ตอนที่ 4 เรื่องเล่า (ส่วนที่ 2)
สุดท้ายธรรศก็ต้องเดินไปส่งสองสาวต่างวัยที่กลายเป็นคู่หูที่แสนจะเข้ากันดีเพราะกลัวผีขึ้นสมองเหมือนกัน พอทานอาหารเสร็จทั้งคู่ก็แสร้งทำเป็นโอเอ้ไม่ยอมกลับห้อง ขณะที่ธรรศพูดคุยทักทายกับผู้โดยสารหลังทานอาหาร ทั้งๆ ที่ปกติทั้งคู่จะพยายามไม่อยู่ในห้องอาหารนาน เพราะไม่อยากปะทะกับบรรดาคุณหญิงคุณนายหลายคนที่ไม่ลงรอยกัน ตอนแรกชายหนุ่มตั้งใจจะคุยธุรกิจกับแขกบางคน หากพอเห็นท่าทางของดารินทร์และนิตา ก็ต้องตัดสินใจจะพักเรื่องงานเอาไว้ก่อน แล้วไปส่งสองสาวที่ห้องพัก
คนสามคนเดินเรียงแถวไปตามทางเดินสลัวๆของเรือโดยมีธรรศนำหน้า ดารินทร์รั้งท้ายและเด็กหญิงนิตาเดินตรงกลาง ดารินทร์รู็สึกว่าวันนี้ทางเดินจากห้องอาหารกลับห้องพักดูทั้งไกลและมืดกว่าทุกวัน นิตาก็คงรู้สึกเหมือนเธอเพราะเด็กหญิงทำท่าเหมือนไม่มีแรงจะก้าวขาเอาซะเลย
"คุณธรรศ ฉันว่าคุณอุ้มนิต้าเถอะค่ะ ดูแกเดินไม่ค่อยจะไหวแล้ว" จริงๆ นิตาก็โตเกินกว่าจะให้คนเป็นพ่ออุ้มแลัว หากดารินทร์เห็นท่าทางแล้วว่าถ้าปล่อยให้เด็กหญิงเดินต่อไปเอง คงไม่ถึงห้องพักง่ายๆ แน่ ธรรศหันมามองหน้าซีดๆ ของเด็กหญิงตัวน้อยแล้วก็ตัดสินใจอุ้มร่างเล็กๆ นั่นพาดบ่า นิตากอดคอเขาหลับตาปี๋ทันที พอเดินต่อไปซักพัก ชายหนุ่มก็รู้สึกว่าคนที่เดินตามหลังมากำลังกำชายเสื้อของเขาเอาไว้แน่น เอาเข้าไปกลัวผีขึ้นสมองทั้งคู่เลยเชียว
เสียงดังลั่นมาจากที่ใดซักที่เป็นผลให้คนเดินตามหลังตกใจคว้าเอวชายหนุ่มเอาไว้แน่น ธรรศรู้สึกถึงวงแขนนุ่มที่รัดรอบเอวตัวเองจากด้านหลังกับดวงหน้าที่ซุกแนบกับแผ่นหลังของเขา หัวใจชายหนุ่มเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ รับรู้ถึงสัมผัสนุ่มๆจากร่างบาง ใจอยากให้หญิงสาวตกใจไปอีกนานๆ หากสุดท้ายดารินทร์ก็ได้สติถอยห่างจากร่างสูงๆ แต่ยังกำชายเสื้อไว้มั่น ดวงหน้างามแดงก่ำด้วยความอาย
"คงมีใครทำของหล่นน่ะ" เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยเบาๆ รู้สึกหัวใจพองล้นอก ชักอยากให้มีผีซักตัวโผล่มาจริงๆซะแล้ว
"ปาป้าอาบน้ำแล้วมานอนห้องนิดนะคะ" เสียงใสๆ เอ่ยขึ้นเมื่อถึงห้องพัก ดารินทร์รู้สึกตกใจกับคำพูดของเด็กหญิง แล้วเพราะอะไรก็ไม่รู้ทำให้เธอรู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนผ่าว
