อ๋าวเยว่จนปัญญาจะทัดทานเจียงมู่ตาน อีกอย่างตอนนี้ก็มีคนมองพวกเขาอย่างไม่ละสายตา เขาไม่ชอบความวุ่นวายและไม่ต้องการให้ตนเองเป็นจุดสนใจ ชายหนุ่มจึงยอมทำตามที่เจียงมู่ตานต้องการ นั่นก็คือไปดื่มสุราที่จวนตระกูลเจียง
องค์รักษ์ที่ติดตามมาด้วยพยายามส่งสายตาเป็นเชิงบอกว่าทำเช่นนี้คงไม่ดี อีกอย่างหากแม่ทัพใหญ่เจียงอยู่ในจวนด้วย ความจริงอาจจะถูกเปิดเผย แต่อ๋าวเยว่กลับไม่ใส่ใจ เปิดเผยสิดี นางจะได้รู้จักที่ต่ำที่สูง ต่อไปจะได้ไม่กล้ามาตอแยหรือวุ่นวายกับเขาอีก
ที่สำคัญนางจะได้เลิกเข้าใจผิดว่าเขาเป็นชายงามในหอคณิกาชายเสียที
เขาไม่เคยรู้สึกอัปยศอดสูเช่นนี้มาก่อนจนกระทั่งได้มาพบกับเจียงมู่ตาน
เจียงมู่ตานพาอ๋าวเยว่เข้ามาในจวนตระกูลเจียง ที่นางกล้าพาเขาเข้ามาเวลานี้ก็เพราะตอนนี้บิดาของนางไม่ได้อยู่ในจวน กว่าจะกลับมาก็คงเป็นเวลาเย็นย่ำ
หญิงสาวหันไปสั่งให้สาวใช้นำน้ำแกงอย่างดีและสุราชั้นเลิศมา อีกทั้งยังบอกให้ทำอาหารเลิศรสมาหลายจาน เสร็จแล้วก็ให้เอาไปวางไว้ในเรือนของนาง สาวใช้น้อมรับคำ อีกทั้งยังลอบมองอ๋าวเยว่เป็นระยะ และยังมีท่าทีขวยเขินไม่น้อยเลย
เมื่อสั่งการสาวใช้เรียบร้อยแล้ว นางก็เดินเข้ามาหาอ๋าวเยว่ ก่อนจะเอ่ยกับเขา
"ข้าจะพาเจ้าเดินชมภายในจวนตระกูลเจียงของข้า จวนของพวกเราน่ะแม้จะเป็นจวนแม่ทัพ การตกแต่งอาจจะไม่ค่อยประณีตงดงามเท่าจวนอื่น แต่กว้างขวางเป็นอย่างมาก เจ้าดูสิ เรือนนั้นงามมาก ใหญ่โตด้วย เจ้าชอบหรือไม่ หากชอบข้าจะให้สาวใช้ไปทำความสะอาด ไว้รอเจ้าย้ายเข้ามาอยู่แล้ว ข้าจะไปหาเจ้าทุกวัน พวกเราจะนอนชมพระจันทร์ ชมหิ่งห้อย อ่านตำรา ดีดพิณด้วยกัน ดีหรือไม่"
"ไม่ดี"
อ๋าวเยว่ตอบโดยไม่ต้องคิดให้มากความ เจียงมู่ตานทำเหมือนไม่ได้ยินและยังคงพูดต่อไป
"อย่าเพิ่งใจร้อนด่วนปฏิเสธนักสิ เจ้าควรดีใจที่ได้พบเจอคุณหนูอย่างข้า นี่คุณหนูจวนอื่นคงจ่ายให้เจ้าหนักมากสินะ เจ้าจึงไม่ยอมอ่อนให้ข้าเช่นนี้ คิดจะเพิ่มค่าตัวหรือ ได้ ไม่มีปัญหา เจ้ามาอยู่กับเข้าก่อน ข้ารวยกว่าพวกนางอีก ส่วนบิดาข้าน่ะเจ้าไม่ต้องกังวล เจ้าเป็นคนของข้าแล้วต่อไปไม่ต้องกลัวพ่อข้า ให้ตายสิ ยามไม่พอใจหน้าเจ้ายังหล่อเหลามากเลย"
