Home / โรแมนติก / เร้นรักจองจำร้าย / ตอนที่ 2 คู่หมั้นไร้ตัวตนกับแก้วไวน์เปลี่ยนชีวิต

Share

ตอนที่ 2 คู่หมั้นไร้ตัวตนกับแก้วไวน์เปลี่ยนชีวิต

           แสงไฟจากแชนเดอเลียร์คริสตัลระย้าส่องประกายระยิบระยับ แข่งกับแสงแฟลชจากกล้องของบรรดานักข่าวที่รัวชัตเตอร์อยู่หน้าทางเข้าห้องบอลรูมสุดหรูของโรงแรมระดับห้าดาวใจกลางกรุงเทพมหานคร เสียงพูดคุยจอแจเคล้าเสียงดนตรีบรรเลงแว่วหวาน แต่มันกลับไม่ได้ทำให้จิตใจของระรินธรสงบลงได้เลยแม้แต่น้อย

            หญิงสาวในชุดราตรีเกาะอกสีครีมยาวกรอมเท้า ซึ่งขับผิวขาวผ่องให้ดูนวลเนียนราวกับไข่มุกยืนหลบมุมอยู่หลังเสาต้นใหญ่ มือเรียวบางกำกระเป๋าคลัทช์ใบเล็กแน่นจนข้อนิ้วซีดขาว ดวงตากลมโตทอประกายความกังวลอย่างไม่อาจปิดบังขณะลอบมองประตูทางเข้าหลัก

            วันนี้คืองานเลี้ยงต้อนรับการกลับมาของดลลวิญ์ อัครเดชา ทายาทเพียงคนเดียวของอัครเดชากรุ๊ป... และเป็นคู่หมั้นที่เธอไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาตลอดสามปี

            “มายืนบื้ออะไรตรงนี้ยายริน!”

            เสียงกระซิบกระชากอารมณ์ดังขึ้นจากด้านหลัง ระรินธรสะดุ้งโหยง... เมื่อหันไปมองเธอก็พบเข้ากับวิไล แม่เลี้ยงของเธอที่เดินเข้ามาพร้อมกับบัญชาผู้เป็นพ่อ วิไลอยู่ในชุดผ้าไหมสีแดงเพลิง แต่งหน้าจัดจ้านท่าทางดูร้อนรน ขณะที่คนเป็นบิดาของเธอมีสีหน้าเคร่งเครียดและอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด

            “คุณแม่... คุณพ่อ...” เธอเอ่ยเสียงแผ่ว

            “แกจะมายืนหลบทำเป็นนางเอกมิวสิควิดีโออยู่ทำไม!” วิไลจิกสายตามองลูกเลี้ยงอย่างขัดใจ “คืนนี้เป็นโอกาสชี้ชะตาของบริษัทเรานะ แกจำไม่ได้เหรอว่าพ่อแกต้องวิ่งเต้นขนาดไหนกว่าจะได้บัตรเชิญงานนี้มา”

            ระรินธรก้มหน้าลงเล็กน้อย ความรู้สึกขมขื่นแล่นริ้วขึ้นมาในอก “รินจำได้ค่ะ แต่ริน... รินกลัวว่าเขาจะจำรินไม่ได้ อีกอย่าง เราไม่ได้เจอกันมาตั้งสามปี จู่ ๆ จะให้เดินเข้าไปทักเขายังไงล่ะคะ”

            “จำไม่ได้ก็ทำให้จำสิ!” บัญชาพูดแทรกขึ้นมาเสียงเครียด “บริษัทเรากำลังจะขาดสภาพคล่อง ถ้าเดือนนี้ไม่มีเงินก้อนใหม่เข้ามา พนักงานทุกคนจะตกงาน และตระกูลวรโชติเมธีของเราจะต้องล้มละลาย แกอยากเห็นพ่อล้มตายไปต่อหน้าต่อตาหรือไง! แกไม่คิดจะตอบแทนที่ฉันเลี้ยงแกมาจนโตขนาดนี้เลยหรือไง”