"นะคะ นิดกับพี่รินทร์กลัวผี"
"นิต้า" เสียงหวานๆ เรียกเด็กหญิงอย่างตกใจมากกว่าเดิม เมื่อถูกลากไปเกี่ยวข้องกับคำขอร้องนั่นด้วย เธอเห็นตาสีอำพันของคนตัวสูงเป็นประกายแปลกๆ
"ครับผม" และคำตอบที่เธอไม่คาดคิดก็ออกจากปากคนตัวสูงทันที
"เอ่อ" หญิงสาวทำท่าจะค้านหากเสียงใสๆ รวบรัดทันควัน
"เถอะค่ะพี่รินทร์ อยู่กันหลายๆคนอุ่นใจดีออก"
"เดี๋ยวขอเวลาปาป้าไปอาบน้ำแป๊บเดียวนะ เดี๋ยวปาป้ากลับมา" คนเป็นปาป้าก้มลงพูดกับลูกสาว ก่อนจะเหลือบมองหญิงสาวแว่บหนึ่ง ให้ตายเถอะเธอว่าเธอเห็นแววกรุ้มกริ่มในดวงตาสีอำพันคู่นั้น
ชายหนุ่มใช้เวลาไม่นานก็กลับเข้ามายังห้องพักที่ดารินทร์พักอยู่กับลูกสาวของเขาในชุดนอน ดวงหน้าคมเข้มดูสดใส ผมสีน้ำตาลอ่อนเปียกชื้นและยุ่งไม่เป็นทรง แตกต่างจากชายหนุ่มจอมเนียบที่หญิงสาวเห็นจนชินตา ตอนที่ดารินทร์ออกจากห้องน้ำก็เห็นพ่อลูกกำลังนั่งดูทีวีกันอยู่บนเตียง เด็กหญิงนิตาในชุดนอนลายการ์ตูนกำลังหัวเราะเอาเป็นเอาตายกับมุขตลกในทีวี ท่าทางคงลืมกลัวผีไปแล้ว
“พี่รินทร์ขามาดูทีวีกันค่ะ” ดารินทร์เดินไปนั่งอีกด้านของเด็กหญิงบนเตียงนอน นึกขวางหูขวางตากับดวงตายิ้มๆที่จ้องมองมาที่เธอ ตอนนี้รู้สึกไม่ค่อยจะกลัวผีเท่าไหร่แล้ว ใจหญิงสาวอยากหาวิธีไล่ให้คนตัวโตๆ นั่นกลับไปนอนห้องของตัวเอง
ฉับพลันไฟก็ดับลงกระทันหัน ดารินทร์กับนิตาแทบจะร้องกรี๊ดออกมาพร้อมกัน สองคนกอดกันแน่นหลับตาปี๋
“ปาป้า ช่วยด้วย” เด็กหญิงร้องหาปาป้าเสียงหลง ตัวสั่นอยู่ในอ้อมกอดของหญิงสาว
“คงมีอะไรขัดข้องน่ะไฟเลยดับ เดี๋ยวผมจะลองโทรไปถามดู” ชายหนุ่มเอ่ยกับสองสาวที่ยังไม่ยอมแยกจากกัน ก่อนจะลุกไปยังโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง กดออกแล้วพูดสายอยู่ชั่วครู่ก็หันกลับมาบอกกับคนทั้งคู่
“ระบบไฟฟ้าขัดข้องนิดหน่อย เขาขอเวลาแก้แป๊บนึงเดียวไฟก็มาเป็นปกติ” ดารินทร์ลืมตามองคนพูดผ่านแสงอันน้อยนิดที่ส่องผ่านหน้าต่างที่ชายหนุ่มกำลังเดินไปเปิดออก ลมเย็นพัดเข้ามาภายในห้อง ท้องฟ้ามืดมิดเห็นเพียงดวงจันทร์วันเพ็ญที่ทอแสงสว่าง
“ปาป้า เปิดหน้าต่างทำไมคะ นิดกลัว” เด็กหญิงโวยวาย กอดดารินทร์แน่นขึ้น หญิงสาวชักเริ่มหวั่นๆ เมื่อเห็นท้องทะเลมืดมิดด้านนอก นึกภาวนาอย่าให้ต้องเห็นอะไรมากไปกว่านี้เลย