นางยื่นมือมาเชยปลายคางของเขาอย่างถือวิสาสะ องค์รักษ์ถึงกับหน้าถอดสี กลัวว่าฝ่าบาทจะทนไม่ไหวชักมีดขึ้นมาแทงคนเข้า แต่อ๋าวเยว่กลับไม่ลงมือ เขารู้ว่ายามนี่ไม่อาจลงมือส่งเดชได้ แม่ทัพใหญ่เจียงมีความดีความชอบ หากเขาฆ่านางนั่นไม่เท่ากับว่าสร้างศัตรูหรอกหรือ
เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มตรงหน้าไม่พูดไม่จา เจียงมู่ตานก็อารมณ์ดียิ่ง นางลากเขาไปที่เรือนของตนโดยไม่สนใจสีหน้าของเขา อีกทั้งยังบอกว่าอยากดื่มสุรากับเขาตามลำพัง ให้สหายของเขารออยู่ที่ศาลารับลม ไม่นานจะพาเขามาส่งคืน
อ๋าวเยว่เองก็อยากรู้เช่นกันว่านางคิดจะทำอะไร หากนางคิดจะลงมือทำร้ายเขาแน่นอนว่าย่อมเป็นเรื่องยาก และเขาเองก็ไม่มีทางยอมให้นางทำร้ายเขาได้โดยง่าย
เขาเดินตามนางเข้ามาในเรือน พบว่าภายในห้องจุดกำยานกลิ่นดอกสาลี่เอาไว้ กลิ่นของมันหอมและทำให้รู้สึกผ่อนคลายไม่น้อย ภายในห้องตกแต่งได้อย่างดงามไม่น้อยเลย เพียงเท่านี้เขาก็มองออกแล้วว่าแม่ทัพใหญ่เจียงรักและถนอมบุตรสาวมากเพียงใด
ตามใจจนนางเสียคนไปแล้ว!
"นั่งสิ ดื่มน้ำแกงบำรุงก่อนดื่มสุราจะได้ไม่เมา นี่เป็นสูตรของข้า แม่ครัวจวนข้าทำน้ำแกงได้เลิศรสมาก ท่านลองชิมดู"
อ๋าวเยว่ยังคงนั่งเฉยไม่แม้จะยื่นมือมายกถ้วยน้ำแกงขึ้นดื่มตามคำเชิญชวนของนาง เจียงมู่ตานเมื่อเห็นเช่นนั้นจึงเอียงคอมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างหยอกเย้า
"ไม่ต้องกลับ ข้าไม่วางยาพิษเจ้าหรอกน่า ใครจะวางยาพิษคนหล่อได้ลงคอกัน ข้าดื่มให้เจ้าดูก่อนก็ได้"
ว่าแล้วนางก็ยกถ้วยน้ำแกงขึ้นดื่มจนหมด ก่อนจะคะยั้นคะยอเขาให้ดื่มตาม อ๋าวเยว่รำคาญเต็มทน เขาจึงยกถ้วยน้ำแกงขึ้นมาดื่มให้มันจบๆ ไปเสีย
เจียงมู่ตานยิ้มตาหยี ก่อนจะเทสุราให้เขาและดื่มด้วยกัน อีกทั้งยังให้เขาลองชิมอาหารในจวนนางดู อ๋าวเยว่เอือมระอาเต็มทน อาหารพวกนี้ สุราดีเหล่านี้ ในวังหลวงล้วนมีพร้อมสรรพ เขาได้กินจนเบื่อแล้ว
แต่เพราะนางไม่รู่ว่าเขาเป็นใครจึงคะยั้นคะยอให้เขากินไม่หยุด
หลังจากที่นั่งสนทนาอย่าวไร้สาระกันพอสมควรแล้ว อ๋าวเยว่ก็คิดว่าเขาควรจะกลับเสียที แต่ทว่าอยู่ๆ เขาก็รู้สึกร้อนไปทั่วทั้งร่างกาย อาการเหมือนกับคืนนั้นไม่มีผิด
ชายหนุ่มปรายตามองเจียงมู่ด้วยสายตาเย็นชาก่อนจะเอ่ย
"เจ้าวางยาข้าหรือ!"
