุ่มนิ่มมือ เมื่อเห็นว่าเออจับแล้วมันก็อุ่นดีฉันก็เลยจับๆขยำๆไปเรื่อยๆสักพักอ้าวเห้ย!ทำไมมันใหญ่ขึ้นวะ?แถมมันยังแข็งและร้อนราวกับอังไฟมา รูปร่างลักษณะมันคลับคล้ายคลับคลาเหมือนกับ....ไอ้นั่นของผู้ชาย!แม้จะไม่อยากลืมตาตื่นสักเท่าไหร่แต่ความสงสัยก็ทำให้ฉันต้องตื่นลืมตามองสิ่งที่อยู่ในมือ แต่แวบแรกเลยทีเห็นคือแผงอกแกร่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามลากสายตาลงมาก็หน้าท้องหนั่นแน่นชวนให้ลูบไล้ขยำเล่นดีจังถัดมาก็เออ!นั่นแหละฉันกำลังจับไอ้นั่นของเพื่อนลูกชายอยู่ แถมไม่ได้จับธรรมดานะทั้งลูบคลึงขยำชักรูดชักลงอีกต่างหาก ให้ตายเถอะนี่เธ
โรมแรมม่านรูดไม่ไกลจากห้างดังเสียงปิดประตูรถดังปังทันทีที่เด็กรับรถรูดม่านมาปิดไว้ผมยื่นเงินค่าห้องให้เด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันกับผมพร้อมทั้งทิปแล้วดึงมือพี่ปรางลากเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็วเมื่อครู่แม้จะปลดปล่อยไปแล้วครั้งนึงแต่ทว่าตรงหน้าขาผมยังแข็งปึ๋งผงาดทิ่มเนื้อผ้ากางเกงออกมาให้ได้เห็น ปวดไปหมดสงสัยมันอยากจะทลวงเข้าไปในช่องแคบอีกครั้งเสียแล้ว“อ๊ะ..เบาๆ หน่อยสิชั้นเจ็บนะ” พี่ปรางดุเบาๆ ในตอนที่ถูกผมดันร่างเธอเข้ากับพื้นผนังเย็นเยียบอย่างแรง“ขอโทษ...ผมทนไม่ไหวต้องตายแน่ๆ ถ้าไม่ได้กระแทกพี่ตอนนี้” ผมงึมงำเบาๆ ขณะริมฝีปากไล่ขบเม้มซอกคอเนียนหอมละมุน“ซี๊ดดดดด~~บ้าเวอร์ไปล่ะไปอดอยากจากไหนมาห๊ะ...”“ฮื้มม~ตัวพี่หอมจัง...พี่ไม่รู้หรอที่จริงผมอยากแล้วก็แข็งตั้งแต่เห็นพี่ที่สระว่ายน้ำแล้ว” เสียงผมสั่นกระเส่าอยากไม่อาจห้ามได้ ยิ่งได้กลิ่นหอมอ่อนลอยมามังกรยักษ์ก็อยากโผล่หัวมาทักทายเหยื่อสาวเสียแล้ว“หมายความว่าเมื่อคืนเธอแอบดูพี่ที่สระด้วยหรอ” พี่ปรางดันหน้าผมออกจากเนินอกเธอแล้วถามเสียงเข้ม“อื้ม..ก็เมื่อคืนผมนอนไม่หลับกะว่าจะไปเดินเล่นเฉยๆ ใครจะไปรู้ว่าจะได้เจอเงือกสาวแสนสวยใส่บิกินี่
คืนนั้นหลังจากถูไถแค่ภายนอกจนเสร็จสมอารมณ์หมายด้วยกันทั้งคู่ดึกๆช่วงตีสี่กว่าๆผมก็ย่องออกมานอนที่ห้องของตัวเองที่ไอ้คิวมันจัดไว้ให้แล้วหลับต่อไปยันสายตรู่ทั้งผมทั้งไอ้คิวต่างตื่นสายด้วยกันทั้งคู่โชคดีที่วันนี้เป็นวันเสาร์เราไม่ต้องรีบตื่นไปเรียน ส่วนแม่ไอ้คิวผมยังไม่เห็นเลยนะสงสัยจะเขิน“ไงมึงหลับสบายดีไหมบ้านกู” เสียงไอ้คิวถามพลางยิ้มอารมณ์ดี แน่ล่ะสิเมาหลับไปตั้งแต่หัวค่ำละมั้ง“อืม..ดีมากกูหลับสนิทเลย” เสียไปตั้งหลายน้ำจะไม่หลับได้ยังไง!“มากินข้าวก่อนนี่แม่กูทำข้าวต้มปลาไว้ให้มึงจะเอากาแฟไหมกูจะได้ให้พี่สมพรไปชงมาให้”“เออเอาก็ได้” ผมพยักหน้ารับรู้สึกอยากได้คาเฟอีนเข้ามาในร่างกายเหมือนกันเพราะเช้านี้รู้สึกไร้เรี่ยวแรงจริงๆฝีมือทำกับข้าวของแม่ไอ้คิวก็อร่อยดีนะ ส่วนคนทำไม่รู้หนีหายไปไหนแล้วผมมองๆหาก็ไม่ยักจะเห็นเลย“เออแล้วนี่แม่มึงไปไหนหรอวะ”“ไม่รู้เหมือนกันว่ะสงสัยอยู่บนห้องมั้งว่าแต่มึงเถอะวันนี้จะไปไหนต่อเปล่า”“ไม่รู้ว่ะเบื่อๆคงนอนอยู่บ้านแหละกูขี้เกียจออก”“ไปดูหนังกับกูไหมล่ะพอดีกูชวนแม่ไปดูหนังรอบบ่ายมึงไปเป็นเพื่อนกูหน่อยดิไปกับแม่สองคนกูอาย” ไอ้คิวมันบอกในขณะที่ผมนึกขำ
