หงหลินซินอ้าปากค้างเพราะไม่รู้ว่าชายคนนี้เป็นใครแต่เมื่อเขาดึงนางเข้าไปจนชิดและกระซิบมาที่ข้างหูนางจึงได้รู้ทันทีว่าเขาคือราชครูจินจอมโหดที่นางไม่อยากเจอที่นี่มากที่สุด
“สนุกมากพอแล้ว ได้เวลากลับเสียที”
“คือว่า…ว้าย!!”
“เจ้าจ่ายเงินแล้วรีบตามมา”
“เอ่อ…เจ้าค่ะ!”
ท่านหญิงหันไปกะพริบตาและส่งสัญญาณอันตรายให้สาวใช้ทราบนางจึงรู้ทันทีว่าผู้ที่มาอุ้มท่านหญิงไปคือผู้ใด เมื่อราชครูจินอุ้มนางออกมาจากหอฉินหลันก็รีบพาขึ้นม้าและตามขึ้นไปทันที
“ท่านหญิง ดูเหมือนว่าข้าเคยเตือนแล้วว่าสถานที่เช่นนี้ไม่เหมาะที่จะมาเที่ยวเล่น หากว่ามีใครพบท่านที่นี่เข้าท่านจะเดือดร้อนได้”
“ข้าไม่ได้…”
“เงียบเถอะแล้วฟังข้าให้ดี ตอนนี้ที่อารามหย่งอันกำลังจะเดือดร้อนเพราะการกระทำของท่าน หากยังอยากรอดอยู่ก็ฟังข้าแล้วห้ามเถียง จากนี้หากกล้าออกมาโดยพลการอีก ข้าจะไม่ไว้หน้าแม้ว่าท่านจะเป็นพระราชนัดดาของฝ่าบาท”
“ท่าน!!”
"อยากจะลองดูก็ได้ ข้ารับคำสั่งฝ่าบาทให้มาดูแลปกป้องความปลอดภัยมิใช่ให้มาคอยเอาใจและตามใจท่าน"
“…”
หลินซินทำได้เพียงแค่นั่งนิ่ง ๆ ปล่อยให้ราชครูจินควบม้ากลับอารามด้วยความเร็ว นางไม่กล้าถามเขาเสียด้วยซ้ำว่าสาวใช้ของนางจะกลับเช่นไรเพราะดูแล้วเขาน่าจะไม่อยากพูดกับนางแม้อีกเพียงคำน้อย หลังจากที่เขาแอบอ้างคำว่า “สามี” ไปลากนางออกมาจากหอคณิกาชาย เมื่อมาถึงหน้าอารามก็พบว่าขบวนจากวังหลวงทั้งโหรหลวงและคนของตำหนักเต๋อหนิงของฮองเฮาเดินทางมาถึงหน้าอารามแล้ว
“แย่แล้ว พวกเขามาถึงแล้ว”
“ผู้ใดกัน”
“ต้องเข้าอีกทาง ท่านหญิงครั้งนี้คงต้องล่วงเกินแล้ว”
“ท่านหมายถึงอะไร อ๊ะ เดี๋ยวสิท่านราชครู”
“เงียบ!!”