เจียงมู่ตานงงงวยถึงขีดสุด นางก็ดื่มน้ำแกงหม้อเดียวกับเขาแต่ไม่เห็นว่าจะเป็นอันใดเลยแม้แต่น้อย
"ข้าไม่ได้วางยาเจ้านะ เหลวไหลสิ้นดี!"
เอ่ยจบนางก็เรียกสาวใช้เข้ามาสอบถามว่าในน้ำแกงใส่สมุนไพรประหลาดใดเข้าไปหรือไม่ สาวใช้รีบเอ่ยตอบว่าน้ำแกงนี้พวกนางคิดว่าคุณหนูจะดื่มคนเดียว ไม่คิดว่จะให้ชายหนุ่มผู้นี้ดื่มด้วยจึงใส่สมุนไพรเพิ่มเข้าไปมากหน่อย สำหรับคุณหนูแล้วน้ำแกงถ้วยนี้เป็นยาบำรุง แต่หากบุรุษดื่มจะออกฤทธิ์กลายเป็นยาปลุกกำหนัด
เจียงมู่ตานถึงกับยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้ว เดิมทีวันนี้นางแค่อยากชวนเขามาร่ำสุราด้วยกัน แต่ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น นางรีบไล่สาวใช้ออกไปก่อนจะเดินเข้ามาหาอ๋าวเยว่
"อาเยว่ ข้าไม่รู้ว่าน้ำแกงนี้หากบุรุษดื่มเข้าไปจะกลายเป็นยาปลุกกำหนัด เอาอย่างนี้ เจ้าเข้าด้านในก่อน ข้าจะเอาน้ำแข็งมาให้เจ้าแช่ในอ่างอาบน้ำ"
อ๋าวเยว่ส่งเสียงเหอะออกมา ก่อนจะเอ่ย
"ไม่ต้องแช่หรอกน้ำแข็ง"
"หา"
ไม่รอให้นางได้เอ่ยถามอะไร เขาก็อุ้มนางขึ้นพาดบ่า ก่อนจะโยนนางลงไปนอนบนเตียง และโน้มกายเข้ามาคล่อมตัวนางเอาไว้ เจียงมู่ตานจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าตาปริบๆ ก่อนจะเอ่ยถาม
"ไหนท่านบอกว่า ไม่อยากเข้าใกล้ข้า"
"ข้าเลือกได้หรือ!"
