พลั๊ก!
“ว๊าย! เอ่อ...ขอโทษนะ...”
“ขอโทษแล้วมันหายเจ็บไหม?”
ศิวะที่นั่งยื่นขายาวออกไปนอกโต๊ะเพราะอยากนั่งเรียนแบบสบายๆแต่กลับเกะกะทางเดินจนคนที่เดินผ่านสะดุดเกือบล้ม ดีที่เกาะเพื่อนอีกคนเอาไว้ทัน
“เอ่อ ฉัน...ฉันมองไม่เห็น...”
เธอรีบเอ่ยขอโทษอย่างหวาดกลัว เพราะต่างก็รู้กิตติศัพท์ของหนุ่มๆกลุ่มนี้
“จะมองเห็นได้ไงใส่แว่นซะใหญ่กว่าหน้าขนาดนี้! เรียนห้องนี้เหรอ?”
ส่วนคนที่ถูกกระทำยังคงพูดออกมาอย่างไม่พอใจพร้อมกับมองผู้หญิงตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าอย่างรู้สึกเคืองสายตา
“อื้อ...”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เธอเข้าห้องผิดรึเปล่า นี่มันนักศึกษาแพทย์นะ ไม่ใช่วรรณกรรมดึกดำบรรพ์ ดูสภาพ เชยสิ้นดี”
ศิวะดึงขาหลบพร้อมกับดูถูกเธอออกมา จนคนที่ถูกดูถูกถึงกับก้มหน้าหนีความอาย เมื่อเพื่อนๆทั้งห้องกำลังจ้องมองมาที่เธออยู่
“พอได้แล้ว! ขอโทษแล้วก็แล้วๆไปสิ จะต้องมาพูดดูถูกคนอื่นทำไม?”
เพื่อนสนิทที่ยืนฟังอย่างไม่พอใจอดต่อว่าขึ้นไม่ได้
“นี่ยัยอ้วน! มาแส่อะไรด้วยห๊ะ! ดูสารรูปแต่ละคน แน่ใจเหรอว่ามาเรียนหมอ!”
“นี่!...”
“พอได้แล้ว! เสียงดังออกไปนอกห้องโน่น ไปนั่งที่ก่อนจะถูกหักคะแนน”
และเสียงของอาจารย์ก็ดังขึ้นห้ามศึกที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ก่อนจะพากันเดินไปนั่งที่ เพราะยังไม่อยากถูกหักคะแนน
“ไอ้พวกลูกเทพ! เอาแต่ข่มคนอื่นไปทั่ว หน้าตาดีซะเปล่า แต่นิสัยนี่แย่เกินทน!”
พอเดินมานั่งที่ วารี หรือ ลม สาวอ้วนแต่หน้าตาน่ารักยังเคืองเพื่อนร่วมห้องอย่างศิวะไม่หายที่มาดูถูกเพื่อนของเธอ รวมทั้งเธอด้วย
“เอาน่า มันเป็นเรื่องปกตินี่ ฉันผิดเองแหละที่เดินไม่ดู”
ธารา หรือ ธาร เพื่อนสาวร่างเล็กแถมผอมบางจนแทบปลิวตามลม ผู้สวมแว่นอันหนาเตอะใหญ่กว่าหน้าเล็กๆของเธอเสียอีก เธอเอาแต่คิดเรื่องอื่นจนไม่ได้ดูทางเดินจนเกือบสะดุดล้ม และด้วยความโชคร้ายดันไปสะดุดขาของคนที่เธอไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วยที่สุดจนเกือบเกิดเรื่องขึ้น
“ฉันว่ามันยังไม่ถูกขาแกเลยนะ ทำเป็นโวยวายไปได้”
เทวาที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างอดพูดขึ้นไม่ได้ เมื่อศิวะนั้นแสดงละครเสียใหญ่โตทั้งๆที่ไม่ได้เจ็บตัวเลยสักนิดเพราะดึงขาออกทันแท้ๆ
“อะไรของแก...ก็แค่รำคาญสายตา ยัยสองคนนั้นเรียนที่เดียวกับเราจริงๆเหรอวะ สภาพอย่างนั้นเหรอจะเป็นหมอ”
ศิวะอดดูถูกสองสาวไม่ได้ เพราะเท่าที่ดูๆก็มีแค่สองสาวนั่นแหละที่ทั้งอ้วน ทั้งขี้เหร่ต่างจากเพื่อนคนอื่นๆที่ไม่สวยก็ดูดีกันแทบทั้งนั้น
“เรียนจนจะจบอยู่แล้ว แกนี่...”