            คำว่ากตัญญูเหมือนโซ่ตรวนที่ล่ามคอเธอไว้ ระรินธรเม้มปากแน่น เธอเรียนจบเกียรตินิยมด้านการออกแบบตกแต่งภายใน มีฝันอยากเปิดสตูดิโอเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง แต่ความจริงที่โหดร้ายคือเธอต้องแบกรับภาระหนี้สินและความอยู่รอดของครอบครัวเอาไว้บนบ่า

            การหมั้นหมายเมื่อสามปีก่อน เกิดขึ้นเพราะคุณปู่ของดลลวิญ์... เจ้าสัวเกียรติต้องการตอบแทนที่เธอเคยช่วยชีวิตท่านไว้ตอนหัวใจกำเริบ ท่านจึงสู่ขอเธอให้หลานชายโดยแลกกับเงินทุนก้อนโตที่ช่วยพยุงบริษัทพ่อของเธอไว้ในตอนนั้น ทว่าฝ่ายชายกลับต่อต้านหัวชนฝา เขาบินหนีไปต่างประเทศทันทีหลังวันหมั้น และไม่เคยติดต่อกลับมาเลยแม้แต่ครั้งเดียว

            สำหรับเขา... เธอคงเป็นแค่ปลิงที่เกาะกินตระกูลเขา แต่สำหรับเธอ... สถานะคู่หมั้นนี้คือกรงขังที่ไร้ทางออก

            “เอานี่” วิไลยื่นแก้วไวน์ทรงสูงที่บรรจุน้ำสีอำพันส่งให้เธอ รอยยิ้มหวานหยดย้อยเคลือบยาพิษปรากฏบนใบหน้าแม่เลี้ยง... (หากฉันไม่คิดว่าแกช่วยบริษัทได้ฉันคงจะไม่มอบโอกาสนี้ให้แกหรอก) หล่อนคิด

             “แม่เตรียมไวน์แก้วนี้มาให้แกโดยเฉพาะ เป็นไวน์ชั้นดีปีลึก ดื่มย้อมใจซะหน่อยจะได้กล้าเข้าไปคุยกับคุณดล แล้วก็ถือไปเผื่อเขาแก้วหนึ่งด้วย ถือเป็นการไปแสดงความยินดี... เชื่อแม่สิ ผู้ชายร้อยทั้งร้อยแพ้มารยาหญิงทั้งนั้นแหละ”

            ระรินธรมองแก้วไวน์ในมืออย่างลังเล ปกติเธอไม่ใช่คนดื่มเก่ง แต่แรงกดดันจากสายตาคาดคั้นของพ่อทำให้เธอจำยอมต้องรับมันมา

            “แค่เข้าไปทักทาย... แล้วก็กลับใช่ไหมคะ?”

            “ใช่จ้ะ แค่ทักทาย ทำให้เขาประทับใจ ถ้าคืนนี้เขาพอใจ พรุ่งนี้เรื่องเงินกู้ก้อนใหม่ก็คงไม่ใช่ปัญหา” วิไลแสยะยิ้มมุมปาก แววตาเป็นประกายวาววับแปลก ๆ ที่ระรินธรไม่ทันสังเกตเห็น

            “ไปสิ... พระเอกของงานมาแล้ว”

            เสียงฮือฮาดังขึ้นที่หน้าประตู ร่างสูงสง่าในชุดสูททักซิโด้สีดำสนิทก้าวเข้ามาในงาน บรรยากาศรอบตัวเขาดูเย็นเยียบและทรงอำนาจจนผู้คนรอบข้างต้องแหวกทางให้ ใบหน้าหล่อเหลาราวกับรูปสลักเทพเจ้ากรีกเรียบสนิทไร้อารมณ์ ดวงตาคมกริบภายใต้คิ้วเข้มมองผ่านฝูงชนราวกับมองเห็นแต่ความว่างเปล่า

            เขาคนนี้... นี่แหละดลลวิญ์ อัครเดชา ระรินธรสูดหายใจเข้าลึกเธอ... รวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีก้าวเท้าที่ไม่ค่อยมั่นใจเดินตรงเข้าไปหาเขา ตามแรงผลักดันของครอบครัว