เอ่ยจบเขาก็จูบนางอย่างดูดดื่ม เจียงมู่ตานพยายามผลักเขาออกเพราะนางหายใจไม่ออก แต่ชายหนุ่มกลับไม่ยอม เขาดึงทึ้งเสื้อผ้าของนางออก ก่อนจะถอดเสื้อผ้าของตนเองออกด้วยอีกคน
เจียงมู่ตานเริ่มหน้ามืดตาลาย นางมองแผงอกล่ำสันของชายหนุ่มด้วยแววตาหลงใกล ก่อนจะยื่นมือน้อยๆ ไปลูบที่แผงอกของเขาอย่างชื่นชม นางชอบเขาจริงๆ เกิดมายังไม่เคยพบเจอใครที่ชวนมองขนาดนี้มาก่อนเลย
อ๋าวเยว่ที่ถูกมือขาวนวลเนียนลูบไล้ไปทั่วทั้งร่างกายก็ส่งเสียงครางออกมา มือของนางเหมือนน้ำแข็งที่ทำให้เขารู้สึกเย็นสบายเป็นอย่างมาก คนทั้งสองสบตากัน ก่อนที่นางจะยื่นมือมาประคองใบหน้าของเขาเอาไว้
"ให้ข้าช่วยเจ้าเถอะ"
เอ่ยจบนางก็เป็นฝ่ายกายพลิกขึ้นมานั่งคล่อมอยู่บนตัวเขา
คืนนี้อ๋าวเยว่พักที่บ้านสวนเกษตรของจวนตระกูลเจียง แต่พักอยู่อีกห้องหนึ่งที่อยู่ติดกับห้องของเจียงมู่ตาน นางไม่ยอมให้เขาเข้าไปนอนด้วย อ๋าวเยว่เองก็ไม่ได้ดึงกันใด แต่ในใจกลับลอบวางแผนเขารอจนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงกลางดึก รอจนเจียงมู่ตานหลับสนิทแล้ว จึงแอบเข้ามาในห้องนอนของนางเจียงมู่ตานหลับสนิทลมหายใจสม่ำเสมอ นางหลับลึกยิ่งนักเพราะเดินทางมาเหน็ดเหนื่อย อีกทั้งวันนี้ยังดื่มสมุนไพรที่ช่วยให้นอนหลับสบายเข้าไป นางจึงหลับไม่รู้เนื้อรู้ตัวเมื่อเห็นว่านางหลับสนิทอ๋าวเยว่ก็นึกสนุก เขาค่อยๆถอดเสื้อผ้าของนางและของตนเองออกจนหมด เจียงมู่ตานขยับร่างกายเล็กน้อยแต่ยังไม่ได้บืมตาตื่นขึ้นมา อ๋าวเยว่ยกเรียวขางามของนางให้อ้าออก แสงเทียนภายในห้องส่องแสงสว่างให้เห็นกลีบกุหลาบสีแกงสดที่แย้มบานรอให้เขาเชยชม ชายหนุ่มโน้มใบหน้าเข้าไป ก่อนจะใช้ปลายลิ้นกระดกแลบเลียติ่งเกสรเม็ดงามของนางอย่างถี่ระรัวสตรีน้อยร่างบางส่งเสียงครางพลางย่นหัวคิ้ว อ๋าวเยว่ช้อนสายตาขึ้นมองนางเห็นว่ายังหลับสนิมก็รู้สึกพึงพอใจมากเขารู้สึกตื่นเต้นจริงๆ ที่ได้ทำเช่นนี้ชายหนุ่มแลบลิ้นเลียไปทั่วทุกซอกทุกมุมในร่องกลีบสวาทจนเปียกชุ่ม ก่อนจะส
เจียงมู่ตานนั่งรถม้ากลับจวนตระกูลเจียงในทันที เมื่อมาถึงนางก็สั่งห้ามไม่ให้สาวใช้เข้ามารบกวน แม้กระทั่งเจ้าหมานหมานเองก็ยังรับรู้ได้ถึงอารมณ์ที่ไม่มั่นคงของเจ้านายตนเองเมื่อนั่งอยู่ในห้องเพียงลำพังแล้ว เจียงมู่ตานก็ยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้ว ในใจของนางยามนี้สับสนจนไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดอย่างไรดีที่ผ่านมาเขาหลอกลวงนางมาตลอดไม่ได้บอกความจริงกับนาง