เทวาที่ไม่ชอบการดูถูกคนอื่นของศิวะอดต่อล้อต่อเถียงด้วยไม่ได้
“พอได้แล้ว รำคาญ”
และการโต้เถียงก็จบลง เมื่อโรมันที่นั่งเงียบมานานเริ่มรำคาญ แค่ประโยคเดียวก็ทำเอาเงียบสงบกันไปทั้งแถบ เพราะนานๆทีเขาจะพูดออกมาบ้าง
จากนั้นการเรียนก็เริ่มต้นขึ้นหลังจากปิดเทอมกันมาร่วมเดือน ซึ่งจะพูดว่าปิดเทอมก็คงไม่ถูกเพราะงานที่ได้รับนั้นหนักยิ่งกว่าตอนเรียนเสียอีก
“เดี๋ยวจับกลุ่มทำวิจัยเรื่องอวัยวะต่างๆ...ในห้องมี 60 คน อืม...งั้นจับกลุ่มตามลำดับคะแนนแล้วกัน 1-4 หน้าสุดจับคู่กับ 1-4 หลังสุดแล้วกัน”
พอเรียนจนจบคาบ อาจารย์ก็สั่งทำงานกลุ่ม ก่อนจะขึ้นตารางคะแนนของนักศึกษาในชั้นเรียน และก็ทำเอาทั้งห้องเริ่มเกิดความวุ่นวาย เมื่อไม่ได้จับกลุ่มกับเพื่อนๆของตัวเอง ต่างจากธาราและวารีที่ได้อยู่กลุ่มเดียวกัน สองสาวยิ้มปากแทบฉีกเพราะดีใจที่ได้อยู่ด้วยกัน
“อะไรวะ...ทำไมฉันต้องได้อยู่กับแกด้วย”
“อ่าว ฉันก็ไม่ได้อยากอยู่กับแกหรอก เปลี่ยนสิ ไปเปลี่ยนกับคนอื่นเลยสิ”
และเทวากับศิวะก็ต้องทะเลาะกันอีกรอบเมื่อดันได้คะแนนติดกันเลยได้อยู่กลุ่มเดียวกันไปโดยปริยาย ส่วนรามินทร์กับโรมันก็ได้อยู่ด้วยกันเพราะดันมีคะแนนเป็นอันดับ 1 และ 2 ของชั้นเรียน
“อย่างนี้เราก็ได้อยู่กับคนที่มีคะแนนต่ำสุด...เฮ้อ เหนื่อยแล้วสิ”
รามินทร์อดถอนหายใจไม่ได้ เพราะแค่ต้องเรียนให้จบโดยได้คะแนนดีๆนี่ก็ยากแล้ว แต่กลับต้องมาดึงคะแนนช่วยพวกที่อยู่ท้ายๆนี่สิยากกว่า
ส่วนโรมันที่เอาแต่มองจ้องไปที่จอมอนิเตอร์ที่แสดงชื่อของคนที่เขาต้องทำงานด้วย ซึ่งเขาก็พอรู้ว่ามีใครบ้าง เพราะเพื่อนๆกลุ่มนั้นกำลังเดินไปรวมกลุ่มกัน
“เธอ...เธอช่วยไปเรียก...เอ่อ โรมกับรามหน่อยสิ...เราต้องประชุมกันเรื่องวิจัย...”
เพื่อนที่ต้องทำงานร่วมกับสองหนุ่มเริ่มคิดหนักถึงแม้ว่าทีแรกจะดีใจเพราะรู้ว่าสองหนุ่มนั้นเก่งที่สุดในชั้นเรียน แต่พอจะต้องเรียกมาคุยกัน กลับเริ่มพากันหนักใจ
“ธาร เธอไปได้ไหม? ฉันกลัวโรมน่ะ...”
