ตอนที่ 4 เรื่องเล่า (ส่วนที่ 1)
"พี่รินทร์ขา" เสียงใสๆ ดังแจ้วๆ มาก่อนตัว ดารินทร์เงยหน้าขึ้นจากหนังสือที่กำลังนอนอ่านอยู่บนเตียงอาบแดด มองดูร่างเล็กที่วิ่งมาหยุดหอบตัวโยนอยู่ข้างๆ
"ใจเย็นๆ นิต้า หายใจก่อน" มือเรียวเอื้อมไปช่วยประคองร่างของเด็กหญิงให้นั่งลงข้างๆ สังเกตเห็นแววตาตื่นตระหนกบนวงหน้าเล็กๆ นั่นๆ
"แย่แล้วค่ะ แย่มากๆ" พอหายเหนื่อยเด็กหญิงก็ละล่ำละลักกับพี่เลี้ยงจำเป็นทันที
"อะไรจ้ะนิต้า แล้วไปไหนมา" วันนี้ดารินทร์ชวนเด็กหญิงมานั่งเล่นที่ระเบียงด้านหนึ่งของเรือ การได้นอนอ่านหนังสือท่ามกลางท้องทะเลกว้างมันก็ทำให้ลืมๆไปได้ว่าทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ ส่วนหนึ่งคงเพราะเด็กหญิงตัวน้อยแสนน่ารักที่ทำให้เธอรู้สึกไม่เหงา วันนี้เด็กหญิงนิตาขนเอาสมุดสเก็ตมานั่งวาดรูปเล่น เด็กหญิงมีพรสวรรค์ทางด้านศิลปะพอตัวเลยทีเดียว หากวาดไปได้ซักพักก็ขอไปเอาอุปกรณ์เพิ่ม โดยให้ดารินทร์นั่งเฝ้าของไว้ แล้วเด็กหญิงก็หายไปเสียนาน ก่อนจะวิ่งหน้าเริ่ดกลับมา
"ไปเอาของค่ะ แล้วไปเจอป้าแม่บ้าน" เด็กหญิงนั่งแปะลงบนเตียงอาบแดดข้างๆ อาการหอบเพราะเหนื่อยยังไม่หมดไป
"ค่อยๆ เล่านิต้า เดี๋ยวเป็นลม" หญิงสาวส่งน้ำให้ยัยตัวเล็กดื่ม
"พี่รินทร์ ป้าแม่บ้านบอกมีคนเจอผี!"
"หา!" แค่นั้นร่างบางๆ ก็แทบกระโดดไปนั่งข้างๆ เด็กหญิง จะบ้าตายนี่มันคราวดวงตกของเธอแท้ๆ ถูกไล่ล่าแทบเอาชีวิตไม่รอด จนมาติดอยู่บนเรือให้ผู้ชายบ้าอำนาจคอยบงการชีวิต เคราะห์ยังไม่หมดจะมีผีมาให้ผจญอีกรึไง
"ไปเอามาจากไหนนิต้า" หญิงสาวถาม หน้าขาวๆ ซีดหนัก
"ป้าแม่บ้านเล่าให้ฟังค่ะ เค้าบอกว่าทะเลตรงนี้เคยมีเครื่องบินตก คนตายเยอะลอยเต็มเลย" คนตัวเล็กทำหน้าตาจริงจัง
"อาจจะไม่ใช่ตรงนี้ก็ได้นะนิต้า ทะเลตรงไหนๆ ก็เหมือนกัน"หญิงสาวพยายามจะปลอบใจทั้งเด็กหญิงและตัวเอง
"ตรงนี้แน่ๆ ค่ะ เมื่อคืนมีคนเห็นว่าในทะเลมีคนลอยคอเต็มไปหมด พอส่องไฟดูก็ไม่มีแล้ว" ดารินทร์รู้สึกขนลุกซู่ไปหมด ไม่กล้ามองออกไปในท้องทะเลทั้งๆที่ยังเป็นเวลากลางวัน
"นิต้า เค้าคงขึ้นมาบนเรือไม่ได้หรอก บนเรือมีแม่ย่านาง" หญิงสาวพยายามเฮือกสุดท้ายที่จะทำให้ตัวเองและเด็กหญิงรู้สึกดีขึ้น ตอนนี้คนทั้งสองมานั่งเบียดกันตั้งแต่เมื่อไรก็ต่างไม่รู้ตัว
