พลั๊ก!
“ว๊าย! เอ่อ...ขอโทษนะ...”
“ขอโทษแล้วมันหายเจ็บไหม?”
ศิวะที่นั่งยื่นขายาวออกไปนอกโต๊ะเพราะอยากนั่งเรียนแบบสบายๆแต่กลับเกะกะทางเดินจนคนที่เดินผ่านสะดุดเกือบล้ม ดีที่เกาะเพื่อนอีกคนเอาไว้ทัน
“เอ่อ ฉัน...ฉันมองไม่เห็น...”
เธอรีบเอ่ยขอโทษอย่างหวาดกลัว เพราะต่างก็รู้กิตติศัพท์ของหนุ่มๆกลุ่มนี้
“จะมองเห็นได้ไงใส่แว่นซะใหญ่กว่าหน้าขนาดนี้! เรียนห้องนี้เหรอ?”
ส่วนคนที่ถูกกระทำยังคงพูดออกมาอย่างไม่พอใจพร้อมกับมองผู้หญิงตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าอย่างรู้สึกเคืองสายตา
“อื้อ...”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เธอเข้าห้องผิดรึเปล่า นี่มันนักศึกษาแพทย์นะ ไม่ใช่วรรณกรรมดึกดำบรรพ์ ดูสภาพ เชยสิ้นดี”
ศิวะดึงขาหลบพร้อมกับดูถูกเธอออกมา จนคนที่ถูกดูถูกถึงกับก้มหน้าหนีความอาย เมื่อเพื่อนๆทั้งห้องกำลังจ้องมองมาที่เธออยู่
“พอได้แล้ว! ขอโทษแล้วก็แล้วๆไปสิ จะต้องมาพูดดูถูกคนอื่นทำไม?”
เพื่อนสนิทที่ยืนฟังอย่างไม่พอใจอดต่อว่าขึ้นไม่ได้
“นี่ยัยอ้วน! มาแส่อะไรด้วยห๊ะ! ดูสารรูปแต่ละคน แน่ใจเหรอว่ามาเรียนหมอ!”
“นี่!...”
“พอได้แล้ว! เสียงดังออกไปนอกห้องโน่น ไปนั่งที่ก่อนจะถูกหักคะแนน”
และเสียงของอาจารย์ก็ดังขึ้นห้ามศึกที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ก่อนจะพากันเดินไปนั่งที่ เพราะยังไม่อยากถูกหักคะแนน
“ไอ้พวกลูกเทพ! เอาแต่ข่มคนอื่นไปทั่ว หน้าตาดีซะเปล่า แต่นิสัยนี่แย่เกินทน!”
พอเดินมานั่งที่ วารี หรือ ลม สาวอ้วนแต่หน้าตาน่ารักยังเคืองเพื่อนร่วมห้องอย่างศิวะไม่หายที่มาดูถูกเพื่อนของเธอ รวมทั้งเธอด้วย
“เอาน่า มันเป็นเรื่องปกตินี่ ฉันผิดเองแหละที่เดินไม่ดู”
ธารา หรือ ธาร เพื่อนสาวร่างเล็กแถมผอมบางจนแทบปลิวตามลม ผู้สวมแว่นอันหนาเตอะใหญ่กว่าหน้าเล็กๆของเธอเสียอีก เธอเอาแต่คิดเรื่องอื่นจนไม่ได้ดูทางเดินจนเกือบสะดุดล้ม และด้วยความโชคร้ายดันไปสะดุดขาของคนที่เธอไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วยที่สุดจนเกือบเกิดเรื่องขึ้น
“ฉันว่ามันยังไม่ถูกขาแกเลยนะ ทำเป็นโวยวายไปได้”
เทวาที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างอดพูดขึ้นไม่ได้ เมื่อศิวะนั้นแสดงละครเสียใหญ่โตทั้งๆที่ไม่ได้เจ็บตัวเลยสักนิดเพราะดึงขาออกทันแท้ๆ
“อะไรของแก...ก็แค่รำคาญสายตา ยัยสองคนนั้นเรียนที่เดียวกับเราจริงๆเหรอวะ สภาพอย่างนั้นเหรอจะเป็นหมอ”
ศิวะอดดูถูกสองสาวไม่ได้ เพราะเท่าที่ดูๆก็มีแค่สองสาวนั่นแหละที่ทั้งอ้วน ทั้งขี้เหร่ต่างจากเพื่อนคนอื่นๆที่ไม่สวยก็ดูดีกันแทบทั้งนั้น
“เรียนจนจะจบอยู่แล้ว แกนี่...”