วารีหันไปบอกเพื่อนสนิทอย่างธารา เมื่อคงเป็นคนเดียวที่กล้าที่จะไปเรียกสองหนุ่ม และธาราก็ลุกขึ้นเดินไปเรียกจริงๆโดยมีทุกคนมองตามลุ้นว่าธาราจะทำสำเร็จรึเปล่า
“เอ่อ เธอสองคน...จะไปประชุม เอ่อ กับพวกเราไหม?”
ธาราที่เดินมายืนต่อหน้าโรมันและรามินทร์ถามขึ้น มือเล็กยกขึ้นดันแว่นอันใหญ่โตขึ้นให้มันเข้าที่ หน้าเล็กก้มงุดอย่างรู้สึกประหม่า
ส่วนสองหนุ่มก็มองเธออย่างพิจารณา เพราะจำได้ว่าเป็นคนเดียวกันกับที่พึ่งมีเรื่องกับศิวะไป แล้วยังจะกล้ามาหาพวกเขาอีก
“อ่าว ยัยแว่นหนา มาทำไม?”
ศิวะที่เดินกลับมาหาเพื่อนๆอดถามขึ้นอย่างแปลกใจไม่ได้
“ฉันมาเรียกสองคนนี้ไปประชุม...”
“ห๊ะ? นี่อย่าบอกนะว่าเธออยู่กลุ่มเดียวกับสองคนนี้ ฮ่าฮ่าฮ่า ถ้าอย่างนั้นเธอก็อยู่ที่สุดท้ายน่ะสิ ไหนๆๆ ขอดูชื่อหน่อยซิ...วรรณภา? นัยนา? วารี? หรือธารา ฮ่าฮ่าฮ่า เธอนี่มีดีอะไรบ้าง เรียนก็โง่ หน้าตาก็แย่ ฮ่าฮ่าฮ่า”
ศิวะหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างดูถูกธารา ที่ยืนก้มหน้าลงกว่าเดิมอย่างรู้สึกอาย เพราะเธอนั้นมีการเรียนที่แย่เกือบที่สุดของห้องทั้งๆที่พยายามเรียนขนาดไหนก็ยังไม่ดีขึ้นเลยสักนิด
“หุบปากนายไปเลย...ไปสิ”
เป็นรามินทร์ที่ลุกขึ้นมองศิวะที่ดูถูกธาราอยู่อย่างไม่พอใจ ก่อนจะเดินตรงไปหากลุ่มเพื่อนๆที่เขาต้องทำวิจัยกลุ่มด้วย จะมีก็แค่โรมันที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ส่วนธาราก็รีบเดินตามหลังของรามินทร์ไป
“อะไรของหมอนั่น...หรือว่ามันโกรธที่ฉันพูดกับยัยแว่นหนา”
ศิวะอดพูดขึ้นอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะนั่งลงข้างกับโรมัน ที่ยังนั่งเงียบมองออกไปนอกหน้าต่างห้องเรียน
“มองอะไรวะ...เฮ้ย! อย่าบอกนะว่าแกสนใจน้องคนนั้นน่ะ ไม่ได้นะเว้ย ฉันจองแล้ว”
“แกรู้จักเหรอ?...”
และโรมันก็หันมาถามศิวะ เมื่อเขากำลังมองเด็กสาวคนหนึ่ง ที่สวยสะดุดตาตั้งแต่แรกเห็น
“อืม น้องฟ้า หรือฉายาคือนางฟ้า ดาวปี 3 พึ่งมาสวยมากๆเอาปีนี้แหละ เห็นว่าไปโมที่เกาหลีมา แต่ฉันไม่สนใจหรอก ขอแค่สวยก็พอ”
“....................”