เขาขู่นางอีกครั้ง เสียงที่ดุดันและทรงอำนาจทำเอาหลินซินเริ่มกลัวแต่ก็ไม่รู้ว่าราชครูจินจะพานางกลับอารามหย่งอันได้เช่นไรหากไม่ผ่านทางขึ้นด้านหน้าไป และไม่นานคำตอบก็อยู่ตรงหน้าเมื่อเขาอุ้มนางพาดไหล่และใช้วิชาตัวเบาที่รวดเร็วดุจบินได้พานางกลับขึ้นไปทางด้านหลังอาราม
“หากไม่อยากตกลงไปก็อย่าร้องและกอดแน่น ๆ”
“เดี๋ยว!! ท่านราชครู ท่าน… มีวรยุทธด้วยหรือ”
เขาไม่ตอบนางและรีบพาขึ้นไปก่อนที่นางจะถามเรื่องไร้สาระกับเขาอีก วิชาตัวเบาของเขานับว่ารวดเร็วและแข็งแกร่งมาก ไม่นานทั้งคู่ก็กลับขึ้นมาบนเขาก่อนที่ขบวนด้านล่างจะมาถึง ราชครูจินเมื่อวางนางลงก็เซเล็กน้อยจนร่างของเขาดันมาชนนางจนชิดกำแพงในเรือน
“ท่านราชครู ท่านเป็นอะไรหรือไม่”
เขาจับที่ไหล่ของนางด้วยท่าทีอ่อนแรงแต่ก็ต้องรีบรวบรวมคำพูดและบอกนางให้เร็วที่สุด
“รีบเปลี่ยนชุด… ก่อนที่พวกเขาจะขึ้นมา วันนี้มีคนตำหนักฮองเฮามาด้วย คิดว่าคงจะมีคนไปแจ้งนางแล้ว ท่านต้องระวังตัวให้มากกว่าเดิม”
“ท่านราชครู ดูเหมือนว่าท่านจะใช้กำลังภายในไปเยอะให้ข้าช่วย...”
“ไม่ต้องห่วงข้า จัดการตัวเองให้เรียบร้อยอีกครึ่งก้านธูปข้าจะให้คนมารับท่าน”
“เอ่อ…”
“ตอนนี้ยังไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น รีบทำตามที่ข้าสั่ง”
เขาเดินเซออกไปจากตำหนักของนางและกลับไปที่เรือนพักของตัวเองที่อยู่ข้าง ๆ หลินซินเริ่มรู้สึกผิดที่หนีออกไป แต่นางก็รู้สึกเบื่อเหลือเกินแล้วกับการสวดมนต์ และเหมือนถูกจับขังเอาไว้ที่นี่เกือบเจ็ดวันโดยไม่ได้ออกไปไหนเลย
หน้าอารามหย่งอัน
“คารวะท่านโหรหลวง”
“ตามสบายเถอะใต้เท้าทั้งสอง แล้ว.. ราชครูจินเล่าอยู่ที่ใด”
“เอ่อ… เรื่องนี้”
“หรือว่าพวกท่านกำลังจะบอกว่าท่านราชครูไม่อยู่ที่นี่ เช่นนั้นแล้วท่านหญิงหงล่ะ อยู่ที่ใด”
“ท่านคือ…”
“ขออภัยใต้เท้าทั้งสอง ข้าคือนางข้าหลวง “ซานหวนชิง” รับพระราชเสาวนีย์ฮองเฮาให้มาที่นี่เพื่อดูแลท่านหญิงหง”
“เอ่อ เรื่องนี้ไม่เห็นได้รับรายงานมาก่อนหน้านี้เลย”
“อิ่นเซิน! เอารายงานไปให้ใต้เท้า”
“แม่นางซาน ใต้เท้าเจิ้งเป็นถึงเจ้ากรมพิธีการ อีกอย่างใต้เท้าเสิ่นก็เป็นผู้รับหน้าที่ดูแลที่นี่ พวกเขาทั้งสองอาวุโสมากกว่าเจ้าอย่างน้อยก็ควรจะให้เกียรติทั้งสอง”
