LOGINภายในรถตู้ส่วนตัวของกวินทร์ ระหว่างเดินทางกลับคอนโดหลังจากประตูรถปิดลงตัดขาดความวุ่นวายและสายตาจับผิดจากภายนอก หน้ากากนางสิงห์ผู้เย่อหยิ่งที่สวมใส่มาตลอดช่วงบ่ายก็ถูกปลดออก ระรินธรทิ้งตัวลงพิงเบาะหนังอย่างอ่อนล้า หลับตาลงเพื่อพักสายตาจากการปะทะคารมที่สูบพลังงานชีวิตไปไม่น้อย
“เหนื่อยไหมครับคุณเลขาฯ?” กวินทร์เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มพร้อมยื่นขวดน้ำแร่เย็นเจี๊ยบให้เธอ “วันนี้คุณทำได้ยอดเยี่ยมมาก ทั้งเรื่องไล่บี้แม่เลี้ยง แล้วก็เรื่องตอกหน้าท่านประธานดล”
ระรินธรรับน้ำมาจิบ พลางระบายลมหายใจยาว “เหนื่อยสิ... เหนื่อยที่ต้องปั้นหน้าเย็นชา ทั้งที่ในใจอยากจะกรี๊ดออกมาให้รู้แล้วรู้รอดตอนที่เห็นสภาพห้องทำงานแม่เละเทะแบบนั้น”
“แต่คุณก็คุมสติได้ดี” กวินทร์เอ่ยชมจากใจจริง “แถมยังทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้ดลลวิญ์สงสัยเล่นอีกต่างหาก ป่านนี้เขาคงสั่งคนรื้อประวัติคุณจนวุ่นวายไปหมดแน่”
“ให้เขาสืบไปเถอะ” ระรินธรยิ้มมุมปาก “ประวัติของระรินธร สิริมันตราช่วง 6 ปีที่ผ่านมามีแค่ความว่างเปล่า... ส่วนประวัติของไอรีนก็ถูกล็อกไว้อย่างแน่นหนา ถ้าเขาไม่บินไปขุดคุ้ยถึงมิลานด้วยตัวเอง ก็ไม่มีทางรู้ความจริงหรอก”
ในระหว่างที่คนทั้งคู่สนทนากัน คนขับรถก็พารถตู้เลี้ยวเข้าสู่ลานจอดรถวีไอพีของคอนโดมิเนียมหรู ทันทีที่รถจอดสนิท ความเหนื่อยล้าเมื่อครู่ก็มลายหายไปจนเกือบหมด เพราะเธอรู้ว่ามียาชูกำลังชั้นดีรออยู่ที่ห้อง
เพนต์เฮาส์ชั้นบนสุด
“หม่ามี้กลับมาแล้ว!”
ทันทีที่ประตูห้องเปิดออก เสียงใสแจ๋วของคารินก็ดังขึ้นมาก่อนตัว เด็กหญิงตัวน้อยในชุดกระโปรงสีชมพูฟูฟ่องวิ่งถลาเข้ามาหาแม่ราวกับลูกกระสุน โดยมีคิรินแฝดผู้พี่เดินตามมาข้างหลังด้วยท่าทีสุขุมกว่า แต่แววตาก็ฉายความดีใจไม่แพ้กัน
ระรินธรรีบย่อตัวลงอ้าแขนรับร่างป้อม ๆ ของลูกสาวเข้าสู่อ้อมกอด กลิ่นแป้งเด็กหอมละมุนช่วยชะล้างความขุ่นมัวจากการเจอหน้าดลลวิญ์ออกไปจนหมดสิ้น
“คิดถึงหม่ามี้จังเลยค่ะ วันนี้หม่ามี้ไปปราบตัวร้ายมาเหนื่อยไหมคะ?” คารินถามเสียงอ้อน พลางเอามือลูบแก้มอันอ่อนนุ่มของมารดา
“เหนื่อยนิดหน่อยค่ะ แต่พอเจอลูกสุดที่รัก แม่ก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลย” ระรินธรหอมแก้มยุ้ย ๆ ของลูกสาวซ้ายขวา ก่อนจะหันไปดึงลูกชายคนโตเข้ามากอดด้วย
“วันนี้เป็นเด็กดีกันไหมครับคิริน?”