และพอรู้ว่าความสวยสะดุดตาที่เขาเห็นนั้นมันเกิดจากมือหมอ โรมันถึงกับหมดอารมณ์ทันที ก่อนจะมองไปยังรามินทร์ ที่ดูจะเข้ากับสาวๆกลุ่มที่ต้องทำงานด้วยได้เป็นอย่างดี
หมับ!“ออกไปห่างๆ ยัยนี่แฟนฉัน”เสียงห้ามอันเย็นเยียบบอกขึ้น เมื่อมือของชายหนุ่มที่อยู่ในงานเลี้ยงกำลังจะแตะต้องถูกตัวของวารี เทวารีบเอื้อมมือจับมันเอาไว้แน่น“เอ่อ ขอโทษที พอดีแค่จะทักทาย”หนุ่มหล่อบอกขึ้นพร้อมกับรีบดึงมือกลับ“ไม่จำเป็น ยัยนี่ของฉัน”เทวายังคงแสดงความเป็นเจ้าของ โดยมีวารียืนอมยิ้มอย่างถูกใจกับอาการหึงหวงของคนรักก่อนหนุ่มคนนั้นจะเดินหนีออกไป“ชอบจัง”เธอบอกขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้เขา“เลิกยิ้ม! คนอื่นมองอยู่”“อะไร หวงแม้กระทั่งยิ้ม แล้วนี่บ่าวสาวจะไม่ลงมาจริงๆเหรอ เริ่มดึกแล้วนะ”
“ธาร...นี่มันอะไรกัน...แล้วนี่...มันเกิดอะไรขึ้น ฉันงงไปหมดแล้ว...”ไม่กี่วันต่อมา ธารากลับมาที่โรงพยาบาลพร้อมกับโรมันเพื่อบอกข่าวดีแก่วารีและคนทั้งโรงพยาบาล เมื่อเธอกับโรมันตัดสินใจแล้วว่าจะแต่งงานกันก่อนที่ลูกในท้องจะคลอดออกมา ทำเอาช็อกไปตามๆกันรวมทั้งวารีเองก็ด้วย เมื่อเธอกำลังมองตรงท้องที่นูนเด่นของธาราอย่างตกใจ เพราะเวลาเพียงแค่เดือนกว่าๆที่ไม่เจอกันแต่ทำไมท้องถึงใหญ่ได้ขนาดนี้“ฉันท้อง 6 เดือนแล้ว”“ห๊ะ! 6 เดือน!”“อื้อ...ส่วนนี่ เดือนหน้าฉันจะแต่งงาน”“นี่มันบ้าไปแล้ว...”วารียกการ์ดงานแต่งงานที่ธารายื่นให้ขึ้นมาดูอย่างไม่อยากเชื่อ ทำเอาธาราอดขำไม่ได้เมื่อเธอเองก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกัน“ฉันขอโทษนะที่ไม่ได้บอกแกเรื่องที่ฉันท้อง&rd
หลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว ธาราก็เดินลงมาที่ห้องนั่งเล่น ซึ่งตอนนี้มีเพียงมารดาของเธอนั่งอยู่“มานั่งนี่สิ พ่อกับคุณหมออยู่นอกบ้านกัน...เรามาคุยกันหน่อยไหม?”แม่เลี้ยงนาราพูดขึ้นเมื่อเห็นธาราเดินลงมาจากบนห้องแล้ว ทำเอาเธอถึงกับแปลกใจ เมื่อบิดาขอคุยกับโรมันเป็นการส่วนตัว“มันเกิดอะไรขึ้น ลูกทะเลาะกับคุณหมอเหรอถึงได้หนีกลับมาที่นี่”“คะ? เปล่าค่ะ เราไม่ได้ทะเลาะอะไรกัน”ธาราบอกออกมาตามความจริง จนคนเป็นแม่ได้แต่มองอย่างนึกแปลกใจ เพราะทั้งการที่ธารากลับมาที่นี่คนเดียวและการที่โรมันโผล่มาโดยไม่บอกสถานะที่มีกับธาราอีก นอกจากทะเลาะกันก็ไม่มีคำอื่นที่ใช้ได้ดีกว่านี้แล้ว“เล่าให้แม่ฟังได้รึเปล่า ยังไงแม่ก็อยากรู้สาเหตุว่าทำไมลูกถึงหอบท้องกลับมาคนเดียวโดยไม่พูดอะไรเลย”
