“อ๊ายๆๆๆ แก! ฉันนึกว่าฉันฝันไป 5 ปีที่ผ่านมาฉันไปทำอะไรอยู่ที่ไหนมาถึงไม่เคยเห็นเทพบุตรอย่างราม คนอะไร ยิ้มทีเหมือนสวรรค์”
พอการเรียนจบลง วารีก็เอาแต่พูดถึงรามินทร์อย่างเพ้อฝัน เพราะพึ่งเคยพูดกับเขาทั้งๆที่เรียนด้วยกันมาตั้ง 5 ปี จากที่รู้สึกไม่ชอบเธอกลับกำลังหลงรักเขาเข้าอย่างจัง ด้วยความน่ารัก สุภาพแถมขี้เล่น ทำให้สาวๆอดยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กันเป็นแถบๆ ไม่เว้นแม้แต่ธารา ที่แอบยิ้มแทบทุกครั้งที่เขาเล่นมุกตลกๆและแอบเขินทุกครั้งที่เขาหันมามองหรือพูดกับเธอ
“เขาก็เป็นแบบนั้นมาตั้งนานแล้ว...แกแค่ไม่เคยสังเกตเองต่างหาก”
ธาราอดพูดขึ้นไม่ได้
“อะไรๆๆ แสดงว่าแกแอบมองเขามาตั้งนานแล้วสิใช่ไหม? ฮั่นแน่ ธาร แกก็ชอบรามใช่ไหม? บอกฉันมานะ ใช่รึเปล่า...”
วารีที่จับสังเกตได้พยายามคาดคั้นเอาคำตอบ จนธาราเขินจนต้องรีบเดินหนี ส่านวารีก็เอาแต่เดินตามเพื่อล้อเพื่อนสนิทจนธาราต้องรีบวิ่งซ่อน
พลั๊ก!
“โอ๊ย! เอ่อ ขอโทษ...!?”
ธาราที่เอาแต่มองไปด้านหลังเพราะกลัววารีจะวิ่งตามมาทันจนไม่ทันได้ดูเลยชนเข้ากับใครอีกคน และพอเงยหน้าขึ้นมองเธอก็ต้องตกใจถอยหลังหนี
“ไม่มีตาเหรอ...แว่นก็ใหญ่เท่าใบลาน”
โรมันพูดออมาอย่างรู้สึกหงุดหงิดที่ถูกชนเข้าอย่างจัง
“เอ่อ ฉัน เอ่อ ขอโทษ เอ่อ ฉัน...ว๊าย!”
แกร๊บ!!
“...................”
ธาราที่ทั้งประหม่าและตกใจอีกทั้งยังกลัวจนทำตัวไม่ถูกรีบเดินถอยหลัง แต่ดันเดินไปสะดุดหินจนเกือบล้มหน้าคว่ำดีที่โรมันสังเกตเห็นก่อนเลยเอื้อมแขนยาวๆไปคว้าเอวของเธอเอาไว้ทันแต่แว่นตาที่เธอใส่กลับตกและแตกเป็นชิ้นๆจากเท้าของเธอเอง
ยัยนี่...ทำไม...
โรมันที่มองจ้องคนที่เขาช่วยด้วยความไม่พอใจ แต่พอได้เห็นหน้าใสๆไร้แว่นหนาๆของเธอ เขากลับเผลอหัวใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก
เวรแล้วไงยัยธาร...ทำยังไงดี เขาต้องโกรธจนฆ่าเธอทิ้งแน่ๆ ทำไงดีๆๆๆ
ส่วนธาราที่แทบอยากหายตัวไปจากตรงนี้ได้แต่หลับตาแน่น ก่อนจะค่อยเปิดเปลือกตาออกมาเมื่อเห็นว่าเขาหยุดนิ่ง
โอ๊ย...มองไม่เห็น...เขาโกรธอยู่เหรอ...
แต่เธอกลับมองอะไรไม่เห็น ด้วยสายตาที่สั้นมาก
“นี่เธอ! ขี้เหร่แล้วยังซุ่มซ่ามอีก!”
“เอ่อ...ขอโทษ...เอ่อ ขอบ...คุณ...”
ต่อว่าเสร็จโรมันก็ดันเธอออกห่างแล้วเดินหนีออกไปทันที ทำเอาปากที่เอ่ยขอโทษถึงกับไปไม่เป็นเมื่อเขาหายไปอย่างรวดเร็วปล่อยให้เธอได้แต่หยีตามอง
“แว่น...แล้วนี่แว่นฉันไปไหนแล้ว...”