เทวาที่ไม่ชอบการดูถูกคนอื่นของศิวะอดต่อล้อต่อเถียงด้วยไม่ได้
“พอได้แล้ว รำคาญ”
และการโต้เถียงก็จบลง เมื่อโรมันที่นั่งเงียบมานานเริ่มรำคาญ แค่ประโยคเดียวก็ทำเอาเงียบสงบกันไปทั้งแถบ เพราะนานๆทีเขาจะพูดออกมาบ้าง
จากนั้นการเรียนก็เริ่มต้นขึ้นหลังจากปิดเทอมกันมาร่วมเดือน ซึ่งจะพูดว่าปิดเทอมก็คงไม่ถูกเพราะงานที่ได้รับนั้นหนักยิ่งกว่าตอนเรียนเสียอีก
“เดี๋ยวจับกลุ่มทำวิจัยเรื่องอวัยวะต่างๆ...ในห้องมี 60 คน อืม...งั้นจับกลุ่มตามลำดับคะแนนแล้วกัน 1-4 หน้าสุดจับคู่กับ 1-4 หลังสุดแล้วกัน”
พอเรียนจนจบคาบ อาจารย์ก็สั่งทำงานกลุ่ม ก่อนจะขึ้นตารางคะแนนของนักศึกษาในชั้นเรียน และก็ทำเอาทั้งห้องเริ่มเกิดความวุ่นวาย เมื่อไม่ได้จับกลุ่มกับเพื่อนๆของตัวเอง ต่างจากธาราและวารีที่ได้อยู่กลุ่มเดียวกัน สองสาวยิ้มปากแทบฉีกเพราะดีใจที่ได้อยู่ด้วยกัน
“อะไรวะ...ทำไมฉันต้องได้อยู่กับแกด้วย”
“อ่าว ฉันก็ไม่ได้อยากอยู่กับแกหรอก เปลี่ยนสิ ไปเปลี่ยนกับคนอื่นเลยสิ”
และเทวากับศิวะก็ต้องทะเลาะกันอีกรอบเมื่อดันได้คะแนนติดกันเลยได้อยู่กลุ่มเดียวกันไปโดยปริยาย ส่วนรามินทร์กับโรมันก็ได้อยู่ด้วยกันเพราะดันมีคะแนนเป็นอันดับ 1 และ 2 ของชั้นเรียน
“อย่างนี้เราก็ได้อยู่กับคนที่มีคะแนนต่ำสุด...เฮ้อ เหนื่อยแล้วสิ”
รามินทร์อดถอนหายใจไม่ได้ เพราะแค่ต้องเรียนให้จบโดยได้คะแนนดีๆนี่ก็ยากแล้ว แต่กลับต้องมาดึงคะแนนช่วยพวกที่อยู่ท้ายๆนี่สิยากกว่า
ส่วนโรมันที่เอาแต่มองจ้องไปที่จอมอนิเตอร์ที่แสดงชื่อของคนที่เขาต้องทำงานด้วย ซึ่งเขาก็พอรู้ว่ามีใครบ้าง เพราะเพื่อนๆกลุ่มนั้นกำลังเดินไปรวมกลุ่มกัน
“เธอ...เธอช่วยไปเรียก...เอ่อ โรมกับรามหน่อยสิ...เราต้องประชุมกันเรื่องวิจัย...”
เพื่อนที่ต้องทำงานร่วมกับสองหนุ่มเริ่มคิดหนักถึงแม้ว่าทีแรกจะดีใจเพราะรู้ว่าสองหนุ่มนั้นเก่งที่สุดในชั้นเรียน แต่พอจะต้องเรียกมาคุยกัน กลับเริ่มพากันหนักใจ
“ธาร เธอไปได้ไหม? ฉันกลัวโรมน่ะ...”
วารีหันไปบอกเพื่อนสนิทอย่างธารา เมื่อคงเป็นคนเดียวที่กล้าที่จะไปเรียกสองหนุ่ม และธาราก็ลุกขึ้นเดินไปเรียกจริงๆโดยมีทุกคนมองตามลุ้นว่าธาราจะทำสำเร็จรึเปล่า
“เอ่อ เธอสองคน...จะไปประชุม เอ่อ กับพวกเราไหม?”
ธาราที่เดินมายืนต่อหน้าโรมันและรามินทร์ถามขึ้น มือเล็กยกขึ้นดันแว่นอันใหญ่โตขึ้นให้มันเข้าที่ หน้าเล็กก้มงุดอย่างรู้สึกประหม่า
ส่วนสองหนุ่มก็มองเธออย่างพิจารณา เพราะจำได้ว่าเป็นคนเดียวกันกับที่พึ่งมีเรื่องกับศิวะไป แล้วยังจะกล้ามาหาพวกเขาอีก
“อ่าว ยัยแว่นหนา มาทำไม?”
ศิวะที่เดินกลับมาหาเพื่อนๆอดถามขึ้นอย่างแปลกใจไม่ได้
“ฉันมาเรียกสองคนนี้ไปประชุม...”
“ห๊ะ? นี่อย่าบอกนะว่าเธออยู่กลุ่มเดียวกับสองคนนี้ ฮ่าฮ่าฮ่า ถ้าอย่างนั้นเธอก็อยู่ที่สุดท้ายน่ะสิ ไหนๆๆ ขอดูชื่อหน่อยซิ...วรรณภา? นัยนา? วารี? หรือธารา ฮ่าฮ่าฮ่า เธอนี่มีดีอะไรบ้าง เรียนก็โง่ หน้าตาก็แย่ ฮ่าฮ่าฮ่า”
ศิวะหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างดูถูกธารา ที่ยืนก้มหน้าลงกว่าเดิมอย่างรู้สึกอาย เพราะเธอนั้นมีการเรียนที่แย่เกือบที่สุดของห้องทั้งๆที่พยายามเรียนขนาดไหนก็ยังไม่ดีขึ้นเลยสักนิด
“หุบปากนายไปเลย...ไปสิ”
เป็นรามินทร์ที่ลุกขึ้นมองศิวะที่ดูถูกธาราอยู่อย่างไม่พอใจ ก่อนจะเดินตรงไปหากลุ่มเพื่อนๆที่เขาต้องทำวิจัยกลุ่มด้วย จะมีก็แค่โรมันที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ส่วนธาราก็รีบเดินตามหลังของรามินทร์ไป
“อะไรของหมอนั่น...หรือว่ามันโกรธที่ฉันพูดกับยัยแว่นหนา”
ศิวะอดพูดขึ้นอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะนั่งลงข้างกับโรมัน ที่ยังนั่งเงียบมองออกไปนอกหน้าต่างห้องเรียน
“มองอะไรวะ...เฮ้ย! อย่าบอกนะว่าแกสนใจน้องคนนั้นน่ะ ไม่ได้นะเว้ย ฉันจองแล้ว”
“แกรู้จักเหรอ?...”