“นี่มันเรื่องอะไรกัน...ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ ถ้าจะมาก็ควรติดต่อมาก่อนสิ เกิดอะไรขึ้น แล้วเราจะทำยังไง”ทางด้านธารา พอเดินเข้าห้องนอนมาเธอแทบหมดเรี่ยวแรงเมื่ออยู่ดีๆโรมันก็โผล่มาที่บ้านโดยไม่คิดแม้แต่จะโทรมาบอกเธอก่อน“แล้วจะทำยังไง...ถ้าเกิดเขารู้ว่าเราท้อง เขาจะดีใจ...หรือเสียใจ...จะเชื่อไหมว่าเด็กในท้องเป็นลูกของเขา...แม่ควรทำยังไงดี...”ธาราเอาแต่คิดฟุ้งซ่าน เมื่อสิ่งที่เธอกลัวที่สุดคือเขาไม่ยอมรับว่าเป็นพ่อของลูกเธอ เมื่อเขาหายไปตั้ง 4 เดือนแบบนั้นแต่เธอดันมาท้อง ยิ่งคิดธาราก็ยิ่งหนักใจจากนั้นเวลาอาหารเย็นก็มาถึง จากที่คิดว่าจะปฏิเสธแต่ลูกในท้องดันเอาแต่ประท้วงหิวจนธาราต้องยอมร่วมโต๊ะอาหาร ซึ่งมีอาหารเต็มโต๊ะไปหมด เมื่อแม่เลี้ยงนาราอยากขอบคุณที่โรมันช่วยชีวิตสามีของเธอ“เชิญตามสบายเลยนะคะคุณหมอ ถือซะว่าเป็นการขอบคุณที่ช่วยชีวิตพ่อเลี้ยงเ
3 เดือนต่อมา“ลาออก! เกิดอะไรขึ้น...ธาร นี่ทำไมแกถึงตัดสินใจอะไรโดยไม่ปรึกษาฉันก่อนล่ะ”“ฉันคิดมาดีแล้วล่ะ อีกอย่างพ่อกับแม่ก็แก่มากแล้วด้วย ฉันคงต้องกลับไปดูแลงานในไร่ต่อ”“เฮ้ออออ แล้วฉันจะอยู่โดยไม่มีแกได้ยังไงกัน...”วารีที่พึ่งรู้เรื่องการลาออกของธาราจากผู้อำนวยการของโรงพยาบาลถึงกับตีโพยตีพาย“ฉันไม่ได้ไปไหนไกลสักหน่อย จากนี่ไปก็แค่ชั่วโมงเดียว แกไปกลับทุกวันได้สบายเลย”ธาราที่ทั้งเก็บของทั้งแกล้งพูดเล่นกับวารีเพื่อไม่ให้เพื่อนรักของเธอโศกเศร้ากับการลาออกจากงานในครั้งนี้“เวลานอนยังแทบไม่มี แล้วฉันจะเอาเวลาที่ไหนบินไปกลับได้ทุกวันล่ะ...ว่าแต่...ไม่ได้มีเรื่องอะไรใช่ไหม?”“หือ?
“ไอ้เทพ ผู้หญิงที่แกถ่ายรูปด้วยคือใครวะ ดูคุ้นๆ”ศิวะ ที่ข้องใจจนทนไม่ไหวถึงกับต้องถ่อมาหาเทวาที่โรงพยาบาล เมื่อเห็นรูปในโซเชียลมีเดียที่เทวาอัพโหลดลงไป“เมียฉันเอง”เทวาบอกออกมาอย่างไม่ต้องคิด เมื่อเขาจงใจจะประกาศบอกทั้งโลกอยู่แล้ว“เมียเหรอ? แกไปมีเมียตั้งแต่ตอนไหน...แล้วใครกันเมียแก”ศิวะถามขึ้นอย่างแปลกใจ“นั่นไง เมียฉันกำลังเดินมาโน่นแล้ว”เทวาบอกขึ้นพร้อมกับมองไปยังทางเดิน ที่มีใครอีกคนกำลังเดินมา“ไอ้เทพ...อย่าบอกนะว่าแกกับคุณหมอ...ไอ้นี่ ไม่บอกกันก่อนวะ ไวเหมือนกันนะแก”“ก็ธรรมด๊า ฉันรักของฉัน ไม่อยากให้ใครมายุ่งนี่หว่า”