LOGIN“เพล้ง!”
เสียงแก้วไวน์ทรงสูงร่วงหล่นกระทบพื้นระเบียงแตกกระจาย ปลุกให้ระรินธรสะดุ้งตื่นจากภวังค์แห่งความหลัง ร่างระหงสั่นเทาเล็กน้อย ทั้งจากแรงลมยามดึกของกรุงเทพฯ และจากความหนาวเหน็บในหัวใจที่ภาพอดีตเมื่อ 6 ปีก่อนฉายชัดขึ้นมา
“ริน! เป็นอะไรไหม?”
กวินทร์ที่กำลังนั่งเคลียร์งานอยู่ในห้องนั่งเล่น รีบวิ่งออกมาทันทีที่ได้ยินเสียงของแตก เขาตรงเข้ามาจับไหล่บางของเธอด้วยความเป็นห่วง สายตาสำรวจหารอยแผลตามร่างกายหญิงสาวในดวงใจ
“ฉัน... ฉันไม่เป็นไรวิน” ระรินธรยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเอง พยายามปรับลมหายใจให้เป็นปกติ “แค่เผลอคิดอะไรเพลินไปหน่อย มือเลยไม่อยู่สุขทำแก้วแตกจนได้”
“คิดถึงเรื่องคืนนั้นเหรอ?” กวินทร์ถามอย่างรู้ทัน เขาไม่ได้โง่และเขารู้จักเธอดีเกินกว่าใคร ชายหนุ่มก้มลงเก็บเศษแก้วอย่างระมัดระวัง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาเธอด้วยแววตาอ่อนโยน
“อดีตมันผ่านไปแล้วนะริน ตอนนี้คุณคือไอรีน... คุณแม่คนเก่งของคิรินกับคาริน ไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว”
“ใช่... ฉันรู้” ระรินธรเหยียดยิ้มมุมปาก ยิ้มให้ความโง่เขลาของตัวเองในวัยสาว
“ฉันแค่กำลังทบทวนความจำ... ว่าความเจ็บปวดในตอนนั้นมันรสชาติเป็นยังไง จะได้ไม่เผลอใจอ่อนเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับผู้ชายคนนั้นอีก”
กวินทร์ถอนหายใจเบา ๆ ถอดเสื้อคลุมตัวนอกของตัวเองมาคลุมไหล่ให้เธอ “อย่าหักโหมนะ พักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้คุณมีศึกหนักต้องไปจัดการที่บริษัทวรโชติเมธีไม่ใช่เหรอ?”
“ขอบใจนะวิน”
เมื่อกวินทร์เดินกลับเข้าไปในห้อง ระรินธรก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม เธอกระชับเสื้อคลุมของเขาแน่นขึ้น ทอดสายตามองไฟเมืองหลวงที่ระยิบระยับเบื้องล่าง
สำหรับใครหลายคนค่ำคืนนั้นอาจจบลงด้วยความสุขสมหรือความผิดพลาดแล้วแยกย้าย... แต่สำหรับเธอนรกที่แท้จริงมันไม่ใช่แค่ตอนที่อยู่บนเตียงกับเขา
ย้อนกลับไป.... ในเช้าของหกปีที่แล้ว ทันที... เมื่อแสงอาทิตย์ยามเช้าวันใหม่สาดส่องเข้ามา... แสงแดดจ้าที่ลอดผ่านม่านหน้าต่างเข้ามาแยงตาปลุกให้ระรินธรรู้สึกตัวตื่นขึ้น
ความรู้สึกแรกที่แล่นเข้ามาคือความปวดร้าวไปทั่วสรรพางค์กาย โดยเฉพาะช่วงล่างที่ระบมจนแทบขยับไม่ได้ ศีรษะปวดตุบ ๆ ราวกับมีใครเอาค้อนมาทุบ อันเป็นผลพวงจากฤทธิ์ยาและแอลกอฮอล์เมื่อคืน
“อือ...”