“ดีมากครับ” คิรินตอบพลางขยับแว่น “ผมกับคารินทำการบ้านเสร็จแล้ว แล้วก็ช่วยแม่บ้านจัดโต๊ะอาหารด้วยครับ... อ้อ ลุงกวินทร์ครับ เมื่อกี้ผมลองคำนวณโครงสร้างตึกเลโก้ใหม่ ตามทฤษฎีที่ลุงสอนเมื่อวาน มันรับน้ำหนักได้เยอะขึ้นจริง ๆ ด้วย!”
กวินทร์หัวเราะร่าเดินเข้ามาลูบหัวหลานชาย “เจ๋งมากไอ้เสือ! เดี๋ยวคืนนี้เรามาต่อโมเดลของจริงกัน ลุงเพิ่งได้ตัวต่อสถาปัตยกรรมชุดใหม่มา”
“เย้! รักลุงวินที่สุดเลย!” สองแสบกระโดดโลดเต้นอย่าง ดีใจ
ระรินธรมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกอบอุ่นหัวใจ... ภาพที่กวินทร์เล่นกับลูก ๆ ของเธออย่างเป็นธรรมชาติ ไม่มีความรังเกียจเดียดฉันท์ทั้งที่เขาไม่ใช่พ่อแท้ ๆ ต่างจากผู้ชายคนนั้น... คนที่เพิ่งดูถูกเธอเมื่อตอนบ่าย
‘ถ้าดลลวิญ์รู้ว่ามีลูก... เขาคงมองว่าเด็กสองคนนี้เป็นแค่ความผิดพลาด หรือเครื่องมือต่อรองทางธุรกิจแน่ ๆ’ เธอคิดในใจ พลางกระชับอ้อมกอดลูกแน่นขึ้น ‘แม่ไม่มีวันยอมให้เขาเข้าใกล้หนูสองคนเด็ดขาด... พื้นที่ตรงนี้คือเซฟโซนของเรา’
“ไปครับเด็ก ๆ ไปล้างมือทานข้าวกัน วันนี้ฉลองที่หม่ามี้ยึดบริษัทคุณยายคืนมาได้สำเร็จ!” กวินทร์เอ่ยชวนทำลายภวังค์ความคิดของเธอ
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความสุข ระรินธรมองดูครอบครัวเล็ก ๆ ที่เธอสร้างขึ้นมาด้วยสองมือ... แม้พวกเขาจะขาดพ่อตัวจริงไป แต่ความรักที่กวินทร์และเธอช่วยกันเติมเต็ม มันก็สมบูรณ์แบบจนเธอไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว
ในขณะเดียวกัน ที่เพนต์เฮาส์ส่วนตัวของดลลวิญ์... บรรยากาศของที่นี่ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหวกับสามคนแม่ลูกห้องพักสุดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยาของชายหนุ่มเงียบสงัดและเย็นเยียบ
ดลลวิญ์นั่งอยู่บนโซฟาหนังสีดำสนิท ในมือถือแก้ววิสกี้ราคาแพง เขากระดกมันลงคออย่างหงุดหงิด ขณะที่สายตายังคงจ้องมองรายงานการสืบประวัติที่พีระ เลขาฯ คู่ใจเพิ่งส่งมาให้ทางอีเมล
‘ไม่พบข้อมูลการทำงานในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา... ไม่พบประวัติการเดินทางออกนอกประเทศที่ชัดเจน... สถานะทางการเงินไม่ระบุ’
“บ้าชิบ!” ชายหนุ่มสบถออกมาอย่างหัวเสีย “หายไป 6 ปี กลับมาพร้อมนามสกุลใหม่ กับท่าทางผยองพองขนแบบนั้น... เธอไปทำอะไรมากันแน่ ระรินธร”
ยิ่งอ่านเขาก็ยิ่งหงุดหงิด ไม่ใช่แค่เพราะความสงสัย แต่เพราะภาพใบหน้าสวยเฉี่ยวและริมฝีปากสีแดงสดที่ต่อล้อต่อเถียงเขาวันนี้ มันวนเวียนอยู่ในหัวไม่ยอมออกไปสักที กลิ่นน้ำหอมกุหลาบจาง ๆ นั่น... มันเหมือนคืนนั้นไม่มีผิด
ครืด... ครืด...
เสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะสั่นครืดคราด ดึงเขากลับมาจากความคิด หน้าจอแสดงชื่อพิมดาว
ดลลวิญ์ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความเบื่อหน่าย ก่อนจะกดรับสายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ครับพิม”
“ดลคะ! ทำไมวันนี้พิมโทรไปที่เลขาฯ ของคุณ คุณพีทถึงบอกว่าคุณไม่อยู่ล่ะคะ? พิมจะชวนไปทานดินเนอร์” เสียงหวานจ๋อยที่ดัดจนเล็กแหลมดังลอดผ่านมา ทำเอาดลลวิญ์ต้องยกโทรศัพท์ออกห่างจากหูเล็กน้อย
“ผมไปทำธุระข้างนอกมา... แล้วก็เพิ่งกลับถึงห้อง ผมเหนื่อย อยากพักผ่อน” เขาตอบแบบปัด ๆ
“แหม... พักผ่อนอะไรกันคะ ยังไม่ดึกเลย” พิมดาวไม่ละความพยายาม “จริงสิคะดล... เรื่องโครงการริเวอร์ไซด์ ไอคอนิคที่คุณกำลังจะเปิดประมูลตกแต่งภายใน พิมได้ยินมาว่าคุณกำลังมองหาดีไซเนอร์... ให้พิมช่วยดูให้ไหมคะ? พิมรู้จักเพื่อนในวงการเยอะแยะเลยนะ”
ดลลวิญ์ขมวดคิ้ว เขาเกลียดที่สุดเวลาใครเข้ามายุ่งเรื่องงาน “ขอบคุณครับพิม แต่ผมมีทีมงานคัดเลือกอยู่แล้ว โครงการนี้มูลค่าห้าร้อยล้าน ผมต้องการมืออาชีพจริง ๆ ไม่ใช่แค่คนรู้จัก”
ปลายสายเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องและเสียงแข็งขึ้นมาเล็กน้อย “ก็ได้ค่ะ... แต่ดลคะ พิมได้ยินข่าวลือแปลก ๆ มา... เขาว่าอดีตคู่หมั้นของคุณ... ที่ชื่อระรินธร อะไรนั่น กลับมาแล้วเหรอคะ?”
ดลลวิญ์ชะงัก มือที่ถือแก้วเหล้าหยุดนิ่ง “คุณไปได้ยินมาจากไหน?”
“วงสังคมเขาซุบซิบกันให้แซ่ดค่ะ ว่ายัยนั่นกลับมาทวงสมบัติพ่อตัวเอง... ดลคะ ยัยนั่นคงไม่ได้กลับมาเพื่อขอคืนดีกับคุณใช่ไหม? พิมไม่ยอมนะคะ! คุณเขี่ยมันทิ้งไปตั้ง 6 ปีแล้ว ถ้ามันกลับมาเกาะแกะคุณอีก พิมจะจัดการมันแน่!”
ดลลวิญ์แค่นหัวเราะในลำคอ นึกถึงสายตาดูแคลนที่ระรินธรมองเขาเมื่อตอนบ่าย (ขอคืนดีงั้นเหรอ? หึ... ผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนอยากจะฆ่าเขาให้ตายคามือมากกว่าจะมาขอคืนดี)
“อย่าไร้สาระน่าพิม” ดลลวิญ์เอ่ยเสียงเข้ม “ระรินธรไม่ได้มีความหมายอะไรกับผม... เธอก็แค่ผู้หญิงที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิต และตอนนี้... เธอก็เป็นแค่คู่แข่งทางธุรกิจเล็ก ๆ ที่ผมไม่จำเป็นต้องใส่ใจ”
“จริงนะคะดล? คุณสัญญาแล้วนะ”
“อืม... แค่นี้นะ ผมจะนอน”
ดลลวิญ์ตัดสายทิ้งทันทีโดยไม่รอฟังคำบอกรักจากปลายสาย เขาโยนโทรศัพท์ไปอีกทางแล้วเอนหลังพิงพนักโซฟา หลับตาลงอย่างเหนื่อยหน่าย
พิมดาวกลัวว่าระรินธรจะกลับมาแย่งเขา... แต่หารู้ไม่ว่า สิ่งที่ระรินธรต้องการแย่งในตอนนี้ ไม่ใช่หัวใจของเขา... แต่เป็นศักดิ์ศรีและชัยชนะต่างหาก
และลางสังหรณ์บางอย่างบอกเขาว่า... การกลับมาของเธอครั้งนี้ จะสั่นคลอนชีวิตที่เคยควบคุมได้ทุกอย่างของเขา จนพังทลายไม่มีชิ้นดี...