พอได้สติธาราก็เริ่มมองหาแว่นตาที่ตอนนี้นอนเป็นซากอยู่ใต้รองเท้าของเธอ แต่ด้วยสายตาที่สั้นมากเลยมองไม่เห็นมัน
“ธาร! มาอยู่นี่เอง ทำไมแกวิ่งเร็วอย่างนี้ แฮ่กๆๆ”
วารีที่พึ่งหาธาราจนเจอยืนหอบเหนื่อยเมื่อเธอดันวิ่งไปอีกทาง
“ลม...แกช่วยหาแว่นให้ฉันหน่อยได้ไหม?...”
“อ่าว เกิดอะไรขึ้น...แว่นเหรอ...นั่นไง แกเหยียบอยู่”
“ห๊ะ! ตายแล้ว ทำยังไงดีๆๆ”
ธารารีบก้มไปควานหยิบมันขึ้นมา และพบว่ามันหักจนใช้งานไม่ได้เสียแล้ว
“ดีนะนี่คาบสุดท้ายแล้ว แกต้องไปตัดแว่นใหม่แล้วแหละ”
“อือ เลนส์พิเศษด้วย กว่าจะได้ของ...”
“ฉันบอกให้แกไปเลสิค จะได้ไม่ต้องใส่แว่นหนาๆ หนักก็หนัก”
ธาราไม่ได้สนใจคำพูดของเพื่อน เมื่อกำลังเสียใจกับการจากไปของแว่นสุดที่รัก ที่อยู่ด้วยกันมานานแสนนานจะเปลี่ยนก็แค่เลนส์เท่านั้น แต่เห็นทีครั้งนี้ต้องได้ตัดใหม่ทั้งอันเสียแล้ว
“นั่นใครน่ะ ไม่เคยเห็นมาก่อน น่ารักดีนะ”
“อือ เด็กใหม่มั้ง ไม่คุ้นหน้า”
“น่าเด็กอยู่ น่าจะเด็กใหม่แหละ”
วันต่อมา หลังจากเดินลงจากรถแท็กซี่ ธาราก็แทบอยากมุดดินหนี เมื่อมีแต่คนมองมาที่เธอแล้วหันไปซุบซิบกันจนเธอแทบเดินไม่ออก เพราะไม่มั่นใจในตัวเองเลยสักนิด หลังจากไปตัดแว่นใหม่มาเมื่อวานและต้องรอนานกว่าอาทิตย์ถึงจะได้ของเธอเลยจำเป็นต้องใส่คอนแทคเลนส์มาแทน และมันก็เหมือนทำให้เธอกลายเป็นจุดสนใจไปโดยปริยาย
“ธาร! ว๊าย! นี่แกจริงๆด้วย ฉันก็นึกว่าใคร แล้วนี่เกิดอะไรขึ้น ทำไมแกถึงไม่ใส่แว่นล่ะ”
บ๊อบบี้ เพื่อสาวประเภทสองที่เดินเข้ามาหาอย่างนึกแปลกใจที่ธาราไม่ใส่แว่นสุดที่รักเหมือนทุกๆวัน เพราะเมื่อวานเขาไม่ได้เข้าเรียนเลยไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น
“บ๊อบบี้! ช่วยฉันด้วย...ทุกคนเอาแต่มองฉัน...”
ธารารีบเดินเข้าไปเกาะแขนของเพื่อนคนสนิทแล้วมุดหน้าหนีอย่างรู้สึกประหม่า ก่อนที่บ๊อบบี้จะรีบพาเธอเดินออกไปจากสายตาของคนที่มองอยู่
“ไหน เล่ามาซิ ฉันไม่อยู่แค่วันเดียวทำไมแกถึงสละแว่นได้”
“สละอะไรล่ะ ก็...บังเอิญทำหักเลยต้องเปลี่ยน...กว่าจะได้อันใหม่ก็อาทิตย์หน้า”
พอเดินออกมาไกลจากผู้คนแล้ว บ๊อบบี้ที่อยากรู้ก็ถามขึ้นอีกครั้ง และธาราก็บอกออกมาพร้อมกับทำหน้าเศร้ากับการจากไปของแว่นสุดที่รัก
“ธาร แกรู้ไหมว่าแกสวยขนาดไหนเวลาไม่มีแว่นใหญ่ๆอันนั้น ไม่ต้องใส่แว่นเถอะฉันขอร้อง ฉันอยากให้คนรู้ว่าฉันมีเพื่อนสวยระดับดาวมหาลัยอยู่หนึ่งคน”
บ๊อบบี้บอกออกมาพร้อมกับประสานมือเข้าหากันอย่างขอร้อง
“สวยบ้าอะไร ไม่เอาหรอก ฉันไม่ชอบใส่คอนแทคเลนส์”
“ก็ไปเลสิคไง ไม่ต้องใส่แว่น ไม่ต้องพึ่งคอนแทคเลนส์ ไปทำเถอะ ฉันเสียดายความสวยของแก”
“ไม่เอา ไปแล้ว จะถึงเวลาแล้วด้วย วันนี้มีเรียนนิติเวชด้วย แกจะเข้าด้วยไหม?”