“เปิดให้อากาศมันเข้าน่ะ ไฟดับแอร์ไม่ทำงาน” ชายหนุ่มอธิบายพร้อมกับเดินอ้อมกลับมายังเตียงนอนอีกด้าน ดารินทร์เห็นร่างสูงนั่นเป็นแค่เงาดำๆ ในความมืด
“ถ้ากลัวก็รีบนอนซะ เดี๋ยวไฟมาจะเปิดแอร์ปิดหน้าต่างให้” ไม่รู้ว่าเขาพูดกับลูกสาวหรือตัวเธอ แต่ดารินทร์ก็คิดว่ามันน่าจะเป็นทางออกที่ดี
“นอนเถอะนิต้า” หญิงสาวกระซิบกับร่างเล็กๆ ที่กอดกับตัวเองอยู่ เด็กหญิงพยักหน้าล้มตัวลงนอนกอดกันภายใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ ความกลัวทำให้ต่างคนต่างพยายามจะหลับ เด็กหญิงนิตาถึงกับเลื่อนตัวลงต่ำจนแทบจะมุดลงไปอยู่ใต้ผ้าห่มเลยทีเดียว
ดารินทร์รู้สึกเตียงไหวพร้อมกับศีรษะยุ่งๆ ที่วางลงบนหมอนอีกด้านหนึ่งของเด็กหญิง หากเพราะนิตาเลื่อนตัวลงไปมุดใต้ผ้าห่ม ทำให้หญิงสาวเห็นหน้าคนที่พึ่งล้มตัวลงนอนถนัดโดยไม่มีอะไรกั้น ดวงหน้าคมภายใต้แสงเงาสลัวๆ ราวรูปสลัก ทำเอาดารินทร์รู้สึกหายใจติดขัด ตอนนี้เหมือนเธอนอนอยู่กับเขาสองคนเลย จะหันหน้าหนีก็ไม่ได้ เพราะเด็กหญิงโอบกอดเธอเอาไว้แน่น ศีรษะเล็กๆ ซบอยู่กับบ่าของเธอ และหลับสนิทไปอย่างง่ายดาย
“นิต้าหลับง่ายน่ะ หลับลึกด้วย” เสียงทุ้มๆเอ่ยเบาๆ ดารินทร์คิดว่าเธอเห็นหน้าคมในเงามืดนั้นเหมือนกำลังยิ้ม อยู่ๆแขนข้างหนึ่งก็พาดผ่านหมอนมาโอบศีรษะเธอเอาไว้ หญิงสาวตัวแข็งกับกิริยาที่ตัวเองไม่คาดคิด
“คุณ” คำด่าหลายๆ คำที่เตรียมจะพร่างพรูออกมา หยุดอยู่ที่ริมปากบางๆ เมื่อปากหยักอุ่นของคนคนตัวโตๆ ก้มลงมาแตะเบาๆ
“กู๊ดไนท์คิสครับ” ดารินทร์ได้แต่นิ่งตะลึงไปกับสัมผัสที่จู่โจมเข้ามา หัวสมองมึนงงไม่แน่ใจว่าเป็นความฝันหรือความจริง
ตอนที่ 5 งานใหม่ (ส่วนที่ 2) สุดท้ายแล้วดารินทร์ก็ไม่สามารถขัด'จอมเผด็จการ' ภายใต้ท่าทางแสนสุภาพได้ ต้องยอมให้เขาพามายังด้านหนึ่งของเรือ ซึ่งจัดเป็นออฟฟิศขนาดย่อมๆ หญิงสาวยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่านอกจากดูแลเรือลำนี้แล้ว ชายหนุ่มยังต้องทำงานอะไรอีก เธอพอจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับธรรศมาบ้างจากเด็กหญิงนิตา เด็กหญิงเล่าว่าปาป้าของเธอเป็นลูกชายคนโตของตระกูลมอเรล