"พี่รินทร์ขา แล้วถ้าแม่ย่านางเกิดสงสารให้เขาไปกับเราด้วยละคะ" จบกัน! ทำไมเด็กหญิงถึงช่างจินตนาการอย่างนี้นะ แล้วใจเธอก็ดันคล้อยตามไปซะอย่างนั้น ตอนนี้ไม่อยากให้ถึงเวลากลางคืนเลยจริงๆนะ ให้ตายเถอะ
ธรรศนั่งมองดารินทร์กับนิตาซึ่งนั่งเบียดกันบนเก้าอี้ในห้องอาหาร ทั้งๆ ที่ที่นั่งก็ออกจะกว้างขวาง หญิงสาวสบตากับเด็กหญิงบ่อยๆด้วยหน้าตาท่าทางที่ดูไม่ค่อยจะดีเลยทั้งสองคน
"มีอะไรกันอีกหรือเปล่า" ดวงตาคมๆ สบตาคนในความดูแลทีละคน มองเห็นแววหวาดหวั่นในดวงตาทั้งสองคู่ชัดเจน ยิ่งรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ
"มีคนเล่าว่าตรงที่เรือกำลังแล่นผ่านเคยมีเครื่องบินตกค่ะ" ดารินทร์ตัดสินใจเริ่มเรื่องขึ้น
"ครับ" เอ…ไอ้ครับของเขานี่มันยังไงกัน รับรู้หรือยอมรับว่ามันเป็นเรื่องจริง ดารินทร์บีบมือน้อยๆ ที่เอื้อมมาจับมือเธอไว้เพื่อให้กำลังใจซึ่งกันและกัน คนกลัวผีย่อมเข้าใจความรู้สึกคนกลัวผีด้วยกันดี
"ปาป้า มีคนบอกเห็น...เห็น เอ่อ ผ...ผีน่ะค่ะ"เสียงเล็กๆ เอ่ยเบาๆ เหมือกลัวว่าถ้าเสียงดังไปจะเป็นการเรียกให้สิ่งที่พูดถึงออกมาหา ธรรศแทบกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่ ดวงตาสีอำพันพราวระยับไปด้วยรอยยิ้มขบขัน จนโดนดารินทร์ค้อนให้วงใหญ่ ดวงหน้าสวยๆ นั่นแดงก่ำด้วยความอาย ท่าทางเธอกลัวผีมากพอๆ กับลูกสาวเขาเลย
"ผีไม่มีจริงหรอก" เสียงทุ้มๆ บอก พยายามที่จะไม่ให้หลุดหัวเราะออกมา เมื่อเห็นดวงตารีสวยนั่นวาววับด้วยความไม่พอใจ
"คุณรู้ได้ยังไงว่าไม่มี" ดารินทร์ตวัดเสียงถาม ทั้งโกรธทั้งอายกับสายตาขบขันของเขา
"ก็ผมยังไม่เคยเจอซักที"
"อะไรที่ไม่เคยเจอ ก็ไม่ได้แปลว่าไม่มีนี่ มีอะไรตั้งมากมายที่เราไม่เคยเห็นแต่มันก็มีอยู่จริง" เสียงหวานๆ สวนทันควัน ชายหนุ่มลอบถอนหายใจกับตัวเอง เป็นงั้นไป สองคนนี้เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ดูจากการที่เด็กหญิงนิตาพยักหน้างึกงักสนับสนุนคู่หูยกใหญ่
ตอนที่ 5 งานใหม่ (ส่วนที่ 2) สุดท้ายแล้วดารินทร์ก็ไม่สามารถขัด'จอมเผด็จการ' ภายใต้ท่าทางแสนสุภาพได้ ต้องยอมให้เขาพามายังด้านหนึ่งของเรือ ซึ่งจัดเป็นออฟฟิศขนาดย่อมๆ หญิงสาวยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่านอกจากดูแลเรือลำนี้แล้ว ชายหนุ่มยังต้องทำงานอะไรอีก เธอพอจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับธรรศมาบ้างจากเด็กหญิงนิตา เด็กหญิงเล่าว่าปาป้าของเธอเป็นลูกชายคนโตของตระกูลมอเรล ตระกูลที่รวยติดอันดับโลกเพราะมีธุรกิจหลายอย่าง เรือลำนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น ถึงแม้ดารินทร์จะได้ชื่อว่าเป็นลูกสาวตระกูลเหริน ตระกูลมาเฟียแห่งเกาะฮ่องกง มีธุรกิจมากมายเช่นกัน หากแต่เธอไม่เคยไปข้องเกี่ยวกับกิจการใดๆของตระกูล เพราะถูกเลี้ยงดูโดยตากับยายที่เมืองไทย เธอเลยไม่เคยรู้ว่าลูกหลานเศรษฐีนี่จะต้องสืบทอดงานอะไรของครอบครัวบ้าง แล้วบนเรือลำนี้มีอะไรให้ธรรศทำอีก "ผมต้องบริหารธุรกิจของครอบครัวหลายๆอย่าง ถึงตอนนี้ผมจะมาอยู่บนเรือ แต่งานหลายๆอย่างมันหยุดไม่ได้" จริงๆแล้วชายหนุ่มตั้งใจจะใช้เวลาช่วงที่ล่องเรือจากฮ่องกงกลับไทย เป็นช่วงเวลาพักผ่อน แต่ภาระหน้าที่หลายๆอย่างก็ทำให้เขาละทิ้งงานไม่ได้เลย โชคดีที่เทคโนโลยีปัจจุบั
ตอนที่ 5 งานใหม่ (ส่วนที่ 1) ดารินทร์ลืมตาตื่นขึ้นในเช้าวันใหม่ พบว่าตัวเองกำลังนอนกอดอยู่กับนิตา อีกฝากหนึ่งของเตียงว่างเปล่า เขาคงลุกออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว เมื่อคืนกว่าเธอจะข่มตาหลับได้ก็ดึกมาก เพราะความรู้สึกปั่นป่วน และไม่คาดคิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น มือเรียวยกแตะริมฝีปากบางของตัวเอง บ้า! เขาจู่โจมทำแบบนั้นจริงหรือนี่ จูปิเตอร์ มอเรล จูบเธอ เพียงแค่สัมผัสแผ่วเบานั้นถึงกับทำให้เธอแยกไม่ออกว่าเป็นความฝันหรือความจริงเชียวหรือ หญิงสาวสั่นศีรษะแรงๆไล่ความคิดฟุ้งซ่านในหัว รีบลุกเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการธุระส่วนตัว พอเงยหน้ามองกระจกเงาบานกว้าง หญิงสาวก็เห็นกระดาษโน๊ตแผ่นหนึ่งแปะเอาไว้ ดารินทร์กวาดสายตาผ่านตัวหนังสือสวยงามเป็นระเบียบเร็วๆ เมื่อเช้าตื่นมามอนิ่งคิสคุณแล้ว แต่คุณไม่ยอมตื่น เจอกันที่ห้องอาหารนะครับ.......ธรรศ มือเรียวขยำกระดาษโน๊ตในมือ ตาบ้าเอ้ย! เขาทำบ้าอะไรเนี่ย ถ้านิตาตื่นมาเข้าห้องน้ำก่อนเธอ เธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน แล้วเด็กหญิงจะรู้สึกยังไง ดารินทร์ยกมือแตะริมฝีปากตัวเองอีกครั้งอย่างเผลอตัว เขาจูบเธอจริงๆหรือนี่ หรือมันเพ