หญิงสาวครางเบา ๆ ในลำคอ พยายามจะยันกายลุกขึ้นนั่ง แต่เมื่อผ้าห่มเลื่อนหลุดลงมาความเย็นของเครื่องปรับอากาศที่ปะทะผิวกายเปลือยเปล่า ก็ทำให้ความทรงจำเมื่อคืนหลั่งไหลเข้ามาในสมองราวกับเขื่อนแตก
ภาพการกอดรัดฟัดเหวี่ยง... เสียงครางกระเส่า... สัมผัสเร่าร้อน... และใบหน้าของดลลวิญ์ อัครเดชา
ระรินธรเบิกตากว้างด้วยความตกใจและอับอาย ยกมือขึ้นปิดปากแน่นเพื่อกลั้นเสียงร้อง ก้มลงมองสภาพตัวเองที่ไร้อาภรณ์ปกปิด บนผิวขาวเนียนมีรอยแดงเป็นจ้ำ ๆ ประทับอยู่ทั่วตัวราวกับตราประทับความเป็นเจ้าของ
นี่เธอ... ทำอะไรลงไป? นั่นคู่หมั้นที่เธอไม่เคยเจอหน้า... และนี่คือการเจอกันครั้งแรกของพวกเธอ?!
หญิงสาวหันขวับไปมองคนข้างกาย ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรยังคงหลับสนิท ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ แผ่นอกเปลือยเปล่าที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามมีรอยเล็บข่วนจาง ๆ ซึ่งเธอเดาได้ไม่ยากว่าเป็นฝีมือใคร
ความตระหนกแล่นพล่านไปทั่วอก ระรินธรรู้ดีว่านี่ไม่ใช่เวลามานั่งเขินอาย หรือรอให้เขาตื่นมาเซย์ฮัลโหลยามเช้า สถานะของเธอกับเขามันซับซ้อนเกินกว่าจะมองหน้ากันติดหลังจากเรื่องแบบนี้ เธอต้องหนี!
ระรินธรพยายามจะลุกจากเตียงอย่างเงียบเชียบที่สุด สายตาสอดส่ายหาเสื้อผ้าของตัวเองที่ถูกถอดทิ้งกระจัดกระจายเมื่อคืน แต่ทว่า... จังหวะที่เท้าแตะพื้น เสียงแหบพร่าและเย็นเยียบของผู้ชายด้านหลังก็ดังขึ้น... หยุดทุกการเคลื่อนไหวของเธอ
“คิดจะหนีไปทั้งที่ยังไม่เคลียร์งั้นเหรอ?”
ระรินธรตัวแข็งทื่อ ค่อย ๆ หันกลับไปมองทางต้นเสียงอย่างช้า ๆ ดลลวิญ์ตื่นแล้ว... เขากึ่งนั่งกึ่งนอนพิงหัวเตียง ผ้าห่มคลุมหมิ่นเหม่ช่วงเอว ดวงตาคมกริบคู่นั้นจ้องมองเธอด้วยสายตาที่ว่างเปล่าและดูแคลน ไร้ซึ่งความอ่อนโยนหรือความหลงใหลอย่างเมื่อคืนโดยสิ้นเชิง
“คะ... คุณดลลวิญ์... คือฉัน...” เธอพยายามจะอธิบาย มือไม้สั่นเทาดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดบังร่างกายตัวเองไว้อย่างลนลาน
“เธอวางแผนมาอย่างดีเพื่อปีนขึ้นเตียงของผม เล่นละครเก่งไม่เบาเลยนะ” เขาแค่นหัวเราะในลำคอ สายตากวาดมองเรือนร่างของเธอด้วยความดูถูก
“ยาปลุกเซ็กซ์... ไวน์... แล้วก็ผู้หญิงใจง่าย แผนตื้น ๆ แต่ก็ได้ผลดีนี่”
“ไม่ใช่ฉะ...!” ระรินธรพยายามจะปฏิเสธน้ำตาคลอเบ้า “ฉันไม่ได้วางแผนอะไรทั้งนั้นนะคะ! เรื่องเมื่อคืนมันเป็นอุบัติเหตุ คือฉัน... ถ้าฉันบอกว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิด คุณจะเชื่อไหมคะ?”
“เข้าใจผิด?” ดลลวิญ์เลิกคิ้วสูงกล่าวเย้ยหยัน ลุกขึ้นจากเตียงโดยไม่สนใจว่าร่างกายตัวเองจะเปลือยเปล่า เดินตรงไปหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำมาสวมอย่างไม่ยี่หระ
“ไม่ใช่เธอหรอกเหรอที่เอาไวน์แก้วนั้นมาให้ผมเอง? ไม่ใช่เธอหรือไงที่ร้องครางขอให้ผมช่วยเมื่อคืน?”