และโรมันก็หันมาถามศิวะ เมื่อเขากำลังมองเด็กสาวคนหนึ่ง ที่สวยสะดุดตาตั้งแต่แรกเห็น
“อืม น้องฟ้า หรือฉายาคือนางฟ้า ดาวปี 3 พึ่งมาสวยมากๆเอาปีนี้แหละ เห็นว่าไปโมที่เกาหลีมา แต่ฉันไม่สนใจหรอก ขอแค่สวยก็พอ”
“....................”
และพอรู้ว่าความสวยสะดุดตาที่เขาเห็นนั้นมันเกิดจากมือหมอ โรมันถึงกับหมดอารมณ์ทันที ก่อนจะมองไปยังรามินทร์ ที่ดูจะเข้ากับสาวๆกลุ่มที่ต้องทำงานด้วยได้เป็นอย่างดี
“อ๊ายๆๆๆ แก! ฉันนึกว่าฉันฝันไป 5 ปีที่ผ่านมาฉันไปทำอะไรอยู่ที่ไหนมาถึงไม่เคยเห็นเทพบุตรอย่างราม คนอะไร ยิ้มทีเหมือนสวรรค์”พอการเรียนจบลง วารีก็เอาแต่พูดถึงรามินทร์อย่างเพ้อฝัน เพราะพึ่งเคยพูดกับเขาทั้งๆที่เรียนด้วยกันมาตั้ง 5 ปี จากที่รู้สึกไม่ชอบเธอกลับกำลังหลงรักเขาเข้าอย่างจัง ด้วยความน่ารัก สุภาพแถมขี้เล่น ทำให้สาวๆอดยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กันเป็นแถบๆ ไม่เว้นแม้แต่ธารา ที่แอบยิ้มแทบทุกครั้งที่เขาเล่นมุกตลกๆและแอบเขินทุกครั้งที่เขาหันมามองหรือพูดกับเธอ“เขาก็เป็นแบบนั้นมาตั้งนานแล้ว...แกแค่ไม่เคยสังเกตเองต่างหาก”ธาราอดพูดขึ้นไม่ได้“อะไรๆๆ แสดงว่าแกแอบมองเขามาตั้งนานแล้วสิใช่ไหม? ฮั่นแน่ ธาร แกก็ชอบรามใช่ไหม? บอกฉันมานะ ใช่รึเปล่า...”วารีที่จับสังเกตได้พยายามคาดคั้นเอาคำตอบ จนธาราเขินจนต้องรีบเดินหนี ส่านวารีก็เอาแต่เดินตามเพื่อล้อเพื่อนสนิทจนธาราต้องรีบวิ่งซ่อนพลั๊ก!“โอ๊ย! เอ่อ ขอโทษ...!?”ธาราที่เอาแต่มองไปด้านหลังเพราะกลัววารีจะวิ่งตามมาทันจนไม่ทันได้ดูเลยชนเข้ากับใครอีกคน และพอเงยหน้าขึ้นมองเธอก็ต้องตกใจถอยหลังหนี“ไม่มีตาเหรอ...แว่นก็ใหญ่เท่าใบลาน”โรมันพูดออมาอย่างรู้สึกหงุดหงิ
“ถึงห้องแล้ว เอ่อ นายเข้าไปก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันค่อยเดินตามเข้าไป”ธาราบอกขึ้นเมื่อเดินมาถึงห้องเรียนแล้ว“อ่าว ทำไมล่ะ เธอจะไปไหน?”“ฉันไม่อยากให้คนอื่นมอง นายพอเข้าใจใช่ไหม ถ้าเกิดฉันเดินเข้าไป เอ่อ กับนาย ชีวิตฉันอาจไม่สงบสุขอีกต่อไป...”และรามินทร์ก็เข้าใจ เขามองท่าทางวิตกของเธออย่างรู้สึกหงุดหงิด เมื่อเขานั้นไม่ได้ต้องการให้เกิดเรื่องแบบที่เธอพูดแต่ก็คงเลี่ยงไม่ได้เมื่อลับหลังเขานั้นเธออาจถูกรังแกได้“งั้นก็ได้”เขายอมเดินเข้าไปคนเดียว ส่วนธาราก็รอเวลา ก่อนจะเดินตามเขาเข้าไป“ใครน่ะ?...”“เด็กใหม่เหรอ?”“เข้าผิดห้องรึเปล่า?”“หรือว่าหลงทางมา”“แต่คุ้นๆอยู่นะ...”และพอธาราเดินเข้าไปในห้องเรียน คำถามมากมายก็หลุดออกมาจากปากของเพื่อนๆเมื่อดันจำเธอไม่ได้กันเสียอย่างนั้น เพราะตลอด 5 ปีที่เรียนที่นี่เธอมักบดบังหน้าตาด้วยแว่นตาอันใหญ่ยักษ์นั่นเอง“ธาร! ทางนี้ๆๆ”เป็นวารีที่กวักมือเรียกเพื่อนสนิท เมื่อเธอนั้นมาถึงห้องเรียนก่อน ทำเอาพวกเพื่อนในห้องเรียนต่างพากันมองจ้องธาราอย่างไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เห็น“ธารเหรอ?”“เฮ้ย! ใช่เหรอ?”“โอ้มายก๊อด!”“ทำไมไม่เหมือน”“ใช่จริงเหรอ?”ธาราเดินผ่านกลุ่ม