            ดลลวิญ์กำลังยืนถือแก้วแชมเปญ ฟังคำเยินยอจากนักธุรกิจสูงวัยหลายคนด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายเต็มทน เขาเกลียดงานสังคมจอมปลอมแบบนี้ เกลียดการปั้นหน้ายิ้ม และที่เกลียดที่สุดคือการที่ปู่พยายามจะจับคู่เขากับผู้หญิงหิวเงินคนนั้น... คู่หมั้นที่เขาไม่เคยแม้แต่จะจำชื่อ

            “เอ่อ... สวัสดีค่ะ คุณดลลวิญ์”

            เสียงหวานใสค่อนข้างสั่นเล็กน้อยเรียกความสนใจของเขา ชายหนุ่มปรายตามองหญิงสาวตรงหน้าแวบหนึ่ง สวย... นั่นคือความรู้สึกแรก แต่ความเย็นชาในใจก็ปัดความรู้สึกนั้นทิ้งทันทีเมื่อเห็นสายตาแบบจงใจทอดสะพานที่เธอส่งมา (ในความคิดของเขา)

            “คุณเป็นใคร?” น้ำเสียงของเขาทุ้มลึกแต่บาดลึกไปถึงขั้วหัวใจคนฟัง

            ระรินธรหน้าชาไปครึ่งแถบ ทั้งที่หมั้นกันมาสามปีเขากลับถามว่าเธอเป็นใคร... แต่จะโทษเขาก็ไม่ได้ ในเมื่อรูปถ่ายงานหมั้นวันนั้นมีแค่รูปตัดต่อ เพราะเจ้าตัวไม่ได้มาร่วมงาน

            “ฉัน... ฉันชื่อระรินธรค่ะ เป็น...” เธอลังเลที่จะเอ่ยสถานะคู่หมั้น เพราะกลัวเขาจะรังเกียจกลางงาน “เป็นตัวแทนจากวรโชติเมธี มาแสดงความยินดีที่คุณกลับมาเมืองไทยค่ะ”

            “อ้อ” เขาตอบรับสั้น ๆ เพียงคำเดียว มุมปากยกยิ้มหยัน “วรโชติเมธี... ตระกูลที่เกาะคุณปู่ผมกินนั่นนะเหรอ”

            ระรินธรสะอึกเหมือนโดนตบหน้า อยากจะสาดไวน์ใส่หน้าเขาแล้วเดินหนีไปเดี๋ยวนี้ แต่ภาพหน้าพ่อที่ซีดเผือดลอยเข้ามาในหัว เธอจึงฝืนยิ้มสู้

            “คุณพ่อฝากไวน์แก้วนี้มาให้คุณค่ะ ท่านบอกว่าเป็นปีที่ดีมาก อยากให้คุณได้ลอง” เธอยื่นแก้วไวน์ที่แม่เลี้ยงเตรียมไว้ให้เขา

            ดลลวิญ์มองแก้วไวน์นั้นสลับกับใบหน้าหวาน เขารู้สึกหงุดหงิดที่ถูกตอแยไม่เลิก จึงรับมาถือไว้ส่ง ๆ แล้วหยิบแก้วในมือเธอขึ้นมาแทน

            “งั้นแลกกัน... ถือว่าเป็นเกียรติที่คุณอุตส่าห์เดินฝ่าดงคนมาหาผม”

            เขาจงใจสลับแก้วไม่ใช่เพราะระแวง แต่เพราะอยากแกล้งให้เธอรับรู้ว่าเขาไม่ได้สนใจไวน์ของเธอเลยแม้แต่น้อย ระรินธรแสดงสีหน้าตกตะลึงเล็กน้อยกับการกระทำของเขาแต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธ เมื่อเขาชูแก้วขึ้นรอชนเธอจึงต้องยกแก้ว (ที่เดิมทีตั้งใจจะให้เขา) ขึ้นจรดริมฝีปาก

            เสียงแก้วคริสตัลกระทบกันเบา ๆ ระรินธรกลั้นใจกระดกไวน์รสมุ่มนวลแต่แฝงความร้อนแรงลงคอจนหมดแก้ว เพื่อหวังจะรีบจบหน้าที่นี้