ตระกูลที่รวยติดอันดับโลกเพราะมีธุรกิจหลายอย่าง เรือลำนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น ถึงแม้ดารินทร์จะได้ชื่อว่าเป็นลูกสาวตระกูลเหริน ตระกูลมาเฟียแห่งเกาะฮ่องกง มีธุรกิจมากมายเช่นกัน หากแต่เธอไม่เคยไปข้องเกี่ยวกับกิจการใดๆของตระกูล เพราะถูกเลี้ยงดูโดยตากับยายที่เมืองไทย เธอเลยไม่เคยรู้ว่าลูกหลานเศรษฐีนี่จะต้องสืบทอดงานอะไรของครอบครัวบ้าง แล้วบนเรือลำนี้มีอะไรให้ธรรศทำอีก "ผมต้องบริหารธุรกิจของครอบครัวหลายๆอย่าง ถึงตอนนี้ผมจะมาอยู่บนเรือ แต่งานหลายๆอย่างมันหยุดไม่ได้" จริงๆแล้วชายหนุ่มตั้งใจจะใช้เวลาช่วงที่ล่องเรือจากฮ่องกงกลับไทย เป็นช่วงเวลาพักผ่อน แต่ภาระหน้าที่หลายๆอย่างก็ทำให้เขาละทิ้งงานไม่ได้เลย โชคดีที่เทคโนโลยีปัจจุบั
ตอนที่ 5 งานใหม่ (ส่วนที่ 1) ดารินทร์ลืมตาตื่นขึ้นในเช้าวันใหม่ พบว่าตัวเองกำลังนอนกอดอยู่กับนิตา อีกฝากหนึ่งของเตียงว่างเปล่า เขาคงลุกออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว เมื่อคืนกว่าเธอจะข่มตาหลับได้ก็ดึกมาก เพราะความรู้สึกปั่นป่วน และไม่คาดคิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น มือเรียวยกแตะริมฝีปากบางของตัวเอง บ้า! เขาจู่โจมทำแบบนั้นจริงหรือนี่ จูปิเตอร์ มอเรล จูบเธอ เพียงแค่สัมผัสแผ่วเบานั้นถึงกับทำให้เธอแยกไม่ออกว่าเป็นความฝันหรือความจริงเชียวหรือ หญิงสาวสั่นศีรษะแรงๆไล่ความคิดฟุ้งซ่านในหัว รีบลุกเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการธุระส่วนตัว พอเงยหน้ามองกระจกเงาบานกว้าง หญิงสาวก็เห็นกระดาษโน๊ตแผ่นหนึ่งแปะเอาไว้ ดารินทร์กวาดสายตาผ่านตัวหนังสือสวยงามเป็นระเบียบเร็วๆ เมื่อเช้าตื่นมามอนิ่งคิสคุณแล้ว แต่คุณไม่ยอมตื่น เจอกันที่ห้องอาหารนะครับ.......ธรรศ มือเรียวขยำกระดาษโน๊ตในมือ ตาบ้าเอ้ย! เขาทำบ้าอะไรเนี่ย ถ้านิตาตื่นมาเข้าห้องน้ำก่อนเธอ เธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน แล้วเด็กหญิงจะรู้สึกยังไง ดารินทร์ยกมือแตะริมฝีปากตัวเองอีกครั้งอย่างเผลอตัว เขาจูบเธอจริงๆหรือนี่ หรือมันเพ