ทั้งที่เขารู้ว่านางไม่อยากเข้าวังหลวงแต่กลับยังหาทางมาผูกพันธ์กับนางไม่หยุดไม่หย่อนไม่ยอมตีตัวออกห่างแต่เมื่อคิดอีกมุมหนึ่งก็เป็นนางเองไม่ใช่หรือที่ไม่ถามไถ่เรื่องราวของเขาให้ดีเอง ปล่อยให้ความหลงใหลปิดบังดวงตาของตน ทั้งที่ควรจะสงสัยในตัวเขานานแล้ว แต่ไหนแต่ไรอาเยว่ของนางชอบทำตัวลึกลับ นางสืบหาต้นตอของเขาเท่าใดก็ไม่พบ นับเป็นเรื่องน่าแปลกเจียงมู่ตานถอนหายใจออกมา ในเมื่อเรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว นางคงเลือกที่จะตัดความสัมพันธ์กับเขานางชอบเขามาก ชอบอย่างที่ไม่เคยชอบบุรุษใดมาก่อน แต่นางไม่อยากถูกผูกมัดเอาไว้ในวังหลวงไปชั่วขีวิต นางไม่อยากใช้ชีวิตเหมือนอยู่ในกรงขังตลอดเวลามิสู้ตัดใจเสียแล้วเดินหน้าต่อไป นางจะไม่ผูกกับบุรุษใดอีกและจะไม่แต่งงานชั
เมื่อส่งนางกลับถึงจวนตระกูลเจียงแล้วเขาก็จูบที่หน้าผากของนางอีกครา ก่อนจะบอกลามุ่งหน้ากลับวังหลวงในทันทีอีกไม่กี่วันก็ใกล้จะถึงวันพระราชสมภพของอ๋าวเยว่แล้ว ยามนี้ในวังหลวงกำลังตระเตรียมงานอย่างคึกครื้น อวิ๋นไทเฮาถึงกับสั่งให้นางกำนัลขันทีเตรียมทุกอย่างให้ยิ่งใหญ่อลังการ แต่ว่าอ๋าวเยว่กลับไม่ได้สนใจเท่าใดนัก ด้านเจียงมู่ตานนั้นนางมีเวลาว่างอยู่ไม่น้อย จึงนั่งมองดูเครื่องประดับที่อาเยว่มอบให้ เมื่อเช้านี้บิดาส่งคนมาแจ้งนางว่าครั้งนี้จะต้องไปร่วมงานวันพระราชสมภพของฮ่องเต้ จะบิดพริ้วไม่ได้อีกเป็นอันขาด ครั้งก่อนตอนที่รู้ว่าบุตรสาวแกล้งล้มป่วยเพราะไม่อยากไปร่วมงานเลี้ยงชมบุปผาเขาก็โมโหแทบตาย เจียงมู่ตานเกือบจะหาเรื่องให้ตระกูลเจียงหัวขาดทั้งจวนโทษฐานหลอกลวงเบื้องสูงเมื่อเห็นว่าปฎิเสธไม่ได้ นางเองก็ไม่คัดค้าน ครั้งนี้จึงเลือกแต่งกายธรรมดาสีสันเรียบง่ายไม่ฉูดฉาด ไม่ต้องแต่งกายงดงามไปแข่งกับสตรีน้อยเหล่านั้น ใครอยากจะเป็นฮองเฮาหรือนางสนมก็เรื่องของเขาเถอะ แต่นางไม่อยากเป็นสามวันต่อมาก็ถึงเวลาที่จะต้องไปเข้าร่วมงานวันพระราชสมภพของฝ่าบาทแล้วครั้งนี้มีเหล่าขุนนางและเหล่าฮูหยินรวมไปถึงคุณหนูแ
เมื่อออกจากเขตประตูเมืองหลวงได้แล้ว อ๋าวเยว่และเจียงมู่ตานก็ควบม้ามาตามทางเรื่อยๆ อย่างไม่รีบไม่ร้อน คนทั้งสองนั่งม้าตัวเดียวกันพลางใช้แสงจันทร์นำทางในคืนที่มืดมิดใช้เวลาเดินทางไม่นานก็มาถึงทะเลสาปแถวชายเมืองตามที่นางบอก อ๋าวเยว่กระโดดลงจากหลังม้าก่อนจะยื่นมือไปอุ้มนางลงมายืนบนพื้น คนทั้งสองเดินจับมือกันมาที่ริมทะเลสาป