“ท่านโหรหลวง ข้ารับคำสั่งของฮองเฮามาที่นี่เพื่อทำหน้าที่ดูแลท่านหญิงต่างเมืองที่เข้ามาทำพิธีล้างซวย อย่างอื่นข้าไม่สนใจ”
“แต่ข้ากลับคิดว่าท่านโหรเองที่พึ่งจะพาตัวโชคร้ายเข้ามายังอารามแห่งนี้ นอกจากจะไร้มารยาทต่อผู้อาวุโสแล้วยังไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ตำหนักเต๋อหนิงส่งคนไร้การอบรมมาที่นี่ได้เช่นไร”
""ราชครูจิน""
ใต้เท้าทั้งสองเมื่อเห็นจินอวี้หานก็ออกท่าทางดีใจจนผิดสังเกต แต่ทว่าไม่มีผู้ใดทันสังเกตนอกจากท่านโหรหลวง เพราะซานหวนชิงมัวแต่ตกตะลึงในความรูปงามของราชครูจินตรงหน้าจนลืมสิ้นทุกอย่างอีกทั้งนางยังยอมโค้งตัวคารวะเขาอีกด้วย
“ซานหวนชิงคารวะท่านราชครูจิน”
ราชครูจินไม่พูดสิ่งใดจนคนที่ย่อค้างอยู่ท่าเดิมเงยหน้าขึ้นมามอง และต้องตกใจเมื่อหันไปเห็นสายตาที่เย็นชาราวกับจะกล่าวโทษมองมาที่นาง
“เจ้าบอกว่าเจ้ารับพระราชเสาวนีย์ฮองเฮามาที่นี่เพื่อจะมาดูแลองค์หญิงงั้นหรือ”
“เจ้าค่ะ ข้อน้อยมีคำสั่ง…”
“ข้าทราบแล้ว ก่อนหน้านี้กรมวังส่งรายงานมาแจ้งแล้วแต่เรื่องที่เจ้าพูดถึง ยังไม่มีผู้ใดแจ้งมา”
“ท่านราชครูเรื่องนี้ฮองเฮาทรงแจ้งต่อฝ่าบาทโดยตรง พระนางเห็นว่าท่านหญิงเสด็จมาที่เมืองหลวงเพียงลำพังเกรงว่าจะไม่ได้รับความสะดวกจึงส่งให้หม่อมฉันมาที่นี่เจ้าค่ะ”
“ความปรารถนาดีของฮองเฮาข้ารับทราบแล้วแต่การที่เจ้ามาถึงก็มาใช้พระราชาเสาวนีย์มาแสดงอำนาจโดยไม่เห็นหัวผู้อาวุโสที่นี่ย่อมเป็นสิ่งไม่ถูกต้องและเป็นเรื่องที่ข้ารับไม่ได้”
“แต่ว่า!”
“ข้าให้เจ้าพูดแล้วหรือ คุกเข่าลงจนกว่าพิธีจะเสร็จสิ้นห้ามให้นางลุกขึ้นเป็นอันขาด”
“ท่านราชครูแต่ว่านี่เป็นพระราชเสาวนีย์ หากว่าท่านกล้าขัดคำสั่งท่านเองมิเกรงกลัวความผิดหรือ”
จินอวี้หานคำนับให้ท่านโหรเพื่อเชิญเข้าไปด้านในก่อนจะหันมามองหน้าซานหวนชิงอีกครั้ง
“เกรงกลัวความผิดงั้นหรือ ข้าทำผิดเรื่องใด”
“ก็… ท่านขัดขวางมิให้ข้าเข้าร่วมในพิธีอีกทั้งยังไม่ให้ข้าพบท่านหญิงเช่นนี้แล้วหากข้ารายงานกลับไปท่านก็คง…”