หมับ!“อึ๊ อื้อ...”หลังจากดื่มต่อกับซาร่าพักใหญ่ๆ ทั้งสองก็เดินออกมาจากงานปาร์ตี้ เมื่อต่างก็พอรู้ถึงความต้องการของกันและกัน ซาร่าพาโรมันมาที่หอพักของเธอ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย พอมาถึงห้องทั้งสองก็ไม่ได้รีรอสวบ!!“อ๊ะ!...”โรมันที่รูดซิบกางเกงลงมาแล้วสวมใส่อุปกรณ์ป้องกัน ก่อนจะดันมันเข้าไปในรูรักแสนหวานของซาร่าอย่างรวดเร็วและรุนแรงจะเธอถึงกับอ้าปากค้างด้วยความเจ็บจุกปึก!“อ๊ะ! โรม...โรมคะ ซาร่า อ๊ะ!...”ซาร่ารีบเอามือไปดันท้องเขาเอาไว้ เมื่อขนาดที่เขาส่งเข้ามานั้นมันใหญ่จนเกินที่เธอจะรับไหว ร่างสาวงองุ้มอย่างเจ็บจุก แต่โรมันไม่สนใจ เขาเริ่มกระหน่ำแทงหนักหน่วง เมื่อตอนนี้ต้องการจนแทบบ้าอยู่แล้วปึก! ปึก!“โอ๊ย! โรม อ๊ะ! โรมคะ อื้อ โรม อ๊า ซาร่าเจ็บ อึก! โรม...”ซาร่าไม่ได้มีความสุขร่วมด้วยกับเขาเลยสักนิด เมื่อหน้าสวยเหยเก เต็มไปด้วยความเจ็บและทรมาน สองมือกำเข้าหากันแน่น เมื่อเคยได้ยินว่าเขาดุดันเรื่องบนเตียง แต่ไม่คิดว่าจะมากมายขนาดนี้ปึก! ปึก! ปึก! ปึก!ส่วนโรมัน เขาเอาแต่กระแทกเข้าใส่เธอเหมือนกับเห็นเธอเป็นแค่ที่รองรับความต้องการที่เกิดขึ้น เขาไม่แม้แต่จะโอ้โลม หรือพาเธอไปม
“ห๊ะ?...เธอว่ายังไงนะ...”ขณะนั่งรอเรียน อยู่ดีๆธาราก็เดินก้มหน้าตรงเข้ามาหาโรมัน ทำเอากลุ่มของหนุ่มหล่อถึงกับมองจ้องเธออย่างตกใจ“ช่วยติววิชานิติเวชฯ เอ่อ ให้หน่อยได้ไหม?...”ธาราพูดขึ้นทั้งๆที่ก้มหน้างุดจนแทบมองหน้าเธอไม่เห็น“ใครวะ...ไม่เคยเห็นหน้า”ศิวะที่มองจ้องตั้งแต่เห็นธาราเดินเข้ามาอย่างมีคำถาม เมื่อเขาจำเธอไม่ได้เพราะไม่ได้ใส่แว่น เขาลุกเดินเข้ามามองเธอใกล้ๆ ทั้งก้ม ทั้งเบี่ยงตัวไปมาแต่ก็มองไม่ชัดเมื่อธาราพยายามก้มหน้าหลบเขา“ไม่ต้องยุ่งน่า!...เดี๋ยวฉันติวให้เอง...”เป็นรามินทร์ที่บอกขึ้น พร้อมกับตำหนิศิวะ จนศิวะต้องเดินกลับไปนั่งที่เดิม ส่วนโรมัน ตอนนี้เขากำลังมองรามินทร์ด้วยสีหน้าและสายตาเป็นคำถาม เพราะปกติรามินทร์ไม่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นแท้ๆ“ไม่ต้อง ฉันตกลง”โรมันบอกขึ้น ทำเอาคนที่ได้ยินถึงกับอ้าปากค้าง ไม่เว้นแม้แต่ธาราที่ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างตกตะลึง ก่อนจะเผยรอยยิ้มกว้างออกมา“ขอบคุณนะ! ขอบคุณจริงๆ”เธอเอ่ยขอบคุณเสร็จก็รีบวิ่งกลับไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ โดยทิ้งให้สองหนุ่ม ทั้งรามินทร์และโรมันได้แต่มองตามหลังเธอไปเหมือนถูกมนต์สะกดกับรอยยิ้มของเธอตึกตัก ตึกตัก ตึก