เดินมาไม่นานก็พบกับโขดหินก้อนใหญ่ที่สามารถนั่งชมพระจันทร์ได้ เจียงมู่ตานพาอ๋าวเยว่มานั่งที่โขดหิน ก่อนจะเงยหน้าไปมองพระจันทร์ที่แสนงดงามบนท้องฟ้าชาติก่อนนั้นตอนที่นางยังไม่ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของสตรีนางนี้ นางชอบมองดูพระจันทร์มาก ในโลกปัจจุบันมีสถานที่แสนงดงามมากมายที่สามารถนั่งชมพระจันทร์ได้ แต่เมืองโบราณแห่งนี้กลับมีน้อยยิ่งนัก จนกระทั่งนางได้มาเจอกับทะเลสาปแห่งนี้ ทุกคราที่มีเวลานางจะชอบมาที่นี่ "เจ้าชอบชมพระจันทร์หรือ"อ๋าวเยว่หันมาเอ่ยถามเจียงมู่ตาน หญิงสาวพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยตอบ"ใช่ ยามที่ได้มองดูพระจันทร์เช่นนี้ เหมือนกับได้ชมความงามที่แสนห่างไกล มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก แต่ข้ารู้สึกชอบมาก"นางยิ้มตาหยีพร้อมเอ่ยอย่างอารมณ์ดี รอยยิ้มของน
เมื่อเจียงมู่ตานตื่นขึ้นมาในยามเช้าของอีกวันก็พบว่าอาเยว่ของนางได้หายไปเสียแล้ว หญิงสาวชินชาเสียแล้วกับการที่เขามักจะหายไปเช่นนี้ นางลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะบิดกายไปมาแล้วจึงรับไปล้างหน้าล้างตาและอาบน้ำผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ ก่อนจะมารับมื้อเช้าที่ห้องโถง ตอนนี้สายมากแล้ว คาดว่าบิดาของนางออกไปจัดการงานธุระที่ค่ายทหารตั้งแต่เช้าตรู่แล้วหลังจากที่นางกินมื้อเช้าอิ่มแล้วก็รู้สึกเบื่อหน่าย จึงอุ้มหมานหมานเจ้าห่านคู่ใจออกไปเดินเล่นที่ด้านนอกด้วยกัน นางเดินเข้าออกร้านนั้นร้านนี้จนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่ร้านเครื่องประดับร้านหนึ่งเถ้าแก่ร้านเมื่อเห็นว่านางข้าเดินเข้ามาก็รีบออกมาต้อนรับขับสู้ด้วยความยินดี เจียงมู่ตานอุ้มห่านมองไปโดยรอบ พบว่าตอนนี้มีหญิงสาวหลายนางกำลังเลือกเครื่องประดับ เถ้าแก่ร้านบอกว่าช่วงนี้ร้านค้าค่อนข้างคึกคักไม่น้อยเลย เพราะว่าเหล่าสตรีสูงศักดิ์ในเมืองหลวงกำลังมาเลือกเครื่องประดับเพื่อเตรียมไปร่วมงานเลี้ยงวันพระราชสมภพของฝ่าบาทในอีกสามวันข้างหน้าเจียงมู่ตานเพียงพยักหน้ารับไม่ได้เอ่ยสิ่งใดมากนัก ฮ่องเต้จะเกิดวันใดวันไหนไม่ใช่เรื่องที่นางจะใส่ใจ หญิงสาวเดินไปเลือกเครื่องประดับก่อนจะ