[คฤหาสน์อัครเดชา] รถสปอร์ตหรูสีดำเลี้ยวเข้ามาจอดเทียบหน้าประตูคฤหาสน์หลังงามด้วยความเร็วที่ทำเอาเหล่าคนรับใช้สะดุ้งโหยง เสียงเบรกดังสนั่นบ่งบอกถึงอารมณ์ที่คุกรุ่นของเจ้าของรถได้เป็นอย่างดี ดลลวิญ์ก้าวลงจากรถด้วยใบหน้าถมึงทึง เขาโยนกุญแจรถให้พ่อบ้านโดยไม่พูดจา ก่อนจะเดินดุ่ม ๆ ขึ้นไปยังห้องนอนส่วนตัวอย่างรวดเร็ว... ทิ้งให้ทุกคนในบ้านมองหน้ากันเลิ่กลั่กด้วยความหวาดกลัว เพราะร้อยวันพันปีนายน้อยของบ้านไม่เคยหลุดมาดขรึมให้เห็นขนาดนี้ ปัง! ประตูห้องนอนถูกกระแทกปิดลง ดลลวิญ์เหวี่ยงเสื้อสูทราคาแพงลงบนพื้นอย่างไม่ไยดี ร่างกายของเขายังคงเหนียวเหนอะหนะจากคราบไคลและร่องรอยของค่ำคืนที่บ้าคลั่ง... ร่องรอยที่เขา ‘คิดว่า’ เป็นของระรินธร แต่กลับตื่นมาพบพิมดาว&n
[เช้าวันรุ่งขึ้น] แสงแดดอ่อน ๆ ส่องผ่านม่านเข้ามา ดลลวิญ์ขยับตัวตื่นด้วยความปวดร้าวไปทั้งหัว ความทรงจำเมื่อคืนค่อย ๆ ไหลย้อนกลับมาเป็นฉาก ๆ สัมผัสร้อนแรง... กลิ่นกุหลาบหอมกรุ่น... เสียงครางหวาน ๆ ของระรินธร... และความสุขสมที่เขาได้รับ “ริน...” เขายิ้มออกมาทั้งที่ตายังปิดอยู่ วาดแขนไปกระชับกอดร่างนุ่มนิ่มที่นอนเปลือยเปล่าอยู่ข้างกายอย่างหวงแหน “เมื่อคืนคุณยอดเยี่ยมมาก... ผมจะไม่ปล่อยคุณไปอีกแล้ว” แต่แล้ว... ปัง! ปัง! ปัง! เสียงทุบประตูดังสนั่นหวั่นไหว ดลลวิญ์สะดุ้งลืมตาตื่นอย่างหัวเสีย “ใครวะ!
สิ่งที่พิมดาวทำ... ไม่อาจรอดพ้นสายตาดุจเหยี่ยวของกวินทร์ ชายหนุ่มที่ยืนสังเกตการณ์อยู่มุมมืดเห็นจังหวะที่บริกรส่งแก้วให้ดลลวิญ์ และเห็นรอยยิ้มมุมปากของพิมดาวที่ยืนอยู่อีกฝั่ง เขาอ่านเกมออกทะลุปรุโปร่งทันที “ร้ายนักนะแม่คุณ...” กวินทร์พึมพำ ก่อนจะรีบเดินเข้าไปประชิดตัวระรินธรที่เพิ่งเดินออกมาจากระเบียงด้วยอารมณ์คุกรุ่น “ริน... ฟังผมนะ” กวินทร์กระซิบเสียงเครียด “พิมดาววางยาดลลวิญ์... เมื่อกี้เขาเพิ่งดื่มเครื่องดื่มแก้วนั้นเข้าไป เต็ม ๆ” ระรินธรชะงัก ดวงตาเบิกกว้าง “นายว่าไงนะ? ยัยนั่นกล้าขนาดนั้นเลยเหรอ?” “ใช่ แผนของเธอคงกะจะรวบหัวรวบหางดลคืนนี้เพื่อจับให้อยู่หมัด” กวินทร์ยิ้มเจ้าเล่ห์ “แต่ผมเตรียมแผนแก้เผ็ดไว้แล้ว... ผมเตรียมผู้หญิงหากินไว้คนหนึ่
ภายในโรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา - งานกาล่าดินเนอร์เปิดตัวโครงการ Riverside Iconic แสงไฟสปอตไลต์สาดส่องไปทั่วห้องบอลรูมที่ถูกเนรมิตให้กลายเป็นงานเลี้ยงสุดหรูหรา บรรยากาศเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความมั่งคั่งและอำนาจของ ‘อัครเดชา กรุ๊ป’ เจ้าภาพในค่ำคืนนี้ จุดศูนย์กลางของความสนใจย่อมหนีไม่พ้นโมเดลโครงการคอนโดมิเนียมริมน้ำมูลค่าพันล้าน และดลลวิญ์เจ้าของโปรเจกต์ผู้ทรงอิทธิพล ทว่า... บรรยากาศราบรื่นเหล่านั้นกลับสะดุดลง เมื่อประตูบานใหญ่เปิดออกพร้อมกับการปรากฏตัวของแขกที่ไม่ได้รับเชิญในสายตาคนทั่วไป แต่กลับเป็นผู้ท้าชิงที่น่าจับตามองที่สุด ร่างระหงในชุดราตรียาวสีแดงเบอร์กันดีผ่าสูงโชว์เรียวขาขาวเนียนก้าวเข้ามาในงานด้วยความสง่าผ่
เช้าวันรุ่งขึ้น ที่อาคารสำนักงานใหญ่สิริมันตรากรุ๊ป... บรรยากาศภายในบริษัทวันนี้คึกคักและตึงเครียดกว่าปกติ ข่าวการกลับมาของทายาทเพียงคนเดียวของอดีตท่านประธานแพร่สะพัดไปทั่วทุกแผนกตั้งแต่เมื่อวาน พนักงานต่างจับกลุ่มซุบซิบและชะเง้อมองไปทางลิฟต์ผู้บริหารอย่างใจจดใจจ่อ เวลา 09:00 น. ตรง... ประตูลิฟต์เปิดออก พร้อมกับการปรากฏตัวของระรินธรในชุดสูทกางเกงสีขาวงาช้างคัตติ้งเนี้ยบกริบจากแบรนด์ดัง รองเท้าส้นสูงหัวแหลมสีนู้ดเสริมบุคลิกให้ดูสง่างามและคล่องตัว ผมยาวสลวยถูกรวบตึงเป็นหางม้าต่ำเผยให้เห็นโครงหน้าสวยเฉี่ยวที่แต่งแต้มเครื่องสำอางอย่างประณีต เธอเดินก้าวเข้ามาในโถงทางเดินด้วยท่วงท่ามั่นใจ โดยมีกวินทร์เดินขนาบข้างในฐานะที่ปรึกษาและเลขาฯ ส่วนตัว “สวัสดีค่ะคุณระรินธร ดิฉันวิภาเลขาฯ ของคุณวิไลเอ่อ... ท่านรักษาการประธานค่ะ” หญิงวัยกลา
ภายในรถตู้ส่วนตัวของกวินทร์ ระหว่างเดินทางกลับคอนโดหลังจากประตูรถปิดลงตัดขาดความวุ่นวายและสายตาจับผิดจากภายนอก หน้ากากนางสิงห์ผู้เย่อหยิ่งที่สวมใส่มาตลอดช่วงบ่ายก็ถูกปลดออก ระรินธรทิ้งตัวลงพิงเบาะหนังอย่างอ่อนล้า หลับตาลงเพื่อพักสายตาจากการปะทะคารมที่สูบพลังงานชีวิตไปไม่น้อย “เหนื่อยไหมครับคุณเลขาฯ?” กวินทร์เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มพร้อมยื่นขวดน้ำแร่เย็นเจี๊ยบให้เธอ “วันนี้คุณทำได้ยอดเยี่ยมมาก ทั้งเรื่องไล่บี้แม่เลี้ยง แล้วก็เรื่องตอกหน้าท่านประธานดล” ระรินธรรับน้ำมาจิบ พลางระบายลมหายใจยาว “เหนื่อยสิ... เหนื่อยที่ต้องปั้นหน้าเย็นชา ทั้งที่ในใจอยากจะกรี๊ดออกมาให้รู้แล้วรู้รอดตอนที่เห็นสภาพห้องทำงานแม่เละเทะแบบนั้น” “แต่คุณก็คุมสติได้ดี” กวินทร์เอ่ยชมจากใจจริง “แถมยังทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้ดลลวิญ์สงสัยเล่นอีกต่างหาก ป่านนี้เขาคงสั่ง