            “หมดแก้ว... ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะคะ”

            ดลลวิญ์มองท่าทางรีบร้อนของเธอด้วยความแปลกใจเพียงชั่วครู่ ก่อนจะจิบไวน์ในแก้วตัวเองเพียงนิดเดียว แล้ววางทิ้งไว้บนถาดบริกรที่เดินผ่านมา

            “ขอบคุณ เชิญคุณตามสบาย ผมขอตัว” เขาตัดบทอย่างไร้เยื่อใย แล้วหันหลังเดินจากไปหาแขกกลุ่มอื่น ทิ้งให้หญิงสาวผู้เป็นคู่หมั้นที่เจ้าตัวจำไม่ได้ยืนเคว้งอยู่กลางฟลอร์

            ระรินธรพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก อย่างน้อยเธอก็ทำตามคำสั่งพ่อแล้ว... หญิงสาวหมุนตัวเตรียมจะเดินกลับไปหาครอบครัวเพื่อขอกลับบ้าน

            แต่ทว่า... เพียงไม่กี่ก้าว โลกทั้งใบก็เริ่มโคลงเคลง

            “อึก...” ความร้อนวูบวาบประหลาดแล่นปราดจากท้องน้อยแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว ขาที่เคยเรียวสวยเริ่มอ่อนแรงจนแทบทรงตัวไม่อยู่ ภาพงานเลี้ยงตรงหน้าเริ่มพร่ามัว แสงไฟระยิบระยับกลายเป็นเส้นสายที่หมุนวนน่าเวียนหัว

          นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ไวน์แก้วนั้น...

            “คุณคะ? เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” เสียงหวานแฝงความเคลือบแคลงบางอย่างของพนักงานต้อนรับหญิงคนหนึ่งดังขึ้น พร้อมกับมือที่เข้ามาประคองร่างเธอไว้

            “ฉ... ฉันเวียนหัว... ร้อน...” ระรินธรพึมพำเสียงแหบพร่า ลำคอแห้งผากราวกับทะเลทราย ร่างกายต้องการน้ำ... และต้องการอะไรบางอย่างที่เธอเองก็อธิบายไม่ได้

            “สงสัยคุณน่าจะเมาไวน์นะคะ หน้าแดงเชียว เดี๋ยวฉันพาไปพักที่ห้องรับรองนะคะ ทางเจ้าภาพเปิดห้องไว้สำหรับแขกวีไอพีพอดี” พนักงานสาวยิ้มอย่างมีเลศนัย ก่อนจะกึ่งจูงกึ่งลากระรินธรที่สติสัมปชัญญะเริ่มเลือนรางออกจากงานทันที

            ระรินธรพยายามจะขัดขืนแต่เรี่ยวแรงทั้งหมดเหมือนถูกดูดหายไป สมองสั่งการช้าลงทุกที กลิ่นน้ำหอมฉุนกึกของพนักงานผสมกับความร้อนในกายทำให้เธออยากจะอาเจียนและอยากจะปลดปล่อยความทรมานนี้ในเวลาเดียวกัน

            ภายในห้องเพรสซิเดนเชียลสวีท ชั้นบนสุดของโรงแรมประตูห้องถูกเปิดออก พนักงานสาวพาร่างระหงของระรินธรเข้ามาวางลงบนเตียงนอนขนาดคิงไซส์ที่ปูด้วยผ้าปูที่นอนสีน้ำเงินเข้มสะอาดตาตามความต้องการของเจ้าของเงิน แอร์เย็นฉ่ำในห้องไม่ได้ช่วยดับความร้อนรุ่มในกายเธอได้เลย กลับยิ่งทำให้ผิวเนื้อของเธอไวต่อสัมผัสมากขึ้นไปอีก

            “นอนพักสักหน่อยนะคะ เดี๋ยวก็หาย” พนักงานสาวพูดทิ้งท้าย ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องไป แล้วจัดการล็อกประตูจากด้านนอกอย่างแน่นหนา ตามคำสั่งลับ ๆ ที่ได้รับมาจากใครบางคน

            ปัง!