เอ่ยจบเขาก็ให้นางนอนหงายลงไปบนเตียง ก่อนจะจับเรียวขางามให้อ้าออกจนกว้าง แล้วบดเบียดท่อนเนื้อท่อนเอ็นใหญ่ยาวเข้าไปในรูสวยจนมิดลำ เจียงมู่ตานส่งเสียงครางออกมาด้วยความเสียวสะท้านยามนี้นางทั้งเสียวและจุกแน่นเป็นอย่างมาก"อ๊ะ" "เป็นเช่นไร ซี๊ด ใหญ่คับรูเจ้าหรือไม่"เขาเอ่ยถามนางด้วยความเสียวสะท้าน เจียงมู่ตานเม้มริมฝีปาก ก่อนจะเอ่ยยั่วโทสะ"ก็ไม่เท่าใดนี่"ประโยคนี้เหมือนจุดไฟแห่งความบ้าคลั่งในใจของอ๋าวเยว่ให้รุนแรงขึ้น เขาส่งเสียงเหอะก่อนจะจับเรียวขางามขึ้นพาดบ่า และขยับสะโพกสอบกระแทกกระทั้นเข้าออกรูรักของนางอย่างรัวแรงตับตับตับ"อร๊าย เสียว""โอว แน่น"เขายื่นสองมือมาบีบขยำสองเต้างามของนางจนเกิดเป็นรอยแดงห้านิ้ว ในขณะที่ช่วงล่างก็ขยับไหวเร็วแรงไม่หยุดพักจนร่างบางระหงหัวสั้นหัวคลอน เตียงไม้โยกไหวจนเกิดเสียงลามก ภายในห้องนอนร้อนแรงไปด้วยไฟแห่งราคะ อ๋าวเยว่อุ้มเจียงมู่ตานมาที่โต๊ะอาหารซึ่งตั้งอยู่กลางห้อง ก่อนจะให้นางนอนคว่ำหน้าไปบนโต๊ะ เจียงมู่ตานถูกปิดตานางจึงใช้สองมือปัดป่ายไปจับขอบโต๊ะเอาไว้แน่น อ๋าวเยว่สอดแทรกความเป็นชายเข้ามาในรูสวยก่อนจะจับรั้งเอวบางของนางเอาไว้แน่น พร้อมกับกระแทก
หลังจากที่เจียงมู่ตานกินดื่มหาความสำราญจนหนำใจแล้ว นางก็อุ้มห่านคู่ใจเดินกลับมายังจวนจระกูลเจียงทันที ยามนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว แม่ทัพใหญ่เจียงที่เห็นบุตรสาวมีท่าทางคล้ายคนเมาก็ส่ายหน้าไปมาด้วยความเอือมระอา เขาจนปัญญาจะสั่งสอนเจียงมู่ตานแล้ว จึงสั่งให้คนทำน้ำแกงสร่างเมาไปมอบให้นางดื่มหนึ่งถ้วยหลังจากดื่มน้ำแกงสร่างเมาแล้ว เจียงมู่ตานก็ไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ วันนี้สุราที่นางดื่มเข้าไปค่อนข้างแรงทำให้หญิงสาวปวดหัวไม่น้อยเลยนางทิ้งกายลงนอนบนเตียงก่อนจะสั่งให้สาวใช้ออกไปด้านนอกให้หมด เมื่ออยู่คนเดียวแล้ว นางก็เงยหน้ามองหลังคาเตียงนอนอย่างเหม่อลอย อยู่ๆ ในใจก็คิดถึงอาเยว่ขึ้นมาหลายวันแล้วที่าเยว่ไม่มาหานาง คนของนางก็สืบหาที่อยู่ของเขาไม่พบและไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนนางคงจะบ้าไปแล้วจริงๆ ที่ไปหลงรักบุรุษที่ขายเรือนกายเพื่อหาเลี้ยงชีพ คนเช่นเขาจะมารักใครจริง เขารักเงินมากกว่าน่ะสิไม่ว่า"คนบัดซบ หายไปหลายวันแล้ว ข้าคิดถึงรู้หรือไม่อาเยว่"นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ ก่อนจะลุกขึ้นมาเดินเล่นรอบๆ ห้องเบื่อแก้เหงา อยู่ๆ ก็มีเงาดำสายหนึ่งพุ่งเข้ามาทางหน้าต่างแลคว้าตัวนางไปกอดเอาไว้ จากนั้นก็จับนา