“เฮ้ย!! นี่ใส่อะไรวะเนี่ย!!! โอ๊ยยยยยย!!! ไอ้บ้าเอ้ย!!!”พอเดินมาหยุดยืนอยู่หน้ากระจกในห้องนอน โรมันถึงกับร้องลั่นกับการแต่งตัวของเขาผลั๊วะ!!“เกิดอะไรขึ้น! อ๊าย!! ขอ...ขอโทษ...”ธาราที่ได้ยินเสียงตะโกนดังลั่นของโรมันรีบลุกขึ้นวิ่งตรงมาที่ห้องนอนของเขาแล้วเปิดประตูออกอย่างรวดเร็วเพราะคิดว่าเกิดเรื่อง แต่สิ่งที่เห็นคือร่างใหญ่เปลือยเปล่าเพราะดันดึงชุดที่ใส่อยู่ออกอย่างโมโหนี่ก็เวร!!โรมันที่หันหน้ามามองธาราถึงกับอ้าปากค้างเพราะเธอดันเข้ามาได้จังหวะพอดิบพอดีที่กางเกงถูกถอดออก“ฉันขอโทษ”ปึง!...เอ่ยขอโทษเสร็จธาราก็รีบเดินกลับออกไปพร้อมปิดประตูให้กับเขา ซึ่งพอเธอออกไปแล้ว ของที่ถืออยู่ก็ถูกขว้างทิ้งอย่างโมโห โรมันได้แต่ตะโกนด่าในใจโดยไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมาเลยสักนิด ไม่นานเขาก็เดินออกมาจากห้องพร้อมแต่งตัวอย่างเรียบร้อย“เอ่อ...ฉันไม่เห็นอะไร...เอ่อ จริงๆ..นะ”พอเขาเดินออกมา ธารารีบบอกขึ้นด้วยหน้าอันแดงเถือก“ไม่มีอะไรที่ฉันต้องอายนี่”โรมันบอกออกมาเหมือนกับไม่ได้สนใจอะไร แต่ก็อายกับเรื่องที่เกิดขึ้น เขาเดินมานั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเธอในท่าทางสบายๆ“ว่ามาสิ”เขาบอกออกมาเมื่อนั่งลงแล้ว“คือว
“ทำไมมันไม่มาวะ ปกติไม่เคยผิดคำพูดนี่หว่า”เทวาที่โทรไปตามโรมันแต่กลับถูกปฏิเสธที่จะมาเลยพูดขึ้นอย่างไม่เข้าใจ“หรือว่าติวกับผู้หญิงคนนั้นจนหมดแรงถึงมาไม่ได้”ศิวะบอกขึ้น เพราะรู้ว่าโรมันตกลงจะไปติวหนังสือ ส่วนรามินทร์ที่นั่งฟังอยู่ก็ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม ตอนนี้เขาไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด ทำไมโรมันถึงทำแบบนั้น หรือว่าสิ่งที่เพื่อนสองคนของเขาพูดจะเป็นความจริง แต่ธารานั้นไม่ใช่สเปคของโรมัน ซึ่งไม่มีทางที่หมอนั่นจะพาขึ้นเตียงอย่างแน่นอน“คิดอะไรอยู่...ไปต่อกับนานะนะคะ คืนนี้ว่าง...”นานะ สาวสวยอักษรฯปี 3 ที่เป็นคู่ควงของรามินทร์ในคืนนี้บอกขึ้น พร้อมกับซุกซบไปที่แขนของเขาอย่างออดอ้อน ส่วนอีกสองหนุ่มก็ต่างมีสาวสวยควงกันมาดื่ม จะมีก็แค่สาวสวยอีกคนที่ไร้คู่เมื่อโรมันไม่ได้มาด้วยเธอเลยขอตัวกลับไปก่อน“แกจะพาฉันมาด้วยทำไม? มากับผู้(ชาย)สองคนไม่ได้รึไง เสียเวลานอน”เสียงบ่นกระปอดกระแปดของวารีดังขึ้นไม่หยุด เมื่อถูกบ๊อบบี้ลากออกมาเที่ยวผับทั้งๆที่เธอต้องอ่านหนังสือ“แค่แปปเดียว น่ะๆๆ คนนี้ฉันรักจริง”บ๊อบบี้พยายามอ้อนวอนขั้นสุด เพราะด้วยร่างกายเป็นชาย กลัวคนอื่นมาเห็นแล้วเรื่องที่เธอชอบผู้ชายด้วยกัน
“ลงมา! เร็วๆสิ! เดี๋ยวก็ตายหรอก ลงมา!”เทวาพาวารีมาที่โรงแรมม่านรูดที่อยู่ข้างผับ ก่อนจะบอกให้เธอลงจากรถ“ไม่...ไม่เอา...”เสียงกระท่อนกระแท่นของวารีบอกขึ้น เขาพาเธอเข้าโรงแรมม่านรูดแบบนี้ จะให้เธอคิดยังไงนอกจากเขาก็เลวไม่ต่างจากไอ้หนุ่มแว่นนั่น“โอ๊ย!! ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกน่า! ลงมา! เดี๋ยวได้ตายคารถหรอก ลงมา!...”เขาพยามดึงเธอลงจากรถ ซึ่งทุกครั้งที่เขาแตะต้องร่างกายของวารีกลับร้อนรุ่มไปหมด เธอค่อยๆลงมาจากรถ ก่อนเขาจะดึงพาเข้าไปในห้อง จนมาหยุดอยู่ที่ห้องน้ำ เทวาเปิดน้ำเย็นๆแล้วดันเธอเข้าไป“เฮ้อ เหนื่อยกับเธอจริงๆ...