“เช่นนั้นก็เอาสิ เจ้าส่งรายงานไปได้เลยเพราะข้าเองก็จะส่งไปด้วยเช่นกันว่าฮองเฮาส่งผู้ที่ไร้มารยาท และบังอาจแอบอ้างพระราชเสาวนีย์ของพระองค์ ใช้อำนาจข่มขู่และไม่ให้เกียรติต่อผู้อาวุโส อีกทั้งยังกล้านำคำสั่งนั่นมาขู่ข้าซึ่งเป็นผู้ที่ฝ่าบาทมอบหมายให้มาดูแลท่านหญิงที่นี่ เจ้าคิดว่าคำสั่งของฮองเฮากับฝ่าบาทคำสั่งใดที่ยิ่งใหญ่มากกว่ากัน หรือเจ้าอาจจะไม่ฉลาดพอที่จะตอบข้าก็ไม่แปลกใจหากดูจากการกระทำของเจ้า…”
“ท่านราชครู ข้าผิดไปแล้วเจ้าค่ะข้าไม่ควรเสียมารยาทกับใต้เท้าทั้งสอง ข้าขอน้อมรับผิด”
“ดี เช่นนั้นเจ้าก็อยู่ที่นี่รอจนกว่าพิธีการด้านในจะเสร็จสิ้น”
“ไม่ได้เจ้าค่ะ อย่างไรข้าก็ต้องเห็นกับตาว่าท่านหญิงหงอยู่ที่นี่และประกอบพิธีทุกอย่างครบไม่แอบหนีออกไปไหน”
“อ้อ ที่แท้ที่เจ้ามาก็เพราะเรื่องนี้สินะ เอาล่ะข้าจะได้กราบทูลฝ่าบาทได้ว่าฮองเฮาส่งเจ้ามาเพราะมีความเป็นห่วงเกรงว่าท่านหญิงซึ่งเป็นพระราชนัดดาของฝ่าบาทจะแอบทำเรื่องไม่งาม จึงส่งคนมาจับตาดูและรายงานกับฮองเฮาโดยตรง”
“ท่านราชครู อย่านะเจ้าคะข้ายอมรับโทษแล้วข้าแค่ทำตามคำสั่ง หากว่าข้ายังไม่พบท่านหญิงเกรงว่าจะทูลฮองเฮาลำบาก…”
ประตูด้านข้างเปิดออกมาในทันที ท่านหญิงหงในชุดสีขาวบริสุทธิ์ที่พร้อมจะเข้าพิธีเดินออกมาพร้อมกับสาวใช้อีกสองคน ราชครูจินเมื่อหันกลับไปมองก็ต้องตกใจกับท่วงท่าที่น่าเกรงขามนี้ของนาง อีกทั้งยังสร้างความตกใจให้กับซานหวนชิงได้อีกด้วย
“ข้าเองก็พึ่งทราบว่าฮองเฮาทรงเป็นกังวลพระทัยและเป็นห่วงถึงขนาดต้องส่งคนมาเฝ้า หากมิใช่ฮองเฮาสั่งแล้วข้าคงคิดว่ามีคนพยายาม “จับผิด” ข้าอยู่เป็นแน่”
ห้องอาบน้ำ “มาแล้ว ๆ อวี้หยวนเจ้าอย่าเล่นขี้โกงมานี่เลยยังไม่ได้ขัดหลังเดี๋ยวท่านแม่จะบ่นเอาได้นะมานี่เร็ว ๆ เข้าพ่อจะขัดหลังให้”“ท่านพ่อเบา ๆ ขอรับ แม่นมชอบใช้บวบนั่นมาขัดให้ข้ามันเจ็บมากแต่ข้าก็อดทน แม่นมหลงบอกว่ามันจะทำให้คราบไคลที่สกปรกออกไปได้”“แม่นมพูดถูกต้องแล้ว พ่อรับปากว่าจะทำเบา ๆ”“แต่ข้ารู้สึกว่าเวลาที่ท่านแม่อาบน้ำให้ข้าจะเบามือมากกว่านี้เยอะเลย ข้าอยากจะอาบน้ำกับท่านแม่อีกขอรับ”มือของอวี้หานชะงักไปเล็กน้อยและหันไปมองหน้าลูกชายที่กำลังเพลิดเพลินกับการอาบน้ำและลอยของเล่นในสระกว้างแต่ไม่ทันสังเกตแววตาตึงเครียดของบิดาที่มองมาที่เขา“เจ้า... เคยให้ท่านแม่อาบน้ำให้งั้นหรือ”“ขอรับ”“แล้วนางอาบกับเจ้านานหรือไม่”“ก็นานนะขอรับ”“แล้วแม่ของเจ้า…”“ท่านแม่ทำไมหรือขอรับ”“แม่ของเจ้าถอดชุดหรือไม่ตอนที่อาบน้ำให้เจ้า”“ถอดขอรับ นางสวมเพียงชั้นในและอาบน้ำให้ข้า”“ตอนไหน”“ก็ตอนที่ท่านพ่อไปประชุมในวังหลวง”“กี่ครั้ง”“ก็… บ่อยอยู่นะขอรับ ท่านพ่อ…ท่านถามเช่นนี้ทำไม โอ๊ย!!”