ตอนที่ 4 เรื่องเล่า (ส่วนที่ 2)สุดท้ายธรรศก็ต้องเดินไปส่งสองสาวต่างวัยที่กลายเป็นคู่หูที่แสนจะเข้ากันดีเพราะกลัวผีขึ้นสมองเหมือนกัน พอทานอาหารเสร็จทั้งคู่ก็แสร้งทำเป็นโอเอ้ไม่ยอมกลับห้อง ขณะที่ธรรศพูดคุยทักทายกับผู้โดยสารหลังทานอาหาร ทั้งๆ ที่ปกติทั้งคู่จะพยายามไม่อยู่ในห้องอาหารนาน เพราะไม่อยากปะทะกับบรรดาคุณหญิงคุณนายหลายคนที่ไม่ลงรอยกัน ตอนแรกชายหนุ่มตั้งใจจะคุยธุรกิจกับแขกบางคน หากพอเห็นท่าทางของดารินทร์และนิตา ก็ต้องตัดสินใจจะพักเรื่องงานเอาไว้ก่อน แล้วไปส่งสองสาวที่ห้องพัก คนสามคนเดินเรียงแถวไปตามทางเดินสลัวๆของเรือโดยมีธรรศนำหน้า ดารินทร์รั้งท้ายและเด็กหญิงนิตาเดินตรงกลาง ดารินทร์รู็สึกว่าวันนี้ทางเดินจากห้องอาหารกลับห้องพักดูทั้งไกลและมืดกว่าทุกวัน นิตาก็คงรู้สึกเหมือนเธอเพราะเด็กหญิงทำท่าเหมือนไม่มีแรงจะก้าวขาเอาซะเลย "คุณธรรศ ฉันว่าคุณอุ้มนิต้าเถอะค่ะ ดูแกเดินไม่ค่อยจะไหวแล้ว" จริงๆ นิตาก็โตเกินกว่าจะให้คนเป็นพ่ออุ้มแลัว หากดารินทร์เห็นท่าทางแล้วว่าถ้าปล่อยให้เด็กหญิงเดินต่อไปเอง คงไม่ถึงห้องพักง่ายๆ แน่ ธรรศหันมามองหน้าซีดๆ ของเด็กหญิงตัวน้อยแ
ตอนที่ 4 เรื่องเล่า (ส่วนที่ 1) "พี่รินทร์ขา" เสียงใสๆ ดังแจ้วๆ มาก่อนตัว ดารินทร์เงยหน้าขึ้นจากหนังสือที่กำลังนอนอ่านอยู่บนเตียงอาบแดด มองดูร่างเล็กที่วิ่งมาหยุดหอบตัวโยนอยู่ข้างๆ "ใจเย็นๆ นิต้า หายใจก่อน" มือเรียวเอื้อมไปช่วยประคองร่างของเด็กหญิงให้นั่งลงข้างๆ สังเกตเห็นแววตาตื่นตระหนกบนวงหน้าเล็กๆ นั่นๆ "แย่แล้วค่ะ แย่มากๆ" พอหายเหนื่อยเด็กหญิงก็ละล่ำละลักกับพี่เลี้ยงจำเป็นทันที "อะไรจ้ะนิต้า แล้วไปไหนมา" วันนี้ดารินทร์ชวนเด็กหญิงมานั่งเล่นที่ระเบียงด้านหนึ่งของเรือ การได้นอนอ่านหนังสือท่ามกลางท้องทะเลกว้างมันก็ทำให้ลืมๆไปได้ว่าทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ ส่วนหนึ่งคงเพราะเด็กหญิงตัวน้อยแสนน่ารักที่ทำให้เธอรู้สึกไม่เหงา วันนี้เด็กหญิงนิตาขนเอาสมุดสเก็ตมานั่งวาดรูปเล่น เด็กหญิงมีพรสวรรค์ทางด้านศิลปะพอตัวเลยทีเดียว หากวาดไปได้ซักพักก็ขอไปเอาอุปกรณ์เพิ่ม โดยให้ดารินทร์นั่งเฝ้าของไว้ แล้วเด็กหญิงก็หายไปเสียนาน ก่อนจะวิ่งหน้าเริ่ดกลับมา "ไปเอาของค่ะ แล้วไปเจอป้าแม่บ้าน" เด็กหญิงนั่งแปะลงบนเตียงอาบแดดข้างๆ อาการหอบเพราะ