คิดได้ไงว่าฉันจะทำอะไรเธอ...”เทวามองคนที่นั่งกอดตัวเองในห้องน้ำพร้อมกับส่ายหัว กว่าจะพามาได้ทำเอาเขาเหนื่อยจนแทบหมดแรง เขามองร่างอวบอ้วนที่เริ่มสะอื้นไห้ใต้ฝักบัวอย่างเริ่มสงสาร“งั้น...ฉันไปรอบนรถนะ...ดีขึ้นก็ออกมาล่ะ...”เขาบอกออกมาก่อนจะเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้วารีได้ปลดปล่อยความรู้สึกออกมาโดยเขาขอไปนั่งรอที่รถเพื่อความสบายใจของเธอส่วนวารี พอเขาเดินออกไปเธอก็ร้องไห้หนักขึ้น เกิดมาเธอพึ่งเจอเรื่องเลวร้ายแบบนี้ เธอเกือบถูกหลอกแถมยังมาถูกจับได้โดยเพื่อนร่วมห้องอีก ไม่มีอ
วันต่อมา บ๊อบบี้ที่มาเรียนตั้งแต่เช้าเผื่อว่าวารีจะมาก่อนตัวเอง แต่กลับพบว่าทั้งวารีและธารากลับไม่โผล่มาจนถึงเวลาเรียน ติดต่อก็ไม่ได้ ทำเอาบ๊อบบี้แทบเรียนไม่รู้เรื่อง เธอเอาแต่นั่งมองไปที่ประตูเผื่อเพื่อนทั้งสองจะโผล่มาแต่ก็ไร้เงาจนจบคาบเรียนส่วนสองคนที่หายไปนั้น แทบพากันลุกไม่ขึ้น เมื่อดันถูกเปิดบริสุทธิ์เอาวันเดียวกัน แถมยังหนักหน่วงจนเจ็บปวดรวดร้าวไปทั้งร่างจนพากันไข้กิน“นี่...เธอ ลุกไหวไหม...ไปหาหมอเถอะ...”“หือ?...ไม่...”เทวาที่ตอนนี้กำลังนั่งมองวารีที่ซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มพร้อมอุณหภูมิร่างกายทะลุ 39 องศา แต่ก็ยังไม่ยอมไปหาหมออีก พอจะเช็ดตัวให้เธอก็ไม่ยอม เอาแต่ไล่เขากลับไป จนเทวาเริ่มหนักใจ เธอทั้งโดนยา ทั้งถูกเขาเปิดซิง เป็นธรรมดาที่จะป่วย แต่ที่นี่มันม่านรูด จะมานอนยาวๆก็ไม่น่าจะดีเท่าไหร่“งั้นก็ลุกเถอะ นี่มันม่านรูดนะ เธอจะนอนจนพรุ่งนี้ก็คงไม่ได้”“นาย...นายก็ออกไปก่อนสิ...ฉันอาย”และเทวาก็ต้องลุกเดินออกไปรอที่รถ ส่วนวารีที่ทั้งอาย ทั้งเสียใจที่เสียบริสุทธิ์ค่อยๆพยุงร่างลุกขึ้น เสื้อผ้าของเธอถูกเขาส่งไปซักให้และวางเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว“จะอายอะไร...เหลือแค่ไส้ในแหละที่ยังไ
หมับ!“ออกไปห่างๆ ยัยนี่แฟนฉัน”เสียงห้ามอันเย็นเยียบบอกขึ้น เมื่อมือของชายหนุ่มที่อยู่ในงานเลี้ยงกำลังจะแตะต้องถูกตัวของวารี เทวารีบเอื้อมมือจับมันเอาไว้แน่น“เอ่อ ขอโทษที พอดีแค่จะทักทาย”หนุ่มหล่อบอกขึ้นพร้อมกับรีบดึงมือกลับ“ไม่จำเป็น ยัยนี่ของฉัน”เทวายังคงแสดงความเป็นเจ้าของ โดยมีวารียืนอมยิ้มอย่างถูกใจกับอาการหึงหวงของคนรักก่อนหนุ่มคนนั้นจะเดินหนีออกไป“ชอบจัง”เธอบอกขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้เขา“เลิกยิ้ม! คนอื่นมองอยู่”“อะไร หวงแม้กระทั่งยิ้ม แล้วนี่บ่าวสาวจะไม่ลงมาจริงๆเหรอ เริ่มดึกแล้วนะ”