“ใช่... แต่ฉัน...” ระรินธรพูดไม่ออก
“พอ! ไม่ต้องพูดแก้ตัวให้ตัวเองดูดี ผมไม่มีเวลาฟัง” ดลลวิญ์ตัดบทอย่างรำคาญ เขาเดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์บนโต๊ะเครื่องแป้ง ดึงบัตรเครดิตสีดำไม่จำกัดวงเงินออกมาใบหนึ่ง แล้วโยนมันลงบนเตียงข้างตัวเธอ
แปะ!
บัตรพลาสติกแข็งกระทบผ้าปูที่นอน เสียงเบาหวิวแต่มันดังสนั่นในความรู้สึกของระรินธร ราวกับศักดิ์ศรีของเธอถูกฟาดลงกับพื้น
“ถือว่าเป็นค่าตอบแทนเรื่องเมื่อคืนแล้วกัน อยากได้เท่าไหร่ก็ไปรูดเอา... แล้วก็จบกันแค่นี้ หวังว่าผมจะไม่เห็นหน้าเธออีก”
หยดน้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ร่วงเผาะลงมาอาบแก้ม ระรินธรกำผ้าห่มแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ เขาเห็นเธอเป็นอะไร? ผู้หญิงขายบริการ?
แต่สิ่งที่ทำลายความรู้สึกของเธอยิ่งกว่านั้น คือเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาที่ดังขึ้น ดลลวิญ์กดรับสายทันทีโดยไม่สนใจเธอที่นั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้น
“ครับคุณย่า... ไม่ต้องห่วงเรื่องงานหมั้นบ้าบอนั่นหรอกครับ ผมตัดสินใจแล้ว”
สายตาเย็นชาตวัดกลับมามองเธออีกครั้ง ขณะที่ปากก็พูดใส่โทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
“ผมจะยกเลิกการหมั้นกับผู้หญิงตระกูลวรโชติเมธีนั่น... เราสองคนเป็นแค่คนแปลกหน้า และชาตินี้ผมก็ไม่อยากรู้จักผู้หญิงหิวเงินพรรค์นั้น”
ตูม!
เหมือนระเบิดลงกลางใจ ระรินธรหูอื้อไปหมด คนแปลกหน้า... หิวเงิน... ไม่อยากรู้จัก... เขาด่าเธอสารพัด โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าผู้หญิงที่เขานอนด้วยเมื่อคืน... ก็คือคู่หมั้นที่เขากำลังพูดถึงอยู่นั่นแหละ!
ความเจ็บปวดเปลี่ยนเป็นความด้านชา เธอไม่อยากให้ตัวเองดูน่าสมเพชไปมากกว่านี้ เธอรู้จักเขา... แต่เขาไม่รู้จักเธอ ในเมื่อเขายืนยันที่จะตัดรอนกันขนาดนี้ หากเธอโพล่งออกไปว่า “ฉันนี่แหละคู่หมั้นของคุณ” เขาก็คงจะมองว่าเธอกำลังใช้เรื่องบนเตียงมาผูกมัดเขา
พอกันที... ระรินธรปาดน้ำตาทิ้ง ตัดสินใจลุกขึ้นคว้าเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นของตัวเองขึ้นมาสวมใส่อย่างรวดเร็วโดยไม่แตะต้องบัตรเครดิตใบนั้นแม้แต่ปลายเล็บ
ในจังหวะที่ดลลวิญ์หันหลังเดินไปคุยโทรศัพท์ที่ระเบียง เธอพาตัวเองเดินออกจากห้องนั้นอย่างเงียบงัน... ก้าวเท้าที่สั่นเทาออกมาด้วยหัวใจแตกสลาย
ดีเหมือนกัน... ให้เรื่องที่ไม่ควรเริ่ม ได้จบลงตรงนี้ ลาก่อน... ดลลวิญ์ อัครเดชา
โดยที่เธอไม่รู้เลยว่า... การจากลาครั้งนี้มันไม่ได้จบแค่ความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืน แต่มันได้ฝากเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาติดท้องเธอไปด้วย... เพื่อรอวันกลับมาเอาคืนเขาและคนที่เรียกตัวเองว่าครอบครัวให้สาสม!