            เสียงประตูปิดลง พร้อมกับสติเส้นสุดท้ายของระรินธรที่ขาดผึง

            “ร้อน... ทรมาน...” มือบางปัดป่ายไปทั่วร่าง พยายามดึงทึ้งชุดเกาะอกที่รัดแน่นให้ออกไปเพื่อระบายความร้อน

            ผิวขาวเนียนเริ่มขึ้นสีระเรื่อ เหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดพรายตามไรผมและลำคอ เธอพลิกตัวไปมาบนเตียงด้วยความทรมานที่ไม่อาจบรรยาย มันคือความต้องการที่ดิบเถื่อนและรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

            ในขณะเดียวกันที่หน้าประตูห้อง ดลลวิญ์เดินโซเซมาตามทางเดินด้วยความหงุดหงิดและมึนเมา วันนี้เขาถูกมอมเหล้าโดยพวกลุง ๆ ในบอร์ดบริหารเพื่อหวังผลประโยชน์

            แถมไวน์แก้วสุดท้ายที่แย่งมาจากผู้หญิงคนนั้นก็ดูเหมือนจะมีฤทธิ์แรงมากกว่าปกติ เขาปลดเนกไทออกอย่างรำคาญ เหวี่ยงสูทตัวนอกพาดบ่า แล้วหยิบคีย์การ์ดที่ผู้ช่วยยัดใส่มือมาให้ รูดเปิดประตูห้องพักประจำตัว

            ติ๊ด... แกร๊ก

            ทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้อง กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกกุหลาบและวานิลลาลอยมาแตะจมูก มันไม่ใช่กลิ่นน้ำหอมปรับอากาศของโรงแรม แต่เป็นกลิ่นหอมหวานเย้ายวนที่กระตุ้นสัญชาตญาณดิบในตัวเขาอย่างประหลาด

            “ใคร...” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามกับความมืดที่มีเพียงแสงไฟสลัวจากหัวเตียง สายตาของเขาปรับโฟกัสไปที่เตียงนอนกว้าง... และภาพที่เห็นก็ทำให้ลมหายใจของเขาขาดห้วง

            ร่างบอบบางของหญิงสาวคนหนึ่งกำลังนอนบิดเร่าอยู่บนเตียง ผิวขาวจัดตัดกับผ้าปูที่นอนสีเข้มของตัวเอง ชุดราตรีเกาะอกสีครีมหลุดลุ่ยลงมาจนเผยให้เห็นเนินอกอวบอิ่มที่กระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะหายใจหอบกระเส่า ผมยาวสยายแผ่เต็มหมอน ใบหน้าหวานแดงระเรื่อ ริมฝีปากอิ่มเผยอออกเล็กน้อยส่งเสียงครางแผ่วเบาที่แทบจะทำให้สติของเขาแตกกระเจิง

            “นี่มันใครกล้าเล่นตลกอะไร” ดลลวิญ์ขบกรามแน่น เข้าใจทันทีว่านี่คงเป็นของขวัญที่ใครบางคนส่งมาเอาใจเขา เขาควรจะผลักไสเธอออกไป... ควรจะเรียก รปภ. มาลากตัวเธอออกไปโยนหน้าโรงแรม แต่ขาทั้งสองข้างกลับก้าวเข้าไปหาเตียงนั้นราวกับต้องมนต์สะกด

            ฤทธิ์แอลกอฮอล์ในเลือดผสมกับความร้อนรุ่มที่ก่อตัวขึ้นอย่างฉับพลัน ทำให้เหตุผลในสมองของเขาเริ่มพร่าเลือน

            “ร้อน... ช่วยด้วย...” ระรินธรเพ้อออกมาโดยไม่รู้ตัว มือเรียวไขว่คว้าหาความเย็น เมื่อสัมผัสได้ถึงมือหนาที่ยื่นเข้ามาใกล้ เธอก็รีบคว้ามือเขาทันทีแล้วแนบแก้มร้อนผ่าวลงไปถูไถ

            “ช่วยฉันที... ได้โปรด” เสียงของเธอแสดงความเว้าวอน

            สัมผัสนุ่มนิ่มและความร้อนที่ส่งผ่านมาทางฝ่ามือทำเอาดลลวิญ์คำรามในลำคอ เส้นความอดทนของเขาขาดผึงลงในวินาทีนั้น

