ทางด้านของหลิวอี้และหม่าเซียวจัดการว่าจ้างคนบันทึกรายงานเรียบร้อยก็รีบกลับมา แม้เกิดเรื่องกะทันหันทว่าหลี่เสวี่ยซินกลับไม่ละความตั้งใจที่จะขึ้นเขาไปยังวัดหมิงหลัน ร่างกายไม่ได้รับบาดเจ็บจนเดินไม่ได้ ศีรษะที่แตกก็แผลเล็กน้อย ใส่ยาเสร็จแล้วย่อมไร้ปัญหา
หม่าเซียวและหลิวอี้ไม่วางใจ พวกนางคะยั้นคะยอให้หลี่เสวี่ยซินพบหมอ หลี่เสวี่ยซินไม่อยากทำให้ผู้อื่นลำบากใจไปมากกว่านี้ จึงยอมตกลงไปหาหมอและกลับจวนในที่สุด ขณะที่นางหมุนร่างเตรียมตัวกลับ ก็ถูกใครบางคนวิ่งมากระแทกไหล่เสียจนตัวปลิว
“โอ๊ย”
โชคดีที่หลิวอี้รับร่างของหลี่เสวี่ยซินไว้ทัน ไม่เช่นนั้นคงได้ล้มไปนั่งก้นจ้ำเบ้า
เสียงแหลมแผดขึ้นหัวเสีย “ไม่มีตารึ!”
หม่าเซียวเดือดดาลเลือดขึ้นหน้า นางปรี่เข้ามายืนบังทั้งยังเท้าสะเอวกล่าวเสียงกระด้าง “เจ้าน่ะสิไม่มีตา รู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังล่วงเกินผู้ใด!”
“เพ้ย! ยิ่งใหญ่มาจากไหนกัน ข้าไม่สนใจหรอก ทำข้าวของข้าเสียหายเช่นนั้นก็รับผิดชอบมา” หญิงคนนั้นกวักมือหย็อย ๆ เพื่อร้องเรียกค่าเสียหาย
หลี่เสวี่ยซินขมวดคิ้ว มือเรียวคว้าไหล่แคบของหม่าเซียวให้หลบไปยืนหลังตน
ทางด้านของหลิวอี้และหม่าเซียวจัดการว่าจ้างคนบันทึกรายงานเรียบร้อยก็รีบกลับมา แม้เกิดเรื่องกะทันหันทว่าหลี่เสวี่ยซินกลับไม่ละความตั้งใจที่จะขึ้นเขาไปยังวัดหมิงหลัน ร่างกายไม่ได้รับบาดเจ็บจนเดินไม่ได้ ศีรษะที่แตกก็แผลเล็กน้อย ใส่ยาเสร็จแล้วย่อมไร้ปัญหาหม่าเซียวและหลิวอี้ไม่วางใจ พวกนางคะยั้นคะยอให้หลี่เสวี่ยซินพบหมอ หลี่เสวี่ยซินไม่อยากทำให้ผู้อื่นลำบากใจไปมากกว่านี้ จึงยอมตกลงไปหาหมอและกลับจวนในที่สุด ขณะที่นางหมุนร่างเตรียมตัวกลับ ก็ถูกใครบางคนวิ่งมากระแทกไหล่เสียจนตัวปลิว“โอ๊ย”โชคดีที่หลิวอี้รับร่างของหลี่เสวี่ยซินไว้ทัน ไม่เช่นนั้นคงได้ล้มไปนั่งก้นจ้ำเบ้าเสียงแหลมแผดขึ้นหัวเสีย “ไม่มีตารึ!”หม่าเซียวเดือดดาลเลือดขึ้นหน้า นางปรี่เข้ามายืนบังทั้งยังเท้าสะเอวกล่าวเสียงกระด้าง “เจ้าน่ะสิไม่มีตา รู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังล่วงเกินผู้ใด!”“เพ้ย! ยิ่งใหญ่มาจากไหนกัน ข้าไม่สนใจหรอก ทำข้าวของข้าเสียหายเช่นนั้นก็รับผิดชอบมา” หญิงคนนั้นกวักมือหย็อย ๆ เพื่อร้องเรียกค่าเสียหายหลี่เสวี่ยซินขมวดคิ้ว มือเรียวคว้าไหล่แคบของหม่าเซียวให้หลบไปยืนหลังตน