ตอนที่ 3 เจ้าเสน่ห์ (ส่วนที่ 2)ดารินทร์เพลิดเพลินกับการช็อปปิ้งที่มีชายหนุ่มคอยตามจ่ายเงินให้ จริงๆ มันก็เงินเธอนี่ เค้าบอกเองว่าจะส่งบิลไปเก็บ แล้วทำไมเธอจะต้องเกรงใจ ร้านค้าบนเรือไม่มีอะไรแตกต่างไปจากบนบกแต่อย่างไร แม้แต่ร้านกาแฟริมทางสไตล์ฝรั่งเศสก็จำลองมาเหมือนทุกรายละเอียด หญิงสาวรู้สึกตื่นตาไปหมดจนอดนึกถึงคนที่นอนพักอยู่ที่ห้องไม่ได้ เด็กหญิงคงสนุกสนานไม่น้อยถ้าได้มาเดินเที่ยวด้วยกัน "นิต้าเคยมาที่นี่หรือยังคะ" เสียงหวานใสเอ่ยถามคนเป็นพ่อของเด็กหญิง "ยังครับ เราเพิ่งขึ้นเรือมาก่อนคุณไม่นาน" ดวงหน้างดงามครุ่นคิดนิดนึงก่อนจะเอ่ยขึ้น "เราน่าจะไปชวนแกนะคะ ป่านนี้แกคงตื่นแล้ว" ชายหนุ่มเหลือบตามองคนพูดแว้บหนึ่ง รอยยิ้มทาทับดวงตาสีอำพัน "เดี๋ยวผมให้คนไปตามแกแล้วกัน เราไปนั่งรอแกที่ร้านกาแฟตรงนู้นดีกว่า" หญิงสาวพยักหน้ารับ เพราะเธอก็เริ่มรู้สึกเมื่อยแล้วเหมือนกัน เสียงกรี๊ดกร๊าดดังขึ้นใกล้ๆ จนหญิงสาวต้องเงยหน้าขึ้นจากเมนูที่แสร้งทำเป็นสนใจเพื่อจะได้ไม่ต้องอึดอัดที่ไม่รู้จะคุยอะไรกับคนตัวโตที่นั่งอยู่ตรงข้าม
ตอนที่ 3 เจ้าเสน่ห์ (ส่วนที่ 1) ร่างบางระหงเดินเลาะริมระเบียงท่ามกลางแสงแดดอ่อนๆในยามบ่าย น้ำทะเลเบื่องล่างเป็นสีเขียวใสราวมรกต ระยิบระยับท่ามกลางเปลวแดด ดารินทร์รู้สึกว่าเธอคงดื่มด่ำกับความงามรอบๆตัวมากกว่านี้ หากการที่เธอมาอยู่บนเรือลำนี้ตอนนี้ไม่ใช่เพราะหนีการตามล่า แล้วจับพลัดจับผลูมาอยู่กับสองพ่อลูกประหลาดคู่นี้ ประหลาดตรงไหนน่ะหรือก็ประหลาดตั้งแต่ผู้ชายคนนั้นมีลูกสาวโตขนาดนี้ โตจนน่าจะเป็นน้องสาวได้เลย เธอไม่มั่นใจว่าผู้ชายคนนั้น จูปิเตอร์ มอเรล อายุเท่าไหร่ หากจากรูปลักษณ์อายุของเขาไม่น่าจะเกินสามสิบ นั่นแปลว่าเขามีลูกตั้งแต่อายุสิบกว่าๆเท่านั้นเอง เด็กหญิงลูกสาวของเขานั่นก็งดงามน่ารักราวตุ๊กตาตัวน้อย ดวงตากลมโตดำสนิท จมูกปากจิ้มลิ้มพริ้มเพราแบบไทยแท้ๆ ต่างจากพ่อที่หน้าฝรั่งจ๋า แม่ของเด็กหญิงคงเป็นสาวไทยแสนสวย แต่แปลกที่ไม่เห็นพ่อลูกจะพูดถึงเลย แล้วอยู่ๆคนที่กำลังคิดถึงก็โผล่มาในสายตา ร่างสูงในชุดลำลองชุดเดียวกับเมื่อเช้าเดินลิ่วๆมาจากด้านตรงข้ามของเรือ คิ้วได้รูปสีเดียวกับเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนเลิกขึ้นอย่างแปลกใจ "คุณมาทำอะไรตรงนี้" หญ