“อวี้หยวน! เจ้าเป็นผู้ชายนับจากนี้ไปนอกจากแม่นมและข้าเจ้าห้ามอาบน้ำกับท่านแม่ของเจ้าอีกเข้าใจหรือไม่”“ทำไมเล่าข
ห้าเดือนถัดมา หงหลินซินคลอดลูกชายได้เกือบสองเดือนแล้วเมื่อท่านอ๋องส่งข่าวมาให้จินอวี้หานทราบว่ากำลังจะเดินทางมาเยี่ยมพวกเขาที่เมืองหลวง ตอนนางคลอดจำได้ว่าองค์รัชทายาทกับพระชายามาเยี่ยมพร้อมกับมอบหยกประดับและดาบที่ทำจากทองเล็ก ๆ มามอบให้เป็นของรับขวัญหลานชาย“ไหน หลานข้าเล่าอยู่ที่ใด”“ท่านพ่อพระทัยเย็นก่อนพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้หลินซินกำลังให้นมอยู่ข้างใน”“งั้นหรือ เหนื่อยเจ้าแล้วนะอวี้หาน เห็นบอกว่าเจ้าตัวเล็ก “อวี้หยวน” ตัวแสบร้องกวนทั้งคืนแล้วยังไม่ยอมอยู่ห่างอกมารดาด้วยงั้นหรือ แม่นมสามคนก็เอาไม่อยู่ช่างร้ายกาจจริง ๆ”“พ่ะย่ะค่ะติดแม่เอาเรื่องเหมือนกัน กว่าที่หลินซินจะได้พักก็ตอนที่อวี้หยวนหลับพ่ะย่ะค่ะ”“เลี้ยงยากเอาการเหมือนเจ้าเลยนะนี่ ตอนที่จินฮูหยินคลอดเจ้าออกมาก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน ข้าจำได้ว่าตอนนั้นหล่าจินน่ะต้องวิ่งเต้นหาหมอและแม่นมมาช่วยนาง เฮ้อ… มาตอนนี้ดูแล้วลูกชายจะได้เจ้ามาเต็ม ๆ เลยนะ เพราะตอนที่ซินเอ๋อร์คลอดนางแทบจะไม่กวนมารดาของนางเลย”“จริงหรือพ่ะย่ะค่ะ”“ข้าน่ะอยู่เห็นเจ้าคลอด ตอนนั้นเหล่าจินรีบกลับมาที่จวนเพราะทราบว่าฮูหยินคลอดบุตรชาย ตัวเจ้ากลมเหมือนแป้งทำขนม พวกเร
หลังจากเหตุการณ์ร้ายได้ผ่านพ้นไปกว่าสามเดือน ฝ่าบาทจึงได้แต่งตั้งองค์ชายสี่ “หมิงหรงผิงจวิ้น” ขึ้นเป็นองค์รัชทายาทแห่งชิงโจว หลังจากนั้นก็เริ่มให้องค์รัชทายาทดูแลเรื่องราชกิจบ้านเมืองและมอบตราพยัคฆ์ซึ่งเดิมทีเป็นของแม่ทัพจ้าวหนานเซิ่ง กลับมาให้องค์รัชทายาทดูแล “พระชายาซ่างกวนฉินเลื่อนยศเป็นพระชายาองค์รัชทายาท ส่วนแม่ทัพซ่างผู้เป็นบิดาก็เลื่อนยศเป็นแม่ทัพกององครักษ์เกราะขาวแทนองค์รัชทายาท”“เช่นนั้นฝ่าบาทก็ทรงลดบทบาทหน้าที่ลงไปมากแล้วสินะเจ้าคะ ท่านพี่แล้วท่านเล่าได้เลื่อนยศกับเขาด้วยหรือไม่”“ข้าน่ะหรือ ที่จริงก็อยากเป็นแค่ราชครูเช่นเดิมอยู่หรอกแต่ว่าฝ่าบาทกับท่านพ่อไม่ยอม ดังนั้นจึงต้องเป็นอัครมหาเสนาบดีแทนใต้เท้าหลี่ที่ขอลาออกไปใช้ชีวิตที่เหลือที่บ้านเกิด”“ใต้เท้าหลี่ ข้าได้ข่าวว่าเขานำเถ้ากระดูกของหลี่ชิงเหมยกลับซางโจวบ้านเกิดด้วยเห็นว่าจะพาไปฝังที่เดียวกับมารดาของนาง”“ใช่ ตอนนี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เจ้าตัวเล็กนี่ดิ้นเก่งไม่เบาเลย เมื่อคืนข้าลูบท้องเจ้าดูยังถูกเขาถีบตั้งหลายครั้ง ข้าสงสารเจ้าเหลือเกินแล้วฮูหยิน”“อีกไม่กี่เดือนก็คลอด ไม่เป็นไรเจ้าค่ะตอนนี้ท่านพ่อก็กลับไปที่หนานหย
จวนราชครู “อาจารย์ท่านจะมาตั้งสำนักอยู่ที่เมืองหลวงจริง ๆ หรือเจ้าคะ เช่นนั้นข้าก็ไม่เหงาแล้ว”“แน่นอนนี่เสี่ยวซิน ข้ากับอาจารย์ตกลงกับท่านอ๋องเอาไว้แล้ว จากเมืองหลวงถึงหนานหยางไม่ได้ไกลมากหากว่าเจ้าทะเลาะกับเจ้าศิษย์เขยนั่นเมื่อไหร่ข้าก็จะพาเจ้าหนีกลับหนานหยางได้ทันที”“อะแฮ่ม… พวกเจ้าเสียมารยาทจริง ๆ อาซินเจ้าต้องเข้าวังอีกมิใช่หรือ”“ใช่แล้วเจ้าค่ะ แต่ว่ารออวี้หานอยู่เขาบอกว่าจะพาคนมาพบท่านเจ้าค่ะ”“ใครหรือเสี่ยวซิน”“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน นั่นอย่างไรพวกเขามาแล้ว เอ๊ะ… สุ่ยเฉียนคงงั้นหรือ”“ใครหรือ”“เอ่อ…”จินอวี้หานและจื่อรุ่ยพาตัวสุ่ยเฉียนคงที่แต่งกายสุภาพด้วยชุดบัณฑิตสีขาวเดินตามพวกเขามาด้านหลัง สร้างความประหลาดใจให้กับหลินซินไม่น้อยเพราะจากนายบำเรอกลายเป็นบัณฑิตเช่นนี้ก็ทำให้สุ่ยเฉียนคงดูดีขึ้นไม่น้อย“นี่อาจารย์เต๋อหราน จากนี้ท่านรับปากว่าจะรับเจ้าเป็นศิษย์คอยช่วยดูแลสำนักที่เมืองหลวง”“ข้าน้อยสุ่ยเฉียนคงคารวะท่านอาจารย์เต๋อหราน จากนี้หากว่ามีสิ่งใดสั่งสอนหรือชี้แนะโปรดแนะนำได้เต็มที่ ศิษย์จะตั้งใจศึกษาวิถีแห่งปราชญ์และจะไม่ออกนอกลู่นอกทางอีกขอรับ”“อืม ดีแล้ว ดียิ่งนักต้าจื่