กระทั่งเหตุการณ์สงบ หลิวอี้และหม่าเซียวจึงปรี่เข้ามาช่วยประคองหลี่เสวี่ยซิน หลิวอี้ใช้แพรพกเช็ดคราบโลหิตออกจากใบหน้าและดวงตาให้หญิงสาวหลิวอี้เสียงสั่น “ท่านหญิงเจ็บมากหรือไม่เจ้าคะ”หลี่เสวี่ยซินรับแพรพกมาไว้ในมือ “บาดเจ็บเล็กน้อย ข้าไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องห่วงนะ แผลแค่นี้ไกลหัวใจ”เจ็บปวดทรมานกว่านี้หลี่เสวี่ยซินก็ผ่านมาแล้ว แผลแมวข่วนย่อมมิอาจส่งผลสั่นสะท้านต่อจิตใจนางหลี่เสวี่ยซินย้ายสายตากลับมายังชายวัยกลางคนที่ตรงหน้าตน เขายื่นขวดโอสถให้กับนาง“นี่เป็นยาห้ามเลือดขอรับ”หม่าเซียวรับ “ขอบคุณเจ้าค่ะ”หลี่เสวี่ยซินยิ้มอ่อนโยน “ขอบคุณท่านมาก หากไม่ได้ท่านพวกเราคงตายไปแล้ว”“แม่นางน้อยผู้นี้ก็คือ...”หลิวอี้โพล่ง “นี่คือท่านหญิงเสวี่ยซิน บุตรสาวเพียงคนเดียวของหนิงโหวเจ้าค่ะ”“ที่แท้ก็เป็นท่านหญิง ข้าน้อยทำไปล้วนเห็นแก่มนุษยธรรม ไม่ว่าใครเดือดร้อนก็ต้องยื่นมือเข้าช่วยทั้งสิ้น”“ท่านช่างน้ำใจงามนัก” หลี่เสวี่ยซินเอื้อมมือให้สองสาวใช้ช่วยพยุงตนให้ลุกขึ้น นางยังไม่ละสายตาจากชายตรงหน้า
วันนี้หลี่เสวี่ยซินให้คนไปแจ้งหนิงถงไท่และหนิงเข่อเหรินแล้ว นางไม่รอคำอนุญาตแต่อย่างใด ถือว่าบอกแล้วเป็นพอ เพราะหากมัวแต่อิดออด หนิงเข่อเหรินจะต้องให้นางรอไปพร้อมกับฮั่วเหวินหลงแน่“บรรยากาศสดใสเป็นเช่นนี้นี่เอง” หญิงสาวแหงนหน้าขึ้นพลางสูดกลิ่นอายธรรมชาติเข้าเต็มปอดหม่าเซียวและหลิวอี้ยิ้มตาม พวกนางคิดว่าเพราะเจ้านายหลับใหลไปนานเลยดูตื่นตาตื่นใจกับต้นไม้ใบหญ้าเป็นธรรมดาหลิวอี้ “ท่านหญิงอยากแวะตลาดเช้าก่อนหรือไม่เจ้าคะ”หลี่เสวี่ยซินครุ่นคิด ก่อนตาบอดนางเคยออกมาจับจ่ายที่ตลาดเช้าอยู่บ่อย ๆ หลังจากตาบอดนานเป็นปีหลี่เสวี่ยซินก็ไม่เคยได้สัมผัสบรรยากาศครึกครื้นเช่นนี้อีกเลย“เอาสิ เหลือเวลาอีกหน่อย ข้าจะได้ซื้อผลไม้ไปสักการะด้วย”“เจ้าค่ะ”หลิวอี้จึงออกไปแจ้งสารถีให้แวะเข้าที่ตลาดเช้าก่อน พูดคุยไม่นานก็กลับเข้ามา รถม้าเคลื่อนตัวไปตามรายทางเรียบเรื่อย อีกไม่กี่ลี้ [1] ก็จะถึงปลายทาง แต่แล้วอยู่ ๆ เจ้าม้าตัวสูงก็ตะกุยเท้าหน้าด้วยท่าทีตื่นตระหนก รถม้าถูกเทกระจาดไร้การทรงตัว ทำให้หลี่เส
น้ำค้างสีใสบนใบไม้เขียวขจีสาดประกายดุจอัญมณีเปล่งประกายท่ามกลางแสงแห่งอรุณรุ่งส่องสะท้อนลอดบานหน้าต่างทรงกลม พลางตกกระทบลงบนใบหน้าเกลี้ยงเกลาดุจบุปผาริมฝีปากสีกุหลาบยกโค้งเล็กน้อยเผยให้เห็นเขี้ยวเล็กจากรอยยิ้มซุกซนซึ่งสลักอยู่บนคันฉ่องสีอำพัน“ท่านหญิงตื่นหรือยังเจ้าคะ” หลิวอี้เคาะประตูเบา ๆ พลางเอ่ยถาม“เรียบร้อยแล้ว”เสียงบานประตูแง้มออกแช่มช้า ร่างระหงในชุดชมพูเปล่งประกายขับผิวให้ดูโดดเด่นสะท้อนเข้าม่านตา สองสาวใช้ตาเบิกค้างตกตะลึง จดจ้องหญิงสาวตรงหน้าตาไม่กะพริบหลี่เสวี่ยซินเอียงคอถาม “เป็นอะไรกัน ใบหน้าของข้าหน้ามีสิ่งใดเปื้อนอยู่หรือ”หม่าเซียวส่ายหน้าระรัว “เปล่าเจ้าค่ะ วันนี้ท่านหญิงดูแปลกตาไปนะเจ้าคะ ปกติท่านหญิงจะแต่งกายงดงามสูงส่งประหนึ่งหงส์ อีกอย่างนี่ท่านลุกผัดหน้าแต่งตัวเองเลยหรือเจ้าคะ”หลี่เสวี่ยซินพยักหน้า “อือ จะได้ไปตรงเวลากันข้าแต่งตัวเองได้ แล้วข้าสวมเสื้อผ้าผัดหน้าเช่นนี้ไม่งามหรอกหรือ”“งามสิเจ้าคะ งามมากทีเดียวเจ้าค่ะ สวมอาภรณ์และเครื่องแต่งกายแบบนี้แล้วดูสดใสสมวัยทีเดียวเจ้าค่ะ” หม่าเซียว
น่าเสียดายที่ยามนั้นดวงตาของหลี่เสวี่ยซินมองไม่เห็น จึงไม่อาจอ่านจดหมายฉบับนั้นด้วยตาตนเอง หญิงตรงหน้ายอบกายลงแช่มช้า เสียงแหลมกระซิบเบาทว่ากลับเจือไปด้วยความคำพูดเสียดแทงใจ “เขาให้เจ้าเขียนหนังสือหย่าซะ”จากรอยยิ้มดีใจก็เลือนหายในพริบตา ความเสียใจระคนผิดหวังถาโถมเข้าใส่ดุจดั่งคลื่นลูกใหญ่ซัดสาด “มะ…ไม่มีทาง ท่านพี่ไม่มีทางทำเช่นนั้น”“จะไม่มีทางได้อย่างไร ท่านพี่เทียนเฉินมีข้าแล้ว ส่วนเจ้าแม้แต่ฐานะสาวใช้ก็ไม่คู่ควร ลงนามในหนังสือหย่าแล้วไสหัวกลับบ้านเดิมของเจ้าไปเสีย อย่ามาเป็นตัวถ่วงของตระกูลลั่ว” หวางเหยาโยนหนังสือหย่าลงตรงหน้าหลี่เสวี่ยซินมือเรียวสั่นระริกคว้ากระดาษเนื้อหยาบสะเปะสะปะ “โอ๊ย”หลี่เสวี่ยซินร้องเสียงหลง เมื่อจู่ ๆ หลังมือของนางก็ถูกพื้นแข็งกระด้างจากรองเท้าบดขยี้ลงมา หวางเหยาหัวเราะเสียงเย็น “นังตาบอด เจ้าไร้ความสามารถเพียงนี้คิดว่าท่านพี่เทียนเฉินจะยังเก็บเจ้าเอาไว้รึ ฝันลม ๆ แล้ง ๆ”หลี่เสวี่ยซินสับสนจนพูดไม่ออก นางไม่ร้องโวยวายทว่าภายในใจร้าวระบมดุจถูกเข็มนับพันหมื่นเล่มค่อย ๆ ทิ่มแทงลงไป เท้าที่เหยียบลงเมื่อครู่ขยับออก แต่ยัง
หลี่เสวี่ยซินหลุดจากภวังค์ “เจ้าบอกว่าชื่อของข้ากับนางคล้ายกัน ข้าตาย เอ่อ...ไม่สิ ข้าหลับไปวันเดียวกับที่นางสิ้นใจอย่างนั้นหรือ”หลิวอี้พยักหน้าหงึกหงัก หม่าเซียวจึงลดมือของตนลงแช่มช้าครั้นหลิวอี้เป็นอิสระนางก็เร่งเอ่ยปาก “ท่านหญิงอย่าคิดมากเลยนะเจ้าคะ บ่าวปากไม่ดีเอง”เพียะ!หลิวอี้ยกมือตบปากของตนเสียงดังสนั่น หลี่เสวี่ยซินเบิกตาโพลง “ทำอะไรของเจ้า!?”“ยามปกติหากบ่าวปากไม่ดี ท่านหญิงจะให้ตบปากมิใช่หรือเจ้าคะ”“หา...พอเลย พอเลย ต่อไปพวกเจ้าไม่ต้องทำเช่นนี้อีก เข้าใจหรือไม่” หลี่เสวี่ยซินคลึงขมับ นึกไม่ถึงว่าหนิงเสวี่ยซินจะเข้มงวดเอาแต่ใจเพียงนี้ทั้งหลิวอี้และหม่าเซียวก้มหน้างุด ประสานเสียงตอบรับ “เจ้าค่ะ”“ข้าขอถามได้หรือไม่ ว่าข้าตกฟากเมื่อใด”สองสาวใช้แหงนหน้าขึ้น ครุ่นคิดเสียจนหัวคิ้วเคลื่อนชนกันหม่าเซียวเอ่ย “ท่านหญิงจำวันตกฟากของตนไม่ได้หรือเจ้าคะ”“ข้าหลับไปนาน บางเรื่องก็ลืมไปแล้ว”“เช่นนี้เอง เห็นท่านโหวและฮูหยินเคยเอ่ยถึงเรื่องนี้บ่อย ๆ ท่านหญิงตกฟากฤกษ์ดาวหงส์เชี