[คฤหาสน์อัครเดชา] รถสปอร์ตหรูสีดำเลี้ยวเข้ามาจอดเทียบหน้าประตูคฤหาสน์หลังงามด้วยความเร็วที่ทำเอาเหล่าคนรับใช้สะดุ้งโหยง เสียงเบรกดังสนั่นบ่งบอกถึงอารมณ์ที่คุกรุ่นของเจ้าของรถได้เป็นอย่างดี ดลลวิญ์ก้าวลงจากรถด้วยใบหน้าถมึงทึง เขาโยนกุญแจรถให้พ่อบ้านโดยไม่พูดจา ก่อนจะเดินดุ่ม ๆ ขึ้นไปยังห้องนอนส่วนตัวอย่างรวดเร็ว... ทิ้งให้ทุกคนในบ้านมองหน้ากันเลิ่กลั่กด้วยความหวาดกลัว เพราะร้อยวันพันปีนายน้อยของบ้านไม่เคยหลุดมาดขรึมให้เห็นขนาดนี้ ปัง! ประตูห้องนอนถูกกระแทกปิดลง ดลลวิญ์เหวี่ยงเสื้อสูทราคาแพงลงบนพื้นอย่างไม่ไยดี ร่างกายของเขายังคงเหนียวเหนอะหนะจากคราบไคลและร่องรอยของค่ำคืนที่บ้าคลั่ง... ร่องรอยที่เขา ‘คิดว่า’ เป็นของระรินธร แต่กลับตื่นมาพบพิมดาว&n
[เช้าวันรุ่งขึ้น] แสงแดดอ่อน ๆ ส่องผ่านม่านเข้ามา ดลลวิญ์ขยับตัวตื่นด้วยความปวดร้าวไปทั้งหัว ความทรงจำเมื่อคืนค่อย ๆ ไหลย้อนกลับมาเป็นฉาก ๆ สัมผัสร้อนแรง... กลิ่นกุหลาบหอมกรุ่น... เสียงครางหวาน ๆ ของระรินธร... และความสุขสมที่เขาได้รับ “ริน...” เขายิ้มออกมาทั้งที่ตายังปิดอยู่ วาดแขนไปกระชับกอดร่างนุ่มนิ่มที่นอนเปลือยเปล่าอยู่ข้างกายอย่างหวงแหน “เมื่อคืนคุณยอดเยี่ยมมาก... ผมจะไม่ปล่อยคุณไปอีกแล้ว” แต่แล้ว... ปัง! ปัง! ปัง! เสียงทุบประตูดังสนั่นหวั่นไหว ดลลวิญ์สะดุ้งลืมตาตื่นอย่างหัวเสีย “ใครวะ!
สิ่งที่พิมดาวทำ... ไม่อาจรอดพ้นสายตาดุจเหยี่ยวของกวินทร์ ชายหนุ่มที่ยืนสังเกตการณ์อยู่มุมมืดเห็นจังหวะที่บริกรส่งแก้วให้ดลลวิญ์ และเห็นรอยยิ้มมุมปากของพิมดาวที่ยืนอยู่อีกฝั่ง เขาอ่านเกมออกทะลุปรุโปร่งทันที “ร้ายนักนะแม่คุณ...” กวินทร์พึมพำ ก่อนจะรีบเดินเข้าไปประชิดตัวระรินธรที่เพิ่งเดินออกมาจากระเบียงด้วยอารมณ์คุกรุ่น “ริน... ฟังผมนะ” กวินทร์กระซิบเสียงเครียด “พิมดาววางยาดลลวิญ์... เมื่อกี้เขาเพิ่งดื่มเครื่องดื่มแก้วนั้นเข้าไป เต็ม ๆ” ระรินธรชะงัก ดวงตาเบิกกว้าง “นายว่าไงนะ? ยัยนั่นกล้าขนาดนั้นเลยเหรอ?” “ใช่ แผนของเธอคงกะจะรวบหัวรวบหางดลคืนนี้เพื่อจับให้อยู่หมัด” กวินทร์ยิ้มเจ้าเล่ห์ “แต่ผมเตรียมแผนแก้เผ็ดไว้แล้ว... ผมเตรียมผู้หญิงหากินไว้คนหนึ่
ภายในโรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา - งานกาล่าดินเนอร์เปิดตัวโครงการ Riverside Iconic แสงไฟสปอตไลต์สาดส่องไปทั่วห้องบอลรูมที่ถูกเนรมิตให้กลายเป็นงานเลี้ยงสุดหรูหรา บรรยากาศเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความมั่งคั่งและอำนาจของ ‘อัครเดชา กรุ๊ป’ เจ้าภาพในค่ำคืนนี้ จุดศูนย์กลางของความสนใจย่อมหนีไม่พ้นโมเดลโครงการคอนโดมิเนียมริมน้ำมูลค่าพันล้าน และดลลวิญ์เจ้าของโปรเจกต์ผู้ทรงอิทธิพล ทว่า... บรรยากาศราบรื่นเหล่านั้นกลับสะดุดลง เมื่อประตูบานใหญ่เปิดออกพร้อมกับการปรากฏตัวของแขกที่ไม่ได้รับเชิญในสายตาคนทั่วไป แต่กลับเป็นผู้ท้าชิงที่น่าจับตามองที่สุด ร่างระหงในชุดราตรียาวสีแดงเบอร์กันดีผ่าสูงโชว์เรียวขาขาวเนียนก้าวเข้ามาในงานด้วยความสง่าผ่
เช้าวันรุ่งขึ้น ที่อาคารสำนักงานใหญ่สิริมันตรากรุ๊ป... บรรยากาศภายในบริษัทวันนี้คึกคักและตึงเครียดกว่าปกติ ข่าวการกลับมาของทายาทเพียงคนเดียวของอดีตท่านประธานแพร่สะพัดไปทั่วทุกแผนกตั้งแต่เมื่อวาน พนักงานต่างจับกลุ่มซุบซิบและชะเง้อมองไปทางลิฟต์ผู้บริหารอย่างใจจดใจจ่อ เวลา 09:00 น. ตรง... ประตูลิฟต์เปิดออก พร้อมกับการปรากฏตัวของระรินธรในชุดสูทกางเกงสีขาวงาช้างคัตติ้งเนี้ยบกริบจากแบรนด์ดัง รองเท้าส้นสูงหัวแหลมสีนู้ดเสริมบุคลิกให้ดูสง่างามและคล่องตัว ผมยาวสลวยถูกรวบตึงเป็นหางม้าต่ำเผยให้เห็นโครงหน้าสวยเฉี่ยวที่แต่งแต้มเครื่องสำอางอย่างประณีต เธอเดินก้าวเข้ามาในโถงทางเดินด้วยท่วงท่ามั่นใจ โดยมีกวินทร์เดินขนาบข้างในฐานะที่ปรึกษาและเลขาฯ ส่วนตัว “สวัสดีค่ะคุณระรินธร ดิฉันวิภาเลขาฯ ของคุณวิไลเอ่อ... ท่านรักษาการประธานค่ะ” หญิงวัยกลา
ภายในรถตู้ส่วนตัวของกวินทร์ ระหว่างเดินทางกลับคอนโดหลังจากประตูรถปิดลงตัดขาดความวุ่นวายและสายตาจับผิดจากภายนอก หน้ากากนางสิงห์ผู้เย่อหยิ่งที่สวมใส่มาตลอดช่วงบ่ายก็ถูกปลดออก ระรินธรทิ้งตัวลงพิงเบาะหนังอย่างอ่อนล้า หลับตาลงเพื่อพักสายตาจากการปะทะคารมที่สูบพลังงานชีวิตไปไม่น้อย “เหนื่อยไหมครับคุณเลขาฯ?” กวินทร์เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มพร้อมยื่นขวดน้ำแร่เย็นเจี๊ยบให้เธอ “วันนี้คุณทำได้ยอดเยี่ยมมาก ทั้งเรื่องไล่บี้แม่เลี้ยง แล้วก็เรื่องตอกหน้าท่านประธานดล” ระรินธรรับน้ำมาจิบ พลางระบายลมหายใจยาว “เหนื่อยสิ... เหนื่อยที่ต้องปั้นหน้าเย็นชา ทั้งที่ในใจอยากจะกรี๊ดออกมาให้รู้แล้วรู้รอดตอนที่เห็นสภาพห้องทำงานแม่เละเทะแบบนั้น” “แต่คุณก็คุมสติได้ดี” กวินทร์เอ่ยชมจากใจจริง “แถมยังทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้ดลลวิญ์สงสัยเล่นอีกต่างหาก ป่านนี้เขาคงสั่ง