ต้นยามเหม่า ภายในห้องนอนของเจียงมู่ตานยังคงมีเสียงครางกระเซ่าดังลอดออกมาเป็นระยะ ตอนนี้นางกำลังนั่งคล่อมอยู่บนตัวเขา พร้อมกับขยับโยกกายขึ้นลงด้วยความเมามันส์ จวบจนฟ้าเกือบสางนางจึงล้มตัวลงนอนหลับไป อ๋าวเยว่ลุกขึ้นมาสวมใส่เสื้อผ้าก่อนจะมองดูสตรีที่กำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่นเตียงนอน เขายื่นมือไปดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้นางอย่างเบามือ แล้วจึงเร้นกายหายไปทางหน้าต่าง มุ่งหน้ากลับสู่วังหลวงทันทีเมื่อกลับมาถึงวังหลวง เขาก็เอาแต่ครุ่นคิดถึงประโยคที่นางเอ่ยกับเขานางบอกว่าไม่อยากใช้ชีวิตอยู่ในวังหลวง ไม่ต้องการให้กฎระเบียบมากมายมาผูกมัดตัวนางเอาไว้ และนางไม่ต้องการเป็นสตรีของเขา แต่นางกลับชอบอาเยว่ที่เป็นชายงามในหอคณิกาชายมากกว่าดูเหมือนจะหาได้ยากยิ่งนักที่จะพบเจอสตรีที่ไม่สนใจในอำนาจที่เขามี นางเพียงอยากใช้ชีวิตราบเรียบกับคนที่นางรัก ครองรักกันไปจนแก่เฒ่าแล้วถ้าหากนางรู่ว่าเขาเป็นฮ่องเต้เล่านางจะไปจากเขาหรือไม่อยู่ๆ ความคิดสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาในหัวของอ๋าวเยว่ เขากลัวว่านางจะหายไปจากเขา เขากลัวว่านางจะไม่กลับมาหาเขาอีกตลอดกาลไม่รู้ว่าความรู้สึกแปลกประหลาดมากมายนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ยามใด รู้ตัวอี
ผ่านมาร่วมหลายวัน วังหลวงก็จัดงานเลี้ยงชมบุปผาขึ้น งานเลี้ยงครั้งนี้เหล่าคุณหนูจากตระกูลใหญ่ต่างตั้งตารอคอยที่จะได้เข้าร่วม พวกนางอยากจะมีอำนาจ มียศฐาบรรดาศักดิ์ แม้บางคนจะไม่หวังได้เป็นถึงฮองเฮามารดาของแผนดิน แต่ขอเพียงได้เป็นพระสนมที่ฝ่าบาททรงโปรดปราณก็นับว่าสุขสบายมากแล้วได้ยินผู้คนเล่าลือกันว่าฮ่องเต้องค์ใหม่รูปงามเหนือสามัญ พวกนางที่เป็นเพียงสตรีน้อยในห้องหอยังไม่เคยเห็นพระพักตร์ของเขาเลยสักครา ครั้งนี้หากได้พบหน้ากัน ก็อยากจะยลโฉมของเขาให้มากหน่อยงานเลี้ยงวันนี้จัดอย่างหรูหรางดงาม มีเหล่าคุณหนูจากจวนตระกูลสูงศักดิ์มากมายมาเข้าร่วม อวิ๋นไทเฮาและอดีตฮองเต้เมื่อได้เห็นสาวงามมากความสามารถก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก พวหเขาย่อมต้องช่วยบุตรชายคัดเลือกฮองเอาและสนมที่งามเพรียบพร้อมไม่นานนักอ๋าวเยว่ก็ปรากฏตัวในงานเลี้ยง ทันทีที่เขาปรากฏตัว เหล่าคุณหนูทุกคนก็ถึงกับตกตะลึงราวกับถูกตรึงเอาไว้ไม่อาจละสายตาไปจากเขาได้ใบหน้าของเขาหล่อเหลาคมคาย แววตาฉายล้ำลึกชวนค้นหา ท่วงท่าดูองอาจสง่างามเหนือสามัญเหล่าสตรีน้อยต่างขวยเขินเอียงอายไม่กล้าสบตากับฮ่องเต้หนุ่มตรงๆ บางคนถึงกับวางแผนในใจว่าวันนี้จะ