หลินซินถึงกับยืนไม่อยู่เมื่อได้รับรู้เรื่องนี้ จินอวี้หานรีบพยุงนางเอาไว้ทันทีแม้ว่าเขาเองก็จะตกใจไม่น้อยไปกว่าทุกคนที่อยู่ตรงนี้เช่นกัน“อะไรนะ นางตั้งครรภ์หรือ”"ใช่ ข้าเองก็ไม่แน่ใจแต่ว่าระหว่างทางนางจะอาเจียนอยู่หลายครั้งแต่ก็กลั้นเอาไว้ได้ แต่ข้าแยกไปที่อารามหย่งอันจึงได้ให้นางมากับพวกท่านแทนก็เลยไม่ทันได้บอก“ข้าผิดไปแล้ว ข้าทำร้ายนาง…”“ไม่หลินซิน ท่านไม่ผิดอะไรเลยตลอดจนถึงตอนที่นางตัดสินใจบุตรในครรภ์ของนางยังปลอดภัยอยู่”“ใช่แล้วเสี่ยวซินเจ้าอย่าได้โทษตัวเองเป็นอันขาดนะ เรื่องนี้นางต่างหากที่คิดจะเอาชีวิตเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า”“ข้าจะพาท่านกลับไปพักที่จวน”หลินซินทำได้เพียงกอดรอบคอของเขาเอาไว้เพื่อให้จินอวี้หานอุ้มนางกลับไปก่อนจะบอกลาทุกคนที่อยู่ตรงนั้น อาจารย์และต้าจื่อตามท่านอ๋องกลับไปพักในวังตามคำสั่งของฝ่าบาทพร้อมกับเปิดตำหนักหลวงให้กับสำนักเทียนหลางได้พักผ่อนคืนนี้จวนราชครู “เหตุใดท่านพาข้ามาที่นี่”“ข้าจะพาท่านมาแช่น้ำอุ่นและจิบชาเพื่อผ่อนคลายกับเรื่องที่เจอ อีกอย่างจะได้ทำแผลให้ท่านด้วย”“แผลนี่น่ะหรือ ไม่ได้มากเท่าใดนักหรอกอวี้หานข้าควรจะรู้สึกเช่นไรดี”“เรื่องใดหรือ
ทั้งหมดถูกควบคุมตัวไปที่คุกหลวงแล้ว เหลือเพียงหลี่ชิงเหมยที่ถูกจับอยู่ในรถม้า เสนาบดีหลี่เมื่อเห็นหน้าลูกสาวก็ได้แต่คร่ำครวญเพราะนางบาดเจ็บจนแทบจะยืนไม่ไหว“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับบุตรสาวของข้าล่ะนี่ ผู้ใดทำเจ้ากันเหมยเอ๋อร์”“นางเจ้าค่ะ… นางทำร้ายข้าเจ้าค่ะท่านพ่อ นางช่างร้ายกาจนัก ท่านต้องแก้แค้นให้ข้านะเจ้าคะ”เสนาบดีหลี่เซินหันไปมองหงหลินซินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ จินอวี้หานก็เริ่มทำให้เขาเกิดความโกรธขึ้นมา ซึ่งจินอวี้หานรู้ดีและรีบเดินออกมากันเขาเอาไว้“เจ้าหรือ เหตุใดต้องทำร้ายลูกสาวข้า นาง...”“เสนาบดีหลี่!! ฟังข้าพูดก่อนเถอะขอรับ”“ราชครูจิน ท่านคงมิได้เห็นดีเห็นงามไปกับสิ่งที่คู่หมั้นท่านทำทุกเรื่องหรอกนะ ท่านรู้หรือไม่ว่าเพียงเท่านี้เหมยเอ๋อร์ก็ช้ำใจเพราะท่านมามากพอแล้ว”“ท่านเสนาบดีเองก็คงไม่ได้หลงเชื่อทุกสิ่งที่บุตรสาวท่านพูดโดยที่ไม่ฟังความจริงที่เกิดขึ้นหรอกกระมัง ท่านเป็นขุนนางผู้ใหญ่ ย่อมรู้ดีว่าคนเช่นข้าไม่เคยให้ร้ายผู้อื่น โดยเฉพาะกับสตรีเช่นนาง”“ข้า…เอ่อ คือว่า…”“ท่านพ่อ!! อย่าไปเชื่อพวกเขา ราชครูจินเองก็ทำร้ายข้าด้วยเช่นกัน”“อะไรนะ ท่าน!”“คุณหนูหลี่เหตุใดท่านไม่พูดให้จบ