“ไม่ล่ะ ฉันไม่ค่อยถูกกับศพ เดี๋ยวฉันไปเข้าจิตวิทยาดีกว่า แกไปเถอะ แค่เห็นหน้าตัวเองก็กลัวแล้ว ยังไม่พร้อมเจอหน้าศพ”
“อ่าว บ๊อบบี้! ไปส่งฉันก่อนสิ บ๊อบ...บี้...”
ธาราที่อยู่ดีๆก็ถูกทิ้งเอาไว้กลางทางร้องเรียกเพื่อนสาวประเภทสองอย่างบ๊อบบี้ ก่อนจะเริ่มรู้สึกว่ามีคนมองมาที่เธอ หญิงสาวเลยลดเสียงลงแล้วรีบเดินหนีออกจากตรงนั้นมา
“นี่เธอ...ทำของหล่นน่ะ”
“ห๊ะ! โอ๊ย จะมาหล่นอะไรตอนนี้...”
ขณะเดินก้มหน้าก้มตาเข้าไปในตึกเรียน ธาราก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีเสียงมาเรียกเธอเอาไว้ ก่อนจะค่อยๆหันกลับไปมอง และพอรู้ว่าเป็นใครเธอก็รีบหันหลังหลับทันที
“เอ่อ...ขอบ...ขอบใจ...”
เธอยื่นมือไปหาเขาโดยไม่ยอมหันมามอง ทำเอารามินทร์ที่มองอยู่อดสงสัยไม่ได้
“เป็นอะไรรึเปล่า...เห็นเดินก้มหน้ามาตั้งแต่ตรงโน้นแล้ว...”
เขาถามขึ้น เพราะที่เดินตามมาเพราะเขารู้สึกแปลกใจกับท่าทีแปลกๆของเธอ
“เอ่อ...เปล่า...ฉันแค่...”
“เฮ้ย! นี่เธอคนเมื่อวานนี่...แล้วแว่นหายไปไหนแล้วล่ะ”
พอธาราหันหน้ามามองเขา รามินทร์ก็จำเธอได้ทันที เพราะตากลมๆเหมือนกวางน้อยคู่นั้นที่เอาแต่แอบมองเขาเมื่อวาน ทำให้เขาลืมมันไม่ได้เลยจริงๆ
“นาย เอ่อ นายจำฉันได้ด้วยเหรอ?...”
“ได้สิ ตาเธอสวยไม่เหมือนใครฉันเลยจำได้น่ะ แล้วนี่เธอกำลังจะไปห้องนิติเวชเหรอ?”
“................”
“งั้น...ไปพร้อมกันเถอะ ฉันก็ไม่ชอบเดินไปคนเดียวด้วย พวกนั้นก็มาสาย”
และธาราก็ต้องเดินตามรามินทร์ไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ ส่วนรามินทร์ พอเดินมาได้สักพักเขาก็สังเกตเห็นว่าเธอเดินตามเขาไม่ทัน เพราะด้วยขาอันยาวเกินไปของเขาทำให้เขาเดินไวกว่าขาสั้นๆของเธอ ทั้งๆที่ธาราแทบจะวิ่งอยู่แล้วยังตามเขาแทบไม่ทัน เขาจึงเริ่มเดินช้าลง จนกระทั่งเดินไปพร้อมๆกัน
“นั่นใครน่ะ ไม่เคยเห็น...ทำไมเดินมาพร้อมรามล่ะ...”
“นั่นสิ ปกติไม่เคยเห็นเขาเดินกับผู้หญิง...หรือว่าแฟน!”