            “เธอเรียกร้องเองนะ... อย่ามาโทษฉันทีหลังล่ะ”

            เขาก้มลงทาบทับร่างบางบนเตียง กลิ่นกายหอมกรุ่นของเธอมอมเมาเขายิ่งกว่าไวน์รสเลิศที่เคยได้ลิ้มลอง... สัมผัสที่แตะต้องกันเหมือนเปลวไฟที่ราดด้วยน้ำมัน

            ดวงตาที่เคยเย็นชากลับลุกโชนด้วยไฟปรารถนา เขาโน้มใบหน้าลงซุกไซ้ซอกคอขาวผ่อง สูดดมกลิ่นหอมหวานที่ทำให้ตัวเองแทบคลั่ง มือหนาลูบไล้ไปตามส่วนโค้งเว้าของเรือนร่าง ปลดเปลื้องพันธนาการแห่งอาภรณ์ที่เกะกะออกไปทีละชิ้น... ทีละชิ้น...

            “อื้อ...” ระรินธรครางประท้วงเมื่อความเย็นจากอากาศกระทบผิว แต่เพียงครู่เดียวความอบอุ่นจากร่างแกร่งก็เข้ามาแทนที่ ริมฝีปากร้อนผ่าวของเขาบดขยี้ลงมาที่ริมฝีปากเธออย่างดุดันและเรียกร้อง เธอไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร... รู้แต่ว่าสัมผัสของเขาคือสิ่งที่เธอโหยหา คือสายฝนที่ตกลงมาดับไฟในกาย

            ค่ำคืนแห่งความเข้าใจผิด คละเคล้าด้วยฤทธิ์ยาและสุรา เปลี่ยนคนแปลกหน้าสองคนให้กลายเป็นหนึ่งเดียว เสียงลมหายใจหอบกระเส่า เสียงเนื้อกระทบเนื้อ และเสียงครวญครางแห่งความสุขสมดังก้องไปทั่วห้องหรู

            โดยที่ทั้งสองไม่อาจล่วงรู้เลยว่า... ท่ามกลางความเร่าร้อนนี้ ชะตากรรมได้ผูกมัดพวกเขาไว้ด้วยกันอย่างแน่นหนา และมันจะเป็นจุดเริ่มต้นของบ่วงรักที่จะกักขังหัวใจของพวกเขาไปตลอดกาล...

            แสงจันทร์ที่ลอดผ่านม่านหน้าต่างเข้ามา ส่องกระทบใบหน้าของชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยความหลงใหล และหญิงสาวที่จมดิ่งอยู่ในห้วงแห่งความฝัน... ก่อนที่ทุกอย่างจะมืดดับลง เหลือเพียงความรู้สึกวาบหวามที่สลักลึกลงในจิตวิญญาณของทั้งคู่... ตราบนานเท่านาน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เร้นรักจองจำร้าย   ตอนที่ 11 หาความจริง

    [คฤหาสน์อัครเดชา] รถสปอร์ตหรูสีดำเลี้ยวเข้ามาจอดเทียบหน้าประตูคฤหาสน์หลังงามด้วยความเร็วที่ทำเอาเหล่าคนรับใช้สะดุ้งโหยง เสียงเบรกดังสนั่นบ่งบอกถึงอารมณ์ที่คุกรุ่นของเจ้าของรถได้เป็นอย่างดี ดลลวิญ์ก้าวลงจากรถด้วยใบหน้าถมึงทึง เขาโยนกุญแจรถให้พ่อบ้านโดยไม่พูดจา ก่อนจะเดินดุ่ม ๆ ขึ้นไปยังห้องนอนส่วนตัวอย่างรวดเร็ว... ทิ้งให้ทุกคนในบ้านมองหน้ากันเลิ่กลั่กด้วยความหวาดกลัว เพราะร้อยวันพันปีนายน้อยของบ้านไม่เคยหลุดมาดขรึมให้เห็นขนาดนี้ ปัง! ประตูห้องนอนถูกกระแทกปิดลง ดลลวิญ์เหวี่ยงเสื้อสูทราคาแพงลงบนพื้นอย่างไม่ไยดี ร่างกายของเขายังคงเหนียวเหนอะหนะจากคราบไคลและร่องรอยของค่ำคืนที่บ้าคลั่ง... ร่องรอยที่เขา ‘คิดว่า’ เป็นของระรินธร แต่กลับตื่นมาพบพิมดาว&n

  • เร้นรักจองจำร้าย   ตอนที่ 10 เป็นไปไม่ได้!!!

    [เช้าวันรุ่งขึ้น] แสงแดดอ่อน ๆ ส่องผ่านม่านเข้ามา ดลลวิญ์ขยับตัวตื่นด้วยความปวดร้าวไปทั้งหัว ความทรงจำเมื่อคืนค่อย ๆ ไหลย้อนกลับมาเป็นฉาก ๆ สัมผัสร้อนแรง... กลิ่นกุหลาบหอมกรุ่น... เสียงครางหวาน ๆ ของระรินธร... และความสุขสมที่เขาได้รับ “ริน...” เขายิ้มออกมาทั้งที่ตายังปิดอยู่ วาดแขนไปกระชับกอดร่างนุ่มนิ่มที่นอนเปลือยเปล่าอยู่ข้างกายอย่างหวงแหน “เมื่อคืนคุณยอดเยี่ยมมาก... ผมจะไม่ปล่อยคุณไปอีกแล้ว” แต่แล้ว... ปัง! ปัง! ปัง! เสียงทุบประตูดังสนั่นหวั่นไหว ดลลวิญ์สะดุ้งลืมตาตื่นอย่างหัวเสีย “ใครวะ!

  • เร้นรักจองจำร้าย   ตอนที่ 9 ภาพลวงตาแห่งราคะ

    สิ่งที่พิมดาวทำ... ไม่อาจรอดพ้นสายตาดุจเหยี่ยวของกวินทร์ ชายหนุ่มที่ยืนสังเกตการณ์อยู่มุมมืดเห็นจังหวะที่บริกรส่งแก้วให้ดลลวิญ์ และเห็นรอยยิ้มมุมปากของพิมดาวที่ยืนอยู่อีกฝั่ง เขาอ่านเกมออกทะลุปรุโปร่งทันที “ร้ายนักนะแม่คุณ...” กวินทร์พึมพำ ก่อนจะรีบเดินเข้าไปประชิดตัวระรินธรที่เพิ่งเดินออกมาจากระเบียงด้วยอารมณ์คุกรุ่น “ริน... ฟังผมนะ” กวินทร์กระซิบเสียงเครียด “พิมดาววางยาดลลวิญ์... เมื่อกี้เขาเพิ่งดื่มเครื่องดื่มแก้วนั้นเข้าไป เต็ม ๆ” ระรินธรชะงัก ดวงตาเบิกกว้าง “นายว่าไงนะ? ยัยนั่นกล้าขนาดนั้นเลยเหรอ?” “ใช่ แผนของเธอคงกะจะรวบหัวรวบหางดลคืนนี้เพื่อจับให้อยู่หมัด” กวินทร์ยิ้มเจ้าเล่ห์ “แต่ผมเตรียมแผนแก้เผ็ดไว้แล้ว... ผมเตรียมผู้หญิงหากินไว้คนหนึ่

  • เร้นรักจองจำร้าย   ตอนที่ 8 กรงขังแห่งราตรี

    ภายในโรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา - งานกาล่าดินเนอร์เปิดตัวโครงการ Riverside Iconic แสงไฟสปอตไลต์สาดส่องไปทั่วห้องบอลรูมที่ถูกเนรมิตให้กลายเป็นงานเลี้ยงสุดหรูหรา บรรยากาศเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความมั่งคั่งและอำนาจของ ‘อัครเดชา กรุ๊ป’ เจ้าภาพในค่ำคืนนี้ จุดศูนย์กลางของความสนใจย่อมหนีไม่พ้นโมเดลโครงการคอนโดมิเนียมริมน้ำมูลค่าพันล้าน และดลลวิญ์เจ้าของโปรเจกต์ผู้ทรงอิทธิพล ทว่า... บรรยากาศราบรื่นเหล่านั้นกลับสะดุดลง เมื่อประตูบานใหญ่เปิดออกพร้อมกับการปรากฏตัวของแขกที่ไม่ได้รับเชิญในสายตาคนทั่วไป แต่กลับเป็นผู้ท้าชิงที่น่าจับตามองที่สุด ร่างระหงในชุดราตรียาวสีแดงเบอร์กันดีผ่าสูงโชว์เรียวขาขาวเนียนก้าวเข้ามาในงานด้วยความสง่าผ่