หญิงสาวผมเผ้าหลุดรุ่ยเนื้อตัวเปลือยเปล่ามองหนุ่มรุ่นลูกตาปรอยเนื้อตัวสั่นระริกราวกับจะอ้อนวอนขอให้เด็กหนุ่มช่วยเติมเต็มสิ่งที่เธอขาดหายไปหลายสิบปีให้หน่อย เด็กหนุ่มหลุบตามองริมฝีปากอิ่มเอิ่มที่แย้มออกดูเย้ายวนชวนให้คลุกเคล้าดื่มด่ำความหวานหอมในโพลงปากนุ่มเหลือเกิน“อื้อออออออ” เสียงหวานครางกระเส่าในลำคอเมื่อถูกเด็กหนุ่มบดจูบอย่างดูดดื่ม เรียวลิ้นอุ่นชื้นพลิกไล้ไปตามไรฟันขาวสะอาดเลาะเล็มน้ำหวานตามโพลงปากด้านในจนน้ำลายของทั้งสองคนไหลย้อยออกมาตามมุมปาก“ชอบไหม?ชอบให้ผมสัมผัสแบบนี้ไหมครับ” เสียงทุ้มแหบพร่าของเพื่อนลูกดังขึ้นอีกครั้งที่ข้างใบหูพร้อมกับลมร้อนที่เขาเป่าใส่อย่างยั่วเย้าหลังจากที่เขาละริมฝีปากออกปล่อยให้เธอได้หายใจหายคอออกบ้างหลังจากที่ถูกจูบดูดวิญญานเข้าไปหลายนาทีจากนั้นก็ลากริมฝีปากลงมายังซอกคอขาวเนียนดูดกลืนผิวเนื้ออ่อนหอมละมุนจนมันขึ้นสีคล้ำเป็นจ้ำแล้วก็ลากลงมาไซร์เนินอกอวบอิ่มเบียดชิดชูชันตั้งตะหง่านอีกครั้ง“อื้มมมมม” มีเพียงเสียงครางอื้ออึงไม่ได้สรรพ์ดังตอบรับการกระทำแค่นั้น นาทีนี้หัวสมองเธอว่างเปล่าไปหมดครุ่นคิดอะไรไม่ออกแม้แต่นิด“แม่ครับ...ผมขอเลียหน่อยนะครับ” คำพูด
ร่างขาวโพลนในชุดบิกินี่ตัวจิ๋วที่กำลังดำผุดดำว่ายอยู่ในสระท่ามกลางไฟที่สาดส่องพอให้เห็นสลัวๆชวนให้ผมนึกจินตนาการถึงนางเงือกแสนสวยที่แหวกว่ายวนไปมาขาเรียวขาวได้รูปไร้ไขมันปะปนที่กำลังตีขาบนน้ำก็ดูน่าหลงใหลชวนให้นึกถึงเวลาที่ขาเรียวงามสองข้างมาพาดบนบ่ากว้างของผมมันคงให้ความรู้สึกดีไม่น้อยเลยทีเดียวบิกินี่สีแดงสดช่างขับผิวของแม่ไอ้คิวได้ดีเหลือเกินเพราะเมื่อมันทาบลงบนร่างอรชรยิ่งทำให้ตัดกับสีผิวขาวผ่องไปทั้งตัวจริงๆ สายเส้นเล็กๆที่เกาะต้นคอเนียนนั่นดูเกะกะตาดีเหลือเกินเห็นแล้วผมอยากกระตุกมันออกทิ้งไปไม่นานเหมือนว่าแม่ไอ้คิวคงจะว่ายน้ำจนเหนื่อยแล้วมั้ง ร่างบอบบางของเธอจึงเดินขึ้นมานั่งบนขอบสระ หลังจากนั้นเธอก็ทำในสิ่งที่ผมไม่คาดคิดว่าจะได้มาเจอวันนี้นั่นก็คือแม่ไอ้คิวปลดบิกินี่ทั้งท่อนบนและท่อนล่างออกจนเหลือแต่เนื้อตัวเปลือยเปล่าท้าสายลมจากนั้นก็หยิบเสื้อคลุมมาสวมช้าๆราวกับว่าไม่ได้รู้สึกอะไรที่อยู่ๆก็แก้ผ้าท้าลมหนาวเช่นนี้ขนผมลุกซู่หอบหายใจรัวเลยล่ะรู้สึกว่าหัวใจทำงานหนักมากเวลานี้ ไม่ใช่แต่ขนนะที่ลุก ‘อย่างอื่น’ ผมก็ลุกเช่นกัน‘ให้ตายเถอะนี่แม่เพื่อนนะไอ้โจ้ท่องไว้แม่เพื่อน...แม่เพื่