สาวๆที่ดันเดินมาเจอรามินทร์และธาราอดพากันสงสัยไม่ได้ เมื่อพึ่งเคยเห็นรามินทร์สนิทสนมกับผู้หญิง แล้วยิ่งท่าทางคุยกันสนิทสนมแล้วยิ่งทำให้พวกเธออยากรู้อยากเห็นว่าผู้หญิงที่เดินกับเขาเป็นใครกัน
หมับ!“ออกไปห่างๆ ยัยนี่แฟนฉัน”เสียงห้ามอันเย็นเยียบบอกขึ้น เมื่อมือของชายหนุ่มที่อยู่ในงานเลี้ยงกำลังจะแตะต้องถูกตัวของวารี เทวารีบเอื้อมมือจับมันเอาไว้แน่น“เอ่อ ขอโทษที พอดีแค่จะทักทาย”หนุ่มหล่อบอกขึ้นพร้อมกับรีบดึงมือกลับ“ไม่จำเป็น ยัยนี่ของฉัน”เทวายังคงแสดงความเป็นเจ้าของ โดยมีวารียืนอมยิ้มอย่างถูกใจกับอาการหึงหวงของคนรักก่อนหนุ่มคนนั้นจะเดินหนีออกไป“ชอบจัง”เธอบอกขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้เขา“เลิกยิ้ม! คนอื่นมองอยู่”“อะไร หวงแม้กระทั่งยิ้ม แล้วนี่บ่าวสาวจะไม่ลงมาจริงๆเหรอ เริ่มดึกแล้วนะ”
“ธาร...นี่มันอะไรกัน...แล้วนี่...มันเกิดอะไรขึ้น ฉันงงไปหมดแล้ว...”ไม่กี่วันต่อมา ธารากลับมาที่โรงพยาบาลพร้อมกับโรมันเพื่อบอกข่าวดีแก่วารีและคนทั้งโรงพยาบาล เมื่อเธอกับโรมันตัดสินใจแล้วว่าจะแต่งงานกันก่อนที่ลูกในท้องจะคลอดออกมา ทำเอาช็อกไปตามๆกันรวมทั้งวารีเองก็ด้วย เมื่อเธอกำลังมองตรงท้องที่นูนเด่นของธาราอย่างตกใจ เพราะเวลาเพียงแค่เดือนกว่าๆที่ไม่เจอกันแต่ทำไมท้องถึงใหญ่ได้ขนาดนี้“ฉันท้อง 6 เดือนแล้ว”“ห๊ะ! 6 เดือน!”“อื้อ...ส่วนนี่ เดือนหน้าฉันจะแต่งงาน”“นี่มันบ้าไปแล้ว...”วารียกการ์ดงานแต่งงานที่ธารายื่นให้ขึ้นมาดูอย่างไม่อยากเชื่อ ทำเอาธาราอดขำไม่ได้เมื่อเธอเองก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกัน“ฉันขอโทษนะที่ไม่ได้บอกแกเรื่องที่ฉันท้อง&rd
หลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว ธาราก็เดินลงมาที่ห้องนั่งเล่น ซึ่งตอนนี้มีเพียงมารดาของเธอนั่งอยู่“มานั่งนี่สิ พ่อกับคุณหมออยู่นอกบ้านกัน...เรามาคุยกันหน่อยไหม?”แม่เลี้ยงนาราพูดขึ้นเมื่อเห็นธาราเดินลงมาจากบนห้องแล้ว ทำเอาเธอถึงกับแปลกใจ เมื่อบิดาขอคุยกับโรมันเป็นการส่วนตัว“มันเกิดอะไรขึ้น ลูกทะเลาะกับคุณหมอเหรอถึงได้หนีกลับมาที่นี่”“คะ? เปล่าค่ะ เราไม่ได้ทะเลาะอะไรกัน”ธาราบอกออกมาตามความจริง จนคนเป็นแม่ได้แต่มองอย่างนึกแปลกใจ เพราะทั้งการที่ธารากลับมาที่นี่คนเดียวและการที่โรมันโผล่มาโดยไม่บอกสถานะที่มีกับธาราอีก นอกจากทะเลาะกันก็ไม่มีคำอื่นที่ใช้ได้ดีกว่านี้แล้ว“เล่าให้แม่ฟังได้รึเปล่า ยังไงแม่ก็อยากรู้สาเหตุว่าทำไมลูกถึงหอบท้องกลับมาคนเดียวโดยไม่พูดอะไรเลย”