“ธาร...นี่มันอะไรกัน...แล้วนี่...มันเกิดอะไรขึ้น ฉันงงไปหมดแล้ว...”ไม่กี่วันต่อมา ธารากลับมาที่โรงพยาบาลพร้อมกับโรมันเพื่อบอกข่าวดีแก่วารีและคนทั้งโรงพยาบาล เมื่อเธอกับโรมันตัดสินใจแล้วว่าจะแต่งงานกันก่อนที่ลูกในท้องจะคลอดออกมา ทำเอาช็อกไปตามๆกันรวมทั้งวารีเองก็ด้วย เมื่อเธอกำลังมองตรงท้องที่นูนเด่นของธาราอย่างตกใจ เพราะเวลาเพียงแค่เดือนกว่าๆที่ไม่เจอกันแต่ทำไมท้องถึงใหญ่ได้ขนาดนี้“ฉันท้อง 6 เดือนแล้ว”“ห๊ะ! 6 เดือน!”“อื้อ...ส่วนนี่ เดือนหน้าฉันจะแต่งงาน”“นี่มันบ้าไปแล้ว...”วารียกการ์ดงานแต่งงานที่ธารายื่นให้ขึ้นมาดูอย่างไม่อยากเชื่อ ทำเอาธาราอดขำไม่ได้เมื่อเธอเองก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกัน“ฉันขอโทษนะที่ไม่ได้บอกแกเรื่องที่ฉันท้อง&rd
หลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว ธาราก็เดินลงมาที่ห้องนั่งเล่น ซึ่งตอนนี้มีเพียงมารดาของเธอนั่งอยู่“มานั่งนี่สิ พ่อกับคุณหมออยู่นอกบ้านกัน...เรามาคุยกันหน่อยไหม?”แม่เลี้ยงนาราพูดขึ้นเมื่อเห็นธาราเดินลงมาจากบนห้องแล้ว ทำเอาเธอถึงกับแปลกใจ เมื่อบิดาขอคุยกับโรมันเป็นการส่วนตัว“มันเกิดอะไรขึ้น ลูกทะเลาะกับคุณหมอเหรอถึงได้หนีกลับมาที่นี่”“คะ? เปล่าค่ะ เราไม่ได้ทะเลาะอะไรกัน”ธาราบอกออกมาตามความจริง จนคนเป็นแม่ได้แต่มองอย่างนึกแปลกใจ เพราะทั้งการที่ธารากลับมาที่นี่คนเดียวและการที่โรมันโผล่มาโดยไม่บอกสถานะที่มีกับธาราอีก นอกจากทะเลาะกันก็ไม่มีคำอื่นที่ใช้ได้ดีกว่านี้แล้ว“เล่าให้แม่ฟังได้รึเปล่า ยังไงแม่ก็อยากรู้สาเหตุว่าทำไมลูกถึงหอบท้องกลับมาคนเดียวโดยไม่พูดอะไรเลย”
“นี่มันเรื่องอะไรกัน...ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ ถ้าจะมาก็ควรติดต่อมาก่อนสิ เกิดอะไรขึ้น แล้วเราจะทำยังไง”ทางด้านธารา พอเดินเข้าห้องนอนมาเธอแทบหมดเรี่ยวแรงเมื่ออยู่ดีๆโรมันก็โผล่มาที่บ้านโดยไม่คิดแม้แต่จะโทรมาบอกเธอก่อน“แล้วจะทำยังไง...ถ้าเกิดเขารู้ว่าเราท้อง เขาจะดีใจ...หรือเสียใจ...จะเชื่อไหมว่าเด็กในท้องเป็นลูกของเขา...แม่ควรทำยังไงดี...”ธาราเอาแต่คิดฟุ้งซ่าน เมื่อสิ่งที่เธอกลัวที่สุดคือเขาไม่ยอมรับว่าเป็นพ่อของลูกเธอ เมื่อเขาหายไปตั้ง 4 เดือนแบบนั้นแต่เธอดันมาท้อง ยิ่งคิดธาราก็ยิ่งหนักใจจากนั้นเวลาอาหารเย็นก็มาถึง จากที่คิดว่าจะปฏิเสธแต่ลูกในท้องดันเอาแต่ประท้วงหิวจนธาราต้องยอมร่วมโต๊ะอาหาร ซึ่งมีอาหารเต็มโต๊ะไปหมด เมื่อแม่เลี้ยงนาราอยากขอบคุณที่โรมันช่วยชีวิตสามีของเธอ“เชิญตามสบายเลยนะคะคุณหมอ ถือซะว่าเป็นการขอบคุณที่ช่วยชีวิตพ่อเลี้ยงเ
3 เดือนต่อมา“ลาออก! เกิดอะไรขึ้น...ธาร นี่ทำไมแกถึงตัดสินใจอะไรโดยไม่ปรึกษาฉันก่อนล่ะ”“ฉันคิดมาดีแล้วล่ะ อีกอย่างพ่อกับแม่ก็แก่มากแล้วด้วย ฉันคงต้องกลับไปดูแลงานในไร่ต่อ”“เฮ้ออออ แล้วฉันจะอยู่โดยไม่มีแกได้ยังไงกัน...”วารีที่พึ่งรู้เรื่องการลาออกของธาราจากผู้อำนวยการของโรงพยาบาลถึงกับตีโพยตีพาย“ฉันไม่ได้ไปไหนไกลสักหน่อย จากนี่ไปก็แค่ชั่วโมงเดียว แกไปกลับทุกวันได้สบายเลย”ธาราที่ทั้งเก็บของทั้งแกล้งพูดเล่นกับวารีเพื่อไม่ให้เพื่อนรักของเธอโศกเศร้ากับการลาออกจากงานในครั้งนี้“เวลานอนยังแทบไม่มี แล้วฉันจะเอาเวลาที่ไหนบินไปกลับได้ทุกวันล่ะ...ว่าแต่...ไม่ได้มีเรื่องอะไรใช่ไหม?”“หือ?