ตอนที่ 4 เรื่องเล่า (ส่วนที่ 2)สุดท้ายธรรศก็ต้องเดินไปส่งสองสาวต่างวัยที่กลายเป็นคู่หูที่แสนจะเข้ากันดีเพราะกลัวผีขึ้นสมองเหมือนกัน พอทานอาหารเสร็จทั้งคู่ก็แสร้งทำเป็นโอเอ้ไม่ยอมกลับห้อง ขณะที่ธรรศพูดคุยทักทายกับผู้โดยสารหลังทานอาหาร ทั้งๆ ที่ปกติทั้งคู่จะพยายามไม่อยู่ในห้องอาหารนาน เพราะไม่อยากปะทะกับบรรดาคุณหญิงคุณนายหลายคนที่ไม่ลงรอยกัน ตอนแรกชายหนุ่มตั้งใจจะคุยธุรกิจกับแขกบางคน หากพอเห็นท่าทางของดารินทร์และนิตา ก็ต้องตัดสินใจจะพักเรื่องงานเอาไว้ก่อน แล้วไปส่งสองสาวที่ห้องพัก คนสามคนเดินเรียงแถวไปตามทางเดินสลัวๆของเรือโดยมีธรรศนำหน้า ดารินทร์รั้งท้ายและเด็กหญิงนิตาเดินตรงกลาง ดารินทร์รู็สึกว่าวันนี้ทางเดินจากห้องอาหารกลับห้องพักดูทั้งไกลและมืดกว่าทุกวัน นิตาก็คงรู้สึกเหมือนเธอเพราะเด็กหญิงทำท่าเหมือนไม่มีแรงจะก้าวขาเอาซะเลย "คุณธรรศ ฉันว่าคุณอุ้มนิต้าเถอะค่ะ ดูแกเดินไม่ค่อยจะไหวแล้ว" จริงๆ นิตาก็โตเกินกว่าจะให้คนเป็นพ่ออุ้มแลัว หากดารินทร์เห็นท่าทางแล้วว่าถ้าปล่อยให้เด็กหญิงเดินต่อไปเอง คงไม่ถึงห้องพักง่ายๆ แน่ ธรรศหันมามองหน้าซีดๆ ของเด็กหญิงตัวน้อยแ
ตอนที่ 4 เรื่องเล่า (ส่วนที่ 1) "พี่รินทร์ขา" เสียงใสๆ ดังแจ้วๆ มาก่อนตัว ดารินทร์เงยหน้าขึ้นจากหนังสือที่กำลังนอนอ่านอยู่บนเตียงอาบแดด มองดูร่างเล็กที่วิ่งมาหยุดหอบตัวโยนอยู่ข้างๆ "ใจเย็นๆ นิต้า หายใจก่อน" มือเรียวเอื้อมไปช่วยประคองร่างของเด็กหญิงให้นั่งลงข้างๆ สังเกตเห็นแววตาตื่นตระหนกบนวงหน้าเล็กๆ นั่นๆ "แย่แล้วค่ะ แย่มากๆ" พอหายเหนื่อยเด็กหญิงก็ละล่ำละลักกับพี่เลี้ยงจำเป็นทันที "อะไรจ้ะนิต้า แล้วไปไหนมา" วันนี้ดารินทร์ชวนเด็กหญิงมานั่งเล่นที่ระเบียงด้านหนึ่งของเรือ การได้นอนอ่านหนังสือท่ามกลางท้องทะเลกว้างมันก็ทำให้ลืมๆไปได้ว่าทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ ส่วนหนึ่งคงเพราะเด็กหญิงตัวน้อยแสนน่ารักที่ทำให้เธอรู้สึกไม่เหงา วันนี้เด็กหญิงนิตาขนเอาสมุดสเก็ตมานั่งวาดรูปเล่น เด็กหญิงมีพรสวรรค์ทางด้านศิลปะพอตัวเลยทีเดียว หากวาดไปได้ซักพักก็ขอไปเอาอุปกรณ์เพิ่ม โดยให้ดารินทร์นั่งเฝ้าของไว้ แล้วเด็กหญิงก็หายไปเสียนาน ก่อนจะวิ่งหน้าเริ่ดกลับมา "ไปเอาของค่ะ แล้วไปเจอป้าแม่บ้าน" เด็กหญิงนั่งแปะลงบนเตียงอาบแดดข้างๆ อาการหอบเพราะ
ตอนที่ 3 เจ้าเสน่ห์ (ส่วนที่ 2)ดารินทร์เพลิดเพลินกับการช็อปปิ้งที่มีชายหนุ่มคอยตามจ่ายเงินให้ จริงๆ มันก็เงินเธอนี่ เค้าบอกเองว่าจะส่งบิลไปเก็บ แล้วทำไมเธอจะต้องเกรงใจ ร้านค้าบนเรือไม่มีอะไรแตกต่างไปจากบนบกแต่อย่างไร แม้แต่ร้านกาแฟริมทางสไตล์ฝรั่งเศสก็จำลองมาเหมือนทุกรายละเอียด หญิงสาวรู้สึกตื่นตาไปหมดจนอดนึกถึงคนที่นอนพักอยู่ที่ห้องไม่ได้ เด็กหญิงคงสนุกสนานไม่น้อยถ้าได้มาเดินเที่ยวด้วยกัน "นิต้าเคยมาที่นี่หรือยังคะ" เสียงหวานใสเอ่ยถามคนเป็นพ่อของเด็กหญิง "ยังครับ เราเพิ่งขึ้นเรือมาก่อนคุณไม่นาน" ดวงหน้างดงามครุ่นคิดนิดนึงก่อนจะเอ่ยขึ้น "เราน่าจะไปชวนแกนะคะ ป่านนี้แกคงตื่นแล้ว" ชายหนุ่มเหลือบตามองคนพูดแว้บหนึ่ง รอยยิ้มทาทับดวงตาสีอำพัน "เดี๋ยวผมให้คนไปตามแกแล้วกัน เราไปนั่งรอแกที่ร้านกาแฟตรงนู้นดีกว่า" หญิงสาวพยักหน้ารับ เพราะเธอก็เริ่มรู้สึกเมื่อยแล้วเหมือนกัน เสียงกรี๊ดกร๊าดดังขึ้นใกล้ๆ จนหญิงสาวต้องเงยหน้าขึ้นจากเมนูที่แสร้งทำเป็นสนใจเพื่อจะได้ไม่ต้องอึดอัดที่ไม่รู้จะคุยอะไรกับคนตัวโตที่นั่งอยู่ตรงข้าม
ตอนที่ 3 เจ้าเสน่ห์ (ส่วนที่ 1) ร่างบางระหงเดินเลาะริมระเบียงท่ามกลางแสงแดดอ่อนๆในยามบ่าย น้ำทะเลเบื่องล่างเป็นสีเขียวใสราวมรกต ระยิบระยับท่ามกลางเปลวแดด ดารินทร์รู้สึกว่าเธอคงดื่มด่ำกับความงามรอบๆตัวมากกว่านี้ หากการที่เธอมาอยู่บนเรือลำนี้ตอนนี้ไม่ใช่เพราะหนีการตามล่า แล้วจับพลัดจับผลูมาอยู่กับสองพ่อลูกประหลาดคู่นี้ ประหลาดตรงไหนน่ะหรือก็ประหลาดตั้งแต่ผู้ชายคนนั้นมีลูกสาวโตขนาดนี้ โตจนน่าจะเป็นน้องสาวได้เลย เธอไม่มั่นใจว่าผู้ชายคนนั้น จูปิเตอร์ มอเรล อายุเท่าไหร่ หากจากรูปลักษณ์อายุของเขาไม่น่าจะเกินสามสิบ นั่นแปลว่าเขามีลูกตั้งแต่อายุสิบกว่าๆเท่านั้นเอง เด็กหญิงลูกสาวของเขานั่นก็งดงามน่ารักราวตุ๊กตาตัวน้อย ดวงตากลมโตดำสนิท จมูกปากจิ้มลิ้มพริ้มเพราแบบไทยแท้ๆ ต่างจากพ่อที่หน้าฝรั่งจ๋า แม่ของเด็กหญิงคงเป็นสาวไทยแสนสวย แต่แปลกที่ไม่เห็นพ่อลูกจะพูดถึงเลย แล้วอยู่ๆคนที่กำลังคิดถึงก็โผล่มาในสายตา ร่างสูงในชุดลำลองชุดเดียวกับเมื่อเช้าเดินลิ่วๆมาจากด้านตรงข้ามของเรือ คิ้วได้รูปสีเดียวกับเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนเลิกขึ้นอย่างแปลกใจ "คุณมาทำอะไรตรงนี้" หญ