“นี่มันเรื่องอะไรกัน...ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ ถ้าจะมาก็ควรติดต่อมาก่อนสิ เกิดอะไรขึ้น แล้วเราจะทำยังไง”ทางด้านธารา พอเดินเข้าห้องนอนมาเธอแทบหมดเรี่ยวแรงเมื่ออยู่ดีๆโรมันก็โผล่มาที่บ้านโดยไม่คิดแม้แต่จะโทรมาบอกเธอก่อน“แล้วจะทำยังไง...ถ้าเกิดเขารู้ว่าเราท้อง เขาจะดีใจ...หรือเสียใจ...จะเชื่อไหมว่าเด็กในท้องเป็นลูกของเขา...แม่ควรทำยังไงดี...”ธาราเอาแต่คิดฟุ้งซ่าน เมื่อสิ่งที่เธอกลัวที่สุดคือเขาไม่ยอมรับว่าเป็นพ่อของลูกเธอ เมื่อเขาหายไปตั้ง 4 เดือนแบบนั้นแต่เธอดันมาท้อง ยิ่งคิดธาราก็ยิ่งหนักใจจากนั้นเวลาอาหารเย็นก็มาถึง จากที่คิดว่าจะปฏิเสธแต่ลูกในท้องดันเอาแต่ประท้วงหิวจนธาราต้องยอมร่วมโต๊ะอาหาร ซึ่งมีอาหารเต็มโต๊ะไปหมด เมื่อแม่เลี้ยงนาราอยากขอบคุณที่โรมันช่วยชีวิตสามีของเธอ“เชิญตามสบายเลยนะคะคุณหมอ ถือซะว่าเป็นการขอบคุณที่ช่วยชีวิตพ่อเลี้ยงเ
3 เดือนต่อมา“ลาออก! เกิดอะไรขึ้น...ธาร นี่ทำไมแกถึงตัดสินใจอะไรโดยไม่ปรึกษาฉันก่อนล่ะ”“ฉันคิดมาดีแล้วล่ะ อีกอย่างพ่อกับแม่ก็แก่มากแล้วด้วย ฉันคงต้องกลับไปดูแลงานในไร่ต่อ”“เฮ้ออออ แล้วฉันจะอยู่โดยไม่มีแกได้ยังไงกัน...”วารีที่พึ่งรู้เรื่องการลาออกของธาราจากผู้อำนวยการของโรงพยาบาลถึงกับตีโพยตีพาย“ฉันไม่ได้ไปไหนไกลสักหน่อย จากนี่ไปก็แค่ชั่วโมงเดียว แกไปกลับทุกวันได้สบายเลย”ธาราที่ทั้งเก็บของทั้งแกล้งพูดเล่นกับวารีเพื่อไม่ให้เพื่อนรักของเธอโศกเศร้ากับการลาออกจากงานในครั้งนี้“เวลานอนยังแทบไม่มี แล้วฉันจะเอาเวลาที่ไหนบินไปกลับได้ทุกวันล่ะ...ว่าแต่...ไม่ได้มีเรื่องอะไรใช่ไหม?”“หือ?
“ไอ้เทพ ผู้หญิงที่แกถ่ายรูปด้วยคือใครวะ ดูคุ้นๆ”ศิวะ ที่ข้องใจจนทนไม่ไหวถึงกับต้องถ่อมาหาเทวาที่โรงพยาบาล เมื่อเห็นรูปในโซเชียลมีเดียที่เทวาอัพโหลดลงไป“เมียฉันเอง”เทวาบอกออกมาอย่างไม่ต้องคิด เมื่อเขาจงใจจะประกาศบอกทั้งโลกอยู่แล้ว“เมียเหรอ? แกไปมีเมียตั้งแต่ตอนไหน...แล้วใครกันเมียแก”ศิวะถามขึ้นอย่างแปลกใจ“นั่นไง เมียฉันกำลังเดินมาโน่นแล้ว”เทวาบอกขึ้นพร้อมกับมองไปยังทางเดิน ที่มีใครอีกคนกำลังเดินมา“ไอ้เทพ...อย่าบอกนะว่าแกกับคุณหมอ...ไอ้นี่ ไม่บอกกันก่อนวะ ไวเหมือนกันนะแก”“ก็ธรรมด๊า ฉันรักของฉัน ไม่อยากให้ใครมายุ่งนี่หว่า”