  • เร้นรักจองจำร้าย   ตอนที่ 7 รอยร้าวที่ถูกซ่อมแซม

    เช้าวันรุ่งขึ้น ที่อาคารสำนักงานใหญ่สิริมันตรากรุ๊ป... บรรยากาศภายในบริษัทวันนี้คึกคักและตึงเครียดกว่าปกติ ข่าวการกลับมาของทายาทเพียงคนเดียวของอดีตท่านประธานแพร่สะพัดไปทั่วทุกแผนกตั้งแต่เมื่อวาน พนักงานต่างจับกลุ่มซุบซิบและชะเง้อมองไปทางลิฟต์ผู้บริหารอย่างใจจดใจจ่อ เวลา 09:00 น. ตรง... ประตูลิฟต์เปิดออก พร้อมกับการปรากฏตัวของระรินธรในชุดสูทกางเกงสีขาวงาช้างคัตติ้งเนี้ยบกริบจากแบรนด์ดัง รองเท้าส้นสูงหัวแหลมสีนู้ดเสริมบุคลิกให้ดูสง่างามและคล่องตัว ผมยาวสลวยถูกรวบตึงเป็นหางม้าต่ำเผยให้เห็นโครงหน้าสวยเฉี่ยวที่แต่งแต้มเครื่องสำอางอย่างประณีต เธอเดินก้าวเข้ามาในโถงทางเดินด้วยท่วงท่ามั่นใจ โดยมีกวินทร์เดินขนาบข้างในฐานะที่ปรึกษาและเลขาฯ ส่วนตัว “สวัสดีค่ะคุณระรินธร ดิฉันวิภาเลขาฯ ของคุณวิไลเอ่อ... ท่านรักษาการประธานค่ะ” หญิงวัยกลา

  • เร้นรักจองจำร้าย   ตอนที่ 6 อ้อมกอดเล็ก ๆ ในมุมพักใจ

    ภายในรถตู้ส่วนตัวของกวินทร์ ระหว่างเดินทางกลับคอนโดหลังจากประตูรถปิดลงตัดขาดความวุ่นวายและสายตาจับผิดจากภายนอก หน้ากากนางสิงห์ผู้เย่อหยิ่งที่สวมใส่มาตลอดช่วงบ่ายก็ถูกปลดออก ระรินธรทิ้งตัวลงพิงเบาะหนังอย่างอ่อนล้า หลับตาลงเพื่อพักสายตาจากการปะทะคารมที่สูบพลังงานชีวิตไปไม่น้อย “เหนื่อยไหมครับคุณเลขาฯ?” กวินทร์เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มพร้อมยื่นขวดน้ำแร่เย็นเจี๊ยบให้เธอ “วันนี้คุณทำได้ยอดเยี่ยมมาก ทั้งเรื่องไล่บี้แม่เลี้ยง แล้วก็เรื่องตอกหน้าท่านประธานดล” ระรินธรรับน้ำมาจิบ พลางระบายลมหายใจยาว “เหนื่อยสิ... เหนื่อยที่ต้องปั้นหน้าเย็นชา ทั้งที่ในใจอยากจะกรี๊ดออกมาให้รู้แล้วรู้รอดตอนที่เห็นสภาพห้องทำงานแม่เละเทะแบบนั้น” “แต่คุณก็คุมสติได้ดี” กวินทร์เอ่ยชมจากใจจริง “แถมยังทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้ดลลวิญ์สงสัยเล่นอีกต่างหาก ป่านนี้เขาคงสั่ง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status