“ไอ้เทพ ผู้หญิงที่แกถ่ายรูปด้วยคือใครวะ ดูคุ้นๆ”ศิวะ ที่ข้องใจจนทนไม่ไหวถึงกับต้องถ่อมาหาเทวาที่โรงพยาบาล เมื่อเห็นรูปในโซเชียลมีเดียที่เทวาอัพโหลดลงไป“เมียฉันเอง”เทวาบอกออกมาอย่างไม่ต้องคิด เมื่อเขาจงใจจะประกาศบอกทั้งโลกอยู่แล้ว“เมียเหรอ? แกไปมีเมียตั้งแต่ตอนไหน...แล้วใครกันเมียแก”ศิวะถามขึ้นอย่างแปลกใจ“นั่นไง เมียฉันกำลังเดินมาโน่นแล้ว”เทวาบอกขึ้นพร้อมกับมองไปยังทางเดิน ที่มีใครอีกคนกำลังเดินมา“ไอ้เทพ...อย่าบอกนะว่าแกกับคุณหมอ...ไอ้นี่ ไม่บอกกันก่อนวะ ไวเหมือนกันนะแก”“ก็ธรรมด๊า ฉันรักของฉัน ไม่อยากให้ใครมายุ่งนี่หว่า”
“อะไรนะ! นายนั่นไม่อยู่อีกแล้วเหรอ? หายตัวไปอีกใช่ไหม?”“เปล่า มีเรื่องจำเป็นต้องไปน่ะ”“แล้วแกล่ะ จะไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”“อื้อ คิดว่าไม่...เขาบอกจะกลับมาให้เร็วที่สุด”“เร็วที่สุด? ไม่ใช่แกต้องรอจนแก่หงำเหงือกหมอนั่นถึงกลับมาหรอกนะ”“.................”ไม่กี่วันต่อมา โรมันที่เคลียร์ทุกอย่างจนเรียบร้อยก็ทำเรื่องลายาวโดยให้นนนน์เป็นคนดูแลงานแทนเขา ทำเอาเรื่องที่เขาหายตัวไปเกิดเป็นเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เพราะตั้งแต่เขาเริ่มทำงานมา ก็ดูเหมือนจะติดขัดไปหมด ทั้งเรื่องที่อยู่ดีๆเขาก็บินไปเชียงใหม่ พอกลับมาก็กลับมาด้วยร่างกายที่เกือบจะไม่หายใจอีก แล้วยังมาขอลายาวทั้งๆที่พึ่งเริ่มทำงานได้จริงจังเพียงไม่กี่วัน ทำเอาพวกผู้บริหารพากันจัดประชุมขอถอดถอนโรมันกันจ้าละหวั่น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก“ขอเข้าไปได้ไหม?...”“................”หลังจากจัดการงานเสร็จ วารีที่รู้สึกผิดเดินมาหาเทวาที่ห้องทำงาน เธอเคาะประตูหน้าห้องแต่เขากลับไม่ตอบรับ เธอเลยเปิดประตูเข้าไปและก็พบว่าเขานั่งทำงานอยู่ไม่เงยหน้าขึ้นมาสนใจเธอเลยสักนิด“นาย ฉัน เอ่อ ฉัน...”“................”เอาไงดีเนี่ย! หรือควรกลับออกไป ไม่ๆๆๆทำผิดก็ต้องกล้ารับผิดสิ...แต่ถ้าหมอนี่ไม่หายโกรธล่ะ...“ฉันขอ...”“ไปกินข้าวมาคงอร่อยจนลืมเวลางานเลยงั้นสิ”นั่นไง อีตาบ้านี่โกรธจริงๆด้วยวารีที่ยังพูดไม่ทันจบแต่เทวาพูดขึ้น
“คุณหมอคะ โน่นค่ะ แฟนคลับคุณหมอมาอีกแล้ว”“คะ?...”เวรแล้ววววว ทำไงดีๆๆ หลบๆๆๆ อ๊ายยย ไม่ทันแล้ววววารีที่กำลังยืนเช็คเอกสารอยู่มองไปตามที่พยาบาลสาวบอก ก่อนจะเจอเข้ากับศิวะที่เดินยิ้มร่าตรงมาหาเธอ ในมือถือช่อดอกไม้เล็กๆน่ารักมาด้วย“คุณหมอครับ นี่ครับผมเอามาฝาก”ศิวะรีบยื่นดอกไม้ในมือให้กับวารี ที่มองหน้าเขาพร้อมยิ้มฝืดๆส่งไปให้“ฉันไม่ค่อยชอบดอกไม้ ถ้าจะเป็นของฝากก็ขอเป็นกระเป๋าหลุยส์คอลเลคชั่นใหม่ที่พึ่งออกจะดีมากเลยค่ะ”หลุยส์คอลเลคชั่นใหม่...2 ล้าน 5 ! โอ้วววแม่เจ้า!!พอได้ยินของที่เธออยากได้ ศิวะที่เป็นเจ้าพ่อแฟชั่นถึงกับอ้าปากค้างเมื่อของที่เธออยากได้มันพึ่งเปิดตัวเม